"บ้านตระกูลฟางคือเรือนที่อยู่ตรงหน้านั้นใช่ไหม?"ได้ยินว่าข้างหน้าไม่ห่างไปนักมีเรือนที่ขนาดใหญ่ที่สุดอยู่แห่งหนึ่งได้ยินว่าเศรษฐีฟางใหญ่โตที่สุดในหมู่บ้านนี้ ที่นาเองก็มีมากที่สุดฟู่จาวหนิงเลิกม่านขึ้นเหลือบมองผาดหนึ่ง อาศัยความทรงจำ นางมองออกแล้ว"ใช่ ที่นั่นนั่นเอง"ฟางซือฉิงได้ยินว่าฟู่จาวหนิงมา ก็รีบกระโจนตัวออกไปจากห้องเหมือนนกน้อยอย่างร่าเริงเศรษฐีฟางมองนางดีใจขนาดนี้ ก็ถอนหายใจออกมา"หลายวันนี้เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด ตอนนี้ยิ้มออกมาได้เสียที" เศรษฐีฟางถอนหายใจกับฮูหยิน "ไม่สิ คุณหนูฟู่คนนั้นตอนนี้เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วนี่ แล้วลูกสาวของบ้านเรายังไปมาหาสู่ต่อได้ด้วยหรือนี่?""ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" ฮูหยินฟางรูปร่างอวบ ใบหน้ากลมดูมีราศี "ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เห็นว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ใช่พวกไม่ดีอะไร แล้วยังดูเป็นเด็กที่ตรงไปตรงมาอีกด้วย มาเล่นกับซือฉิงของพวกเราแล้วก็ดีออก ตอนนี้ถึงนางจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วแต่ก็คงจะไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไร"นางเองก็เดินตามไปด้านนอก "จะว่าไป ตั้งแต่ที่ซือฉิงกลับมาจากเขาเมฆอรุณก็ไม่ใช่เอาแต่ชื่นชมอีกฝ่ายหรอกหรือ? บอกว่านางฉลาดกว่าเดิมเสียอ
ตอนที่เห็นสืออีผู้เฒ่าฟางก็เข้าใจทันที นี่น่าจะเป็นทหารจากจวนอ๋องเจวี้ยนสถานการณ์ของตระกูลฟู่พวกเขารู้อยู่แล้ว มีคนที่ดูองอาจเช่นนี้เสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บนตัวฟู่จาวหนิงก็ยังอยู่ในชุดเสื้อผ้าใหม่ด้วยฟู่จาวหนิงส่งสายตาให้สืออีผาดหนึ่งสืออีพยักหน้า เดินออกไปสืออีออกไปเดินวนในหมู่บ้านดูก่อน ถ้าหากนางอยู่ที่นี่ไม่ได้ถามอะไร สืออีก็ควรจะสังเกตเห็น"จาวหนิง พวกเราได้ยินเรื่องของเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่ถือสาที่พวกเราเรียกชื่อของเจ้าหรอกใช่ไหม?" ฮูหยินฟางดึงฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าเด็กคนนี้พอเทียบกับแต่ก่อน ก็รู้สึกเปล่งประกายขึ้นมามากจริงๆคนเองก็ยังเป็นคนเดิม แต่ดูแล้วกลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"ไม่เป็นไรหรอก ฮูหยินฟางเรียกข้าอย่างนี้ดีกว่าตั้งเยอะ ซือฉิงเป็นเพื่อนรัรกของข้า อย่าได้เห็นเป็นคนอื่นไกลเลย"ฟู่จาวหนิงพอเห็นฮูหยินฟางก็รู้สึกชอบขึ้นมาเพราะว่าท่าทีของฮูหยินฟางเป็นหญิงสาวที่นิสัยดีมากมีน้ำใจและใจอ่อน แล้วยังดูสนิทสนมและดูมีราศีอีกด้วยตอนที่นางมองคนในดวงตาก็มีรอยยิ้มอยู่สามส่วนแล้ว ทำให้คนรู้สึกสนิทชิดเชื้อมาก"เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะ" ฮูหยินฟางเองก็ชื่นชอบเช
