ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามกำลังมองไปยังชายกลางคนในเรือนอย่างตึงเครียยดผู้ชายที่ดูรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดหรูหรา บนมือมีแหวนมรกตเขียวหมึกวงใหญ่วงหนึ่งคนนี้ก็คือผู้เฒ่ากู้ผู้เฒ่ากู้มายังเมืองหลวงอันที่จริงก็ไม่ได้กระโตกกระตากมากนักจากที่เขาพูด คนที่เล่นพวกหินมรกต ก็ต้องเป็นพวกคนมีเงิน คนจนอย่าได้ข้องเกี่ยวเข้ามาเลยดังนั้นเขาจึงส่งเทียบเชิญไปให้กับคนมีเงินและคนที่คู่ควรบางส่วนในเมืองหลวง ประกาศออกไปเป็นวงเล็กๆคนเหล่านี้จึงบอกต่อกับคนที่ตนเองรู้จักอีกบางส่วนเรื่องเช่นนี้มาถึงผู้เฒ่าฟู่รองและผู้เฒ่าฟู่สามได้ จึงเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาพวกเขารู้สึกว่าตนเองนั้นร้ายกาจมา สามารถได้รับข่าวสารเช่นนี้ก่อน ได้รับโอกาสการทำเงิน"น้องสาม เจ้าว่าหินก้อนนี้เป็นหินแร่มรกตจริงไหม?"พอเห็นผู้อาวุโสกู้ยังตรวจสอบหินก้อนนั้นอย่างละเอียดอยู่ ซ้ำยังผ่านไปนานแล้วด้วย ผู้เฒ่าฟู่รองจึงรู้สึกใจตุ้มต่อมขึ้นมา"ทำไมถึงต้องดูนานขนาดนี้?"แต่ว่าตัวเขาเองระหว่างทางที่มาก็จ้องมองหินก้อนนั้นอยู่นานแล้ว ก็ยังมองไม่ออกว่ามันมีความพิเศษอะไร กระทั่งยังรู้สึกว่าน่าเกลียดไปหน่อยเสียด้วยซ้ำถ้าไม่
เขาชะงักไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ "แน่นอน ในทางกลับกันก็ยังเป็นหลักการเดิม ถ้าหากข้าบอกราคาไปแล้ว หินก้อนนี้เป็นของข้าแล้ว ถ้าตัดออกมาได้หยกคุณภาพดี พวกท่านก็จะมาเสียใจทีหลังแล้วจะเอาหินกลับไปไม่ได้แล้ว""เรื่องนี้" ผู้เฒ่าฟู่รองมองผู้เฒ่าฟู่สาม "น้องสาม พวกเราท"ขายดีไหม?หินที่น้องสี่ให้ความสำคัญ คุณสมบัติมันจะดีมาจริงไหม?น้องสี่ให้พวกเขาเอาหินมาให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วค่อยบอกราคาจากคุณสมบัติ แต่เขาทั้งสองคนก็รู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป"ไม่รู้ว่าผู้เฒ่ากู้จะให้ราคาที่เท่าไร?" ผู้เฒ่าฟู่สามถามผู้เฒ่ากู้นิ่งขรึมไปพักหนึ่ง "เอาอย่างนี้ เดิมทีหินก้อนนี้ข้าไม่ให้ราคาสูงนัก แต่ว่าพวกท่านก็เป็นคนแรกที่ส่งหินเข้ามา ส่วนข้าน่ะก็อยากจะยิงประทัดนัดแรกให้ดังลั่นด้วย ดังนั้นจึงจะยกราคาขึ้นสูงอีกหน่อย ถือเป็นการเปิดประตูมงคลให้แก่ตนเองไปเลย"แล้วมันเท่าไรกัน?"หินก้อนนี้ ข้าจะซื้อที่หนึ่งพันตำลึง" ผู้เฒ่ากู้เอ่ยขึ้นหนึ่งพันตำลึง!หินโทรมๆ ก้อนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้ใหญ่โตมากด้วย แต่ดันขายได้ตั้งหนึ่งพันตำลึง!พวกเขาเดิมทีคิดว่าได้สัห้าสิบหนึ่งร้อยตำลึงก็จะยอมเสียเปรียบแล้วใครจะไปคิดว่าจะขายได้ถึง
ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฟู่รองก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"พวกเขาขโมยของในบ้านข้าออกมาขาย ผลลัพธ์กลับมาบอกว่าข้ามาวุ่นวายหรือ? เรื่องนี้ข้าควรจะรายงานกับทางการไหม?""รายงานทางการ?""ขโมยของ?"ผู้เฒ่าฟู่รองพวกเขาเองก็มึนงง"เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร?""หนิก้อนนี้ไม่ใช่ว่าพวกท่านย้ายมาจากบ้านตระกูลฟู่หรอกหรือ?" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่หินก้อนนั้น เฉินซานกับชุนเจิ้งชิวเซิงก็ฉลาดเฉลียว ทั้งสามคนเดินออกไปทันที ยืนล้อมหินก้อนนั้นเป็นเช่นนี้ก็ลองดูว่าใครจะกล้าแย่งสืออีเองก็ยืนอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิงเขาต้องการจะปกป้องฟู่จาวหนิง"ผู้เฒ่ากู้" เศรษฐีฟางเองก็เดินขึ้นมาอยู่ข้างๆ ผู้เฒ่ากู้ เอ่ยกับเขาว่า "นี่คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลฟู่ สองคนนั้นคือลุงของนาง มาอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ หินก้อนนี้พวกเขาย้ายออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ ท่านยังไม่ได้ซื้อใช่ไหม?"ผู้เฒ่ากู้เองก็หน้าเปลี่ยนสี"พวกเขาบอกกับข้าว่า นี่เป็นหินที่เข้าเอามาจากบ้านตนเอง""บ้านพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงเสียที่ไหน? ล้วนอยู่กันนอกเมืองทั้งนั้น หลายปีนี้ก็แค่มาอาศัยอยู่ ของอะไรในบ้านก็ล้วนไม่ใช่ของพวกเขาทั้งนั้น"เรื่องเหล่านี้เศรษฐีฟาง
"ไม่ใช่ บิดาของพวกเขาเป็นลูกเมียน้อย ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ยินท่านปู่พูดว่า ในอดีตก่อนหน้าที่จะแยกบ้าน น้องชายต่างมารดาคนนั้นก็ก่อเรื่องจนทำให้ทวดของข้าโกรธ จนแทบจะตัดออกจากตระกูลฟู่ไปแล้ว หลังจากแยกบ้านมาก็พูดว่าจะไม่แวะมาอีก แต่พอผ่านไปนาน ปู่ของข้าก็เปิดใจไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ตั้งใจจะดึงคนในตระกูลมาที่เมืองหลวง อยากจะให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นหน่อย"ฟู่จาวหนิงกำลังคิดหาโอกาส ที่จะยกความสัมพันธ์ของพวกเขาออกมาพูดให้ชัดเจนส่งออกไปพอดีถึงตอนนั้นทุกคนคงไม่คิดว่าสิ่งที่นางทำเลวทรามต่ำช้า"ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์เช่นนี้นีเ่อง"เศรษฐีฟางเอ่ยหยันขึ้นมาคำหนึ่ง "เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านเจ้าเลยน่ะสิ"รุ่นพ่อแบ่งบ้านกันไปเสร็จสรรพแล้ว แล้วนี่ยังแยกกันด้วยสายเลือดอีก ตอนนี้ต่อให้ผู้เฒ่าฟู่อายุมากแล้ว แต่บ้านของผู้เฒ่าฟู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางวนมาให้พวกลูกหลานของบ้านน้อยครอบครองหรอกกระมัง?"จาวหนิง!จะว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นแค่รุ่นหลังคนหนึ่ง ตอนที่แยกบ้านครั้งนั้นกระทั่งพ่อแม่ของเจ้าก็ยังไม่มีเงาหัวเลย แล้วเจ้าจะมายกไม้ยกมือขีดคั่นตอนนี้ได้หรือ?"ผู้เฒ่าฟู่สามเองก็หน้าเย็นชา เอ
