ตอนที่เห็นสืออีผู้เฒ่าฟางก็เข้าใจทันที นี่น่าจะเป็นทหารจากจวนอ๋องเจวี้ยนสถานการณ์ของตระกูลฟู่พวกเขารู้อยู่แล้ว มีคนที่ดูองอาจเช่นนี้เสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บนตัวฟู่จาวหนิงก็ยังอยู่ในชุดเสื้อผ้าใหม่ด้วยฟู่จาวหนิงส่งสายตาให้สืออีผาดหนึ่งสืออีพยักหน้า เดินออกไปสืออีออกไปเดินวนในหมู่บ้านดูก่อน ถ้าหากนางอยู่ที่นี่ไม่ได้ถามอะไร สืออีก็ควรจะสังเกตเห็น"จาวหนิง พวกเราได้ยินเรื่องของเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่ถือสาที่พวกเราเรียกชื่อของเจ้าหรอกใช่ไหม?" ฮูหยินฟางดึงฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าเด็กคนนี้พอเทียบกับแต่ก่อน ก็รู้สึกเปล่งประกายขึ้นมามากจริงๆคนเองก็ยังเป็นคนเดิม แต่ดูแล้วกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"ไม่เป็นไรหรอก ฮูหยินฟางเรียกข้าอย่างนี้ดีกว่าตั้งเยอะ ซือฉิงเป็นเพื่อนรัรกของข้า อย่าได้เห็นเป็นคนอื่นไกลเลย"ฟู่จาวหนิงพอเห็นฮูหยินฟางก็รู้สึกชอบขึ้นมาเพราะว่าท่าทีของฮูหยินฟางเป็นหญิงสาวที่นิสัยดีมากมีน้ำใจและใจอ่อน แล้วยังดูสนิทสนมและดูมีราศีอีกด้วยตอนที่นางมองคนในดวงตาก็มีรอยยิ้มอยู่สามส่วนแล้ว ทำให้คนรู้สึกสนิทชิดเชื้อมาก"เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ" ฮูหยินฟางเองก็ชื่นชอบเช
พอได้ยินคำว่าหิน ฟู่จาวหนิงก็รู้แล้วว่าตนเองไม่ได้หาผิดที่ ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามพวกเขาจะต้องมาหาผู้เฒ่ากู้ที่นี่แน่ๆ"ใช่แล้ว เจ้าว่ามายอดเยี่ยมหรือ? เห็นบอกว่าหินเหล่านั้น ด้านในเป็นมรกตอยู่ด้วยนะ""หินแร่มรกตหรือ"ฟู่จาวหนิงเข้าใจทันที นางก่อนหน้านี้ทำไมถึงคิดไม่ถึงนะในเมื่อบอกว่าเป็นหินที่มีมูลค่า มันก็ต้องเป็นหินแร่อยู่แล้วสิหินหยาบมรกต ตอนนี้ในแคว้นเจาคงเริ่มมีคนเดิมพันกันแล้วกระมัง?เช่นนั้นแคว้นเจาเองก็ร้ายกาจมาก!ถ้าหากเป็นหินหยาบมรกตจริง จะขายออกไปได้ราคาไหนก็คงไม่ต้องแปลกใจแล้ว เช่นนั้นนางก็ยิ่งยอมให้ผู้เฒ่าสองผู้เฒ่าสามเอาหินที่เป็นของตระกูลฟู่ก้อนนั้นขายออกไปไม่ได้แล้ว"ใช่ๆๆ เป็นหินแร่ ผู้เฒ่ากู้บอกว่าเขาทางนั้นมีสิ่งของเอาไว้ตัดหิน ไปหาช่างที่เก่งกาจสร้างขึ้นมา ตอนขนเข้ามาก็จ่ายเงินไปไม่น้อย แล้วถ้าหินแร่ของพวกเขาตัดออกมาแล้วมีมรกตอยู่จริง เช่นนั้นก็คุ้มค่าเงินอยู่"เศรษฐีฟางพูด จากนั้นก็วิ่งไปอุ้มหินก้อนหนึ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น หินก้อนนี้มองแล้วน้ำหน้าประมาณห้าหกชั่ง ผิวเรียบลื่นสวยงามดี ประกายมันเงา"ผู้เฒ่ากู้ยังบอกว่า เขาทางนั้นก็สะสมก้อนหินด้วย บ้า
ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามกำลังมองไปยังชายกลางคนในเรือนอย่างตึงเครียยดผู้ชายที่ดูรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดหรูหรา บนมือมีแหวนมรกตเขียวหมึกวงใหญ่วงหนึ่งคนนี้ก็คือผู้เฒ่ากู้ผู้เฒ่ากู้มายังเมืองหลวงอันที่จริงก็ไม่ได้กระโตกกระตากมากนักจากที่เขาพูด คนที่เล่นพวกหินมรกต ก็ต้องเป็นพวกคนมีเงิน คนจนอย่าได้ข้องเกี่ยวเข้ามาเลยดังนั้นเขาจึงส่งเทียบเชิญไปให้กับคนมีเงินและคนที่คู่ควรบางส่วนในเมืองหลวง ประกาศออกไปเป็นวงเล็กๆคนเหล่านี้จึงบอกต่อกับคนที่ตนเองรู้จักอีกบางส่วนเรื่องเช่นนี้มาถึงผู้เฒ่าฟู่รองและผู้เฒ่าฟู่สามได้ จึงเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาพวกเขารู้สึกว่าตนเองนั้นร้ายกาจมา สามารถได้รับข่าวสารเช่นนี้ก่อน ได้รับโอกาสการทำเงิน"น้องสาม เจ้าว่าหินก้อนนี้เป็นหินแร่มรกตจริงไหม?"พอเห็นผู้อาวุโสกู้ยังตรวจสอบหินก้อนนั้นอย่างละเอียดอยู่ ซ้ำยังผ่านไปนานแล้วด้วย ผู้เฒ่าฟู่รองจึงรู้สึกใจตุ้มต่อมขึ้นมา"ทำไมถึงต้องดูนานขนาดนี้?"แต่ว่าตัวเขาเองระหว่างทางที่มาก็จ้องมองหินก้อนนั้นอยู่นานแล้ว ก็ยังมองไม่ออกว่ามันมีความพิเศษอะไร กระทั่งยังรู้สึกว่าน่าเกลียดไปหน่อยเสียด้วยซ้ำถ้าไม่
เขาชะงักไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ "แน่นอน ในทางกลับกันก็ยังเป็นหลักการเดิม ถ้าหากข้าบอกราคาไปแล้ว หินก้อนนี้เป็นของข้าแล้ว ถ้าตัดออกมาได้หยกคุณภาพดี พวกท่านก็จะมาเสียใจทีหลังแล้วจะเอาหินกลับไปไม่ได้แล้ว""เรื่องนี้" ผู้เฒ่าฟู่รองมองผู้เฒ่าฟู่สาม "น้องสาม พวกเราท"ขายดีไหม?หินที่น้องสี่ให้ความสำคัญ คุณสมบัติมันจะดีมาจริงไหม?น้องสี่ให้พวกเขาเอาหินมาให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วค่อยบอกราคาจากคุณสมบัติ แต่เขาทั้งสองคนก็รู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป"ไม่รู้ว่าผู้เฒ่ากู้จะให้ราคาที่เท่าไร?" ผู้เฒ่าฟู่สามถามผู้เฒ่ากู้นิ่งขรึมไปพักหนึ่ง "เอาอย่างนี้ เดิมทีหินก้อนนี้ข้าไม่ให้ราคาสูงนัก แต่ว่าพวกท่านก็เป็นคนแรกที่ส่งหินเข้ามา ส่วนข้าน่ะก็อยากจะยิงประทัดนัดแรกให้ดังลั่นด้วย ดังนั้นจึงจะยกราคาขึ้นสูงอีกหน่อย ถือเป็นการเปิดประตูมงคลให้แก่ตนเองไปเลย"แล้วมันเท่าไรกัน?"หินก้อนนี้ ข้าจะซื้อที่หนึ่งพันตำลึง" ผู้เฒ่ากู้เอ่ยขึ้นหนึ่งพันตำลึง!หินโทรมๆ ก้อนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้ใหญ่โตมากด้วย แต่ดันขายได้ตั้งหนึ่งพันตำลึง!พวกเขาเดิมทีคิดว่าได้สัห้าสิบหนึ่งร้อยตำลึงก็จะยอมเสียเปรียบแล้วใครจะไปคิดว่าจะขายได้ถึง
ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฟู่รองก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"พวกเขาขโมยของในบ้านข้าออกมาขาย ผลลัพธ์กลับมาบอกว่าข้ามาวุ่นวายหรือ? เรื่องนี้ข้าควรจะรายงานกับทางการไหม?""รายงานทางการ?""ขโมยของ?"ผู้เฒ่าฟู่รองพวกเขาเองก็มึนงง"เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร?""หนิก้อนนี้ไม่ใช่ว่าพวกท่านย้ายมาจากบ้านตระกูลฟู่หรอกหรือ?" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่หินก้อนนั้น เฉินซานกับชุนเจิ้งชิวเซิงก็ฉลาดเฉลียว ทั้งสามคนเดินออกไปทันที ยืนล้อมหินก้อนนั้นเป็นเช่นนี้ก็ลองดูว่าใครจะกล้าแย่งสืออีเองก็ยืนอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิงเขาต้องการจะปกป้องฟู่จาวหนิง"ผู้เฒ่ากู้" เศรษฐีฟางเองก็เดินขึ้นมาอยู่ข้างๆ ผู้เฒ่ากู้ เอ่ยกับเขาว่า "นี่คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลฟู่ สองคนนั้นคือลุงของนาง มาอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ หินก้อนนี้พวกเขาย้ายออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ ท่านยังไม่ได้ซื้อใช่ไหม?"ผู้เฒ่ากู้เองก็หน้าเปลี่ยนสี"พวกเขาบอกกับข้าว่า นี่เป็นหินที่เข้าเอามาจากบ้านตนเอง""บ้านพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงเสียที่ไหน? ล้วนอยู่กันนอกเมืองทั้งนั้น หลายปีนี้ก็แค่มาอาศัยอยู่ ของอะไรในบ้านก็ล้วนไม่ใช่ของพวกเขาทั้งนั้น"เรื่องเหล่านี้เศรษฐีฟาง
"ไม่ใช่ บิดาของพวกเขาเป็นลูกเมียน้อย ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ยินท่านปู่พูดว่า ในอดีตก่อนหน้าที่จะแยกบ้าน น้องชายต่างมารดาคนนั้นก็ก่อเรื่องจนทำให้ทวดของข้าโกรธ จนแทบจะตัดออกจากตระกูลฟู่ไปแล้ว หลังจากแยกบ้านมาก็พูดว่าจะไม่แวะมาอีก แต่พอผ่านไปนาน ปู่ของข้าก็เปิดใจไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ตั้งใจจะดึงคนในตระกูลมาที่เมืองหลวง อยากจะให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นหน่อย"ฟู่จาวหนิงกำลังคิดหาโอกาส ที่จะยกความสัมพันธ์ของพวกเขาออกมาพูดให้ชัดเจนส่งออกไปพอดีถึงตอนนั้นทุกคนคงไม่คิดว่าสิ่งที่นางทำเลวทรามต่ำช้า"ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์เช่นนี้นีเ่อง"เศรษฐีฟางเอ่ยหยันขึ้นมาคำหนึ่ง "เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านเจ้าเลยน่ะสิ"รุ่นพ่อแบ่งบ้านกันไปเสร็จสรรพแล้ว แล้วนี่ยังแยกกันด้วยสายเลือดอีก ตอนนี้ต่อให้ผู้เฒ่าฟู่อายุมากแล้ว แต่บ้านของผู้เฒ่าฟู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางวนมาให้พวกลูกหลานของบ้านน้อยครอบครองหรอกกระมัง?"จาวหนิง!จะว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นแค่รุ่นหลังคนหนึ่ง ตอนที่แยกบ้านครั้งนั้นกระทั่งพ่อแม่ของเจ้าก็ยังไม่มีเงาหัวเลย แล้วเจ้าจะมายกไม้ยกมือขีดคั่นตอนนี้ได้หรือ?"ผู้เฒ่าฟู่สามเองก็หน้าเย็นชา เอ