พอได้ยินคำว่าหิน ฟู่จาวหนิงก็รู้แล้วว่าตนเองไม่ได้หาผิดที่ ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามพวกเขาจะต้องมาหาผู้เฒ่ากู้ที่นี่แน่ๆ"ใช่แล้ว เจ้าว่ามายอดเยี่ยมหรือ? เห็นบอกว่าหินเหล่านั้น ด้านในเป็นมรกตอยู่ด้วยนะ""หินแร่มรกตหรือ"ฟู่จาวหนิงเข้าใจทันที นางก่อนหน้านี้ทำไมถึงคิดไม่ถึงนะในเมื่อบอกว่าเป็นหินที่มีมูลค่า มันก็ต้องเป็นหินแร่อยู่แล้วสิหินหยาบมรกต ตอนนี้ในแคว้นเจาคงเริ่มมีคนเดิมพันกันแล้วกระมัง?เช่นนั้นแคว้นเจาเองก็ร้ายกาจมาก!ถ้าหากเป็นหินหยาบมรกตจริง จะขายออกไปได้ราคาไหนก็คงไม่ต้องแปลกใจแล้ว เช่นนั้นนางก็ยิ่งยอมให้ผู้เฒ่าสองผู้เฒ่าสามเอาหินที่เป็นของตระกูลฟู่ก้อนนั้นขายออกไปไม่ได้แล้ว"ใช่ๆๆ เป็นหินแร่ ผู้เฒ่ากู้บอกว่าเขาทางนั้นมีสิ่งของเอาไว้ตัดหิน ไปหาช่างที่เก่งกาจสร้างขึ้นมา ตอนขนเข้ามาก็จ่ายเงินไปไม่น้อย แล้วถ้าหินแร่ของพวกเขาตัดออกมาแล้วมีมรกตอยู่จริง เช่นนั้นก็คุ้มค่าเงินอยู่"เศรษฐีฟางพูด จากนั้นก็วิ่งไปอุ้มหินก้อนหนึ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น หินก้อนนี้มองแล้วน้ำหน้าประมาณห้าหกชั่ง ผิวเรียบลื่นสวยงามดี ประกายมันเงา"ผู้เฒ่ากู้ยังบอกว่า เขาทางนั้นก็สะสมก้อนหินด้วย บ้า
ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามกำลังมองไปยังชายกลางคนในเรือนอย่างตึงเครียยดผู้ชายที่ดูรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดหรูหรา บนมือมีแหวนมรกตเขียวหมึกวงใหญ่วงหนึ่งคนนี้ก็คือผู้เฒ่ากู้ผู้เฒ่ากู้มายังเมืองหลวงอันที่จริงก็ไม่ได้กระโตกกระตากมากนักจากที่เขาพูด คนที่เล่นพวกหินมรกต ก็ต้องเป็นพวกคนมีเงิน คนจนอย่าได้ข้องเกี่ยวเข้ามาเลยดังนั้นเขาจึงส่งเทียบเชิญไปให้กับคนมีเงินและคนที่คู่ควรบางส่วนในเมืองหลวง ประกาศออกไปเป็นวงเล็กๆคนเหล่านี้จึงบอกต่อกับคนที่ตนเองรู้จักอีกบางส่วนเรื่องเช่นนี้มาถึงผู้เฒ่าฟู่รองและผู้เฒ่าฟู่สามได้ จึงเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาพวกเขารู้สึกว่าตนเองนั้นร้ายกาจมา สามารถได้รับข่าวสารเช่นนี้ก่อน ได้รับโอกาสการทำเงิน"น้องสาม เจ้าว่าหินก้อนนี้เป็นหินแร่มรกตจริงไหม?"พอเห็นผู้อาวุโสกู้ยังตรวจสอบหินก้อนนั้นอย่างละเอียดอยู่ ซ้ำยังผ่านไปนานแล้วด้วย ผู้เฒ่าฟู่รองจึงรู้สึกใจตุ้มต่อมขึ้นมา"ทำไมถึงต้องดูนานขนาดนี้?"แต่ว่าตัวเขาเองระหว่างทางที่มาก็จ้องมองหินก้อนนั้นอยู่นานแล้ว ก็ยังมองไม่ออกว่ามันมีความพิเศษอะไร กระทั่งยังรู้สึกว่าน่าเกลียดไปหน่อยเสียด้วยซ้ำถ้าไม่
เขาชะงักไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ "แน่นอน ในทางกลับกันก็ยังเป็นหลักการเดิม ถ้าหากข้าบอกราคาไปแล้ว หินก้อนนี้เป็นของข้าแล้ว ถ้าตัดออกมาได้หยกคุณภาพดี พวกท่านก็จะมาเสียใจทีหลังแล้วจะเอาหินกลับไปไม่ได้แล้ว""เรื่องนี้" ผู้เฒ่าฟู่รองมองผู้เฒ่าฟู่สาม "น้องสาม พวกเราท"ขายดีไหม?หินที่น้องสี่ให้ความสำคัญ คุณสมบัติมันจะดีมาจริงไหม?น้องสี่ให้พวกเขาเอาหินมาให้ผู้เฒ่ากู้ตัดแล้วค่อยบอกราคาจากคุณสมบัติ แต่เขาทั้งสองคนก็รู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป"ไม่รู้ว่าผู้เฒ่ากู้จะให้ราคาที่เท่าไร?" ผู้เฒ่าฟู่สามถามผู้เฒ่ากู้นิ่งขรึมไปพักหนึ่ง "เอาอย่างนี้ เดิมทีหินก้อนนี้ข้าไม่ให้ราคาสูงนัก แต่ว่าพวกท่านก็เป็นคนแรกที่ส่งหินเข้ามา ส่วนข้าน่ะก็อยากจะยิงประทัดนัดแรกให้ดังลั่นด้วย ดังนั้นจึงจะยกราคาขึ้นสูงอีกหน่อย ถือเป็นการเปิดประตูมงคลให้แก่ตนเองไปเลย"แล้วมันเท่าไรกัน?"หินก้อนนี้ ข้าจะซื้อที่หนึ่งพันตำลึง" ผู้เฒ่ากู้เอ่ยขึ้นหนึ่งพันตำลึง!หินโทรมๆ ก้อนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้ใหญ่โตมากด้วย แต่ดันขายได้ตั้งหนึ่งพันตำลึง!พวกเขาเดิมทีคิดว่าได้สัห้าสิบหนึ่งร้อยตำลึงก็จะยอมเสียเปรียบแล้วใครจะไปคิดว่าจะขายได้ถึง
ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฟู่รองก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"พวกเขาขโมยของในบ้านข้าออกมาขาย ผลลัพธ์กลับมาบอกว่าข้ามาวุ่นวายหรือ? เรื่องนี้ข้าควรจะรายงานกับทางการไหม?""รายงานทางการ?""ขโมยของ?"ผู้เฒ่าฟู่รองพวกเขาเองก็มึนงง"เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร?""หนิก้อนนี้ไม่ใช่ว่าพวกท่านย้ายมาจากบ้านตระกูลฟู่หรอกหรือ?" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่หินก้อนนั้น เฉินซานกับชุนเจิ้งชิวเซิงก็ฉลาดเฉลียว ทั้งสามคนเดินออกไปทันที ยืนล้อมหินก้อนนั้นเป็นเช่นนี้ก็ลองดูว่าใครจะกล้าแย่งสืออีเองก็ยืนอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิงเขาต้องการจะปกป้องฟู่จาวหนิง"ผู้เฒ่ากู้" เศรษฐีฟางเองก็เดินขึ้นมาอยู่ข้างๆ ผู้เฒ่ากู้ เอ่ยกับเขาว่า "นี่คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลฟู่ สองคนนั้นคือลุงของนาง มาอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ หินก้อนนี้พวกเขาย้ายออกมาจากบ้านตระกูลฟู่ ท่านยังไม่ได้ซื้อใช่ไหม?"ผู้เฒ่ากู้เองก็หน้าเปลี่ยนสี"พวกเขาบอกกับข้าว่า นี่เป็นหินที่เข้าเอามาจากบ้านตนเอง""บ้านพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงเสียที่ไหน? ล้วนอยู่กันนอกเมืองทั้งนั้น หลายปีนี้ก็แค่มาอาศัยอยู่ ของอะไรในบ้านก็ล้วนไม่ใช่ของพวกเขาทั้งนั้น"เรื่องเหล่านี้เศรษฐีฟาง