คำพูดเหล่านี้ของฟู่จาวหนิง ทำให้ผู้เฒ่าฟู่รองผู้เฒ่าฟู่สามหน้าดำหน้าขาวเลยทีเดียวท่ามกลางสายตาประชดประชันของคนทั้งหมด พวกเขาอยู่ไม่ได้แล้ว มองเหยียดหนักๆ ไปทางฟู่จาวหนิง ทั้งสองคนก้วิ่งหนีออกไปอย่างซมซานตอนที่ออกประตูพวกเขายังหันกลับมาเหลือบมองหินก้อนนั้นผาดหนึ่ง รู้สึกไม่ยินยอมอย่างมากมลายหายไปแล้วหนึ่งพันสองร้อยตำลึง!เหล่าฮูหยินและเด็กๆ ยังล้วนพักอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาเดิมทีกำลังคิด ว่าเงินก้อนนี้สามารถนำออกมาจ่ายค่าเช่าพักหลายวันนี้ได้ กินเนื้อกินอะไรได้ แล้วเขายังคิดจะซื้อที่นาอีกหลายหมู่ด้วยหลังจากขายบ้านตระกูลฟู่ ค่อยมาซื้อเพิ่มหมู่เพิ่มถึงตอนนั้นพวกเขาก็สามารถทำตัวเป็นเจ้าบ้านในหมู่บ้านนี้ได้แล้วออกศึกไม่ราบรื่น!หนึ่งพันสองร้อยตำลึงหายวับไปแล้ว!หลังจากกลับไป ฮูหยินรองฮูหยินสามพวกเขาก็จ้องมองตาแป๋วเข้ามา"ขายแล้วหรือ? ผู้เฒ่ากู้ให้มาเท่าไร?"ฮูหยินสามรีบถามขึ้น"น้องสี่ทางนั้นให้ความเห็นมาคำหนึ่ง เขาบอกว่าพวกเราแบ่งให้เขาน้อยหน่อยก็ได้" ฮูหยินรองเองก็คำนวณขึ้นมา"เฮ้อ!"ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามสบตากัน ทั้งสองคนถอนล้วนถอนหายใจหนักๆ ออกมาหลังจากพวกเขาไป
"หินของผู้เฒ่ากู้อยู่ที่ไหนหรือ? พวกเราขอดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมา"อยู่ที่เรือนหลัง!" ผู้เฒ่ากู้ยินดีขึ้นมา เรียกคนใช้ให้พาพวกเขาไปที่เรือนหลัง"ผู้เฒ่ากู้ ผู้เฒ่ากู้ ท่านมาดูหินพวกนี้ของข้าหน่อย รื้อออกมาจากภูเขาจำลองในบ้านน่ะ!"มีคนย้ายหินเข้ามาให้ผู้เฒ่ากู้ดูฟู่จาวหนิงเดิมทีกำลังจะไปเรือนหลัง พอได้ยินเสียงก็เหลือบตาดู มองไปยังหินก้อนนั้นนางไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่มองเห็นหินก้อนหนึ่งในนั้นสายตาก็ย้ายออกไม่ได้เลย"เดี๋ยวก่อน พวกเราขอดูหน่อย" ฟู่จาวหนิงดึงฟางซือฉิงไว้"ดูสิดูสิ ลองฟังว่าผู้เฒ่ากู้จะพูดอย่างไร ไม่แน่ว่าอาจจะได้เรียนรู้" เศรษฐีฟางเองก็รีบพูดขึ้นผู้เฒ่ากู้มองหินเหล่านี้อย่างละเอียด เลือกก้อนที่ใหญ่ที่สุดในนั้นออกมา นั่งยองลงลูบๆ มองๆ อย่างละเอียดก้อนที่ฟู่จาวหนิงเพิ่งจะต้องตาก้อนนั้น เขากลับมองผาดเดียวแล้วโยนทิ้งไปข้างๆ ไม่สนใจเสียแล้วหินก้อนนั้นผิวดำแตกลาย ไม่ใหญ่มาก ค่อนข้างเล็ก น่าจะขนาดแค่สองกำปั้นของนางเท่านั้น พออยู่ในกองหินเหล่านั้น หินก้อนนี้เล็กที่สุด เหมือนแค่มีคนสุ่มหยิบขึ้นมาแล้วยัดให้เต็มๆ ก็เท่านั้นแต่ว่าพอนางเหลือบมองก็เห็นหินก้อนนั้
ชายหนุ่มสองคนนั้นมองไปทางผู้เฒ่ากู้"อันนี้ถือเป็นของแถมให้แล้วกัน ข้าให้สามสิบตำลึง ถือโอกาสรับเข้ามาด้วยแล้วกัน" ผู้เฒ่ากู้เองก็ไม่ได้เห็นหินก้อนนั้นอยู่ในสายตาเช่นกันสามสิบตำลึง น้อยขนาดนี้เชียวฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า "เช่นนั้นข้าให้สี่สิบตำลึง ขายแยกให้ข้าหน่อยได้ไหม?"กลุ่มคนตกตะลึงไปผู้เฒ่ากู้เองก็มึนงง จากนั้นก็เตือนนางขึ้นมา "คุณหนูฟู่ หินก้อนนี้เล็กเกินไป ต่อให้สามารถตัดออกมาเป็นหินหยกได้ แต่ดูจากผิวดำตรงนี้ คุณสมบัติของหยกก็คงไม่ได้ดีมาก เป็นไปได้มากว่าแกะออกมาเป็นหยกพกชิ้นหนึ่งได้ หยกพกธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง น่าจะขายได้ราวห้าตำลึง"ดังนั้นที่เขาให้ราคาสามสิบตำลึงถือว่าสูงกว่าหินก้อนใหญ่ก้อนอื่นแล้ว นี่แค่ถือโอกาสรับเข้ามาเท่านั้นสามสิบตำลึงถือว่าแพงเกินไปแล้ว ฟุ่จาวหนิงยยังให้มาถึงสามสิบแปดตำลึงหรือ?