เสิ่นเสวียนได้รับรังสีมานานเกินไป ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจะฟื้นฟูก็ยังยากนักฟู่จาวหนิงกล้ายืนยัน ถ้าไม่มาเจอนาง เสิ่นเสวียนคงไม่รอดแล้วเพราะในห้องเภสัชของนางมียาของยุคปัจจุบันอยู่มากมาย มีบางส่วนสามารถกำจัดเซลล์ที่เสียหายทิ้งได้ สนับสนุนการเติบโตของเซลล์ใหม่สิ่งเหล่านี้นางเองก็ไม่สามารถเขียนลงไปในแผนการรักษาได้ แต่สามารถเปลี่ยนวิธีอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาได้คนทั่วไปสามารถมองแล้วไม่เข้าใจ แต่เสิ่นเสวียนเข้าใจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถได้รับการปลอบประโลมจากจากแผนการรักษาที่นางเขียนด้วย มองออกถึงระดับและความเป็นมืออาชีพของนางนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนป่วยทั่วไปจะสามารถทำได้"แผนการรักษานี้ข้าเห็นด้วย" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นเพราะฟู่จาวหนิงตอนที่ยื่นแผนการรักษาก็บอกกับเขาไปว่า ต้องให้เขาเห็นด้วยเสียก่อนจึงจะรักษาตามแผนการรักษานี้เรื่องความเสี่ยงนางเองก็เขียนไว้อย่างละเอียด"เช่นนั้นท่านเสิ่นโปรดลงนามด้วย" ฟู่จาวหนิงให้ลุงลั่วเตรียมหมึกพู่กันให้"พระชายาอ๋องเจวี้ยน สิ่งนี้ยังต้องลงนามด้วยหรือ?""แน่นอน ลงนามคือการยอมรับแผนการรักษานี้"เสิ่นเสวียนยิ้มๆ "เข้มงวดดี"เขาลงนามอ
แต่ตอนนี้พอเห็นว่าเสิ่นเสวียนเป็นเช่นนี้ นางเองก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ดังนั้นตระกูลเสิ่นจึงไม่มีทางที่จะสงบได้ขนาดนั้น"ตอนนั้น จี้คู่นี้ ท่านลุงเคยเล่นอยู่พักหนึ่ง ลูกชายเขา ลูกพี่ลูกน้องข้า ตอนนั้นก็พูดมาคำหนึ่ง บอกว่าหินดารานี้เหมาะกับข้ามาก ดังนั้นท่านลุงจึงพูดว่า เช่นนั้นก็มอบให้อาเสวียนแล้วกัน"เสิ่นเสวียนคิดถึงสถานการณ์ในวันนั้น แล้วก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจำใจ"ทั้งหมดดูแล้วก็เป็นธรรมชาติดี ดูปกติมาก"คำพูดของเขายังพูดไม่จบ ฟู่จาวหนิงกลับส่ายหัว "ทันที่จริงไม่เหมาะกับท่าน""หืม?" เสิ่นเสวียนมองนางอย่างไม่เข้าใจจี้หินดาราคู่นี้หลังจากมาอยู่ในมือเขา คนไม่น้อยก็ล้วนบอกว่าเหมาะกับเขา ล้วนถามกันว่าเขาได้มาจากไหน หลังจากบอกว่ามีคนมอบให้ คนเหล่านั้นก็ล้วนพูดว่า ถ้าเช่นนั้นของขวัญชิ้นนี้ก็มอบให้ได้เหมาะสมมากแล้วฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่บอกว่าไม่เหมาะกับเขา"ท่านเสิ่น ท่านไม่เห็นหรือ ว่าฝ่ามือของท่านกับนิ้วของท่านยาวมาก?"ฟุ่จาวหนิงชี้ไปที่มือของเขานางเห็นมานานแล้ว เสิ่นเสวียนมีมือที่ดูดีมาก นิ้วมือเรียวยาว กระดูกข้อนิ้วชัดเจน ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันล่ะก็นี่คือมือที่เหมาะกับการเล่นเปีย