"ไม่ใช่ บิดาของพวกเขาเป็นลูกเมียน้อย ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ยินท่านปู่พูดว่า ในอดีตก่อนหน้าที่จะแยกบ้าน น้องชายต่างมารดาคนนั้นก็ก่อเรื่องจนทำให้ทวดของข้าโกรธ จนแทบจะตัดออกจากตระกูลฟู่ไปแล้ว หลังจากแยกบ้านมาก็พูดว่าจะไม่แวะมาอีก แต่พอผ่านไปนาน ปู่ของข้าก็เปิดใจไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ตั้งใจจะดึงคนในตระกูลมาที่เมืองหลวง อยากจะให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นหน่อย"ฟู่จาวหนิงกำลังคิดหาโอกาส ที่จะยกความสัมพันธ์ของพวกเขาออกมาพูดให้ชัดเจนส่งออกไปพอดีถึงตอนนั้นทุกคนคงไม่คิดว่าสิ่งที่นางทำเลวทรามต่ำช้า"ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์เช่นนี้นีเ่อง"เศรษฐีฟางเอ่ยหยันขึ้นมาคำหนึ่ง "เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านเจ้าเลยน่ะสิ"รุ่นพ่อแบ่งบ้านกันไปเสร็จสรรพแล้ว แล้วนี่ยังแยกกันด้วยสายเลือดอีก ตอนนี้ต่อให้ผู้เฒ่าฟู่อายุมากแล้ว แต่บ้านของผู้เฒ่าฟู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางวนมาให้พวกลูกหลานของบ้านน้อยครอบครองหรอกกระมัง?"จาวหนิง!จะว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นแค่รุ่นหลังคนหนึ่ง ตอนที่แยกบ้านครั้งนั้นกระทั่งพ่อแม่ของเจ้าก็ยังไม่มีเงาหัวเลย แล้วเจ้าจะมายกไม้ยกมือขีดคั่นตอนนี้ได้หรือ?"ผู้เฒ่าฟู่สามเองก็หน้าเย็นชา เอ
คำพูดเหล่านี้ของฟู่จาวหนิง ทำให้ผู้เฒ่าฟู่รองผู้เฒ่าฟู่สามหน้าดำหน้าขาวเลยทีเดียวท่ามกลางสายตาประชดประชันของคนทั้งหมด พวกเขาอยู่ไม่ได้แล้ว มองเหยียดหนักๆ ไปทางฟู่จาวหนิง ทั้งสองคนก้วิ่งหนีออกไปอย่างซมซานตอนที่ออกประตูพวกเขายังหันกลับมาเหลือบมองหินก้อนนั้นผาดหนึ่ง รู้สึกไม่ยินยอมอย่างมากมลายหายไปแล้วหนึ่งพันสองร้อยตำลึง!เหล่าฮูหยินและเด็กๆ ยังล้วนพักอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาเดิมทีกำลังคิด ว่าเงินก้อนนี้สามารถนำออกมาจ่ายค่าเช่าพักหลายวันนี้ได้ กินเนื้อกินอะไรได้ แล้วเขายังคิดจะซื้อที่นาอีกหลายหมู่ด้วยหลังจากขายบ้านตระกูลฟู่ ค่อยมาซื้อเพิ่มหมู่เพิ่มถึงตอนนั้นพวกเขาก็สามารถทำตัวเป็นเจ้าบ้านในหมู่บ้านนี้ได้แล้วออกศึกไม่ราบรื่น!หนึ่งพันสองร้อยตำลึงหายวับไปแล้ว!หลังจากกลับไป ฮูหยินรองฮูหยินสามพวกเขาก็จ้องมองตาแป๋วเข้ามา"ขายแล้วหรือ? ผู้เฒ่ากู้ให้มาเท่าไร?"ฮูหยินสามรีบถามขึ้น"น้องสี่ทางนั้นให้ความเห็นมาคำหนึ่ง เขาบอกว่าพวกเราแบ่งให้เขาน้อยหน่อยก็ได้" ฮูหยินรองเองก็คำนวณขึ้นมา"เฮ้อ!"ผู้เฒ่าฟู่รองกับผู้เฒ่าฟู่สามสบตากัน ทั้งสองคนถอนล้วนถอนหายใจหนักๆ ออกมาหลังจากพวกเขาไป
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