หลี่จื่อเหยายืนอยู่ในโถงจนขาเริ่มชาแล้ว ขณะกำลังจะระเบิดอารมณ์ จึงได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งเข้ามาแล้วผ้าแพรแดงในมืออีกด้านหนึ่งถูกจับไว้ อารมณ์โกรธของหลี่จื่อเหยาจึงระงับลงมา ฟังคำกล่าวหนึ่งกราบไหว้ฟ้าดินสองกราบไหว้บุพการีและทำตามพิธีการไปผลลัพธ์คือเมื่อครู่สามีภรรยาเคารพกันและกัน เซียวเหยียนจิ่งที่อยู่ตรงข้ามพอโค้งเอวลงมา ฟ้ากับดินก็หมุนติ้ว ตัวคนยืนไม่อยู่ ล้มกลิ้งลงไปทางนางพริบตาที่ล้มกลิ้งลงไป เขาก็ยื่นมือตะปบไปข้างหน้าอย่างร้อนรนด้วยสัญชาตญาณ ผลลัพธ์คือไปคว้าเอาเข็มขัดของหลี่จื่อเหยาเข้าพอดีได้ยินเสียงแควกของผ้าที่ถูกฉีกขาดดังขึ้นมาหลี่จื่อเหยาไม่เพียงแต่ถูกกระชากผ้าคลุมหัวแดงลงมา กระทั่งชุดมงคลก็ยังถูกฉีกลงมาเป็นรู"อ๊า!"หลี่จื่อเหยาร้องเสียงแหลมตึงเซียวเหยียนจิ่งล้มหนักๆ ลงไปบนพื้นกลิ่นสุราคละคลุ้งชินอ๋องเซียวกับพระชายาสองคนล้วนสะดุ้งยืนขึ้นมา สีหน้าทั้งสองคนดำจนจะบีบน้ำหมึกออกมาแล้ว"ยังไม่รีบไปประคองรัฐทายาทเซียวขึ้นมาอีก!" พระชายารีบร้อนร้องขึ้นจากเสียงเมื่อครู่ เซียวเหยียนจิ่งล้มไปหนักอยู่ หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรง"พี่เซียว!" หลี่จื่อเหยาตอนนี้ก็ได้ส
เสิ่นเสวียนได้รับรังสีมานานเกินไป ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจะฟื้นฟูก็ยังยากนักฟู่จาวหนิงกล้ายืนยัน ถ้าไม่มาเจอนาง เสิ่นเสวียนคงไม่รอดแล้วเพราะในห้องเภสัชของนางมียาของยุคปัจจุบันอยู่มากมาย มีบางส่วนสามารถกำจัดเซลล์ที่เสียหายทิ้งได้ สนับสนุนการเติบโตของเซลล์ใหม่สิ่งเหล่านี้นางเองก็ไม่สามารถเขียนลงไปในแผนการรักษาได้ แต่สามารถเปลี่ยนวิธีอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาได้คนทั่วไปสามารถมองแล้วไม่เข้าใจ แต่เสิ่นเสวียนเข้าใจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถได้รับการปลอบประโลมจากจากแผนการรักษาที่นางเขียนด้วย มองออกถึงระดับและความเป็นมืออาชีพของนางนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนป่วยทั่วไปจะสามารถทำได้"แผนการรักษานี้ข้าเห็นด้วย" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นเพราะฟู่จาวหนิงตอนที่ยื่นแผนการรักษาก็บอกกับเขาไปว่า ต้องให้เขาเห็นด้วยเสียก่อนจึงจะรักษาตามแผนการรักษานี้เรื่องความเสี่ยงนางเองก็เขียนไว้อย่างละเอียด"เช่นนั้นท่านเสิ่นโปรดลงนามด้วย" ฟู่จาวหนิงให้ลุงลั่วเตรียมหมึกพู่กันให้"พระชายาอ๋องเจวี้ยน สิ่งนี้ยังต้องลงนามด้วยหรือ?""แน่นอน ลงนามคือการยอมรับแผนการรักษานี้"เสิ่นเสวียนยิ้มๆ "เข้มงวดดี"เขาลงนามอ