การตัดหินนั้นต้องใช้แรงมาก นางจะตัดหินก็ต้องออกเงินส่วนหนึ่ง ถึงตอนนั้นเรียกคนมาแกะงานก็ยังต้องจ่ายค่าแรง บวกกันแล้วต้นทุนก็น่าจะไปถึงห้าสิบตำลึงแล้วถ้าแกะออกมาได้แค่หยกพกชิ้นหนึ่งราคาห้าตำลึง นี่มันจะขาดทุนหนักเอานะฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "ไม่เป็นไร ข้ารู้สึกว่าหินก้อ
ฟู่จาวหนิงมองหินก้อนนั้น และพบว่าไม่เลวเลย"จาวหนิงจาวหนิง เจ้าคิดว่าหินก้อนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" ฟางซือฉิงถามนางขึ้นอย่างดีอกดีใจ"ข้าว่าได้อยู่" ฟู่จาวหนิงพยักหน้าเศรษฐีฟางที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะร่าขึ้นมาเขามีความสุขเหลือเกิน "พวกเจ้านี่เป็นพี่น้องกันจริงๆ เลือกหินหยกก็ยังเลือกคล้ายกันอีกหรือ?"แล้วมันเลือกแบบไหนได้อีกกัน?แต่พอเห็นลูกสาวดีอกดีใจเช่นนี้ เขาเองก็ยินดีที่จะจ่ายเงินนี้"ผู้เฒ่ากู้ หินก้อนนี้ราคาเท่าไรหรือ?"ผู้เฒ่ากู้มองๆ ฟู่จาวหนิง"เอาอย่างนี้ หินก้อนนี้ข้าคิดยี่สิบแปดตำลึงแล้วกัน""ท่านพ่อ จ่ายเงินเลย" ฟางซือฉิงรีบพูดกับเศรษฐีฟางทั้งสองคนซื้อหินคนละก้อน ล้วนร้อนรนอยากรู้ว่าในนี้มีหินหยกอยู่หรือไม่ มีหินหยกแบบไหนอยู่หลังจากถามผู้เฒ่ากู้ ทั้งสองคนก็จ่ายเงินสองตำลึงเพื่อทำการแยกหินที่นี่เครื่องตัดหินนั้นถูกดันออกมา ให้ตายเถอะ ใหญ่โตเหลือเกิน"ใบมีดด้านนี้ต้องคอยเปลี่ยนอยู่บ่อยๆ ดังนั้นค่าใช้จ่ายตัดหินจึงไม่ถูก" ผู้เฒ่ากู้อธิบายกับพวกเนาง "แต่ว่าของพวกท่านเป็นก้อนเล็ก ดังนั้นจึงเก็บแค่สองตำลึงพอ ถ้าใหญ่หน่อย ค่าใช้จ่ายก็จะแพงขึ้นอีก"เรื่องนี้เข้าใจได้
พอได้ยินว่าคุกใต้ดินน้ำรั่ว หัวหน้าคุกก็ปวดหัวขึ้นมาเลยทีเดียวทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงน้ำรั่วเข้ามากัน?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สาวงามเหล่านี้เป็นคนจากที่ไหน เขาเองก็รู้อยู่ถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ถูกยัดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ไม่มีทางที่จะมีใจปฏิพัทธ์กับอ๋องเจวี้ยนแต่ถ้าตอนนี้ให้พวกนางต้องมาเห็นว่าคุกอ๋องที่ขังอ๋องเจวี้ยนไว้เป็นเช่นไร คงจะยากที่พวกนางจะไม่พูดกันออกไปองค์จักรพรรดิแค่บอกว่าจะขังอ๋องเจวี้ยนสองเดือนให้เขาได้ไปนั่งทบทวนตนเอง แต่ไม่ได้บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะต้องถูกทรมานอยู่ในคุกเช่นนั้นองค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหน้าอยู่เป็นแน่แท้"คุกใต้ดิน?"ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ "พวกเราเมื่อครู่ดูห้องขังพวกนี้แล้วแต่ไม่เจอท่านอ๋องของข้าเลย เจ้าคงไม่ได้ขังเขาไว้ในคุกใต้ดินกระมัง? คุกใต้ดินที่น้ำรั่ว?"ยังไม่ทันที่หัวหน้าคุกจะพูดอะไร นางก็อุทานตกใจขึ้นมา "ให้ตายเถอะ! สุขภาพท่านอ๋องของพวกเรายังไม่หายดีนะ ห้องขังปกติตรงนี้ไม่มีใครอยู่ แล้วทำไมถึงเอาเขาไปขังไว้คุกใต้ดินกัน? สวรรค์โปรดพระโพธิสัตว์กวนอินเอ๋ย หรือความหมายขององค์จักรพรรดิ จะไม่ใช่ให้ท่านอ๋องไปคิดทบทวน แต่จะทรมานเขาอยู