คำพูดเหล่านี้ของฟู่จาวหนิง ทำให้ผู้เฒ่าฟู่รองผู้เฒ่าฟู่สามหน้าดำหน้าขาวเลยทีเดียวท่ามกลางสายตาประชดประชันของคนทั้งหมด พวกเขาอยู่ไม่ได้แล้ว มองเหยียดหนักๆ ไปทางฟู่จาวหนิง ทั้งสองคนก้วิ่งหนีออกไปอย่างซมซานตอนที่ออกประตูพวกเขายังหันกลับมาเหลือบมองหินก้อนนั้นผาดหนึ่ง รู้สึกไม่ยินยอมอย่างมากมลายหายไปแล้วหนึ่งพันสองร้อยตำลึง!เหล่าฮูหยินและเด็กๆ ยังล้วนพักอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาเดิมทีกำลังคิด ว่าเงินก้อนนี้สามารถนำออกมาจ่ายค่าเช่าพักหลายวันนี้ได้ กินเนื้อกินอะไรได้ แล้วเขายังคิดจะซื้อที่นาอีกหลายหมู่ด้วยหลังจากขายบ้านตระกูลฟู่ ค่อยมาซื้อเพิ่มหมู่เพิ่มถึงตอนนั้นพวกเขาก็สามารถทำตัวเป็นเจ้าบ้านในหมู่บ้านนี้ได้แล้วออกศึกไม่ราบรื่น!หนึ่งพันสองร้อยตำลึงหายวับไปแล้ว!หลังจากกลับไป ฮูหยินรองฮูหยินสามพวกเขาก็จ้องมองตาแป๋วเข้ามา"ขายแล้วหรือ? ผู้เฒ่ากู้ให้มาเท่าไร?"ฮูหยินสามรีบถามขึ้น"น้องสี่ทางนั้นให้ความเห็นมาคำหนึ่ง เขาบอกว่าพวกเราแบ่งให้เขาน้อยหน่อยก็ได้" ฮูหยินรองเองก็คำนวณขึ้นมา"เฮ้อ!"ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามสบตากัน ทั้งสองคนถอนล้วนถอนหายใจหนักๆ ออกมาหลังจากพวกเขาไป
"หินของผู้เฒ่ากู้อยู่ที่ไหนหรือ? พวกเราขอดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมา"อยู่ที่เรือนหลัง!" ผู้เฒ่ากู้ยินดีขึ้นมา เรียกคนใช้ให้พาพวกเขาไปที่เรือนหลัง"ผู้เฒ่ากู้ ผู้เฒ่ากู้ ท่านมาดูหินพวกนี้ของข้าหน่อย รื้อออกมาจากภูเขาจำลองในบ้านน่ะ!"มีคนย้ายหินเข้ามาให้ผู้เฒ่ากู้ดูฟู่จาวหนิงเดิมทีกำลังจะไปเรือนหลัง พอได้ยินเสียงก็เหลือบตาดู มองไปยังหินก้อนนั้นนางไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่มองเห็นหินก้อนหนึ่งในนั้นสายตาก็ย้ายออกไม่ได้เลย"เดี๋ยวก่อน พวกเราขอดูหน่อย" ฟู่จาวหนิงดึงฟางซือฉิงไว้"ดูสิดูสิ ลองฟังว่าผู้เฒ่ากู้จะพูดอย่างไร ไม่แน่ว่าอาจจะได้เรียนรู้" เศรษฐีฟางเองก็รีบพูดขึ้นผู้เฒ่ากู้มองหินเหล่านี้อย่างละเอียด เลือกก้อนที่ใหญ่ที่สุดในนั้นออกมา นั่งยองลงลูบๆ มองๆ อย่างละเอียดก้อนที่ฟู่จาวหนิงเพิ่งจะต้องตาก้อนนั้น เขากลับมองผาดเดียวแล้วโยนทิ้งไปข้างๆ ไม่สนใจเสียแล้วหินก้อนนั้นผิวดำแตกลาย ไม่ใหญ่มาก ค่อนข้างเล็ก น่าจะขนาดแค่สองกำปั้นของนางเท่านั้น พออยู่ในกองหินเหล่านั้น หินก้อนนี้เล็กที่สุด เหมือนแค่มีคนสุ่มหยิบขึ้นมาแล้วยัดให้เต็มๆ ก็เท่านั้นแต่ว่าพอนางเหลือบมองก็เห็นหินก้อนนั้