"อ๋องเจวี้ยนตอนที่ต้องใจเหี้ยมก็เด็ดขาดเสียจริง"เสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงกำลังลงหมาก ข้อนิ้วที่แยกกันจับคว้าตัวหมาก ดูแล้วพึงพอใจอารมณ์ดีฟู่จาวหนิงรักษษเขาอย่างสุดกำลังมาเกือบหนึ่งเดือน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายดีขึ้นมากแล้วครึ่งเดือนกว่านี้เรื่องราวในเมืองหลวงเหล่านั้นลอดเข้ามาที่หูเขาทุกวันราชวงศ์ครั้งนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกไปด้วยท่านหญิงที่ราชวงศ์แต่งตั้งขึ้นก่อเรื่องเช่นนี้ ทำเอาองค์จักรพรรดิขายหน้าย่อยยับป่นปี้"นั่นก็เป็นเพราะตัวเขาไม่อาจยอมรับได้กระมัง ยิ่งไปกว่านั้นยังโง่มาตั้งหลายปี" หมากขาวในมือฟู่จาวหนิงวางลงไปเบาๆใครให้เซียวหลันยวนกับแค่ผู้มีพระคุณตอนเด็กก็ยังไม่ตรวจให้ดีแล้วยังจะมาคุ้มครองซ่งอวิ๋นเหยาอยู่ตั้งหลายปีกันล่ะ?เสิ่นเสวียนมองการลงหมากของนาง หัวเราะขึ้นมาเสียงหนึ่ง"ดีมาก ไม่ใช่หญิงสาวโง่ๆ ที่ถูกทำให้ซาบซึ้งได้ง่ายๆ แบบนั้น" นางวางหมากได้เฉียบคมมาก พอลงมาก็ขวางทางของเขาทันทีเขายิ่งชื่นชมฟู่จาวหนิงขึ้นไปอีกวิชาแพทย์ของนางยอดเยี่ยมมากศิลปะการลงหมาก นางก็มีเอกลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่พอหันไปดูคนในตระกูลเสิ่น ไม่มีใครที่เทียบกับนางได้เลย"ท
"งูหลังทองเข้าไปแล้ว" ไห่ฉางจวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงขรึม"วิชาลับของเจ้าใช้การไม่ได้แล้วหรือเปล่า? หาของชิ้นเดียวยังหาตั้งครึ่งค่อนเดือน"แม่นางเจี๋ยตอนนี้สงสัยขึ้นมาเสียแล้วนางเดิมทีคิดว่าพอมีความสามารถของไห่ฉางจวิ้น บวกกับงูหลังทอง แค่ไม่กี่วันก็สามารถหาสิ่งยืนยันชิ้นนั้นของตระกูลชิ่งพบ คิดไม่ถึงว่าพอหาทีจะหากันนานขนาดนี้ฮู่เจียไท่ทางนั้นกำลังยืดเวลา คิดหาเหตุผลอย่างสุดกำลังเพื่อยื้อเวลากับผู้นำตระกูล ไม่ให้เขาเอาสิ่งยืนยันไปมอบให้ยังมืออ๋องเจวี้ยนยังดีที่อ๋องเจวี้ยนช่วงนี้ก็ปิดประตูไม่รับแขก เหมือนได้ยินว่าถูกลมหนาวจนลุกจากเตียงไม่ไหวชิ่งอวิ๋นเซียวคุณชายคนนั้นวันวันก็เอาแต่ค้นหาสิ่งของอยู่ในเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่พบอะไร"อะไรคือบอกว่าวิชาลับข้าใช้ไม่ได้แล้ว? เจ้าเองไม่ลองคิดดูหน่อยว่าตอนนี้มันเวลาไหน อากาศเย็นจัด เมืองหลวงแคว้นเจาก็หนาวจนจะแข็งตายกันหมดแล้ว งูหลังทองเองก็เกือบจะจำศีลอยู่แล้ว ปฏิกิริยากับความรู้สึกจึงค่อนข้างช้า ตอนนี้ให้มันมาหาของจึงไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น"ไห่ฉางจวิ้นร้องเชอะขึ้นเสียงหนึ่ง "แล้วตอนนี้ไม่ใช่ว่าหาเจอแล้วหรือ?""หาเจอแล้วหรือ? สิ่งของอยู่ที่บ้านตระ
