ฟู่จาวหนิงพาคนขับรถมาออกจากเมืองครั้งนี้ช่วงค่ำก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาทัน ตกกลางคืนประตูเมืองจะปิด ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงเตรียมตัวมามากหน่อยตรงไปทางตะวันตกตลอดทางสามลมฤดูใบไม้ร่วงหวีดหวิว พอห่างจากเมืองมาหน่อย ถนนหลวงก็ค่อยๆ ไร้ผู้คน ห่างออกไปได้ยินแต่เสียงล้อรถม้า"คุณหนู ความเร็วของรถม้าข้างหน้าพอพอกับพวกเราเลย หรือว่าพวกเขาเองก็กำลังเร่งเดินทาง?" สืออีขี่ม้าตามอยู่ข้างรถฟู่จาวหนิงเลิกม่าน ได้ยินคำพูดของเขาจึงรู้สึกเกินคาด"เจ้าได้ยินไกลขนาดนั้นเชียวหรือ?""จงเจี้ยนเคยบอกว่าหูของข้าดีมาก"มิน่าจงเจี้ยนจึงส่งให้สืออีติดตามมา อย่างน้อยก็ยังมีจุดที่พิเศษอยู่ จงเจี้ยนอาจจะกังวลว่าที่นอกเมืองจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเสียงของนางอาจจะไม่มีใครได้ยิน ดังนั้นจึงส่งสืออีมากระมัง?ฟู่จาวหนิงดึงความคิดกลับ"นั่นอาจจะเพราะอีกฝ่ายจะตรงไปทางหมู่บ้านทางนั้นนั่นล่ะ"นี่ก็ไม่แปลกอะไรที่นั่นเป็นเถียงนาผืนใหญ่กับหมู่บ้านรวมอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะมีเจ้าบ้านที่แตกต่างกัน แต่ส่วนมากก็ยังรวมอยู่ด้วยกัน ได้ยินว่าเวลามีนาข้าวหรือดอกโหยวไช่ก็จะเรียงพรืดติดกันเป็นผืนใหญ่ ทิวทัศน์ดูงามตาอยู่ดังนั้นในช่วงฤดูกา
"คุณหนู?"เฉินซานถามความเห็นฟู่จาวหนิง"หยุดลงดีเสียหน่อยเถอะ"ฟู่จาวหนิงปล่อยม่านรถลงรถม้าหยุดลงมาแล้ว สืออีไม่มีรถม้า ขี่อยู่บนหลังม้าคอยพิจารณาตัวชายคนนี้กับหญิงสาวชายกลางคนเห็นว่าพวกเขาหยุดรถ เผยยิ้ม รีบเดินตรงเข้ามา คารวะมาทางรถม้าก่อน ดูแล้วมารยาทครบถ้วนอยู่"นายท่าน ข้าสกุลเจิ้ง ผู้นำตระกูลข้าเป็นพ่อค้าจากเจียงหนาน หลายวันก่อนเพิ่งมาถึงเมืองหลวง วันนี้เตรียมจะไปยังหมู่บ้านทางเขาตะวันออกเพื่อเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่า ส่วนทางนั้นคือน้าของผู้นำตระกูลข้า และไม่รู้ว่าเพราะหลายวันนี้เร่งเดินทางมากเกินไปหรือเปล่า ตอนนี้พอรถม้าขึ้นถนนภูเขากลับอาเจียนขึ้นมาเสียแล้ว"เขาชี้ไปยังหญิงสาวที่นั่งยองอยู่ข้างทางหญิงสาวคนนั้นประคองรถม้ายืนขึ้น หมุนตัวกลับมาเฉินซานพวกเขาตอนนี้เพิ่งจะพบว่าอีกฝ่ายต่อให้เป็นหญิงสาวมีอายุ แต่ก็ยังเป็นหญิงสาวที่ดูสูงศักดิ์คนหนึ่ง จะพูดว่าเป็นฮูหยินชราที่ร่ำรวยคนหนึ่งก็ได้แต่ฮูหยินชราเช่นนี้ข้างกายกลับไม่มีคนใช้คอยปรนนิบัตินี่ก็ดูแปลกไปหน่อยยิ่งไปกว่านั้นคนบนรถม้าก็ยังเป็นหลานชายของนาง ป้าไม่สบายขนาดนี้แล้ว เขาไม่คิดจะโผล่หน้ามาดูดำดูดีหน่อยหรือ?สืออีเหล
