ฟู่จาวหนิงเดินถอยออกไปอย่างรวดเร็วหันหน้ามายิ้มให้ปัญญาชน บอกว่า "คุณชาย ได้ยินไหม? นางไม่ใช่แค่ขโมย แต่ยังเลี้ยงงูอีก้ดวย ท่านต้องระวังให้ดีเลยนะ"ปัญญาชนกับคนใช้พอได้ยินคำหนี้ก็ตกตะลึงหน้าเปลี่ยนสีกระทั่งหน้าตาที่งดงามของฟู่จาวหนิงก็ไม่กล้าคิดแล้ว รีบร้อนถอยกลับไปในห้อง ปิดประตูเสียงดังปัง ลั่นดาลสนิทหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อแล้ว คิดจะเก็บของกันทั้งคืนแล้วย้ายออกไป กลัวว่าจะถูกไห่ฉางจวิ้นเอาเปรียบ ซึ่งนี่คือเรื่องหลังจากนี้ฟู่จาวหนิงมองประตูที่ลั่นดาลสนิท ร้องจุ๊ขึ้นสองเสียง จากนั้นก็มองไห่ฉางจวิ้น "ทำอย่างไรดี? ตอนนี้ไม่มีใครเก็บเจ้าไว้แล้วสินะ""เจ้า..." ไห่ฉางจวิ้นโมโหจนพูดไม่ออก"แล้วก็ พอเจ้าไม่มีไหมใจโลหิต งูหลังทองตัวนั้นก็ตายไปแล้ว กลับไปเผ่าโม๋ลั่วก็น่าจะลำบากอยู่กระมัง? แล้วเจ้ายังจะเป็นนักบุญหญิงได้อีกหรือ?""พรวด!"ไห่ฉางจวิ้นกระอักเลือดออกมาเป็นครั้งที่สามของวันนี้"ไอ๊หยา เจ้าวิตกจนใจเจ็บเลยหรือ น่าสงสาร แต่ว่าข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอกนะ ข้าเองก็มีเรื่องต้องไปก่อนแล้ว"ฟู่จาวหนิงหลังจากตีสุนัขตกน้ำจนสะบักสะบอมก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่คิดจะสนใจอะไรไ
องค์จักรพรรดิแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่อันที่จริงการบีบคั้นของเขาก็เผยออกมาแล้วตอนนี้ยังกลั้นหายใจรอคำตอบของเขาอยู่ ดูตึงเครียดมาก"ข้าไม่รู้""เฮ้อ!" องค์จักรพรรดิโมโหจนระบายออกมา "อายวน ในเมื่อเจ้าไม่รู้ แล้วจะช่างมันได้อย่างไรกัน? บางทีของเหล่านั้นอาจจะเป็นสมบัติแคว้นเจาของพวกเราก็ได้!""อื๋อ? แคว้นเจาของพวกเรา?" เซียวหลันยวนทวนซ้ำประโยคนี้มาอย่างล้อเล่นความหมายนี้ขององค์จักรพรรดิไม่ใช่ว่าชัดเจนมากแล้วหรือ?นี่คือคิดจะครอบครองมาเป็นของตนเองแล้วสินะ?แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับสมบัติแคว้นเจา? นั่นเป็นสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้เขา"ข้าหมายถึงว่า บางทีของสิ่งนี้อาจจะล้ำค่ามาก" องค์จักรพรรดิอธิบายเสียงแห้ง"องค์จักรพรรดิควบคุมแผ่นดินอยู่ในกำมือ"เซียวหลันยวนตอบกลับด้วยประโยคนี้ไท่ซ่างหวงทิ้งบัลลังก์จักรพรรดิให้เขาแล้ว ให้เขาเป็นองค์จักรพรรดิของแคว้นเจา แผ่นดินล้วนเป็นของเขา ทำไม นี่ยังไม่พอใจอีกหรือ?องค์จักรพรรดิกระแอม ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อเหมือนกันเซียวหลันยวนพูดมาตรงๆ เช่นนี้ นี่มันเกือบจะบอกว่าเขาละโมบจนไร้ขีดจำกัดแล้ว"องค์จักรพรรดิถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวออกจา
ฟู่จาวหนิงพอเห็นจงเจี้ยนร้อนรนขนาดนั้น ก็ให้สืออีกดเขาไว้"เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องตื่นเต้น นอนลง!"จงเจี้ยนจึงนอนลงโดยไม่คิดจะลุกขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในท่าทางกังวลมากอยู่ "คุณหนู ผู้เฒ่าฟู่สี่ทั้งสองคนอยู่ในบ้านตระกูลฟู่เช่นนี้ ไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ ด้วย ตอนนั้นนางจับข้าได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นที่ลงมือก็ยังเป็นพิษที่ร้ายกาจขนาดนี้ ถ้าหากนาง"เขายังพูดไม่ทันจบ ฟู่จาวหนิงก็ถอนหายใจ"ข้ารู้แล้ว แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าฟู่สี่จะเป็นคนลงมือ""นางไม่ใช่คนใบ้ นางตอนนั้นยังนัดพบกับฮูหยินหรงเยว่อยู่เลย ดังนั้น แขกที่ไปยังหอจันทร์หยาดที่ฮูหยินหรงเยว่เป็นคนเปิด จะเป็นสถานที่ดึงดูดสาวกของพวกนางใช่หรือไม่กัน?"พอจงเจี้ยนพูดออกมา ฟู่จาวหนิงใจสั่นกึก พูดเช่นนี้ก็น่าจะเป็นไปได้จริงๆ"ฮูหยินหรงเยว่ตอนนั้นเอาแต่พัวพันบิดาของเจ้า การจากไปของพ่อแม่เจ้า จะเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้างไหมนะ?"ด้านนอกประตูมีเสียงเซียวหลันยวนดังขึ้นฟู่จาวหนิงหันหน้ามองออกไป ก็เห็นเขากำลังพาชิงอีเดินเข้ามา ทันใดนั้นก็ตกตะลึงไป"ท่านทำไมจู่ๆ ก็มาที่นี่กัน?""พระชายา ท่าอ๋องเพิ่งออกจากในวัง" ชิงอีบอก ถึงแม้เขาจะไม
ชิงอีจ้องจงเจี้ยนเขม็งจงเจี้ยนตัวแข็งไปแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ ชิงอีออกไปแล้วเขาก็ยังไม่รู้ตัวสืออีถอนหายใจ "พี่ใหญ่ พระชายากล้าไปหาท่านอ๋องเพื่อขอไหมใจโลหิตมาช่วยท่าน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังรับปากว่าจะหาไหมใจโลหิตอีกตัวมาให้ท่านอ๋องอีกด้วย แต่ท่านอ๋องก็ยังยอมเอาไหมใจโลหิตออกมาให้"ดวงตาจงเจี้ยนแดงเถือก รู้สึกว่าคอฝาดไปหมดเขาดึงผ้าห่มสูงมาคลุมหน้าตนเอง"พี่ใหญ่ ไหมใจโลหิตก็ใช้ไปแล้ว ท่านเองก็อย่าคิดมากเลย" สืออีเตือนมาคำหนึ่ง เกรงว่าหลังจากนี้ในใจเขาคงจะมีแต่แรงกดดันเสียแล้ว"ข้ารู้ เจ้าออกไปเถอะ"จงเจี้ยนเสียงแหบพร่าเขาไม่มีทางคิดมาก แต่เขารู้ ว่าชีวิตของตนเองเดิมทีก็เป็นของท่านอ๋อง หลังจากนี้เขาต้องแบ่งชีวิตออกเป็นสองแล้ว ครึ่งหนึ่งของท่านอ๋อง อีกครึ่งหนึ่งของพระชายาแล้วไหมใจโลหิตอีกตัว จะไปหาจากที่ไหน?ฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนออกไป มาในเรือนของตนเอง เสี่ยวเถาพอเห็นเขาก็รีบร้อนคารวะ"ท่านอาเขย ท่านมาแล้ว!" เสี่ยวเถาตึงเครียดขึ้นมาหน่อยๆ"อืม" เซียวหลันยวนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง อารมณ์จู่ๆ ก็ดีขึ้นมา "่เดี๋ยวข้าจะให้รางวัลเจ้า""อ๊า" เสี่ยวเถายังตั้งตัวไม่ทัน ทำไมจู่ๆ จะมาให้