แต่ตอนนี้พอเห็นว่าเสิ่นเสวียนเป็นเช่นนี้ นางเองก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ดังนั้นตระกูลเสิ่นจึงไม่มีทางที่จะสงบได้ขนาดนั้น"ตอนนั้น จี้คู่นี้ ท่านลุงเคยเล่นอยู่พักหนึ่ง ลูกชายเขา ลูกพี่ลูกน้องข้า ตอนนั้นก็พูดมาคำหนึ่ง บอกว่าหินดารานี้เหมาะกับข้ามาก ดังนั้นท่านลุงจึงพูดว่า เช่นนั้นก็มอบให้อาเสวียนแล้วกัน"เสิ่นเสวียนคิดถึงสถานการณ์ในวันนั้น แล้วก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจำใจ"ทั้งหมดดูแล้วก็เป็นธรรมชาติดี ดูปกติมาก"คำพูดของเขายังพูดไม่จบ ฟู่จาวหนิงกลับส่ายหัว "ทันที่จริงไม่เหมาะกับท่าน""หืม?" เสิ่นเสวียนมองนางอย่างไม่เข้าใจจี้หินดาราคู่นี้หลังจากมาอยู่ในมือเขา คนไม่น้อยก็ล้วนบอกว่าเหมาะกับเขา ล้วนถามกันว่าเขาได้มาจากไหน หลังจากบอกว่ามีคนมอบให้ คนเหล่านั้นก็ล้วนพูดว่า ถ้าเช่นนั้นของขวัญชิ้นนี้ก็มอบให้ได้เหมาะสมมากแล้วฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่บอกว่าไม่เหมาะกับเขา"ท่านเสิ่น ท่านไม่เห็นหรือ ว่าฝ่ามือของท่านกับนิ้วของท่านยาวมาก?"ฟุ่จาวหนิงชี้ไปที่มือของเขานางเห็นมานานแล้ว เสิ่นเสวียนมีมือที่ดูดีมาก นิ้วมือเรียวยาว กระดูกข้อนิ้วชัดเจน ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันล่ะก็นี่คือมือที่เหมาะกับการเล่นเปีย
"สมัยก่อนท่านลุง เหมือนจะไม่ค่อยชอบของสีดำนัก"เสิ่นเสวียนรู้สึกว่าตนเองถูกใบไม้บังตาเข้าแล้วท่านลุงหลังจากอายุมากขึ้นก็กลัวตายเป็นพิเศษ รวมถึงของที่เกี่ยวข้องกับความตาย กระทั่งเสื้อผ้าเองส่วนใหญ่ก็เป็นสีแดง น้ำเงินเข้ม เทาอ่อนอะไรพวกนี้ ไม่เคยชอบสีดำเลยรองเท้ายาวกับรองเท้าก็ล้วนเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้วเขาทำไมจึงไปหาจี้ธรรมชาติสีดำมาคู่หนึ่งล่ะ แล้วยังคอยเอามาคลึงเล่นในมืออยู่ตลอดด้วย?ลุงลั่วเองก็หน้าเปลี่ยนสี"นายท่าน"เขาไม่กล้าพูดต่อแต่ว่า ความหมายก็คือ หินดาราคู่นั้น ก็เป็นสิ่งที่ท่านผู้เฒ่ารองตระเตรียมมาให้นายท่านจริงๆ น่ะหรือ?ครู่หนึ่ง สีหน้าพวกเขาล้วนเคร่งขรึมขึ้นมาเสิ่นเสวียนสีหน้าดูใจเย็นกว่าพวกเขาเขาคิดๆ พูดกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ระหว่างนี้ข้ากลับไปต้าชื่อสักครั้งได้หรือไม่ จะส่งผลกระทบกับการรักษาไหม?""ไม่ได้ ร่างกายของท่านจะรับไม่ไหวเอา" ฟู่จาวหนิงส่ายหัวทันที"นายท่าน ตอนนี้การรักษาเร่งด่วนกว่า" ลุงลั่วพวกเขาเองก็รีบเตือน"เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูด ต้องส่งคนพาท่านพ่อท่านแม่ออกจากบ้านสองเสียก่อน" เสิ่นเสวียนพูดเช่นนี้ก็คือสงสัยในตัวท่านผู้เฒ่า