หญิงคนนั้นเองก็ไม่ค่อยอยากจะขึ้นรถม้าด้านหลังนักฟู่จาวหนิงยังได้ยินนางรังเกียจ บอกว่าทำไมไม่ให้นางนั่งรถใหม่คันหน้ากัน รถม้าด้านหลังมันเก่าเกินไป บอกว่าฟู่จาวหนิงกำลังดูถูกคนผู้ดูแลเติ้งพอได้ยินหน้าก็ดำถมึงทึง ขอโทษฟู่จาวหนิงปะหลกๆ"ถึงตอนนั้นนายท่านปล่อยนางลงมาก็พอแล้ว ขอบคุณนายท่านมาก ขอบคุณมากขอบคุณ"ผู้ดูแลเจิ้งพูดจบก็รีบขึ้นรถม้าตนเอง เพียงไม่นาน รถม้าของพวกเขาก็ทะยานไปด้านหน้าพอเห็นรถม้าของพวกเขาพุ่งทะยานลมออกไปราวกับติดปีกอย่างเร็วจี๋ ยิ่งไปกว่านั้นยังดูมั่นคงอย่างมาก สืออีจึงพูดกับฟู่จาวหนิงว่า "คุณหนู ม้าที่ลากรถของพวกเขาเป็นม้าชั้นยอดเลย"หรือก็คือ คนบนรถม้าตัวตนฐานะต้องไม่ธรรมดาเพราะว่าคนมีเงินเห็นได้ทั่วไป แต่ม้าชั้นยอดเช่นนี้ มักจะไม่ใช่แค่มีเงินก็จะซื้อได้ต่อให้ซื้อมา ก็ไม่ใช่ว่าใครจะม้าเช่นนี้มาลากรถเพียงแต่อีกฝ่ายล้วนอยู่แต่บนรถม้าไม่ยอมลงมา และไม่ส่งเสียงอะไรอีกด้วย ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหนผู้ดูแลเติ้งบอกว่านายท่านสุขภาพไม่ดีเดิมทีจะไปหายา ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ แล้วยังเป็นถนนเดียวกันด้วย อีกฝ่ายเองก็จะไปหาอาจารย์กั
"บ้านตระกูลฟางคือเรือนที่อยู่ตรงหน้านั้นใช่ไหม?"ได้ยินว่าข้างหน้าไม่ห่างไปนักมีเรือนที่ขนาดใหญ่ที่สุดอยู่แห่งหนึ่งได้ยินว่าเศรษฐีฟางใหญ่โตที่สุดในหมู่บ้านนี้ ที่นาเองก็มีมากที่สุดฟู่จาวหนิงเลิกม่านขึ้นเหลือบมองผาดหนึ่ง อาศัยความทรงจำ นางมองออกแล้ว"ใช่ ที่นั่นนั่นเอง"ฟางซือฉิงได้ยินว่าฟู่จาวหนิงมา ก็รีบกระโจนตัวออกไปจากห้องเหมือนนกน้อยอย่างร่าเริงเศรษฐีฟางมองนางดีใจขนาดนี้ ก็ถอนหายใจออกมา"หลายวันนี้เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด ตอนนี้ยิ้มออกมาได้เสียที" เศรษฐีฟางถอนหายใจกับฮูหยิน "ไม่สิ คุณหนูฟู่คนนั้นตอนนี้เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วนี่ แล้วลูกสาวของบ้านเรายังไปมาหาสู่ต่อได้ด้วยหรือนี่?""ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" ฮูหยินฟางรูปร่างอวบ ใบหน้ากลมดูมีราศี "ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เห็นว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่พวกไม่ดีอะไร แล้วยังดูเป็นเด็กที่ตรงไปตรงมาอีกด้วย มาเล่นกับซือฉิงของพวกเราแล้วก็ดีออก ตอนนี้ถึงนางจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วแต่ก็คงจะไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไร"นางเองก็เดินตามไปด้านนอก "จะว่าไป ตั้งแต่ที่ซือฉิงกลับมาจากเขาเมฆอรุณก็ไม่ใช่เอาแต่ชื่นชมอีกฝ่ายหรอกหรือ? บอกว่านางฉลาดกว่าเดิมเสียอ
ตอนที่เห็นสืออีผู้เฒ่าฟางก็เข้าใจทันที นี่น่าจะเป็นทหารจากจวนอ๋องเจวี้ยนสถานการณ์ของตระกูลฟู่พวกเขารู้อยู่แล้ว มีคนที่ดูองอาจเช่นนี้เสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บนตัวฟู่จาวหนิงก็ยังอยู่ในชุดเสื้อผ้าใหม่ด้วยฟู่จาวหนิงส่งสายตาให้สืออีผาดหนึ่งสืออีพยักหน้า เดินออกไปสืออีออกไปเดินวนในหมู่บ้านดูก่อน ถ้าหากนางอยู่ที่นี่ไม่ได้ถามอะไร สืออีก็ควรจะสังเกตเห็น"จาวหนิง พวกเราได้ยินเรื่องของเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่ถือสาที่พวกเราเรียกชื่อของเจ้าหรอกใช่ไหม?" ฮูหยินฟางดึงฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าเด็กคนนี้พอเทียบกับแต่ก่อน