"คุณหนู?"เฉินซานถามความเห็นฟู่จาวหนิง"หยุดลงดีเสียหน่อยเถอะ"ฟู่จาวหนิงปล่อยม่านรถลงรถม้าหยุดลงมาแล้ว สืออีไม่มีรถม้า ขี่อยู่บนหลังม้าคอยพิจารณาตัวชายคนนี้กับหญิงสาวชายกลางคนเห็นว่าพวกเขาหยุดรถ เผยยิ้ม รีบเดินตรงเข้ามา คารวะมาทางรถม้าก่อน ดูแล้วมารยาทครบถ้วนอยู่"นายท่าน ข้าสกุลเจิ้ง ผู้นำตระกูลข้าเป็นพ่อค้าจากเจียงหนาน หลายวันก่อนเพิ่งมาถึงเมืองหลวง วันนี้เตรียมจะไปยังหมู่บ้านทางเขาตะวันออกเพื่อเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่า ส่วนทางนั้นคือน้าของผู้นำตระกูลข้า และไม่รู้ว่าเพราะหลายวันนี้เร่งเดินทางมากเกินไปหรือเปล่า ตอนนี้พอรถม้าขึ้นถนนภูเขากลับอาเจียนขึ้นมาเสียแล้ว"เขาชี้ไปยังหญิงสาวที่นั่งยองอยู่ข้างทางหญิงสาวคนนั้นประคองรถม้ายืนขึ้น หมุนตัวกลับมาเฉินซานพวกเขาตอนนี้เพิ่งจะพบว่าอีกฝ่ายต่อให้เป็นหญิงสาวมีอายุ แต่ก็ยังเป็นหญิงสาวที่ดูสูงศักดิ์คนหนึ่ง จะพูดว่าเป็นฮูหยินชราที่ร่ำรวยคนหนึ่งก็ได้แต่ฮูหยินชราเช่นนี้ข้างกายกลับไม่มีคนใช้คอยปรนนิบัตินี่ก็ดูแปลกไปหน่อยยิ่งไปกว่านั้นคนบนรถม้าก็ยังเป็นหลานชายของนาง ป้าไม่สบายขนาดนี้แล้ว เขาไม่คิดจะโผล่หน้ามาดูดำดูดีหน่อยหรือ?สืออีเหล
หญิงคนนั้นเองก็ไม่ค่อยอยากจะขึ้นรถม้าด้านหลังนักฟู่จาวหนิงยังได้ยินนางรังเกียจ บอกว่าทำไมไม่ให้นางนั่งรถใหม่คันหน้ากัน รถม้าด้านหลังมันเก่าเกินไป บอกว่าฟู่จาวหนิงกำลังดูถูกคนผู้ดูแลเติ้งพอได้ยินหน้าก็ดำถมึงทึง ขอโทษฟู่จาวหนิงปะหลกๆ"ถึงตอนนั้นนายท่านปล่อยนางลงมาก็พอแล้ว ขอบคุณนายท่านมาก ขอบคุณมากขอบคุณ"ผู้ดูแลเจิ้งพูดจบก็รีบขึ้นรถม้าตนเอง เพียงไม่นาน รถม้าของพวกเขาก็ทะยานไปด้านหน้าพอเห็นรถม้าของพวกเขาพุ่งทะยานลมออกไปราวกับติดปีกอย่างเร็วจี๋ ยิ่งไปกว่านั้นยังดูมั่นคงอย่างมาก สืออีจึงพูดกับฟู่จาวหนิงว่า "คุณหนู ม้าที่ลากรถของพวกเขาเป็นม้าชั้นยอดเลย"หรือก็คือ คนบนรถม้าตัวตนฐานะต้องไม่ธรรมดาเพราะว่าคนมีเงินเห็นได้ทั่วไป แต่ม้าชั้นยอดเช่นนี้ มักจะไม่ใช่แค่มีเงินก็จะซื้อได้ต่อให้ซื้อมา ก็ไม่ใช่ว่าใครจะม้าเช่นนี้มาลากรถเพียงแต่อีกฝ่ายล้วนอยู่แต่บนรถม้าไม่ยอมลงมา และไม่ส่งเสียงอะไรอีกด้วย ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหนผู้ดูแลเติ้งบอกว่านายท่านสุขภาพไม่ดีเดิมทีจะไปหายา ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ แล้วยังเป็นถนนเดียวกันด้วย อีกฝ่ายเองก็จะไปหาอาจารย์กั
"บ้านตระกูลฟางคือเรือนที่อยู่ตรงหน้านั้นใช่ไหม?"ได้ยินว่าข้างหน้าไม่ห่างไปนักมีเรือนที่ขนาดใหญ่ที่สุดอยู่แห่งหนึ่งได้ยินว่าเศรษฐีฟางใหญ่โตที่สุดในหมู่บ้านนี้ ที่นาเองก็มีมากที่สุดฟู่จาวหนิงเลิกม่านขึ้นเหลือบมองผาดหนึ่ง อาศัยความทรงจำ นางมองออกแล้ว"ใช่ ที่นั่นนั่นเอง"ฟางซือฉิงได้ยินว่าฟู่จาวหนิงมา ก็รีบกระโจนตัวออกไปจากห้องเหมือนนกน้อยอย่างร่าเริงเศรษฐีฟางมองนางดีใจขนาดนี้ ก็ถอนหายใจออกมา"หลายวันนี้เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด ตอนนี้ยิ้มออกมาได้เสียที" เศรษฐีฟางถอนหายใจกับฮูหยิน "ไม่สิ คุณหนูฟู่คนนั้นตอนนี้เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วนี่ แล้วลูกสาวของบ้านเรายังไปมาหาสู่ต่อได้ด้วยหรือนี่?""ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" ฮูหยินฟางรูปร่างอวบ ใบหน้ากลมดูมีราศี "ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เห็นว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่พวกไม่ดีอะไร แล้วยังดูเป็นเด็กที่ตรงไปตรงมาอีกด้วย มาเล่นกับซือฉิงของพวกเราแล้วก็ดีออก ตอนนี้ถึงนางจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วแต่ก็คงจะไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไร"นางเองก็เดินตามไปด้านนอก "จะว่าไป ตั้งแต่ที่ซือฉิงกลับมาจากเขาเมฆอรุณก็ไม่ใช่เอาแต่ชื่นชมอีกฝ่ายหรอกหรือ? บอกว่านางฉลาดกว่าเดิมเสียอ
ตอนที่เห็นสืออีผู้เฒ่าฟางก็เข้าใจทันที นี่น่าจะเป็นทหารจากจวนอ๋องเจวี้ยนสถานการณ์ของตระกูลฟู่พวกเขารู้อยู่แล้ว มีคนที่ดูองอาจเช่นนี้เสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บนตัวฟู่จาวหนิงก็ยังอยู่ในชุดเสื้อผ้าใหม่ด้วยฟู่จาวหนิงส่งสายตาให้สืออีผาดหนึ่งสืออีพยักหน้า เดินออกไปสืออีออกไปเดินวนในหมู่บ้านดูก่อน ถ้าหากนางอยู่ที่นี่ไม่ได้ถามอะไร สืออีก็ควรจะสังเกตเห็น"จาวหนิง พวกเราได้ยินเรื่องของเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่ถือสาที่พวกเราเรียกชื่อของเจ้าหรอกใช่ไหม?" ฮูหยินฟางดึงฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าเด็กคนนี้พอเทียบกับแต่ก่อน ก็รู้สึกเปล่งประกายขึ้นมามากจริงๆคนเองก็ยังเป็นคนเดิม แต่ดูแล้วกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"ไม่เป็นไรหรอก ฮูหยินฟางเรียกข้าอย่างนี้ดีกว่าตั้งเยอะ ซือฉิงเป็นเพื่อนรัรกของข้า อย่าได้เห็นเป็นคนอื่นไกลเลย"ฟู่จาวหนิงพอเห็นฮูหยินฟางก็รู้สึกชอบขึ้นมาเพราะว่าท่าทีของฮูหยินฟางเป็นหญิงสาวที่นิสัยดีมากมีน้ำใจและใจอ่อน แล้วยังดูสนิทสนมและดูมีราศีอีกด้วยตอนที่นางมองคนในดวงตาก็มีรอยยิ้มอยู่สามส่วนแล้ว ทำให้คนรู้สึกสนิทชิดเชื้อมาก"เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ" ฮูหยินฟางเองก็ชื่นชอบเช
พอได้ยินคำว่าหิน ฟู่จาวหนิงก็รู้แล้วว่าตนเองไม่ได้หาผิดที่ ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามพวกเขาจะต้องมาหาผู้เฒ่ากู้ที่นี่แน่ๆ"ใช่แล้ว เจ้าว่ามายอดเยี่ยมหรือ? เห็นบอกว่าหินเหล่านั้น ด้านในเป็นมรกตอยู่ด้วยนะ""หินแร่มรกตหรือ"ฟู่จาวหนิงเข้าใจทันที นางก่อนหน้านี้ทำไมถึงคิดไม่ถึงนะในเมื่อบอกว่าเป็นหินที่มีมูลค่า มันก็ต้องเป็นหินแร่อยู่แล้วสิหินหยาบมรกต ตอนนี้ในแคว้นเจาคงเริ่มมีคนเดิมพันกันแล้วกระมัง?เช่นนั้นแคว้นเจาเองก็ร้ายกาจมาก!ถ้าหากเป็นหินหยาบมรกตจริง จะขายออกไปได้ราคาไหนก็คงไม่ต้องแปลกใจแล้ว เช่นนั้นนางก็ยิ่งยอมให้ผู้เฒ่าสองผู้เฒ่าสามเอาหินที่เป็นของตระกูลฟู่ก้อนนั้นขายออกไปไม่ได้แล้ว"ใช่ๆๆ เป็นหินแร่ ผู้เฒ่ากู้บอกว่าเขาทางนั้นมีสิ่งของเอาไว้ตัดหิน ไปหาช่างที่เก่งกาจสร้างขึ้นมา ตอนขนเข้ามาก็จ่ายเงินไปไม่น้อย แล้วถ้าหินแร่ของพวกเขาตัดออกมาแล้วมีมรกตอยู่จริง เช่นนั้นก็คุ้มค่าเงินอยู่"เศรษฐีฟางพูด จากนั้นก็วิ่งไปอุ้มหินก้อนหนึ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น หินก้อนนี้มองแล้วน้ำหน้าประมาณห้าหกชั่ง ผิวเรียบลื่นสวยงามดี ประกายมันเงา"ผู้เฒ่ากู้ยังบอกว่า เขาทางนั้นก็สะสมก้อนหินด้วย บ้า
ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามกำลังมองไปยังชายกลางคนในเรือนอย่างตึงเครียยดผู้ชายที่ดูรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดหรูหรา บนมือมีแหวนมรกตเขียวหมึกวงใหญ่วงหนึ่งคนนี้ก็คือผู้เฒ่ากู้ผู้เฒ่ากู้มายังเมืองหลวงอันที่จริงก็ไม่ได้กระโตกกระตากมากนักจากที่เขาพูด คนที่เล่นพวกหินมรกต ก็ต้องเป็นพวกคนมีเงิน คนจนอย่าได้ข้องเกี่ยวเข้ามาเลยดังนั้นเขาจึงส่งเทียบเชิญไปให้กับคนมีเงินและคนที่คู่ควรบางส่วนในเมืองหลวง ประกาศออกไปเป็นวงเล็กๆคนเหล่านี้จึงบอกต่อกับคนที่ตนเองรู้จักอีกบางส่วนเรื่องเช่นนี้มาถึงผู้เฒ่าฟู่รองและผู้เฒ่าฟู่สามได้ จึงเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาพวกเขารู้สึกว่าตนเองนั้นร้ายกาจมา สามารถได้รับข่าวสารเช่นนี้ก่อน ได้รับโอกาสการทำเงิน"น้องสาม เจ้าว่าหินก้อนนี้เป็นหินแร่มรกตจริงไหม?"พอเห็นผู้อาวุโสกู้ยังตรวจสอบหินก้อนนั้นอย่างละเอียดอยู่ ซ้ำยังผ่านไปนานแล้วด้วย ผู้เฒ่าฟู่รองจึงรู้สึกใจตุ้มต่อมขึ้นมา"ทำไมถึงต้องดูนานขนาดนี้?"แต่ว่าตัวเขาเองระหว่างทางที่มาก็จ้องมองหินก้อนนั้นอยู่นานแล้ว ก็ยังมองไม่ออกว่ามันมีความพิเศษอะไร กระทั่งยังรู้สึกว่าน่าเกลียดไปหน่อยเสียด้วยซ้ำถ้าไม่
เขาชะงักไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ "แน่นอน ในทางกลับกันก็ยังเป็นหลักการเดิม ถ้าหากข้าบอกราคาไปแล้ว หินก้อนนี้เป็นของข้าแล้ว ถ้าตัดออกมาได้หยกคุณภาพดี พวกท่านก็จะมาเสียใจทีหลังแล้วจะเอาหินกลับไปไม่ได้แล้ว""เรื่องนี้" ผู้เฒ่าฟู่รองมองผู้เฒ่าฟู่สาม "น้องสาม พวกเราท"ขายดีไหม?หินที่น้องสี่ให้ความสำคัญ คุณสมบัติมันจะดีมาจริงไหม?น้องสี่ให้พวกเขาเอาหินมาให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วค่อยบอกราคาจากคุณสมบัติ แต่เขาทั้งสองคนก็รู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป"ไม่รู้ว่าผู้เฒ่ากู้จะให้ราคาที่เท่าไร?" ผู้เฒ่าฟู่สามถามผู้เฒ่ากู้นิ่งขรึมไปพักหนึ่ง "เอาอย่างนี้ เดิมทีหินก้อนนี้ข้าไม่ให้ราคาสูงนัก แต่ว่าพวกท่านก็เป็นคนแรกที่ส่งหินเข้ามา ส่วนข้าน่ะก็อยากจะยิงประทัดนัดแรกให้ดังลั่นด้วย ดังนั้นจึงจะยกราคาขึ้นสูงอีกหน่อย ถือเป็นการเปิดประตูมงคลให้แก่ตนเองไปเลย"แล้วมันเท่าไรกัน?"หินก้อนนี้ ข้าจะซื้อที่หนึ่งพันตำลึง" ผู้เฒ่ากู้เอ่ยขึ้นหนึ่งพันตำลึง!หินโทรมๆ ก้อนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้ใหญ่โตมากด้วย แต่ดันขายได้ตั้งหนึ่งพันตำลึง!พวกเขาเดิมทีคิดว่าได้สัห้าสิบหนึ่งร้อยตำลึงก็จะยอมเสียเปรียบแล้วใครจะไปคิดว่าจะขายได้ถึง
ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฟู่รองก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"พวกเขาขโมยของในบ้านข้าออกมาขาย ผลลัพธ์กลับมาบอกว่าข้ามาวุ่นวายหรือ? เรื่องนี้ข้าควรจะรายงานกับทางการไหม?""รายงานทางการ?""ขโมยของ?"ผู้เฒ่าฟู่รองพวกเขาเองก็มึนงง"เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร?""หนิก้อนนี้ไม่ใช่ว่าพวกท่านย้ายมาจากบ้านตระกูลฟู่หรอกหรือ?" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่หินก้อนนั้น เฉินซานกับชุนเจิ้งชิวเซิงก็ฉลาดเฉลียว ทั้งสามคนเดินออกไปทันที ยืนล้อมหินก้อนนั้นเป็นเช่นนี้ก็ลองดูว่าใครจะกล้าแย่งสืออีเองก็ยืนอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิงเขาต้องการจะปกป้องฟู่จาวหนิง"ผู้เฒ่ากู้" เศรษฐีฟางเองก็เดินขึ้นมาอยู่ข้างๆ ผู้เฒ่ากู้ เอ่ยกับเขาว่า "นี่คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลฟู่ สองคนนั้นคือลุงของนาง มาอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ หินก้อนนี้พวกเขาย้ายออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ ท่านยังไม่ได้ซื้อใช่ไหม?"ผู้เฒ่ากู้เองก็หน้าเปลี่ยนสี"พวกเขาบอกกับข้าว่า นี่เป็นหินที่เข้าเอามาจากบ้านตนเอง""บ้านพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงเสียที่ไหน? ล้วนอยู่กันนอกเมืองทั้งนั้น หลายปีนี้ก็แค่มาอาศัยอยู่ ของอะไรในบ้านก็ล้วนไม่ใช่ของพวกเขาทั้งนั้น"เรื่องเหล่านี้เศรษฐีฟาง
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่
"กล่องใบนี้ เป็นงานฝีมือของตระกูลปัน"แตกต่างกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ได้กล่องมาแล้วศึกษาอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซียวหลันยวนหมุนๆ ดูก็สรุปออกมา"ตระกูลปัน?""อืม" เซียวหลันยวนพูดไปด้วย มือเองก็คลำๆ ไปด้วย "หลานหรงไม่ใช่ว่าค้นข้อมูลเกี่ยวกับตงฉิงมาหรือ? ตอนนั้นลุงเสิ่นเองก็มอบหนังสือมาให้ ด้านบนมีการแนะนำตระกูลบางส่วนของตงฉิงไว้ ตระกูลปันก็อยู่ในนั้นด้วย""พูดเช่นนี้ ตระกูลปันก็เป็นช่างอย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดคิดถึงหลู่ปัน(นักประดิษฐ์เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์จีน)ขึ้นมาไม่ได้ที่นี่ก็มีตระกูลปันด้วย ดูแล้วก็ลึกลับเอาการ"อืม เข้าใจแบบนี้ได้"เซียวหลันยวนตอนเพิ่งเริ่มยังดูช้าๆ อยู่ ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่นานนักก็ดูรวดเร็วขึ้นมา กล่องไม้ที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นไม่รู้เขาทำอีท่าไหน ตรงนี้กลับดึงได้ตรงนั้นกลับกดได้ขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเขาเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ถามอะไร นั่งมองเขาเปิดกล่องใบนั้นอยู่ข้างๆนิ้วของเขามีข้อต่อชัดเจน เรียวสวย เล็บสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นงานศิลปะสองมือนี้ ไม่เอาไปเล่นเปียโนคือน่าเสียดายมากตอนที่ความคิดฟู่จาวหนิงเริ่มเตลิด ก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก กล่องเปิดออกแ
"ขโมยมาจากไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงมองเขา"ห้องข้างฝั่งตะวันตก"พอเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สมองนางร้อยเรียงเรื่องราวออกมาอย่างรวดเร็วนางถามขึ้นอย่างตกตะลึง "องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกมาหรือ? ่นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนนับถือสมองของนางจริงๆ ที่คิดได้เร็วขนาดนี้"ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้อง ข้าประเมินนางต่ำไป คิดไม่ถึงว่านางจะฝันเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ"เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาดถึงแม้เขาจะให้คนจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ แต่ก็เป็นแค่ความเคยชินที่ชอบให้เรื่องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นฝันของนางเป็นจริงนางมีความสามารถเช่นนี้ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้ก็ยังรักษาชื่อเสียงในเรื่องโชคไว้ได้ แล้วยังทำให้ฝ่าบาทต้าชื่อดึงนางไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฝันเห็นถึงอะไรบ้างด้วย"ท่านหมายความว่า นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้ว?"ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกไม่ถูก "แล้วนางไปกล่อมชายชราให้ส่งของให้นางไม่ได้ ก็เลยเลือกขโมยมาอย่างนั้นหรือ?!"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของนางก็คงต้องล้างใหม่เสียแล้วเรื่องแบบนี้ก็
คืนนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะเพราะออกไปด้านนอกตากลมหนาวมา กลางดึกจึงจับไข้จนมึนงง แล้วก็ไอจนนอนไม่ได้แต่นางไม่รู้ ว่าตอนที่นางไอจนสลึมสลือ มีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาในห้องนางอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉินเซียงที่นอนอยู่บนแคร่นิ่มข้างๆ พลิกตัวมา ในปากพึมพำอะไรคำสองคำ จากนั้นก็หลับไปอีกเงาดำชะงักไป รื้อค้นในห้องขึ้นมาน่าจะเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีชั้นเก็บของอะไรไว้ซ่อนของได้มาก เพียงไม่นาน เขาก็หาของเจอวางอยู่ในลังที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำมาด้วยถึงแม้ลังจะใส่กลอนไว้ แต่พอเห็นกลอนนั่น เงาดำก็รู้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน จึงเด็ดปิ่นปักผมเล่มหนึ่งออกมาจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พอบิดออกก็กลายเป็นกุญแจจริงๆคนในวังส่วนมากล้วนใช้วิธีการนี้กลอนถูกปลดออกทันที พอได้ของที่ห่อผ้าไว้ เงาดำก็จัดการลงกลอนลังอีกครั้ง นำปิ่นปักผมคืนกลับไป จากนั้นก็ออกประตูมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเพียงไม่นาน ของชิ้นนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวให้พระชายาดูดีไหม ของนี่อยู่ในมือลุงหวังคนนั้นแล้วยังย้ายไปอยู่ในมือองค์หญิงใหญ่อีก พวกเขาติดโรคมากันหมดแล้ว ทางที่ดีท่านอย่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