ฟู่จาวหนิงถูกเชิญเข้าประตูใหญ่อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกบ้านตระกูลหลินแสดงการเลือกปฏิบัติออกมาอย่างเต็มที่แล้วจริงๆเพราะตอนนี้นางคือพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?เช่นนั้นถ้าภายหลังนางกับเซียวหลันยวนหย่าร้างกัน ดูท่าประตูใหญ่บ้านตระกูลหลินนี้นางคงจะเข้ามาไม่ได้แน่"คุณหนูมาดื่มชาที่โถงหน้าก่อนเถิด ข้าน้อยจะไปเชิญฮูหยินมา" คนใช้คนหนึ่งที่พาฟู่จาวหนิงเข้ามาเอ่ยขึ้นตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลใหญ่อะไร เรือนนี้ก็ไม่ใหญ่ คนใช้ก็น้อย คนที่พักก็มีไม่มากด้วยฟู่จาวหนิงไม่ได้มาหาคนอื่นเสียด้วย จึงให้นางพาไปหาเซี่ยซื่อทางนั้นเซี่ยซื่อกำลังเช็ดน้ำตากลัดกลุ้ม พอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงมาหาๆ จึงค่อยๆ ลุกขึ้นมา"จาวหนิงมาหรือ?"นี่ดีมากจริงๆ"น่าสะใภ้รอง"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา และเห็นดวงตาที่แดงก่ำของนาง"อันห่าวเป็นอะไรไปหรือ?"เซี่ยซื่อพอเห็นว่าสาวใช้คนนั้นที่พานางเข้ามาไม่ยอมออกไป จึงรีบกลืนคำพูดลงไปแล้วพูดมาคำหนึ่ง "ไม่ ไม่มีอะไร"จากนั้นนางจึงเอ่ยกับสาวใช้ว่า "ไปทำงานของเจ้าเถอะ"สาวใช้คนนั้นยังยืดยาดไม่คิดจะเดินออกไป ดูก็รู้ว่าคิดจะแอบฟัง"ยังไม่ไปอีกหรือ?" เซี่ยซื่อสีหน้าเด็ดขาด น้ำเสียงขรึ
ในห้องมีเสียงโครมคราม"อะไรเกิดอะไรขึ้น?" เซี่ยซื่อเครียดขึ้นมาทันที "ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ เดินมาเปิดประตูก็พอ"ก่อนหน้านี้หลินอันห่าวเวลาอยู่ในห้องจะไม่ลงดาลประตู แต่สองวันนี้กลับลงดาลประตูเสียแล้วในห้องไม่มีการเคลื่อนไหวแล้วหลินอันห่าวเองก็ไม่ได้มาเปิดประตู"อันห่าว?" เซี่ยซื่อจึงตบประตูอีกครั้งในห้องครู่หนึ่งจึงมีเสียงอันห่าวดังขึ้น "พี่หญิงจาวหนิง ข้านอนแล้ว"พรวดถึงแม้สถานการณ์จะไม่ชัดเจน แต่ฟู่จาวหนิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่เซี่ยซื่อเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก"น้าสะใภ้รอง ข้าเอง ท่านหลบไปก่อน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยกับเซี่ยซื่อเซี่ยซื่อแม้จะยังกังวล แต่กลับเชื่อมั่นฟู่จาวหนิง"ได้ เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมของว่างให้เจ้านะ" นางพูดกับในห้องว่า "อันห่าว แม่ไปเตรียมของว่างให้พี่หญิงจาวหนิงนะ เจ้าอยู่กับนางก่อนล่ะ"พูดจบก็ไม่รอให้หลินอันห่าวตอบกลับ นางก็เดินออกไปด้วยอาการตุ้มต่อมรอจนนางออกไป ฟู่จาวหนิงจึงตบประตูอีกครั้ง"อันห่าว เปิดประตูให้ข้าได้ไหม? เจ้าอยากรู้อะไร ข้าจะบอกเจ้าเอง ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังจะบอกแผนการกับเจ้าอีกแผนด้วยนะ แผนการเล่นงานคนชั่ว อันห่าวอยากจะเข้าร่วมด