ก็รู้สึกเปล่งประกายขึ้นมามากจริงๆคนเองก็ยังเป็นคนเดิม แต่ดูแล้วกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"ไม่เป็นไรหรอก ฮูหยินฟางเรียกข้าอย่างนี้ดีกว่าตั้งเยอะ ซือฉิงเป็นเพื่อนรัรกของข้า อย่าได้เห็นเป็นคนอื่นไกลเลย"ฟู่จาวหนิงพอเห็นฮูหยินฟางก็รู้สึกชอบขึ้นมาเพราะว่าท่าทีของฮูหยินฟางเป็นหญิงสาวที่นิสัยดีมากมีน้ำใจและใจอ่อน แล้วยังดูสนิทสนมและดูมีราศีอีกด้วยตอนที่นางมองคนในดวงตาก็มีรอยยิ้มอยู่สามส่วนแล้ว ทำให้คนรู้สึกสนิทชิดเชื้อมาก"เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ" ฮูหยินฟางเองก็ชื่นชอบเช
พอได้ยินคำว่าหิน ฟู่จาวหนิงก็รู้แล้วว่าตนเองไม่ได้หาผิดที่ ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามพวกเขาจะต้องมาหาผู้เฒ่ากู้ที่นี่แน่ๆ"ใช่แล้ว เจ้าว่ามายอดเยี่ยมหรือ? เห็นบอกว่าหินเหล่านั้น ด้านในเป็นมรกตอยู่ด้วยนะ""หินแร่มรกตหรือ"ฟู่จาวหนิงเข้าใจทันที นางก่อนหน้านี้ทำไมถึงคิดไม่ถึงนะในเมื่อบอกว่าเป็นหินที่มีมูลค่า มันก็ต้องเป็นหินแร่อยู่แล้วสิหินหยาบมรกต ตอนนี้ในแคว้นเจาคงเริ่มมีคนเดิมพันกันแล้วกระมัง?เช่นนั้นแคว้นเจาเองก็ร้ายกาจมาก!ถ้าหากเป็นหินหยาบมรกตจริง จะขายออกไปได้ราคาไหนก็คงไม่ต้องแปลกใจแล้ว เช่นนั้นนางก็ยิ่งยอมให้ผู้เฒ่าสองผู้เฒ่าสามเอาหินที่เป็นของตระกูลฟู่ก้อนนั้นขายออกไปไม่ได้แล้ว"ใช่ๆๆ เป็นหินแร่ ผู้เฒ่ากู้บอกว่าเขาทางนั้นมีสิ่งของเอาไว้ตัดหิน ไปหาช่างที่เก่งกาจสร้างขึ้นมา ตอนขนเข้ามาก็จ่ายเงินไปไม่น้อย แล้วถ้าหินแร่ของพวกเขาตัดออกมาแล้วมีมรกตอยู่จริง เช่นนั้นก็คุ้มค่าเงินอยู่"เศรษฐีฟางพูด จากนั้นก็วิ่งไปอุ้มหินก้อนหนึ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น หินก้อนนี้มองแล้วน้ำหน้าประมาณห้าหกชั่ง ผิวเรียบลื่นสวยงามดี ประกายมันเงา"ผู้เฒ่ากู้ยังบอกว่า เขาทางนั้นก็สะสมก้อนหินด้วย บ้า
ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามกำลังมองไปยังชายกลางคนในเรือนอย่างตึงเครียยดผู้ชายที่ดูรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดหรูหรา บนมือมีแหวนมรกตเขียวหมึกวงใหญ่วงหนึ่งคนนี้ก็คือผู้เฒ่ากู้ผู้เฒ่ากู้มายังเมืองหลวงอันที่จริงก็ไม่ได้กระโตกกระตากมากนักจากที่เขาพูด คนที่เล่นพวกหินมรกต ก็ต้องเป็นพวกคนมีเงิน คนจนอย่าได้ข้องเกี่ยวเข้ามาเลยดังนั้นเขาจึงส่งเทียบเชิญไปให้กับคนมีเงินและคนที่คู่ควรบางส่วนในเมืองหลวง ประกาศออกไปเป็นวงเล็กๆคนเหล่านี้จึงบอกต่อกับคนที่ตนเองรู้จักอีกบางส่วนเรื่องเช่นนี้มาถึงผู้เฒ่าฟู่รองและผู้เฒ่าฟู่สามได้ จึงเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาพวกเขารู้สึกว่าตนเองนั้นร้ายกาจมา สามารถได้รับข่าวสารเช่นนี้ก่อน ได้รับโอกาสการทำเงิน"น้องสาม เจ้าว่าหินก้อนนี้เป็นหินแร่มรกตจริงไหม?"พอเห็นผู้อาวุโสกู้ยังตรวจสอบหินก้อนนั้นอย่างละเอียดอยู่ ซ้ำยังผ่านไปนานแล้วด้วย ผู้เฒ่าฟู่รองจึงรู้สึกใจตุ้มต่อมขึ้นมา"ทำไมถึงต้องดูนานขนาดนี้?"แต่ว่าตัวเขาเองระหว่างทางที่มาก็จ้องมองหินก้อนนั้นอยู่นานแล้ว ก็ยังมองไม่ออกว่ามันมีความพิเศษอะไร กระทั่งยังรู้สึกว่าน่าเกลียดไปหน่อยเสียด้วยซ้ำถ้าไม่
เขาชะงักไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ "แน่นอน ในทางกลับกันก็ยังเป็นหลักการเดิม ถ้าหากข้าบอกราคาไปแล้ว หินก้อนนี้เป็นของข้าแล้ว ถ้าตัดออกมาได้หยกคุณภาพดี พวกท่านก็จะมาเสียใจทีหลังแล้วจะเอาหินกลับไปไม่ได้แล้ว""เรื่องนี้" ผู้เฒ่าฟู่รองมองผู้เฒ่าฟู่สาม "น้องสาม พวกเราท"ขายดีไหม?หินที่น้องสี่ให้ความสำคัญ คุณสมบัติมันจะดีมาจริงไหม?น้องสี่ให้พวกเขาเอาหินมาให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วค่อยบอกราคาจากคุณสมบัติ แต่เขาทั้งสองคนก็รู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป"ไม่รู้ว่าผู้เฒ่ากู้จะให้ราคาที่เท่าไร?" ผู้เฒ่าฟู่สามถามผู้เฒ่ากู้นิ่งขรึมไปพักหนึ่ง "เอาอย่างนี้ เดิมทีหินก้อนนี้ข้าไม่ให้ราคาสูงนัก แต่ว่าพวกท่านก็เป็นคนแรกที่ส่งหินเข้ามา ส่วนข้าน่ะก็อยากจะยิงประทัดนัดแรกให้ดังลั่นด้วย ดังนั้นจึงจะยกราคาขึ้นสูงอีกหน่อย ถือเป็นการเปิดประตูมงคลให้แก่ตนเองไปเลย"แล้วมันเท่าไรกัน?"หินก้อนนี้ ข้าจะซื้อที่หนึ่งพันตำลึง" ผู้เฒ่ากู้เอ่ยขึ้นหนึ่งพันตำลึง!หินโทรมๆ ก้อนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้ใหญ่โตมากด้วย แต่ดันขายได้ตั้งหนึ่งพันตำลึง!พวกเขาเดิมทีคิดว่าได้สัห้าสิบหนึ่งร้อยตำลึงก็จะยอมเสียเปรียบแล้วใครจะไปคิดว่าจะขายได้ถึง
พอได้ยินว่าคุกใต้ดินน้ำรั่ว หัวหน้าคุกก็ปวดหัวขึ้นมาเลยทีเดียวทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงน้ำรั่วเข้ามากัน?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สาวงามเหล่านี้เป็นคนจากที่ไหน เขาเองก็รู้อยู่ถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ถูกยัดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ไม่มีทางที่จะมีใจปฏิพัทธ์กับอ๋องเจวี้ยนแต่ถ้าตอนนี้ให้พวกนางต้องมาเห็นว่าคุกอ๋องที่ขังอ๋องเจวี้ยนไว้เป็นเช่นไร คงจะยากที่พวกนางจะไม่พูดกันออกไปองค์จักรพรรดิแค่บอกว่าจะขังอ๋องเจวี้ยนสองเดือนให้เขาได้ไปนั่งทบทวนตนเอง แต่ไม่ได้บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะต้องถูกทรมานอยู่ในคุกเช่นนั้นองค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหน้าอยู่เป็นแน่แท้"คุกใต้ดิน?"ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ "พวกเราเมื่อครู่ดูห้องขังพวกนี้แล้วแต่ไม่เจอท่านอ๋องของข้าเลย เจ้าคงไม่ได้ขังเขาไว้ในคุกใต้ดินกระมัง? คุกใต้ดินที่น้ำรั่ว?"ยังไม่ทันที่หัวหน้าคุกจะพูดอะไร นางก็อุทานตกใจขึ้นมา "ให้ตายเถอะ! สุขภาพท่านอ๋องของพวกเรายังไม่หายดีนะ ห้องขังปกติตรงนี้ไม่มีใครอยู่ แล้วทำไมถึงเอาเขาไปขังไว้คุกใต้ดินกัน? สวรรค์โปรดพระโพธิสัตว์กวนอินเอ๋ย หรือความหมายขององค์จักรพรรดิ จะไม่ใช่ให้ท่านอ๋องไปคิดทบทวน แต่จะทรมานเขาอยู