"อ๊า!" อวิ๋นจูถูกทำให้ตกใจจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา หลบไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว จนไปกระแทกกับชิวอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ นางชิวอวิ๋นถูกกระแทกจนไปโดนประตูห้องขังอีกห้อง เสียงดังปึงนางกำลังจะกรีดร้อง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ข้างหูมีลมหายใจคาวๆ พ่นมาที่ต้นคอ ตกใจจนนางสะดุ้งโหยง ขนลุกชูชันไปทั้งตัวนางหันหน้าคอแข็งมองไป ก็เห็นว่าด้านหลังประตูห้องขังมีผู้เฒ่าคนหนึ่งประชิดเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง สูดลมหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม"หญิงสาวนี่ตัวหอมจริง...""อ๊า!"พริบตาเดียว ชิวอวิ๋นก็กรีดร้องแหลมขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดีดตัวออกห่างอย่างรวดเร็วผู้คุมพุ่งเข้ามา กระบองในมือก็ออกแรงฟาดไปที่ประตูห้องขัง"ถอยออกไป!""ทำอะไรน่ะ? ทำอะไร? อยากตายหรือไรกัน?"นักโทษเหล่านั้นล้วนถอยกลับไปในมุมของห้องขัง แต่ก็ยังมีคนที่จับจ้องมายังหญิงสาวเหล่านี้ ในดวงตามีประกายเหมือนหมาป่าชั่วร้ายอย่างไรอย่างนั้นขังอยู่ในนี้นานเกินไปแล้ว พวกเขาไม่เห็นหญิงสาวมาตั้งนาน แล้วยังเป็นหญิงสาวแรกแย้มที่สวยขนาดนี้อีกพวกของอวิ๋นจูถูกสายตาเช่นนี้จับจ้องจนตัวสั่น รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้วพวกนางมองไปทางฟู่จาวหนิง แต่กลับเห็นฟู่จาวหนิงที่ไม่รู้ว่าสวมหน้
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า?" ผู้คุมถลึงตาโต สงสัยว่าหูของตนเองคงจะฝาดไป"ข้าแจ้นมาที่นี่เพื่อมาล้อเล่นอย่างนั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงสีหน้าแข็งขัน "ทำตามราชโองการ พวกเราก็รีบเข้ามาปรนนิบัติอ่องเจวี้ยนนี่อย่างไร อ๋องเจวี้ยนถ้าต้องอยู่ที่นี่สองเดือน พวกเราจะไปกเินดีอยู่ดีในจวนได้อย่างไรกัน? แน่นอนว่าต้องมาร่วมกันลำบากที่นี่ด้วยสิ""แต่ แต่ว่า..."ผู้คุมทั้งหมดล้วนเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร แต่ละคนใบ้กินกันไปหมดอ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกใต้ดินนะ แล้วยังเป็นคุกใต้ดินที่สิ่งแวดล้อมแย่ที่สุดห้องนั้นด้วย"พวกเจ้าไม่เชื่อก็ไปถามองค์จักรพรรดิเอา สายสวยพวกนี้ฝ่าบาทส่งมา บอกให้พวกนางดูแลอ๋องเจวี้ยนให้ดี ข้าจะให้พวกนางขัดราชโองการได้อย่างไรกัน?"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก แสดงออกว่าตนเองเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังต่อราชโองการ"นี่นี่นี่ พวกนางควรจะรออยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนถึงจะถูกสิ...""เช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ท่านอ๋องพวกเราต้องอยู่ในคุกตั้งสองเดือนเชียวนะ นี่เดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้วด้วย พวกเราจะปล่อยให้เขาติดคุกอยู่คนเดียว แต่ตนเองไปเสวยสุขอยู่ในจวนได้อย่างไ