ฟู่จาวหนิงหยิบงูตายตัวนั้นขึ้นมา แล้วหายเข้าไปในห้องมิตินางโยนงูไว้บนแท่นของห้องเภสัช เหลือบมองผาดหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ยาฆ่าเชื้อพ่นใส่มือ หยิบขวดชาเขียวออกมาดื่มสองอึก ชาเขียวนี้เป็นเครื่องดื่มที่น่าสกัดออกมาเอง กระตุ้นได้ดีผ่านไปครู่หนึ่ง นางได้ยินหน้าต่างถูกผลักออกเบาๆน่าจะเพราะเห็นว่าในห้องไม่มีแสง คิดว่านางตอนนี้น่าจะหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นจึงผลักหน้าต่าง ส่งเสียงออกมาเพียงไม่นาน ก็มีคนกระโจนเข้ามาฟังจากเสียง มีสองคน?ทั้งสองคนกระโจนเข้ามา บนหัวหนึ่งในนั้นมีเสียงกระทบขณะก้าวเดินของลูกปัดหยกดังขึ้นฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ้นมา เป็นหญิงสาวหรือ?ควันกลุ่มหนึ่งถูกพ่นออกมาไห่ฉางจวิ้นหลังจากพ่นพิษออกมาก็ขวางแม่นางเจี๋ยไว้ ทั้งสองคนยืนรออยู่ที่หนึ่งพักหนึ่งพอคิดว่าเวลาเท่านี้ควันพิษน่าจะออกฤทธิ์แล้ว ทั้งสองคนจึงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด"ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนส่งทหารเข้ามาคุ้มครองฟู่จาวหนิง แล้วทหารอยู่ไหนกัน? ทำไมพวกเราจึงไม่เห็นเลย?"ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหญิงสาวที่ไม่รู้จักเสียงหนึ่ง กดเสียงไว้ต่ำมาก"ฟู่จาวหนิงให้พวกเขาไปคุ้มครองปู่ของนางน่ะ โง่เสียจริง คิดว่าคนอื่นไ
แม่นางเจี๋ยกับไห่ฉางจวิ้นต่อให้เป้าหมายไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แต่ตอนที่เห็นเครื่องประดับอัดแน่นอยู่ในกล่องทั้งสองคนก็ชะงักไปครู่หนึ่งพวกนางสบตากันผาดหนึ่ง ล้วนเห็นความหวั่นไหวและลังเลในใจขึ้นมาถึงอย่างไรถ้าหยิบของเหล่านี้ไป พวกนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับโจรเลยน่ะสิ! แต่ก็หวั่นไหวเหลือเกินฟู่จาวหนิงเห็นพฤติกรรมของพวกนางอยู่ในห้องเภสัช กลั้นหัวเราะไม่อยู่"รีบหาสิ่งยืนยัน!"แม่นางเจี๋ยถึงอย่างไรก็เป็นของตระกูลฮู่ ได้สติกลับมาก่อน และให้ไห่ฉางจวิ้นรีบไปหาสิ่งยืนยันฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของพวกนางจึงเข้าใจแล้วว่าพวกนางมาหาอะไร สิ่งยืนยันหรือ? หรือว่าจะหาสิ่งยืนยันที่ชิงอวิ๋นเซียวทำหายนั่น?โดยใช้งูตัวนั้นหรือ?นางมองไปทางศพงูที่ตายบนโต๊ะตัวนั้นตัวงูดำสนิททั้งร่าง แต่กลางหลังของมันกลับมีสีทองอยู่แถบหนึ่ง เปล่งประกายอยู่ใต้แสง ดูแล้วเหมือนกับเป็นทองคำจริงๆนี่คือสิ่งที่พวกนางเรียกว่างูหลังทองหรือ?นางมองขลุ่ยหยก จู่ๆ ก็พบลวดลายที่เล็กละเอียดมากลายหนึ่ง ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นฟู่จาวหนิงสองมือจับขลุ่ยหยก และออกแรงบิดที่ลายนั้น ขลุ่ยหยกก็หมุนขึ้นมา ด้านในกลวง ซ่อนปิ่นปักผมด้ามหนึ่งเอาไว