"อ๊า!" อวิ๋นจูถูกทำให้ตกใจจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา หลบไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว จนไปกระแทกกับชิวอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ นางชิวอวิ๋นถูกกระแทกจนไปโดนประตูห้องขังอีกห้อง เสียงดังปึงนางกำลังจะกรีดร้อง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ข้างหูมีลมหายใจคาวๆ พ่นมาที่ต้นคอ ตกใจจนนางสะดุ้งโหยง ขนลุกชูชันไปทั้งตัวนางหันหน้าคอแข็งมองไป ก็เห็นว่าด้านหลังประตูห้องขังมีผู้เฒ่าคนหนึ่งประชิดเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง สูดลมหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม"หญิงสาวนี่ตัวหอมจริง...""อ๊า!"พริบตาเดียว ชิวอวิ๋นก็กรีดร้องแหลมขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดีดตัวออกห่างอย่างรวดเร็วผู้คุมพุ่งเข้ามา กระบองในมือก็ออกแรงฟาดไปที่ประตูห้องขัง"ถอยออกไป!""ทำอะไรน่ะ? ทำอะไร? อยากตายหรือไรกัน?"นักโทษเหล่านั้นล้วนถอยกลับไปในมุมของห้องขัง แต่ก็ยังมีคนที่จับจ้องมายังหญิงสาวเหล่านี้ ในดวงตามีประกายเหมือนหมาป่าชั่วร้ายอย่างไรอย่างนั้นขังอยู่ในนี้นานเกินไปแล้ว พวกเขาไม่เห็นหญิงสาวมาตั้งนาน แล้วยังเป็นหญิงสาวแรกแย้มที่สวยขนาดนี้อีกพวกของอวิ๋นจูถูกสายตาเช่นนี้จับจ้องจนตัวสั่น รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้วพวกนางมองไปทางฟู่จาวหนิง แต่กลับเห็นฟู่จาวหนิงที่ไม่รู้ว่าสวมหน้
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า?" ผู้คุมถลึงตาโต สงสัยว่าหูของตนเองคงจะฝาดไป"ข้าแจ้นมาที่นี่เพื่อมาล้อเล่นอย่างนั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงสีหน้าแข็งขัน "ทำตามราชโองการ พวกเราก็รีบเข้ามาปรนนิบัติอ่องเจวี้ยนนี่อย่างไร อ๋องเจวี้ยนถ้าต้องอยู่ที่นี่สองเดือน พวกเราจะไปกเินดีอยู่ดีในจวนได้อย่างไรกัน? แน่นอนว่าต้องมาร่วมกันลำบากที่นี่ด้วยสิ""แต่ แต่ว่า..."ผู้คุมทั้งหมดล้วนเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร แต่ละคนใบ้กินกันไปหมดอ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกใต้ดินนะ แล้วยังเป็นคุกใต้ดินที่สิ่งแวดล้อมแย่ที่สุดห้องนั้นด้วย"พวกเจ้าไม่เชื่อก็ไปถามองค์จักรพรรดิเอา สายสวยพวกนี้ฝ่าบาทส่งมา บอกให้พวกนางดูแลอ๋องเจวี้ยนให้ดี ข้าจะให้พวกนางขัดราชโองการได้อย่างไรกัน?"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก แสดงออกว่าตนเองเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังต่อราชโองการ"นี่นี่นี่ พวกนางควรจะรออยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนถึงจะถูกสิ...""เช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ท่านอ๋องพวกเราต้องอยู่ในคุกตั้งสองเดือนเชียวนะ นี่เดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้วด้วย พวกเราจะปล่อยให้เขาติดคุกอยู่คนเดียว แต่ตนเองไปเสวยสุขอยู่ในจวนได้อย่างไ