"สมัยก่อนท่านลุง เหมือนจะไม่ค่อยชอบของสีดำนัก"เสิ่นเสวียนรู้สึกว่าตนเองถูกใบไม้บังตาเข้าแล้วท่านลุงหลังจากอายุมากขึ้นก็กลัวตายเป็นพิเศษ รวมถึงของที่เกี่ยวข้องกับความตาย กระทั่งเสื้อผ้าเองส่วนใหญ่ก็เป็นสีแดง น้ำเงินเข้ม เทาอ่อนอะไรพวกนี้ ไม่เคยชอบสีดำเลยรองเท้ายาวกับรองเท้าก็ล้วนเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้วเขาทำไมจึงไปหาจี้ธรรมชาติสีดำมาคู่หนึ่งล่ะ แล้วยังคอยเอามาคลึงเล่นในมืออยู่ตลอดด้วย?ลุงลั่วเองก็หน้าเปลี่ยนสี"นายท่าน"เขาไม่กล้าพูดต่อแต่ว่า ความหมายก็คือ หินดาราคู่นั้น ก็เป็นสิ่งที่ท่านผู้เฒ่ารองตระเตรียมมาให้นายท่านจริงๆ น่ะหรือ?ครู่หนึ่ง สีหน้าพวกเขาล้วนเคร่งขรึมขึ้นมาเสิ่นเสวียนสีหน้าดูใจเย็นกว่าพวกเขาเขาคิดๆ พูดกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ระหว่างนี้ข้ากลับไปต้าชื่อสักครั้งได้หรือไม่ จะส่งผลกระทบกับการรักษาไหม?""ไม่ได้ ร่างกายของท่านจะรับไม่ไหวเอา" ฟู่จาวหนิงส่ายหัวทันที"นายท่าน ตอนนี้การรักษาเร่งด่วนกว่า" ลุงลั่วพวกเขาเองก็รีบเตือน"เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูด ต้องส่งคนพาท่านพ่อท่านแม่ออกจากบ้านสองเสียก่อน" เสิ่นเสวียนพูดเช่นนี้ก็คือสงสัยในตัวท่านผู้เฒ่า
ฟู่จาวหนิงถูกเชิญเข้าประตูใหญ่อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกบ้านตระกูลหลินแสดงการเลือกปฏิบัติออกมาอย่างเต็มที่แล้วจริงๆเพราะตอนนี้นางคือพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?เช่นนั้นถ้าภายหลังนางกับเซียวหลันยวนหย่าร้างกัน ดูท่าประตูใหญ่บ้านตระกูลหลินนี้นางคงจะเข้ามาไม่ได้แน่"คุณหนูมาดื่มชาที่โถงหน้าก่อนเถิด ข้าน้อยจะไปเชิญฮูหยินมา" คนใช้คนหนึ่งที่พาฟู่จาวหนิงเข้ามาเอ่ยขึ้นตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลใหญ่อะไร เรือนนี้ก็ไม่ใหญ่ คนใช้ก็น้อย คนที่พักก็มีไม่มากด้วยฟู่จาวหนิงไม่ได้มาหาคนอื่นเสียด้วย จึงให้นางพาไปหาเซี่ยซื่อทางนั้นเซี่ยซื่อกำลังเช็ดน้ำตากลัดกลุ้ม พอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงมาหาๆ จึงค่อยๆ ลุกขึ้นมา"จาวหนิงมาหรือ?"นี่ดีมากจริงๆ"น่าสะใภ้รอง"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา และเห็นดวงตาที่แดงก่ำของนาง"อันห่าวเป็นอะไรไปหรือ?"เซี่ยซื่อพอเห็นว่าสาวใช้คนนั้นที่พานางเข้ามาไม่ยอมออกไป จึงรีบกลืนคำพูดลงไปแล้วพูดมาคำหนึ่ง "ไม่ ไม่มีอะไร"จากนั้นนางจึงเอ่ยกับสาวใช้ว่า "ไปทำงานของเจ้าเถอะ"สาวใช้คนนั้นยังยืดยาดไม่คิดจะเดินออกไป ดูก็รู้ว่าคิดจะแอบฟัง"ยังไม่ไปอีกหรือ?" เซี่ยซื่อสีหน้าเด็ดขาด น้ำเสียงขรึ