"พี่เจิ้น"ฮองเฮาตะโกนขึ้นเสียงเล็กนางหลักประตูเข้าไปในห้องไข่มุกราตรีในมือส่องประกายห้องนี้แตกต่างกับความทรุดโทรมด้านนอก เห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยคนมาพักอยู่ เก็บกวาดไปแล้ว สะอาดสะอ้าน มีเตียงโต๊ะตู้ บนโต๊ะก็วางพู่กันแท่นหมึกกับเชิงเทียนไว้ไม่น้อยแต่ว่าที่นี่ด้านนอกเป็นหญ้าวัชพืชรกครึ้ม ถ้าไม่เข้ามาไม่มีทางรุ้ว่าในห้องแตกต่างออกไปด้านหลังเตียงมีร่างของคนหนึ่งพุ่งออกมาอย่างเงียบงันถ้าหากมีคนอยู่ที่นี่ ก็จะพบว่า คนผู้นี้หน้าตาคล้ายกับองค์จักรพรรดิคนปัจจุบันอยู่ถึงสี่ห้าส่วน!ยิ่งไปกว่านั้นเขาดูแล้วอายุก็แทบไม่แตกต่างกับองค์จักรพรรดิ แต่รอยย่นบนใบหน้าก็น้อยกว่าองค์จักรพรรดิอยู่มาก ใบหน้ารูปไข่เนียนลื่นจนดูไม่เป็นธรรมชาติแต่ดูแล้วคือไม่ใช่คนวัยหนุ่ม แต่กลับไม่มีริ้วรอยแบบวัยกลางคนยิ่งไปกว่านัน เขาเองยังสวมเสื้อคลุมมังกรสีเหลืองอีกด้วย เพียงแต่ไม่ได้คาดเข็มขัด ดูแล้วสะเปะสะปะไม่เข้ากันอยู่หน่อยๆชุดคลุมมังกรนี้เองก็ไม่ใช่จะเข้ารูปกับตัวนัก ไม่เหมือนเสื้อผ้าของเขา"หลายวันนี้ไม่เข้ามาเลย ทำไมหรือ ที่วังหลังยุ่งขนาดนั้นเชียว?""พี่เจิ้น หลายวันนี้มีเรื่องเยอะ ยิ่งไปกว่านั้น
"ข้าคิดมาแล้ว ถ้าหากเจ้าไม่ยอมย้ายไปจวนอ๋อง เจ้านั้นข้าก็มาพักที่บ้านตระกูลฟู่แล้วกัน"เซียวหลันยวนพูดพลางโบกมือให้คนออกไป ส่วนตนเองกลับเดินไปข้างเตียงนาง ค่อยๆ นั่งลงเสี่ยวเถากับชิงอีล้วนถอยออกไป แล้วยังปิดประตูให้อย่างดิบดีในห้องแสงเทียนโยกไหว ฟู่จาวหนิงมองการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนก็ตกตะลึงไปแล้ว"ไม่ใช่สิ เซียวหลันยวน ท่านคิดจะทำอะไร""นอน""น..นอน?! นั่นมันเตียงของข้า!""อืม แบ่งครึ่งหนึ่งให้ข้าสิ ครั้งที่แล้วก็ไม่ใช่ว่าข้าเคยนอนไปแล้วหรือ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"ท่านท่านท่าน ท่านจะทำอะไรกันแน่?""พวกเราเป็นสามีภรรยากัน""ไม่ใช่ว่าสุดท้ายก็ต้องหย่าร้างหรอกหรือ?"ท่าทางของเซียวหลันยวนชะงัก ปลดหน้ากากลงมา มองนางยิ้มๆ"อืม ต่อให้ท้ายสุดจะต้องหย่า แต่ก่อนที่จะหย่ากันพวกเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่นี่ ดังนั้น มีตัวตนฐานะอะไรก็ทำเรื่องตามนั้น มีปัญหาตรงไหน?"ไม่มีปัญหาได้อย่างไรกัน?ฟู่จาวหนิงรีบเดินเข้าไป ยื่นมือคิดจะดึงเขาออกมา "แน่นอนว่ามีปัญหา! ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องแยกกัน ตอนนี้ก็ต้องวาดเส้นแบ่งให้ชัดเจน จะได้เลี่ยงเรื่องการพัวพันไม่ชัดเจนภายหลัง!"พอสิ้นคำนาง เซียวห