เขาควรจะเขียนจดหมายบอกนายท่านหน่อยดีไหม ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ถูกยัดหญิงสาวเข้ามาถึงสามคน? ถ้ารับสามคนนี้เข้ามา หลังจากนี้ก็คงจะมีคนที่สี่ห้าหกเจ็ดอีกถ้าหากหญิงสาวเหล่านี้วันวันเอาแต่ลอยชายอยู่ข้างกายคุณหนูกับอาเขย ร้อยเล่ห์มารยา จะช้าเร็วคงได้ส่งผลกระทบกับความรักของคุณหนูกับอาเขยแน่ๆผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยก็ได้ข่าวนี้แล้ว ปู่หลานทั้งสองคนก็รีบตรงเข้ามาและได้ยินคำพูดที่อวิ๋นจูกำลังเลือกเรือนกับฟู่จาวหนิงอยู่"พระชายา ข้าได้ยินว่าท่านอยู่ในเรือนเจียนเจีย เรือนนั้นห่างจากเรือนโยวหนิงไปหน่อย ข้าอยู่เรือนไหนถึงจะดีล่ะ? หรือให้ข้าเลือกเรือนที่อยู่ใกล้กับเรือนโยวหนิงหน่อยดี? อีกหน่อยท่านอ๋องถ้าจะไปหาข้าก็ไม่ต้องเดินทางไกลแล้ว"นิ้วมืออวิ๋นจูกำชายเสื้อตนเองไว้ ก้มหน้าต่ำนิดหน่อย ดูอ่อนโยนอ่อนแอ ทำให้คนอยากเข้ามาปกป้อง"ร่างกายของท่านอ๋องไม่ใช่เพิ่งดีขึ้นหรือ? หลังจากนี้หากจะต้องมาหาตอนกลางคืน ถ้าเดินไหกลมากคงไม่ดีกับสุขภาพเขาเท่าไร""หญิงสาวอย่างเจ้าไม่หน้าด้านไร้ยางอายไปหน่อยหรือ?!"ฟู่จาวเฟยพอได้ยินคำพูดนี้ก็ด่าลั่นออกมาอย่างโกรธเคืองยังไม่มีตัวตนฐานะอะไรกันเลย นี่คิดจะมาบีบคั้
ฟู่จาวหนิงดึงสติกลับมาที่นี่ยังไม่มีความคิดเรื่องที่ว่าเครือญาติแต่งงานกันไม่ได้สินะแล้วเรื่องที่ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันก็มีอยู่มากมายจริงๆเซียวหลันยวนกับอวิ๋นจูเองก็ไม่ถือว่าเป็นญาติใกล้ๆ กันแล้ว จากที่พวกเขาเห็นก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร"ท่านถามข้าว่าทำไมไม่เรียกเขาพี่ชาย ไม่ใช่คิดจะหยามหมิ่นข้าหรอกหรือ?" อวิ๋นจูเข้ามาใกล้นาง กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า "แม่ของข้าเป็นเมียน้อยที่ไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ราชวงศ์ไม่ยอมรับตัวตนฐานะของข้า พ่อของข้าก็ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนข้าแล้วพาข้าไปพบเหล่าพี่น้องในราชวงศ์พวกนั้นอย่างผ่าเผย แล้วอ๋องเจวี้ยน จะมองข้าเป็นน้องสาวได้อย่างไรกัน?""ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะใช้ความสัมพันธ์ในชั้นนี้เข้าใกล้เขาตั้งแต่แรก"อวิ๋นจูดูแล้วเหมือนจะภูมิใจขึ้นมาหน่อย แต่พอฟังน้ำเสียงนางก็ยังมีความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เหมือนกันคนแม่เป็นเมียน้อย เป็นความเจ็บปวดในใจนางมาโดยตลอด"ข้าเชื่อว่า ด้วยตัวของข้า ข้าเองก็สามารารถทำให้อ๋องเจวี้ยนเอียงตามองข้าต่างออกไปได้"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองพิจารณานางผาดหนึ่งท่ามกลางสายตาพิจารณาของนาง อวิ๋นจูก็ยืดอกขึ้นนางมั่นใจกับรูปร่างภายนอกของ