ในห้องมีเสียงโครมคราม"อะไรเกิดอะไรขึ้น?" เซี่ยซื่อเครียดขึ้นมาทันที "ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ เดินมาเปิดประตูก็พอ"ก่อนหน้านี้หลินอันห่าวเวลาอยู่ในห้องจะไม่ลงดาลประตู แต่สองวันนี้กลับลงดาลประตูเสียแล้วในห้องไม่มีการเคลื่อนไหวแล้วหลินอันห่าวเองก็ไม่ได้มาเปิดประตู"อันห่าว?" เซี่ยซื่อจึงตบประตูอีกครั้งในห้องครู่หนึ่งจึงมีเสียงอันห่าวดังขึ้น "พี่หญิงจาวหนิง ข้านอนแล้ว"พรวดถึงแม้สถานการณ์จะไม่ชัดเจน แต่ฟู่จาวหนิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่เซี่ยซื่อเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก"น้าสะใภ้รอง ข้าเอง ท่านหลบไปก่อน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยกับเซี่ยซื่อเซี่ยซื่อแม้จะยังกังวล แต่กลับเชื่อมั่นฟู่จาวหนิง"ได้ เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมของว่างให้เจ้านะ" นางพูดกับในห้องว่า "อันห่าว แม่ไปเตรียมของว่างให้พี่หญิงจาวหนิงนะ เจ้าอยู่กับนางก่อนล่ะ"พูดจบก็ไม่รอให้หลินอันห่าวตอบกลับ นางก็เดินออกไปด้วยอาการตุ้มต่อมรอจนนางออกไป ฟู่จาวหนิงจึงตบประตูอีกครั้ง"อันห่าว เปิดประตูให้ข้าได้ไหม? เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะบอกเจ้าเอง ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังจะบอกแผนการกับเจ้าอีกแผนด้วยนะ แผนการเล่นงานคนชั่ว อันห่าวอยากจะเข้าร่วมด
ฟู่จาวฟังหลินอันห่าวไปด้วย ตรวจสอบให้นางอย่างละเอียดไปด้วยการฝังเข็มหลายครั้งก่อนหน้านี้ได้ผลอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่ายาที่เก็บมาในแคว้นเจานี้ ประสิทธิภาพดีกว่ายาที่หาได้ในโลกปัจจุบันเสียอีกดีขึ้นมากเลยเป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่หลินอันห่าวดีขึ้นเร็วมากกว่าที่นางคาดการณ์ไว้เพราะนางใช้การพิจารณาตัดสินจากประสบการณ์ก่อนหน้า แต่ว่าวัตถุดิบยาของที่นี่ดีกว่าที่นางรู้จัก ประสิทธิภาพดีกว่ามากมายนักยิ่งไปกว่านั้น ยังได้รับเรื่องดีจากเรื่องแย่ๆ อีก จังหวะที่หลินอันห่าวกระแทกไปนั้น กลับทำให้ลิ่มเลือดแต่เดิมแตกกระจายออกบางส่วนเพียงแต่ยังไม่ได้กระจายออกอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นสมองของนางจึงยังมีบางส่วนที่หมุนไม่ทัน ปฏิกิริยาจึงยังมีช้าอยู่บ้าง"หลินอี๋เจินทำไมถึงมาทำร้ายเจ้ากัน?" ฟู่จาวหนิงถาม"นางพูดให้ร้ายพี่หญิงจาวหนิง ข้าโมโหมาก"สาเหตุนี้ เซี่ยจื่อเดิมทีไม่อยากบอกฟู่จาวหนิง เพื่อไม่ให้ฟู่จาวหนิงต้องมาโทษตัวเอง รู้สึกว่านี่เป็นความรับผิดชอบของนางแต่หลินอันห่าวไม่คิดมากขนาดนั้น นางตอนนี้รู้สึกว่าพี่หญิงจาวหนิงถามแล้ว นางต้องตอบให้ดี"นางพูดให้ร้ายข้าอย่างไรหรือ?""นางบอ