"ขอรับ""เช่นนั้นก็ดี เฮ้อ พวกนางสมควรโดนแล้ว" ฟู่จาวหนิงปรบๆ มือ "ไม่ต้องให้คนตามหรอก แต่ว่าส่งคนไปที่แจ้งจวนอ๋องเจวี้ยนหน่อย ให้พวกเขาเพิ่มการตรวจลาดตระเวณ แล้วก็ถามชิงอีดู ชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่ไหน บอกว่าข้าพรุ่งนี้จะไปที่จวนอ๋อง เชิญเข้าไปด้วย"ยังไงของนางก็ต้องส่งคืนไปก่อนอีกครึ่งคืนฟู่จาวหนิงก็หลับลงเป็นอย่างดี แต่ก็มีอีกหลายคนที่นอนไม่หลับไห่ฉางจวิ้นกับแม่นางเจี๋ยหลังจากกลับไปก็เริ่มตัวร้อน ทั้งสองคนเอาแต่พูดเพ้อ มึนๆ งงๆ แล้วยังรู้สึกเหมือนตัวเองถูกผีไล่อยู่ตลอดอย่างไรอย่างนั้น ประเดี๋ยวก็ร้องลั่นขึ้นมาชิงอีทางนั้นพอได้ข่าวจากทหารบ้านตระกูลฟู่ ก็เพิ่มการลาดตระเวณ ให้คนไปหาชิ่งอวิ๋นเซียว แต่ก็ไม่กล้าปลุกท่านอ๋องเดิมทีคิดว่าฟู่จาวหนิงจะกลับมาไว ดังนั้นตอนที่เซียวหลันยวนลุกขึ้นมา ชิงอีก็รีบแจ้งเรื่องเมื่อคืนนี้ออกไปใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนพอได้ยิน หน้าก็เปลี่ยนสีไปทันที "มีคนลอบเข้าไปในห้องนาง? แล้วนางบาดเจ็บไหม?"ชิงอีตกตะลึง "ไม่เป็นไร ท่านอ๋อง พระชายาไม่เป็นอะไรเลย" ดังนั้นถึงสามารถให้สืออีออกมาส่งข่าวได้นั่นเองถ้าหากพระชายาเกิดเรื่อง เขาเมื่อครู่ก็ไม่รู้จะรายงานอย
"ท่านอ๋องจะต้องรอพระชายาอยู่แน่เลย""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาหรือยัง?"ที่นางนัดคือชิ่งอวิ๋นเซียวนะ"ยังไม่มา แต่ได้ยินชิงอีบอกว่า เขาน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับเมือง""กลับเมือง?"ฟู่จาวหนิงลูบจมูกอย่างเขินๆพอหาของในเมืองไม่เจอ ดังนั้นเลยออกไปหาที่นอกเมืองหรือ? เช่นนั้นชิ่งอวิ๋นเซียวเด็กคนนี้สมองก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไรแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าพบกับนางในเมืองครั้งนั้นยังไปนั่งวางมาดหล่ออยู่บนหัวกำแพงอยู่เลย แต่นี่ลืมไปหมดแล้วหรือ?"ข้าจะไปเรือนเจียนเจียดูว่าเซียวหลันยวนมีเรื่องอะไร"หงจั๋วรีบถาม "แล้วข้าวกลางวันจะไปกินกันที่เรือนเจียนเจียได้ไหมเจ้าคะ?""ได้"ฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนเจียนเจีย มองซ้ายมองขวาในเรือนไม่เจอคน แต่ในห้องข้างกลับมีการเคลื่อนไหว พอเดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอเฝิ่นซิงถือถังน้ำออกมา"นี่ทำอะไรอยู่หรือ?""พระชายามาแล้ว!" เฝิ่นซิงร้องขึ้นอย่างเบิกบาน "ท่านอ๋องบอกว่าให้เก็บกวาดห้องนี้ให้ดี แล้วจัดการให้เป็นห้องหนังสือเสีย""ข้าไม่ได้ใช้หรอกนะ""ข้าจะมาใช้เอง" ด้านในมีเสียงเซียวหลันยวนลอดออกมาฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เดินเข้าไปห้องนี้นางก่อนหน้าเคยเห็นแล้ว ไม่มีของอะไรอยู่เลย หลักๆ คือน