เขาควรจะเขียนจดหมายบอกนายท่านหน่อยดีไหม ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ถูกยัดหญิงสาวเข้ามาถึงสามคน? ถ้ารับสามคนนี้เข้ามา หลังจากนี้ก็คงจะมีคนที่สี่ห้าหกเจ็ดอีกถ้าหากหญิงสาวเหล่านี้วันวันเอาแต่ลอยชายอยู่ข้างกายคุณหนูกับอาเขย ร้อยเล่ห์มารยา จะช้าเร็วคงได้ส่งผลกระทบกับความรักของคุณหนูกับอาเขยแน่ๆผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยก็ได้ข่าวนี้แล้ว ปู่หลานทั้งสองคนก็รีบตรงเข้ามาและได้ยินคำพูดที่อวิ๋นจูกำลังเลือกเรือนกับฟู่จาวหนิงอยู่"พระชายา ข้าได้ยินว่าท่านอยู่ในเรือนเจียนเจีย เรือนนั้นห่างจากเรือนโยวหนิงไปหน่อย ข้าอยู่เรือนไหนถึงจะดีล่ะ? หรือให้ข้าเลือกเรือนที่อยู่ใกล้กับเรือนโยวหนิงหน่อยดี? อีกหน่อยท่านอ๋องถ้าจะไปหาข้าก็ไม่ต้องเดินทางไกลแล้ว"นิ้วมืออวิ๋นจูกำชายเสื้อตนเองไว้ ก้มหน้าต่ำนิดหน่อย ดูอ่อนโยนอ่อนแอ ทำให้คนอยากเข้ามาปกป้อง"ร่างกายของท่านอ๋องไม่ใช่เพิ่งดีขึ้นหรือ? หลังจากนี้หากจะต้องมาหาตอนกลางคืน ถ้าเดินไหกลมากคงไม่ดีกับสุขภาพเขาเท่าไร""หญิงสาวอย่างเจ้าไม่หน้าด้านไร้ยางอายไปหน่อยหรือ?!"ฟู่จาวเฟยพอได้ยินคำพูดนี้ก็ด่าลั่นออกมาอย่างโกรธเคืองยังไม่มีตัวตนฐานะอะไรกันเลย นี่คิดจะมาบีบคั้
ฟู่จาวหนิงดึงสติกลับมาที่นี่ยังไม่มีความคิดเรื่องที่ว่าเครือญาติแต่งงานกันไม่ได้สินะแล้วเรื่องที่ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันก็มีอยู่มากมายจริงๆเซียวหลันยวนกับอวิ๋นจูเองก็ไม่ถือว่าเป็นญาติใกล้ๆ กันแล้ว จากที่พวกเขาเห็นก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร"ท่านถามข้าว่าทำไมไม่เรียกเขาพี่ชาย ไม่ใช่คิดจะหยามหมิ่นข้าหรอกหรือ?" อวิ๋นจูเข้ามาใกล้นาง กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า "แม่ของข้าเป็นเมียน้อยที่ไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ราชวงศ์ไม่ยอมรับตัวตนฐานะของข้า พ่อของข้าก็ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนข้าแล้วพาข้าไปพบเหล่าพี่น้องในราชวงศ์พวกนั้นอย่างผ่าเผย แล้วอ๋องเจวี้ยน จะมองข้าเป็นน้องสาวได้อย่างไรกัน?""ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะใช้ความสัมพันธ์ในชั้นนี้เข้าใกล้เขาตั้งแต่แรก"อวิ๋นจูดูแล้วเหมือนจะภูมิใจขึ้นมาหน่อย แต่พอฟังน้ำเสียงนางก็ยังมีความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เหมือนกันคนแม่เป็นเมียน้อย เป็นความเจ็บปวดในใจนางมาโดยตลอด"ข้าเชื่อว่า ด้วยตัวของข้า ข้าเองก็สามารารถทำให้อ๋องเจวี้ยนเอียงตามองข้าต่างออกไปได้"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองพิจารณานางผาดหนึ่งท่ามกลางสายตาพิจารณาของนาง อวิ๋นจูก็ยืดอกขึ้นนางมั่นใจกับรูปร่างภายนอกของ
