นางยังคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มจากเผ่าเฮ่อเหลียนธรรมดาคนหนึ่งเสียอีก แต่กลายเป็นว่าบิดาเขาเป็นราชาแห่งเฮ่อเหลียนเสียอย่างนั้น"พี่หญิง ท่านอย่างเพิ่งโกรธ ข้าก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวพี่หญิงนัก ดังนั้นจึงยังไม่กล้าแจ้งตัวตนฐานะจริงๆ ออกมา ข้ากลัวพี่หญิงจะทิ้งข้าไว้ในภูเขาเมฆอรุณโดยไม่สนใจจริงๆ"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็เริ่มลนลานขึ้นมาแล้ว เขาขยับตัวคิดจะลงมาจากเก้าอี้ แต่ว่าขายังเจ็บอยู่ จึงทิ้งตัวตุบลงไปบนพื้น เจ็บจนเขาร้องขึ้นมาผู้เฒ่าฟู่ก็ร้อนรนขึ้นมาแล้ว รีบปล่อยมือฟู่จาวหนิงเข้าไปประคองตัวเขา"เจ้านี่นะ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้? เร็ว จาวหนิง รีบประคองเขาขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงมองเฮ่อเหลียนเฟย"พี่หญิง"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นว่านางไม่คิดจะเข้ามาประคองตัวเขา ใจก็ดำดิ่ง ดวงตาแดงรื้น"ข้าไม่ได้จงใจจะหลอกท่านจริงๆ""เจ้าของตราหยกเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?" ฟู่จาวหนิงดึงผู้เฒ่าฟู่ไว้ ไม่ให้เขาเข้าไปประคองเฮ่อเหลียนเฟยเฮ่อเหลียนเฟยกัดริมฝีปาก ในดวงตามีประกายน้ำตา"ท่านแม่ข้าแอบบอกข้ามาเรื่องหนึ่ง นางบอกว่าข้าเป็นคนที่นางอุ้มกลับมาจากภายนอก ตอนนั้นคนที่ทิ้งเด็กไว้พกตราหยกชิ้นนี้อยู่!
ลุงจงเป็นเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เดาได้ว่าท่านปู่กำลังจะพูดอะไรแล้วนางเม้มริมฝีปากตามคาด ผู้เฒ่าฟู่บีบมือของนางแน่น สายตาตกอยู่บนใบหน้าเฮ่อเหลียนเฟย"ตราหยกนี้ เป็นของของแม่จาวหนิง"หืม?ฟู่จาวหนิงตะลึงงันของฟู่หลินซื่อหรือ?นางเดิมทีคิดว่าจะบอกว่าเป็นของฟู่จิ้นเชินเสียอีก ถึงอย่างไรก็สกุลฟู่นี่นะ!ตอนนี้ทำไมถึงบอกว่าเป็นของฟู่หลินซื่อล่ะ?"อักษรฟู่ตัวนั้น อันที่จริงเป็นสิ่งที่พ่อของเจ้าสลักไว้ด้านหลัง เพื่อปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ มองไปทางฟู่จาวหนิง"เพราะอะไรกัน?"เพราะอะไรต้องปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง?เฮ่อเหลียนเฟยเองก็ตกตะลึงไปแล้ว"ถ้าอักษรแต่เดิมให้คนเห็นไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพกตราหยกไว้ก็พอแล้ว หรือไม่ก็ทำลายมันทิ้งเสียก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?" เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเช่นนี้"ตราหยกชิ้นนั้นมีบทบาทอื่นอยู่อีก พวกเขาไม่สามารถทำลายทิ้งส่งเดชได้ พกตราหยกนั้นไว้ ก็เพราะหลินซื่อคิดจะใช้ตราหยกนั้นดึงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา"ผู้เฒ่าฟู่พูดถึงจุดนี้ สูดลมหายใจลึก"แม่ของข้า ไม่ใช่คนจากตระกูลหลินหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเบื้องหลังนี้มีหมอกปริศ