เฝิ่นซิงที่อยู่ข้างๆ ก็แอบปิดปากคิกคักขึ้นเสียแล้วพระชายายังจะถามอีกหรือ?ท่านอ๋องอยากมีเวลาอยู่กับพระชายาให้มากหน่อยชัดๆ หลังจากนี้ห้องหนังสือก็อยู่ด้วยกันแล้ว พระชายาเขียนตำรับยา ท่านอ๋องฝึกอักษร ดีจะตายไปนางคิดแล้วก็วาดภาพฝันแสนหวานเซียวหลันยวนกดนิ้วที่ข้างปากแล้วกระแอมขึ้นมา เปลี่ยนหัวข้อสนทนา "หิวแล้ว ออกไปหากินข้าวกันก่อน""ท่านหิวตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เลยหรือ?" ฟู่จาวหนิงเอียงตามองเขา"พูดให้ถูกหน่อยก็คือหิวตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้""ท่านอ๋องเมื่อคืนกินไปไม่กี่คำ ไม่สิ หลายวันนี้ความอยากอาหารของท่านอ๋องไม่ดีเอาเสียเลย" เฝิ่นซิงเอ่ยขึ้นข้างๆหวังว่าพระชายาจะสงสารท่านอ๋องบ้าง"ไม่อยากอาหาร? เหมือนว่าเขาดีขึ้นแล้วนี่นา" ฟู่จาวหนิงเดินไปข้างๆ เซียวหลันยวน ยื่นมือไปจับข้อมือเขา "เดี่ยวหมอเทวดาอย่างข้าจะถือโอกาสจับชีพจรตรวจอาการให้ระหว่างไปกินข้าวนี้"เซียวหลันยวนพลิกมือกลับไปจับข้อมือนาง เปลี่ยนเป็นจูงนางแทน"ไม่รีบ กินเสร็จแล้วค่อยตรวจ"เขาจูงมือนางเดินไปโถงเล็กอย่างสงบฟู่จาวหนิงถูกเขาดึงมือเดิน ก็มองเขา จากนั้นก็มองมือของทั้งสองคน รู้สึกอะไรบางอย่างไม่ค่อยถูกต้
"หรือว่าไม่มี?" ฟู่จาวหนิงมองเขา ถามขึ้นอย่างตั้งใจ "เช่นนั้นท่านบอกข้าหน่อย ถ้าหากเจอตัวพวกเขาแล้ว ท่านเตรียมจะทำอย่างไร"เซียวหลันยวนนิ่งงันไปชั่วขณะ"มีอยู่สองความเป็นไปได้ หนึ่งคือตอนนั้นพวกเขาเองก็ถูกใส่ร้ายเช่นกัน เรื่องราวไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา อีกหนึ่งคือครั้งนั้นพวกเขาวางยาใส่ท่านจริงๆ"ฟู่จาวหนิงวิเคราะห์อย่างสงบ "แต่ว่าตอนนั้นท่านเองก็คงจะวิเคราะห์ไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง ว่าพวกเขาไม่มีแรงจูงใจในการทำร้ายท่านเลย""ถูกต้อง"เซียวหลันยวนเองก็ยอมรับแล้วพวกเขาไม่มีแรงจูงใจที่จะวางยาใส่เขา เพราะว่าตอนนั้นฟู่หลินซื่อมีลูกน้อย ฟู่จิ้นเชินเองก็เพิ่งจะเดินก้าวแรกในอนาคตที่รุ่งโรจน์ ตอนนั้นตระกูลฟู่ของพวกเขายังช่วยเหลือองค์จักรพรรดิ น่าจะไม่มีอะไรที่คุ้มค่าให้พวกเขาต้องทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ หรือว่าจะถูกบีบบังคับแต่ต่อให้มีคนมาบีบบังคับ พวกเขาก็ไม่น่าจะใช่ตัวเลือกดีที่สุดที่จะทำเรื่องนี้นี่นาทั้งสองคนไม่มีวรยุทธ์เลย ฟู่หลินซื่อเองก็เป็นแค่หญิงสาวอ่อนโยนคนหนึ่ง ทำเรื่องเช่นนี้จะมาหานางทำไมกัน?เซียวหลันยวนไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะเอาแต่สงสัยตัวพวกเขาพอคิดถึงจุดนี้ ฟู่จา
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้