"องค์จักรพรรดิประกาศว่า...""โอ้ เจ้าพูดมา"คือเป็นพระราชโองการที่ไม่ค่อยจริงจังสินะ ฟู่จาวหนิงเอะใจขึ้นหน่อยๆขันทีกระแอม สายตาของพระชายาอ๋องเจวี้ยนเหมือนแสดงความหมายของนางออกมาอย่างชัดเจน"องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง เห็นแก่อ๋องเจวี้ยนที่ร่างกายอ่อนแอโดดเดี่ยวมาตั้งแต่เล็ก ไม่ค่อยได้รับความรักที่อบอุ่น ดังนั้นจึงเพาะบ่มนิสัยขี้อายและดื้อรั้นออกมา ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนสุขภาพกลังหันไปในทางที่ดี จึงต้องรีบปรับตัวกับชีวิตทั่วไปให้ไว้ที่สุด จวนอ๋องเองก็ควรจะมีคนให้มากขึ้น และในจวนอ๋องเองก็มีแม่นางหลายคนเข้าไปอยู่ใหม่พอดี ล้วนเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนเรียบร้อยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถแบ่งเบาภาระในจวนอ๋องแก่พระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ และสามารถคอยดูแลอ๋องเจวี้ยน ให้จวนอ๋องเต็มไปด้วยความรักที่อบอุ่น"พอฟังถึงจุดนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจความหมายขององค์จักรพรรดิขึ้นมานี่คิดจะใช้พระราชโองการมากดดันนาง ให้นางจำเป็นต้องเก็บแม่นางสามคนนี้เอาไว้เซียวหลันยวนมีความคิดจะเก็บข้าวของของพวกนางแล้วโยนออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปด้วยกัน มันก็ดูเรียบง่ายและหยาบคายอยู่ ทว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิก็จะทำตรงข้ามกับเขาแล้วขันทีเองก
ฟู่จาวหนิงมาถึงโถงหน้าสาวงามทั้งสามคนเองก็อยู่ที่นี่ชิวอวิ๋น อวิ๋นจู และยังมีคนนั้นที่ชื่อซือหรูและเป็นไปตามคาด คนที่ชื่อซือหรูก็ยังเป็นแม่นางที่หน้าตาดีชิวอวิ๋นหน้าตาสะสวย ดูมีความหยิ่งยโสที่สง่าผ่าเผยหน่อยๆ ซือหรูกลับเป็นพวกดูอ่อนโยนเรียบร้อยอวิ๋นจูเป็นคนที่โดดเด่นสุดในสามคนนี้ คิ้วตาคมชัดวิจิตร โดยเฉพาะผิวที่ขาวผ่องนั่นยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นจูยังเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดีที่สุดในสามคนนี้ด้วย แม้นางจะเป็นลูกสาวนอกสมรส แต่บิดาก็เป็นถึงอ๋องฉยงนางยืนอยู่คนเดียวห่างจากชิวอวิ๋นกับซือหรูออกมาหน่อย ดูแล้วเหมือนจะรังเกียจที่ต้องยืนอยู่ด้วยักนกับสองคนนั้นตรงหน้าพวกนางยังมีขันทีคนหนึ่งเข้ามาประกาศราชโองการ กำลังยืนรออย่างกระวนกระวายพอเห็นฟู่จาวหนิงเดินมา เขาก็รีบโค้งตัวคารวะ เดินเข้ามาต้อนรับ"เจ้าคนรับใช้" อวิ๋นจูแอบส่งสายตาเหยียดๆ ใส่ขันทีคนนี้นี่เป็นถึงคนข้างกายองค์จักรพรรดิเลยนะ แล้วยังเป็นคนแจ้งราชโองการอีก ทำไมถึงต้องพะเน้าพะนอพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนั้น?นางไม่รู้ ว่าต่อให้ไม่มีอ๋องเจวี้ยน ตอนที่ฟู่จาวหนิงเข้าวังสมัยก่อนก็ไม่ได้ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเท่าไรนัก ยิ่งไ