"องค์จักรพรรดิประกาศว่า...""โอ้ เจ้าพูดมา"คือเป็นพระราชโองการที่ไม่ค่อยจริงจังสินะ ฟู่จาวหนิงเอะใจขึ้นหน่อยๆขันทีกระแอม สายตาของพระชายาอ๋องเจวี้ยนเหมือนแสดงความหมายของนางออกมาอย่างชัดเจน"องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง เห็นแก่อ๋องเจวี้ยนที่ร่างกายอ่อนแอโดดเดี่ยวมาตั้งแต่เล็ก ไม่ค่อยได้รับความรักที่อบอุ่น ดังนั้นจึงเพาะบ่มนิสัยขี้อายและดื้อรั้นออกมา ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนสุขภาพกลังหันไปในทางที่ดี จึงต้องรีบปรับตัวกับชีวิตทั่วไปให้ไว้ที่สุด จวนอ๋องเองก็ควรจะมีคนให้มากขึ้น และในจวนอ๋องเองก็มีแม่นางหลายคนเข้าไปอยู่ใหม่พอดี ล้วนเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนเรียบร้อยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถแบ่งเบาภาระในจวนอ๋องแก่พระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ และสามารถคอยดูแลอ๋องเจวี้ยน ให้จวนอ๋องเต็มไปด้วยความรักที่อบอุ่น"พอฟังถึงจุดนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจความหมายขององค์จักรพรรดิขึ้นมานี่คิดจะใช้พระราชโองการมากดดันนาง ให้นางจำเป็นต้องเก็บแม่นางสามคนนี้เอาไว้เซียวหลันยวนมีความคิดจะเก็บข้าวของของพวกนางแล้วโยนออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปด้วยกัน มันก็ดูเรียบง่ายและหยาบคายอยู่ ทว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิก็จะทำตรงข้ามกับเขาแล้วขันทีเองก
ฟู่จาวหนิงมาถึงโถงหน้าสาวงามทั้งสามคนเองก็อยู่ที่นี่ชิวอวิ๋น อวิ๋นจู และยังมีคนนั้นที่ชื่อซือหรูและเป็นไปตามคาด คนที่ชื่อซือหรูก็ยังเป็นแม่นางที่หน้าตาดีชิวอวิ๋นหน้าตาสะสวย ดูมีความหยิ่งยโสที่สง่าผ่าเผยหน่อยๆ ซือหรูกลับเป็นพวกดูอ่อนโยนเรียบร้อยอวิ๋นจูเป็นคนที่โดดเด่นสุดในสามคนนี้ คิ้วตาคมชัดวิจิตร โดยเฉพาะผิวที่ขาวผ่องนั่นยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นจูยังเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดีที่สุดในสามคนนี้ด้วย แม้นางจะเป็นลูกสาวนอกสมรส แต่บิดาก็เป็นถึงอ๋องฉยงนางยืนอยู่คนเดียวห่างจากชิวอวิ๋นกับซือหรูออกมาหน่อย ดูแล้วเหมือนจะรังเกียจที่ต้องยืนอยู่ด้วยักนกับสองคนนั้นตรงหน้าพวกนางยังมีขันทีคนหนึ่งเข้ามาประกาศราชโองการ กำลังยืนรออย่างกระวนกระวายพอเห็นฟู่จาวหนิงเดินมา เขาก็รีบโค้งตัวคารวะ เดินเข้ามาต้อนรับ"เจ้าคนรับใช้" อวิ๋นจูแอบส่งสายตาเหยียดๆ ใส่ขันทีคนนี้นี่เป็นถึงคนข้างกายองค์จักรพรรดิเลยนะ แล้วยังเป็นคนแจ้งราชโองการอีก ทำไมถึงต้องพะเน้าพะนอพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนั้น?นางไม่รู้ ว่าต่อให้ไม่มีอ๋องเจวี้ยน ตอนที่ฟู่จาวหนิงเข้าวังสมัยก่อนก็ไม่ได้ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเท่าไรนัก ยิ่งไ