ฟู่จาวหนิงล้วนไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนตอนนี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมาราวกับว่าหลังจากรู้ว่าในอดีตคนที่ช่วยเขาไว้คือนาง ท่าทีต่อนางของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแต่ว่านางเองก็พบว่าตนเองก็ไม่ได้ต่อต้านที่เขาเข้ามาใกล้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งยังถูกเขาทำให้เคลิ้มอีกด้วย เคลิ้มจนพาฝันเลยทีเดียวนอกจากแผลเป็นพิษบนหน้าเขา เมืองหลวงแคว้นเจายังมีชายคนไหนที่หน้าตาดีแบบเขาบ้าง?ตื้นเขิน นางช่างตื้นเขินเสียเหลือเกิน"เหม่ออะไรหรือ?" เสิ่นเสวียนพอเห็นว่านางจับๆ ชีพจรแล้วก็หยุดไป มืออีกข้างหนึ่งจึงมาโบกๆ ด้านหน้านาง"อ๋า? ไม่ ไม่ได้เหม่อ"ฟู่จาวหนิงรีบเก็บมือกลับ หยิบกระดาษกับพู่กันเขียนตำรับยาถัดจากนี้ให้เขา"ต้าชื่อทางนั้นส่งข่าวมาแล้ว ยืนยันว่ามีคนเห็นคนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นฟู่จิ้นเชิน" เสิ่นเสวียนจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น"จริงหรือ?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึง"อืม ข้านำภาพของฟู่จิ้นเชินในอดีต ส่งให้ม้าเร็วนำไปตรวจสอบแล้ว มีคนเคยเห็นคนที่คล้ายๆ กันนี้อยู่""รูปภาพ? ท่านลุง ท่านทำไมจึงมีภาพของเขากัน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงเล็กน้อยตระกูลฟู่ยังไม่มีรูปของฟู่จิ้นเชินเลย"เจ้าคงจะไม่รู้กระมัง? ไปเจอในหอจันทร์หยาดมาน่ะ รูป
"คุณหนู ข้าเป็นแค่คนรับใช้ ไม่ทราบจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฮูหยินรองเองก็บอกว่าจะพาคุณหนูอันห่าวย้ายออกไป ฮูหยินใหญ่กับฮูหยินคนอื่นล้วนเตือนนางก็ไม่ฟัง"คนใช้ตระกูลหลินเอ่ยขึ้นเช่นนี้กับฟู่จาวหนิงเซี่ยซื่อพาหลินอันห่าวย้ายออกจากบ้านตระกูลหลินแล้ว!ฮูหยินใหญ่หลินพอได้ยินข่าวก็รีบตรงมา พอเห็นฟู่จาวหนิง นางก็รู้สึกหวาดกลัวหน่อยๆ แต่พอคิดถึงเรื่องไม่คาดคิดในตอนนี้ของเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าว ก็รู้สึกสะใจแล้วก็หยิ่งทะนงขึ้นมาหน่อยๆ"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านมาหาเซี่ยซื่อกับอันห่าวหรือ? ต้องขอโทษด้วยจริงๆ พวกนางแม่ลูกรังเกียจที่ตระกูลหลินของเราต่ำต้อยเกินไป คงจะรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจแล้วกระมัง? ดังนั้นพวกนางจึงย้ายออกจากบ้านตระกูลหลินไปแล้ว ทำท่านมาเสียเที่ยวจนได้""พวกเจ้าไล่พวกนางแม่ลูกออกไปจากบ้านหรือ?" ฟู่จาวหนิงดวงตาหรุบลึกหลินเอ้อร์รังเกียจหลินอันห่าวว่าเป็นเด็กสมองไม่ปกติอยู่ตลอด เซี่ยซื่อเองก็ไม่ค่อยจะเอ่ยถึงเขานัก ว่ากันว่าในบ้านก็มีลูกเมียน้อยแล้ว ยิ่งไปกว่นั้นผู้เฒ่ารองหลินเองก็เอาแต่เอ็นดูภรรยาผู้น้อยกับลูก ไม่สนใจแยแสเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวตอนนี้กลับไล่พวกนางแม่ลูกออกไปอ
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้