"ท่านอ๋องของพวกเจ้าเตรียมการไว้นานแล้วสินะ?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ องครักษ์ลับก็ใจเต้นขึ้นมา ทำไมจึงรู้สึกว่าคำพูดนี้ของพระชายาทำเอาใจลนลานไปหมดกันนะ?"ท่านอ๋องหลายวันก่อนจัดคนไปไว้ในคุกใหญ่แล้ว แต่ว่า ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ว่าวันที่เข้าคุกน่าจะเป็นหลายวันหลังจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นห้องคุกก็ยังเป็นอีกที่หนึ่งด้วย..."ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ"วางแผนไว้แล้วจริงๆ? หรือก็คือ เขาตอนนี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องคุกที่เตรียมเอาไว้สินะ?"เซียวหลันยวนผู้ชายคนนี้ มีอย่างที่ไหน คิดเอาไว้นานแล้วว่าองค์จักรพรรดิจะจับเขาขังคุก แล้วตนเองก็จัดเตรียมไว้ดิบดี แต่กลับไม่ยอมบอกให้นางรู้แม้แต่น้อย!เขาเคยคิดไหมว่านางจะเป็นห่วงเขา?จดหมายนางก็ไม่ได้รีบร้อนเอามาอ่าน แต่นางกลับอยากจะถามก่อน!องครักษ์ลับก้มหน้าต่ำ "ขอรับ ท่านอ๋องถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน...""คุกใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็...พอไหวอยู่กระมัง?""เหอะๆ" ฟู่จาวหนิงหัวเราะเย็นชาในใจองครักษ์ลับลนลานกว่าเดิมแล้ว ท่านอ๋องกำชับไว้ ว่าอย่าบอกสถาพในห้องคุก แต่ตอนนี้พระชายาทำท่านเหมือนจะถามให้ละเอียดเสียแล้ว แล้วเขาไม่พูดได้หรือ?"เจ้าจะไม่พูดก็ได้" ฟู่จาวหนิง
"กลับไปแจ้งพระชายา ว่าไม่ต้องกังวล"ในห้องคุกมืด เซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนกองฟาง หลับตา น้ำเสียงฟังแล้วนิ่งสงบมาก"ท่านอ๋อง พระชายาจะต้องถามสถานการณ์ในคุกแน่นอน ถ้าหากพระชายาต้องการจะรู้ องค์จักรพรรดิถึงกับจับท่านส่งมาในคุกที่มืดอับชื้นเช่นนี้..."แล้วพระชายาจะไม่เป็นห่วงแย่หรือ?องครักษ์ลับพิจารณาคุกใหญ่แห่งนี้พวกเขาเดิมทีคิดว่า องค์จักรพรรดิจะให้คนพาท่านอ๋องส่งไปที่ห้องคุกด้านบนซึ่งสะอาดกว่าแห้งกว่าหน่อย ห้องคุกด้านบนอย่างน้อยก็ยังมีเตียง ยิ่งไปกว่านั้นยังสะอาดกว่านี้ มีหน้าต่างสามารถรับแสงได้ ตอนกลางวันยังสว่างขึ้นหน่อยคิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิจะพาคนมาขังเอาไว้ในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดเสียอย่างนั้นคุกใต้ดินนี้แต่ก่อนมีไว้ขังพวกนักโทษหนักที่สังหารคนเป็นผักปลา ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสง ขุดเอาไว้ใต้ดิน อับชื้นมากๆยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่มีเตียง ที่มุมหนึ่งก็วางไว้แค่กองฟาง มุมกำแพงมีตะไคร่ขึ้นเนื่องจากอับชื้น กลิ่นของที่นี่ก็แย่เอามากๆขังไว้ที่นี่คือไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยทีเดียวถ้าหากท่านอ๋องยังมีสุขภาพแบบก่อนหน้านี้ อยู่ในนี้แค่คืนเดียวก็คงป่วยพับไปแล้วตอนนี้ร่างกายขอ