เฮ่อเหลียนเฟยคิดๆ จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา "พี่หญิง แล้วท่านจะบอกอ๋องเจวี้ยนไหม?""บอกเขาทำไมกัน?""เขาไม่ใช่พี่เขยของข้าหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น "บอกเขาไว้ก่อน บางทีหลังจากนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่ขายยังสามารถคุ้มครองพี่หญิงได้นะ"เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้อย่าปิดบังอ๋องเจวี้ยนดีกว่าถึงอย่างไรจากที่เขาเห็น พี่เขยเองก็รักและคอยปกป้องพี่หญิงอยู่ หลังจากนี้ไม่แน่อาจจะช่วยนางปิดบังให้ด้วยก็ได้"ไร้สาระ"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบ ผู้เฒ่าฟู่เองก็ส่ายหัวขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่พี่เขยของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอย่าไปเชื่อเขานะ"เฮ่อเหลียนเฟยไม่เข้าใจ "ท่านปู่ เพระาอะไรกัน?""เจ้าไม่ต้องถามหรอก เรื่องนี้มันไม่ได้ หลังจากนี้พี่หญิงของเจ้าจะหาวิธีเพื่อหย่ากับเขาแล้ว" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ เขามองฟู่จาวหนิง "จาวหนิง เจ้าเองก็อย่าประมาทล่ะ เพราะว่าตัวตนแม่ของเจ้าลึกลับ ดังนั้นต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าครั้งนั้นคนที่วางยาจะเกี่ยวข้องกับนางจริง"ฟู่จาวหนิงงงงัน"หรือก็คือ ขนาดข้าก็ยังไม่กล้าพูดว่าแม่ของเจ้าบริสุทธิ์" ผู้เฒ่าฟู่สีหน้าหม่น "ถ้าหากนางวางยาใส่อ๋องเจวี้ยนเพราะความลับเบื้องห
ฟู่จาวหนิงอดมองบนใส่เขาไม่ได้"นั่นมันพ่อแม่ของข้า แล้วเจ้ามาเรียกท่านพ่อกับท่านแม่ได้อย่างไรกัน?"เฮ่อเหลียนเฟยเม้มปาก "พี่หญิง ไม่รู้เพราะอะไร ข้าเห็นท่านกับท่านปู่แล้วรู้สึกสนิทชิดเชื้อเหลือเกิน ท่านว่านี่จะใช่สิ่งที่เรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำไหม?"ถึงอย่างไรเขาก็อธิบายความรู้สึกนี้ได้ไม่ชัดเจน ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็เชื่อใจและชอบขึ้นมาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาเองยังยอมให้ตนเองไม่ต้องถูกช่วย และไม่อยากให้นางต้องมาลำบากเสียด้วยซ้ำ"ใช่ๆๆ ข้าเองก็รู้สึกมีวาสนากับเสี่ยวเฟยมากเหมือนกัน เด็กคนนี้ทำให้ข้าชอบเขามากเหลือเกิน" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยทั้งน้ำตา"ท่านปู่"ฟู่จาวหนิงมองท่านปู่อย่างจำใจทำไมเขาถึงตามน้ำไปส่งเดชอย่างนี้ล่ะ?ตอนนี้เรื่องราวยังไม่ได้ตรวจสอบแน่ชัด ความเป็นไปได้ที่เฮ่อเหลียนเฟยจะเป็นน้องชายของนางนั้นต่ำมาก บนโลกจะมามีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้อย่างไรกัน?ต่อให้ตราหยกนั้นจะเป็นของฟู่หลินซื่อจริง ตอนนั้นเขาจะเป็นฟู่หลินซื่ออุ้มมาจริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนที่นางคลอดออกมาเองเสียหน่อยพวกเขายังไม่รู้ว่าฟู่จิ้นเชินอยู่กับฟู่หลินซื่อหรือไม่เลยถ้าเผื่อว่า เฮ่อหลินเฟยเป็นลูกของฟู่หลิน
"ออกไปแล้วหรือ?""เจ้าค่ะ ข้าถามคนใช้คนหนึ่ง นางแอบมาบอกข้า บอกว่าพวกเขาหอบข้าวของไปไม่น้อยเลย ดูท่าจะออกไปอยุ่ข้างนอกช่วงหนึ่ง คงไม่กลับมาเร็วๆ นี้แน่""ข้าก็ว่าทำไมถึงได้เงียบขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมาเขายังคิดว่าอีกฝ่ายข่มอารมณ์เอาไว้ ผลลัพธ์คือขนาดจะอยู่ในบ้านก็ยังไม่กล้าเลยหรือ? นี่คิดจะไปซ่อนก่อนที่บ้านตระกูลฟู่จะขายออกไปหรือไรกัน?พวกเขาคิดว่าบ้านนี้จะขายออกไปได้อย่างราบรื่นจริงหรือ?"แล้วผู้เฒ่าฟู่สี่ล่ะ?" นางถามขึ้นมาเสี่ยวเถาส่ายหัว "ข้าน้อยไม่ได้ไปทางผู้เฒ่าฟู่สี่ทางนั้น ทางนั้นเงียบมาตลอดเลย"นางหดคอลง รู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย"พี่หญิง ผู้เฒ่าฟู่สี่ทางนั้นแปลกมากเลย ทำไมถึงนิ่งเงียบขนาดนั้นมาได้ตั้งหลายปี?"จริงด้วย ถ้าไม่ใช่พวกเขารู้ว่าทางนั้นมีคนอาศัยอยู่ คงคิดว่าในบ้านรกร้างไปนานแล้วฟู่จาวหนิงเองก็ยัอยากรู้ว่าผู้เฒ่าฟู่สี่กำลังทำอะไร แล้วก็ภรรยาผู้เฒ่าฟู่สี่ที่เป็นใบ้คนนั้น นางเดิมทีคิดว่าฮูหยินสี่คงเห็นว่านางเป็นใบ้ แล้วก็ยังซื่อๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ถึงได้ยอมให้ผู้เฒ่าฟู่สี่ชอบพอกับแม่นางเจียง พิการไปครึ่งตัวขนาดนี้แล้วยังอยากจะมีภรรยาผู้น้อยอีกแต่ผ
ตอนที่ชุนเจิ้งถูกเรียกเข้ามาก็ดูร้อนรนหน่อยๆพอเห็นฟู่จาวหนิง เขาก็ไม่พูดอะไรมาก ขึ้นมาถึงก็เอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง "คุณหนู พวกเขาหยิบของของท่านไปจำนำแล้ว"ฟู่จาวหนิงตะลึงไป"ของของข้าหรือ?"นางไม่รู้ด้วยว่าตนเองมีของอะไรที่จะเอาไปจำนำได้"ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ฝังเอาไว้ในสวยดอกไม้ก่อนหน้านั่น ข้าเห็นผู้เฒ่าสามพาคนมาหลายคน แล้วย้ายหินก้อนนั้นออกไปแล้ว หน้าชื่นตาบาน ตอนกลับมายังพูดกับฮูหยินสามว่าหินก้อนนั้นเอาไปขายได้ราคา ยิ่งไปกว่านั้นยังพาพวกเขาออกไปพักด้านนอกอีกหลายวัน"พวกของชุนเจิ้งเข้ามาในบ้านตระกูลฟู่ ตงสือรับผิดชอบดูแลเฮ่อเหลียนเฟย เฉินซานคุยติดตามฟู่จาวหนิงขับรถม้า ชิวเซิงกับป้าซิ่งอยู่ในบ้านคอยช่วยทั้งในและนอก มุมหนึ่งในเรือนมีแปลงผักแปลงหนึ่งโผล่ออกมา บอกว่าสามารถปลูกผักปลูกถั่วได้ แล้วยังเลี่ยงไก่ได้อีกหลายตัวแล้วก็เรื่องเย็บปักถักร้อย ยังทำเสื้อผ้าให้กับท่านผู้เฒ่ากับเฮ่เหลียนเฟยและฟู่จาวหนิงอีก ชุนเจิ้งรู้สึกว่าตนเองไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนัก จึงรู้สึกร้อนรนอยู่ตลอดดังนั้นตอนที่เขาได้ยินว่าคนจากบ้านอื่นเข้ากันไม่ได้กับฟู่จาวหนิง ตนเองก็เลยอยากขันอาสาคอยจับตาดูพวกเขาให้น
ฟู่จาวหนิงครุ่นคิดหินก้อนหนึ่งที่มุมกำแพงเรือนหน้า มีอะไรพิเศษกันแน่? นางไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าหินก้อนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร"ใช่แล้ว เป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง หินก้อนนั้นดูแล้วน่าจะหนักหลายสิบจินอยู่" ชุนเจิ้งเอ่ยขึ้น"ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงตรงไปใต้ต้นกุ้ยฮวยเรือนหน้าต้นนั้น ที่นั่นมีร่องรอยอยู่จริงๆ มองออกว่าเดิมทีมีก้อนหินวางอยู่มานับแรมปี ตอนนี้พอย้ายออกไป ที่นั่นจึงเหลือหลุมตื้นๆ หลุมหนึ่งไว้ ส่วนดินตรงฐานก็ยังไม่มีตะไคร่ขึ้นมาใหม่นางกลับไปถามผู้เฒ่าฟู่ผู้เฒ่าฟู่นึกๆ ก็ตบลงที่ต้นขา "หินก้อนนั้นสินะ? นั่นเป็นของที่พ่อแม่ของเจ้าไปเที่ยวที่ไหนสักที่แล้วนำกลับมา"ฟู่จาวหนิงตะลึงไป"ตอนนั้นข้ายังหัวเราะใส่พวกเขาอยู่เลย ว่าออกไปเที่ยวแล้วขนหินกลับมาทำไม? พ่อของเจ้าบอกว่าหินก้อนนี้แม่ของเจ้าชอบมันมาก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ลำบากอะไร ในบ้านก็ใหญ่โตเสียขนาดนี้ จึงวางเอาไว้ในเรือน ต่อมาหินก้อนนั้นก็วางอยู่ตรงนั้นมาตลอด ไม่มีคนไปสนใจมันอีก"ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่คิดว่าผู้เฒ่าฟู่สองกับสามจะย้ายหินเล่นไปมาเสียแล้วชุนเจิ้งพูดไว้ไม่ผิด หินก้อนนั้นพวกเขาน่าจะเอาออกไปขายจริงๆหรือจะเป็นหินแร่กันนะ?เดิมทีนา
ฟู่จาวหนิงพาคนขับรถมาออกจากเมืองครั้งนี้ช่วงค่ำก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาทัน ตกกลางคืนประตูเมืองจะปิด ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงเตรียมตัวมามากหน่อยตรงไปทางตะวันตกตลอดทางสามลมฤดูใบไม้ร่วงหวีดหวิว พอห่างจากเมืองมาหน่อย ถนนหลวงก็ค่อยๆ ไร้ผู้คน ห่างออกไปได้ยินแต่เสียงล้อรถม้า"คุณหนู ความเร็วของรถม้าข้างหน้าพอพอกับพวกเราเลย หรือว่าพวกเขาเองก็กำลังเร่งเดินทาง?" สืออีขี่ม้าตามอยู่ข้างรถฟู่จาวหนิงเลิกม่าน ได้ยินคำพูดของเขาจึงรู้สึกเกินคาด"เจ้าได้ยินไกลขนาดนั้นเชียวหรือ?""จงเจี้ยนเคยบอกว่าหูของข้าดีมาก"มิน่าจงเจี้ยนจึงส่งให้สืออีติดตามมา อย่างน้อยก็ยังมีจุดที่พิเศษอยู่ จงเจี้ยนอาจจะกังวลว่าที่นอกเมืองจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเสียงของนางอาจจะไม่มีใครได้ยิน ดังนั้นจึงส่งสืออีมากระมัง?ฟู่จาวหนิงดึงความคิดกลับ"นั่นอาจจะเพราะอีกฝ่ายจะตรงไปทางหมู่บ้านทางนั้นนั่นล่ะ"นี่ก็ไม่แปลกอะไรที่นั่นเป็นเถียงนาผืนใหญ่กับหมู่บ้านรวมอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะมีเจ้าบ้านที่แตกต่างกัน แต่ส่วนมากก็ยังรวมอยู่ด้วยกัน ได้ยินว่าเวลามีนาข้าวหรือดอกโหยวไช่ก็จะเรียงพรืดติดกันเป็นผืนใหญ่ ทิวทัศน์ดูงามตาอยู่ดังนั้นในช่วงฤดูกา
อ๋องฉยงอยากพบฟู่จาวหนิงมาตลอดสำหรับหญิงสาวที่อยู่ในใจเซียวหลันยวน เขารู้สึกสนใจมาก แล้วยังตัวตนฐานหมอเทวดาของฟู่จาวหนิงด้วย เขายิ่งรู้สึกปรารถนาแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนอาจจะติดโรคร้าย เขาเองก็ไม่กล้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วก็ การร่วมมือกับองค์จักรพรรดิที่เขาคุยไว้ ตอนนี้จำเป็นต้องให้องค์จักรพรรดิเชื่อมั่น ถ้าหากเขาไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนส่งเดช องค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าจะคาดเดาอะไรไปอีกตอนนี้มาเจอกับฟู่จาวหนิงที่นี่พอดีเขาขอดูก่อนว่าฟู่จาวหนิงคนนี้งดงามแค่ไหน ถึงสามารถทำให้เซียวหลันยวนหลงจนถึงกับปล่อยวางความแค้นเคืองในอดีตไป"ฟู่จาวหนิง หันมาทางนี้!"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำสั่งอ๋องฉยง รู้สึกขำขึ้นมาทันที ทำไมถึงรู้สึกว่าคำสั่งของอ๋องฉยงตอนนี้ดูสุดโต่งเหลือเกิน?อีกด้าน องค์หญิงหนานฉือกับอันชิงก็ขึ้นรถม้าแล้ว แต่ยังกงวลสถานการณ์ทางนั้น พอเห็นอ๋องฉยงเรียกฟู่จาวหนิง อันชิงก็กังวลขึ้นมา"พี่สะใภ้ อ๋องฉยงจะสร้างความลำบากให้พี่หญิงจาวหนิงหรือเปล่า?""เข้าไม่ได้เข้าไปในวังราชนิเวศน์ ยังไม่รู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นมา น่าจะไม่หรอก" องค์หญิงหนานฉือตอบถ้าหากอ๋องฉยงรู้ว่าฟู่จาวหนิงตบลูกสาวตนเอง ก็น่าจะโมโ
องค์หญิงเจ็ดน้ำตาคลอเบ้า คลั่งขึ้นมาอีกไม่ได้แล้ว"สามพันตำลึง ข้า ข้าจะให้เจ้า!""สามพันตำลึง? ทำไมถึงเป็นสามพันตำลึงล่ะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "เมื่อครู่เจ้าพูดอยู่ว่าจะออกมากกว่าพวกนาง เจ้เาป็นถึงองค์หญิงในราชวงศ์เชียวนะ ไม่ได้จนขนาดนั้นกระมัง? เจ้าออกมาห้าพันตำลึง"พวกนางในเมื่อจะทำการกุศล เช่นนั้นนางก็จะช่วยสงเคราะห์เติมเต็มความปรารถนาพวกนาง!อืม นางเป็นคนดีจริงๆ"ห้าพันตำลึง?!""ทำไม ไม่พอใจรึ?" ฟู่จาวหนิงยื่นมือไปบีบคางนาง ยิ้มๆ "จะไม่ยอมจริงหรือ? ถ้าเช่นนั้นข้าไปคุยกับเสด็จอาเจ้าดีไหม?""ห้าพันตำลึงก็ห้าพันตำลึงสิ!" องค์หญิงเจ็ดตกใจจนร้องขึ้นมานางกลัวอ๋องเจวี้ยน"กลับไปเตรียมซะ เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปรับ" ฟู่จาวหนิงปล่อยมือองค์หญิงเจ็ดไฟแค้นสุมทรวง แต่ก็ไม่กล้ามาลงที่ฟู่จาวหนิง นางเดินไปทางเฉินฮ่าวจู ยกเท้าถีบนาง"เป็นเพราะเจ้านังกาลกิณี""อ๊า!"เฉินฮ่าวปิงที่เพิ่งถูกชิวอวิ๋นประคองขึ้นมา ถูกองค์หญิงเจ็ดถีบแบบไม่ทันระวัง ท่าทางจึงผิดปกติ พอล้มลงไปก็ได้ยินเสียงกร๊อบดังขึ้น ข้อเท้าปวดจนนางอยากตายขึ้นมาองค์หญิงเจ็ดก็ไม่สนใจนาง หมุนตัววิ่งออกไปวันนี้นางขาดทุนยับเลย!เฉ
ฟู่จาวหนิงตบฉาดจนเฉินฮ่าวปิงล้มลงไปบนพื้นชิวอวิ๋นอุทานตกใจ คิดจะเข้าไปขวางฟู่จาวหนิง แต่ก็ถูกสายตาของฟู่จาวหนิงเหลือบมาจนสะดุ้ง จึงหมุนทิศ เข้าไปประคองเฉินฮ่าวปิงแทนเฉินฮ่าวปิงในหูวิ้งไปหมด แต่ความเจ็บปวดบนหน้ายังเทียบกับความอับอายโกรธแค้นในใจตอนนี้ไม่ได้นางยังคิดว่าพอเป็นท่านหญิง ฟู่จาวหนิงจะไม่กล้าเสียมารยาทกับนาง ต่อให้ตัวตนนางจะยังเทียบกับอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็มีตัวตนฐานะแล้ว ก็น่าจะปฏิบัติต่อกันด้วยมารยาทสิ?คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะกล้าลงมือแบบนี้!องค์หญิงเจ็ดลุกขึ้นยืน "ฟู่จาวหนิง เจ้าทำไมถึงได้กล้า!"ฟู่จาวหนิงหันตัวมา ยกมือขึ้นอีกครั้งองค์หญิงเจ็ดม่านตาหดลง คิดจะหลบด้วยสัญชาตญาณ แต่การเคลื่อนไหวของฟู่จาวหนิงไวกว่านางมาก แล้วนางจะหลบได้อย่างไร?เสียง 'เพียะ' ดังขึ้นอีก ตบฉาดนี้สะบัดไปบนหน้าองค์หญิงเจ็ดคนอื่นตกตะลึงไปแล้ว หน้าซีด ทยอกันถอยออกมาพวกนางมองฟู่จาวหนิงด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัวกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังตบได้ อย่างพวกนาง พระชายาอ๋องเจวี้ยนจะไม่กล้าตีได้อย่างไร?"ทำไมข้าจะไม่กล้า? รู้จักตัวตนของพวกเจ้าไหม? รู้จักตัวตนของข้าไหม? เจ้า ควรจะเรียก
คุณหนูสี่หลินยืนขึ้นมา ปิดปากวิ่งออกไปตอนที่ผ่านข้างตัวฟู่จาวหนิง ยังมีน้ำตากระเด็นออกมา จุ๊ๆ น่าสงสารเสียจริงส่วนคนอื่นๆ ก็มองฟู่จาวหนิงอย่างงงๆ ไปชั่วคราว ใครก็ยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้ยังเป็นองค์หญิงหนานฉือที่รับช่วงต่อได้ นางมองฟู่จาวหนิง จุ๊ปากขึ้นมาสองที "พระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้านี่รังแกชาวบ้านเขาอีกแล้วนะ ฉีกหน้าคุณหนูหลินสี่ซะขนาดนั้น แล้วยังเหยียบลงไปบนพื้นอีก รู้สึกว่าตัวเองใจร้ายเกินไปไหม?"ฟู่จาวหนิงตอบ "อืมนะ เหมือนจะเด็ดดอกไม้แรงไปไหม?"คนอื่นพอได้ยินพวกนางสองคำนี้ ใจก็เย็นวาบไปในใจเฉินฮ่าวปิงเองก็รู้สึกไม่ค่อยดี "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ทุกคนล้วนมีใจอยากจะช่วยเหลือผู้ประสบภัยกัน เพื่อแบ่งเบาภาระองค์จักรพรรดิ แล้วท่าน...""ช่วยเหลือผู้ประสบภัยรึ? แบ่งเบาภาระองค์จักรพรรดิ?"ฟู่จาวหนิงตัดบทนาง"ลำพังเจ้าน่ะนะ? แค่ใช้ปากของเจ้า แค่ใช้สามร้อยตำลึงของเจ้า? แค่ใช้ความหน้าด้านของเจ้าจะล้วงตระกูลฟางจนหมดตัว ล้วงพันธมิตรโอสถให้หมดเกลี้ยง แล้วยัดข้าออกไปนั่นน่ะนะ? เฉินฮ่าวปิง เดิมทีพวกเราจะไม่มาก็ได้ เจ้าอยากจะเล่นละครของเจ้าก็เล่นไป ข้าจะเดินทางของข้า ไม่ต้องมารบกวนกัน"ฟู่จา
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดว่าองค์หญิงหนานฉือจะเอาแบบนี้"มีอะไรต้องอายกัน?" องค์หญิงหนานฉือโยนสายตาให้นาง ไม่ค่อยจะใส่ใจนัก "ตอนนั้นข้าก็หาสามีไปทั่วเมืองหลวง อ๋องเจวี้ยนที่เงื่อนไขดีขนาดนั้น ต้องอยู่ในกลุ่มตัวเลือกของข้าอยู่แล้ว""พี่สะใภ้..." อันชิงดึงแขนเสื้อนางองค์หญิงหนานฉือนี่ก็กล้าพูดไปเรื่อยจริงๆ"แต่ว่า อ๋องเจวี้ยนก็ไม่ได้สนใจข้า ยังดีที่ตอนนี้สามีดีกับข้ามาก พวกเราสองคนรักกันอย่างมั่นคง ไม่เหมือนคู่อ๋องเจวี้ยนหรอก"องค์หญิงหนานฉือพูดอย่างตรงไปตรงมา แล้วยังแสดงความรักให้คนต้องอิจฉาด้วยผู้ตรวจการชิงคนนั้น เอาใจภรรยาได้ด้วยหรือ? ไม่ใช่คนที่เย็นชามากหรอกหรือ?องค์หญิงเจ็ดถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่ "ผู้ตรวจการอันกับเจ้าอย่างมากสุดก็น่าจะปฏิบัติต่อกันด้วยความนับถือเท่านั้นกระมัง แบบเย็นชาๆ หน่อย!"คนที่ดูทื่อๆ บื้อๆ แบบนั้นน่ะนะ จะรักภรรยาปานจะกลืนกิน?องค์หญิงหนานฉือเองก็เหลือบมององค์หญิงเจ็ด นั่นเรียกว่ามีเสน่ห์ดึงดูดใจ"นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? คนเขารักกันแนบแน่นเหมือนกาว คงไม่ต้องมาอธิบายกับพวกเจ้าอย่างละเอียดหรอกกระมัง? พวกเจ้าก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน เล่าไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจ"
"เจ้าชอบเซียวหลันยวนหรือ? ขอโทษด้วย มีข้าอยู่ เจ้าแค่จะไปเป็นสาวใช้ในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ยังไม่มี""นี่เจ้า!"ตาของคุณหนูหลินสี่แดงก่ำขึ้นมาถูกฟู่จาวหนิงกดไว้แบบนี้ นางทำได้แค่แหงนหน้า รู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ทำให้นางดูไร้เกียรตินางคิดจะดิ้นรนลุกขึ้น แต่แรงของฟู่จาวหนิงก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมากขนาดนี้ นางดิ้นรนไม่ได้เลย"แล้วก็ ไม่ใช่ว่าข้าหยิ่งทะนง ข้าพูดคำไหนคำนั้น คนแบบเจ้าน่ะ มาหิ้วรองเท้าข้าก็ยังไม่คู่ควร"หาเรื่องนางมาตั้งนาน มีเจตนาไม่ดีมากเสียขนาดนี้ แต่ก็ยังมาหาเรื่องเจ็บตัว ฟู่จาวหนิงจะมีเมตตาด้วยได้อย่างไร?ถ้าด่านางจนเงยหน้าไม่ขึ้นได้ นางจะได้ไม่ไปหาเรื่องคนอื่นอีก"ข้าสวยกว่าเจ้า สูงกว่าเจ้า กำลังก็มากกว่าเจ้า วิชาแพทย์ก็ดี ร่างกายปราดเปรียว กล้าหาญเกินใคร โอ้ คำชมนี้เมื่อครู่พวกเจ้าก็เอาแต่ชมข้า ข้าไม่ได้พูดเองนะ แล้วเจ้ามันมีอะไร? ใครให้เจ้าเสนอหน้ามาริษยาตรงหน้าข้ากัน?"ฟู่จาวหนิงก้มมองนางจากที่สูง "แค่ให้เจ้าไปสารภาพรักต่อหน้าเซียวหลันยวนก็ยังไม่กล้าเลยกระมัง? แล้วเจ้าก็รู้ว่าพระชายาตัวจริงอยู่ที่นี่ ก็ยังแสดงออกถึงความอยากเข้าหาสามีคนอื่นอย่างหน้าด้านแบบนี้น่ะนะ? เจ้
"นี่คือแผนของพวกท่านหรือ?"ฟุ่จาวหนิงที่เงียบมาจนถึงตอนนี้เพิ่งจะเอ่ยปากขึ้น ฟังไม่ออกถึงไฟโกรธใดๆ"พูดจบแล้วสินะ?""พระชายาอ๋องเจวี้ยน ยังมีภารกิจของท่านอีก" เฉินฮ่าวปิงยังพูดไม่จบ "ท่านเป็นหมอเทวดา นอกจากรวบรวมวัตถุดิบยาแล้ว ท่านยังมีภารกิจที่ใหญ่ที่สุดอีก ก็คือไปเมืองเจ้อพร้อมกับขบวนพ่อค้าตระกูลฟาง ผู้ประสบภัยที่นั่นังรอท่านไปช่วยรักษาอยู่""ใช่" ชิวอวิ๋ฯพูดตามขึ้นมา "เรื่องนี้พวกเราเองก็หารือกับพระชายาเยว่แล้ว พระชายาบอกว่าเรื่องนี้ต้องทำให้สำเร็จ นั่นเป็นมหากุศลใหญ่ พวกเราจะเลือกหญิงรับใช้สิบคนไปกับท่านด้วย ให้พวกนางคอยฟังการกำชับจากท่าน ช่วยเหลือเป็นลูกมือท่าน ดังนั้นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีคนช่วยเหลือ""พูดแบบนี้แล้วข้าต้องขอบคุณพวกท่านไหม?""พระชายาอ๋องเจวี้ยน เผชิญหน้ากับเรื่องสำคัญ ขอให้ท่านพิจารณาในภาพรวมด้วย ภัยพิบัติหนักหนา ผู้ประสบภัยน่าสงสาร หรือว่าท่านจะใจดำ มีวิชาแพทย์ชั้นสูงอยู่ในมือ แต่กลับไม่สนใจชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ?"เฉินฮ่าวปิงสะบัดภาระหนักสุดใส่นางทันที"ใช่เลย พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านเองก็ถือว่าอยู่ในราชวงศ์นะ แบ่งเบาภาระองค์จ
คำพูดของฟู่จาวหนิงกับฟางซือฉิงเมื่อครู่นางได้ยินแล้ว ตอนนี้นางก็คิดเหมือนฟู่จาวหนิง จะลองฟังพวกนางพูดให้จบก่อน ดูว่าหน้าพวกนางจะใหญ่สักแค่ไหนอันชิงกัดริมฝีปากล่างการจะออกสามร้อยตำลึงเพื่อผู้ประสบภัยอันที่จริงก็ไม่ใช่ว่านางไม่ยินยอม แต่ทำไมถึงต้องมาถูกเฉินฮ่าวปิงจัดแจงให้กัน?"พวกเราทางนี้มีสิบสองคน พอคำนวณแล้วก็น่าจะมีเงินที่สามพันกว่าตำลึง ถือเป็นเงินก้อนใหญ่มากแล้ว"เฉินฮ่าวปิงดูตื่นเต้น ถ้าหากเงินสามพันตำลึงอยู่กับนางได้ก็คงดี อันที่จริงให้นางเอาออกมาสามร้อยตำลึงก็เจ็บปวดอยู่แต่ถ้าจะทำเรื่องนี้ก็ไม่มีทางเลือก หลังจากทำสำเร็จ นางก็จะได้รับประโยชน์ที่มากกว่าสามร้อยตำลึง ตอนนี้จึงจ่ายออกไปได้"นี่ยังไม่นับของพระชายาอ๋องเจวี้ยนกับแม่นางฟางนะ"เฉินฮ่าวปิงมองไปทางฟู่จาวหนิงกับฟางซือฉิง "พวกนางก็ไม่ต้องบริจาคเงินแล้ว สามพันกว่าตำลึงนี้ก็ส่งให้แม่นางฟาง จากนั้นแม่นางฟางก็จะเปลี่ยนพวกมันเ็นเสื้อผ้า รองเท้า เสบียงอาหารแล้วก็วัตถุดิบยา แล้วให้ขบวนพ่อค้าของตระกูลฟางส่งไปยังเมืองเจ้อ"องค์หญิงเจ็ดถาม "ต้องจำนวนเท่าไรล่ะ""ข้าได้ยินว่าเมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยเกือบหมื่น พวกเราเลยคำนวณไปว
ฟางซือฉิงอ้าปากพะงาบ ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้จะพูดอะไรดีฟู่จาวหนิงกุมมือนางไว้ ขยิบตาให้นาง"ไหนๆ ก็มาแล้ว ฟังพวกนางต่อไปอีกหน่อยเถอะว่าจะจัดการอย่างไร พวกเราก็ถือเสียว่าเปิดโลกทัศน์ก็แล้วกัน"อันที่จริงนางก็อยากจะลองฟังแผนของเฉินฮ่าวปิงต่อจริงๆในเมื่อเฉินฮ่าวปิงเตรียมตัวมาตั้งหลายวัน ทำไมถึงจะไม่ให้โอกาสนางพูดให้จบกันล่ะ?นางเองก็ชอบที่จะรอให้คนอื่นที่กำลังตื่นเต้นดีอกดีใจ แล้วค่อยจัดการทำลายความหวังของคนๆ นั้นทิ้งแค่คิดก็สนุกแล้วถึงอย่างไรก็มาแล้วนี่นะฟางซือฉิงพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ในใจก็สงบลงมา นางฟังฟู่จาวหนิงก็พอแล้วดังนั้นพวกนางจึงไม่รีบร้อนพูดอะไรอีกพวกของเฉินฮ่าวปิงก็ไม่เหมือนไม่ต้องการท่าทีอะไรของฟางซือฉิง พวกนางยังพูดต่ออย่างเบิกบาน เฉินฮ่าวปิงยังวาดฝันต่อ แล้วก็ทำให้เหล่าองค์หญิงคุณหนูพวกนี้หวั่นไหวกันขึ้นมา"ถ้าหากพวกเราสร้างผลงานอะไรได้ ผู้อาวุโสในตระกูลก็จะมองพวกเราสูงขึ้น หลังจากนี้พวกเราก็สามารถช่วงชิงความรุ่งโรจน์ให้กับตระกูลได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเรื่องนี้ทำออกมาได้ดี ก็อาจจะได้รับความชื่นชมจากองค์จักรพรรดิก้ได้""ตอนที่ข้าไปว่าเรื่องแต่งงาน ผู้อาวุโสของอี