"ท่านอ๋องของพวกเจ้าเตรียมการไว้นานแล้วสินะ?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ องครักษ์ลับก็ใจเต้นขึ้นมา ทำไมจึงรู้สึกว่าคำพูดนี้ของพระชายาทำเอาใจลนลานไปหมดกันนะ?"ท่านอ๋องหลายวันก่อนจัดคนไปไว้ในคุกใหญ่แล้ว แต่ว่า ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ว่าวันที่เข้าคุกน่าจะเป็นหลายวันหลังจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นห้องคุกก็ยังเป็นอีกที่หนึ่งด้วย..."ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ"วางแผนไว้แล้วจริงๆ? หรือก็คือ เขาตอนนี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องคุกที่เตรียมเอาไว้สินะ?"เซียวหลันยวนผู้ชายคนนี้ มีอย่างที่ไหน คิดเอาไว้นานแล้วว่าองค์จักรพรรดิจะจับเขาขังคุก แล้วตนเองก็จัดเตรียมไว้ดิบดี แต่กลับไม่ยอมบอกให้นางรู้แม้แต่น้อย!เขาเคยคิดไหมว่านางจะเป็นห่วงเขา?จดหมายนางก็ไม่ได้รีบร้อนเอามาอ่าน แต่นางกลับอยากจะถามก่อน!องครักษ์ลับก้มหน้าต่ำ "ขอรับ ท่านอ๋องถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน...""คุกใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็...พอไหวอยู่กระมัง?""เหอะๆ" ฟู่จาวหนิงหัวเราะเย็นชาในใจองครักษ์ลับลนลานกว่าเดิมแล้ว ท่านอ๋องกำชับไว้ ว่าอย่าบอกสถาพในห้องคุก แต่ตอนนี้พระชายาทำท่านเหมือนจะถามให้ละเอียดเสียแล้ว แล้วเขาไม่พูดได้หรือ?"เจ้าจะไม่พูดก็ได้" ฟู่จาวหนิง
"กลับไปแจ้งพระชายา ว่าไม่ต้องกังวล"ในห้องคุกมืด เซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนกองฟาง หลับตา น้ำเสียงฟังแล้วนิ่งสงบมาก"ท่านอ๋อง พระชายาจะต้องถามสถานการณ์ในคุกแน่นอน ถ้าหากพระชายาต้องการจะรู้ องค์จักรพรรดิถึงกับจับท่านส่งมาในคุกที่มืดอับชื้นเช่นนี้..."แล้วพระชายาจะไม่เป็นห่วงแย่หรือ?องครักษ์ลับพิจารณาคุกใหญ่แห่งนี้พวกเขาเดิมทีคิดว่า องค์จักรพรรดิจะให้คนพาท่านอ๋องส่งไปที่ห้องคุกด้านบนซึ่งสะอาดกว่าแห้งกว่าหน่อย ห้องคุกด้านบนอย่างน้อยก็ยังมีเตียง ยิ่งไปกว่านั้นยังสะอาดกว่านี้ มีหน้าต่างสามารถรับแสงได้ ตอนกลางวันยังสว่างขึ้นหน่อยคิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิจะพาคนมาขังเอาไว้ในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดเสียอย่างนั้นคุกใต้ดินนี้แต่ก่อนมีไว้ขังพวกนักโทษหนักที่สังหารคนเป็นผักปลา ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสง ขุดเอาไว้ใต้ดิน อับชื้นมากๆยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่มีเตียง ที่มุมหนึ่งก็วางไว้แค่กองฟาง มุมกำแพงมีตะไคร่ขึ้นเนื่องจากอับชื้น กลิ่นของที่นี่ก็แย่เอามากๆขังไว้ที่นี่คือไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยทีเดียวถ้าหากท่านอ๋องยังมีสุขภาพแบบก่อนหน้านี้ อยู่ในนี้แค่คืนเดียวก็คงป่วยพับไปแล้วตอนนี้ร่างกายขอ