ฟู่จาวหนิงประคองตัวหลินอันห่าว ฝังเข็มให้กับนาง หลินอันห่าวสองวันนี้ก็ดูเส้นประสาทตึงเกินไป แล้วยังนอนไม่หลับมาตลอดด้วย ตอนนี้พอผ่อนคลายลงมา ครู่หนึ่งจับผลอยหลับลึกไปฟู่จาวหนิงออกมาจากห้องของนาง ปิดประตูลง หลังจากออกมากลับไม่เห็นเซี่ยซื่อแล้วนางเดินออกไป ขณะกำลังเตรียมตัวหาตัวคน ก็มีคนรีบร้อนวิ่งเข้ามา พอเห็นนางก็รีบร้องเรียกขึ้น "คุณหนูรีบไปดูฮูหยินรองเร็ว นางกับฮูหยินใหญ่ตบตีกันแล้ว!"หา?ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ รีบร้อนตรงไปที่เรือนฮูหยินใหญ่หลินยังไม่ทันเข้าไปก็ไ้ดยินเสียงร้องแหลมเสียงร้องไห้ก่นด่าและยังมีเสียงเตือน ปนเปวุ่นวายไปหมดนางรีบเข้าประตูไป ก็เห็นเหล่าหญิงสาวกำลังฟัดตีนัวเนียกันอยู่ในนี้ เซี่ยซื่อกระชากผมของหลินอี๋เจินอย่างแรง แล้วยังคอยหาจังหวะตบตีหน้าของนางอีกคนไม่น้อยข้างๆ ล้วนกำลังดึงรั้ง ฮูหยินที่รูปร่างใหญ่ล่ำสันคนหนึ่งกำลังดึงผมของเซี่ยซื่อ ปากก็ก่นด่าไม่หยุด"เซี่ยซื่อ! เจ้ายังไม่ปล่อยมืออีกหรือ? ถ้าเจ้าดึงผมอี๋เจินของข้าร่วงลงมา ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายเลย! เจ้าเองอย่างไรก็อาสะใภ้นะ? มีผู้อาวุโสคนไหนบ้างที่เข้ามาด่ากราดหลานสาวตนเองเช่นนี้? ปล่อยมือ!""ข้า
ฮูหยินใหญ่หลินตอนนี้ก็ราวกับตื่นจากฝัน พุ่งตัวเข้ามาฉับพลัน "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!""สือซาน!" ฟู่จาวหนิงร้องขึ้นมาร่างของสือซานบินแฉลบเข้ามาจากด้านนอก ร่อนลงมาเบื้องหน้าฟู่จาวหนิง ชักกระบี่รูดออกมาประกายเย็นวาบ เกือบแยงตาฮูหยินใหญ่หลิน นางตกใจจนร้องขึ้น ถอยตัวอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์คือยังไม่ทันได้ยืนนิ่ง ก็ล้มจ้ำเบ้าลงกับพื้น"ใครกล้าทำร้ายพระชายา?" สือซานกวาดสายตาเย็นชาออกไปคนในนี้ทั้งหมดล้วนเงียบเสียงพวกนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนคือเรื่องจริง"ไม่ ไม่มี"ฮูหยินใหญ่หลินเสียงสั่นเทาฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่งหน้าของหลินอี๋เจินแดงก่ำไปแล้ว รอยน้ิวสามรอยชัดเจนมาก เจ็บจนน้ำตาของนางร่วงผล็อยเลยทีเดียวเพราะอะไรฟู่จาวหนิงถึงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้!"เจ้าก็แค่อาศัยอำนาจของอ๋องเจวี้ยน" ริมฝีปากนางเองก็สั่นระริก แต่สีหน้าเขียนความไม่ยินยอมไว้เต็มที่ "ถ้าหากไม่มีอ๋องเจวี้ยน เจ้าก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น!""แล้วมันทำไมกันเล่า?" ฟู่จาวหนิงยิ้มเสียงเรียบ "ตอนนี้ข้าก็ใช้อำนาจของอ๋องเจวี้ยนนี่ล่ะ ถ้าไม่ยอมเจ้าก็มากัดข้าดูไหม?""นี่เจ้า!""ไม่ว่าข้าจะอา
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่