ฟู่จาวฟังหลินอันห่าวไปด้วย ตรวจสอบให้นางอย่างละเอียดไปด้วยการฝังเข็มหลายครั้งก่อนหน้านี้ได้ผลอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่ายาที่เก็บมาในแคว้นเจานี้ ประสิทธิภาพดีกว่ายาที่หาได้ในโลกปัจจุบันเสียอีกดีขึ้นมากเลยเป็นไปได้ว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่หลินอันห่าวดีขึ้นเร็วมากกว่าที่นางคาดการณ์ไว้เพราะนางใช้การพิจารณาตัดสินจากประสบการณ์ก่อนหน้า แต่ว่าวัตถุดิบยาของที่นี่ดีกว่าที่นางรู้จัก ประสิทธิภาพดีกว่ามากมายนักยิ่งไปกว่านั้น ยังได้รับเรื่องดีจากเรื่องแย่ๆ อีก จังหวะที่หลินอันห่าวกระแทกไปนั้น กลับทำให้ลิ่มเลือดแต่เดิมแตกกระจายออกบางส่วนเพียงแต่ยังไม่ได้กระจายออกอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นสมองของนางจึงยังมีบางส่วนที่หมุนไม่ทัน ปฏิกิริยาจึงยังมีช้าอยู่บ้าง"หลินอี๋เจินทำไมถึงมาทำร้ายเจ้ากัน?" ฟู่จาวหนิงถาม"นางพูดให้ร้ายพี่หญิงจาวหนิง ข้าโมโหมาก"สาเหตุนี้ เซี่ยจื่อเดิมทีไม่อยากบอกฟู่จาวหนิง เพื่อไม่ให้ฟู่จาวหนิงต้องมาโทษตัวเอง รู้สึกว่านี่เป็นความรับผิดชอบของนางแต่หลินอันห่าวไม่คิดมากขนาดนั้น นางตอนนี้รู้สึกว่าพี่หญิงจาวหนิงถามแล้ว นางต้องตอบให้ดี"นางพูดให้ร้ายข้าอย่างไรหรือ?""นางบอ
ฟู่จาวหนิงประคองตัวหลินอันห่าว ฝังเข็มให้กับนาง หลินอันห่าวสองวันนี้ก็ดูเส้นประสาทตึงเกินไป แล้วยังนอนไม่หลับมาตลอดด้วย ตอนนี้พอผ่อนคลายลงมา ครู่หนึ่งจับผลอยหลับลึกไปฟู่จาวหนิงออกมาจากห้องของนาง ปิดประตูลง หลังจากออกมากลับไม่เห็นเซี่ยซื่อแล้วนางเดินออกไป ขณะกำลังเตรียมตัวหาตัวคน ก็มีคนรีบร้อนวิ่งเข้ามา พอเห็นนางก็รีบร้องเรียกขึ้น "คุณหนูรีบไปดูฮูหยินรองเร็ว นางกับฮูหยินใหญ่ตบตีกันแล้ว!"หา?ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ รีบร้อนตรงไปที่เรือนฮูหยินใหญ่หลินยังไม่ทันเข้าไปก็ไ้ดยินเสียงร้องแหลมเสียงร้องไห้ก่นด่าและยังมีเสียงเตือน ปนเปวุ่นวายไปหมดนางรีบเข้าประตูไป ก็เห็นเหล่าหญิงสาวกำลังฟัดตีนัวเนียกันอยู่ในนี้ เซี่ยซื่อกระชากผมของหลินอี๋เจินอย่างแรง แล้วยังคอยหาจังหวะตบตีหน้าของนางอีกคนไม่น้อยข้างๆ ล้วนกำลังดึงรั้ง ฮูหยินที่รูปร่างใหญ่ล่ำสันคนหนึ่งกำลังดึงผมของเซี่ยซื่อ ปากก็ก่นด่าไม่หยุด"เซี่ยซื่อ! เจ้ายังไม่ปล่อยมืออีกหรือ? ถ้าเจ้าดึงผมอี๋เจินของข้าร่วงลงมา ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายเลย! เจ้าเองอย่างไรก็อาสะใภ้นะ? มีผู้อาวุโสคนไหนบ้างที่เข้ามาด่ากราดหลานสาวตนเองเช่นนี้? ปล่อยมือ!""ข้า
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั