เฮ่อเหลียนเฟยไม่คิดมากอะไร พยักหน้าให้ทันที"ใช่แล้ว""เสี่ยวเฟย เด็กดี เจ้าบอกกับท่านปู่หน่อย ว่าคนที่พกตราหยกนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้ากัน? ทำไมเจ้าถึงต้องตามหาเขา?"ฟู่จาวหนิงฟังออกถึงอาการสั่นพร่าของน้ำเสียงผู้เฒ่าฟู่เฮ่อเหลียนเฟยนิ่งขึ้นมาทันทีเขามองผู้เฒ่าฟู่ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง คิดจะพูดแต่ก็หยุดไว้ฟู่จาวหนิงมองท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างเข้มงวด "ในเมื่อเจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าหาตัวคน เช่นนั้นคำถามนี้คงต้องตอบให้ชัดเจนหน่อยแล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาตัวคนแบบไหนมา""เอาล่ะๆๆ ข้าบอกแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็เชื่อใจพวกท่าน แต่ว่าพวกท่านห้ามบอกต่อไปอีกนะ""ไม่พูดหรอก" ผู้เฒ่าฟู่รีบรับคำขึ้นมา"นั่น ตัวตนฐานะของข้าจริงๆ ยังไม่ได้พูดกับพวกท่านอย่างชัดเจน" เฮ่อเหลียนเฟยจู่ๆ ก็รู้สึกผิด แอบลอบสังเกตสีหน้าของฟู่จาวหนิง"เจ้ายังปิดบังอะไรอยู่หรือ?""ข้า""เจ้าเป็นคนเฮ่อเหลียนใช่ไหม?""ใช่""เจ้ามาที่แคว้นเจาเพื่อหาคนสกุลฟู่จริงๆ ใช่ไหม?""ใช่ นี่เป็นเรื่องจริง"ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเขาขรึมลงมา "เช่นนั้นเจ้าก็ปิดเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าหรือ?""ก็ไม่ขนาดนั้น พี่หญ
นางยังคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มจากเผ่าเฮ่อเหลียนธรรมดาคนหนึ่งเสียอีก แต่กลายเป็นว่าบิดาเขาเป็นราชาแห่งเฮ่อเหลียนเสียอย่างนั้น"พี่หญิง ท่านอย่างเพิ่งโกรธ ข้าก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวพี่หญิงนัก ดังนั้นจึงยังไม่กล้าแจ้งตัวตนฐานะจริงๆ ออกมา ข้ากลัวพี่หญิงจะทิ้งข้าไว้ในภูเขาเมฆอรุณโดยไม่สนใจจริงๆ"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็เริ่มลนลานขึ้นมาแล้ว เขาขยับตัวคิดจะลงมาจากเก้าอี้ แต่ว่าขายังเจ็บอยู่ จึงทิ้งตัวตุบลงไปบนพื้น เจ็บจนเขาร้องขึ้นมาผู้เฒ่าฟู่ก็ร้อนรนขึ้นมาแล้ว รีบปล่อยมือฟู่จาวหนิงเข้าไปประคองตัวเขา"เจ้านี่นะ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้? เร็ว จาวหนิง รีบประคองเขาขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงมองเฮ่อเหลียนเฟย"พี่หญิง"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นว่านางไม่คิดจะเข้ามาประคองตัวเขา ใจก็ดำดิ่ง ดวงตาแดงรื้น"ข้าไม่ได้จงใจจะหลอกท่านจริงๆ""เจ้าของตราหยกเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?" ฟู่จาวหนิงดึงผู้เฒ่าฟู่ไว้ ไม่ให้เขาเข้าไปประคองเฮ่อเหลียนเฟยเฮ่อเหลียนเฟยกัดริมฝีปาก ในดวงตามีประกายน้ำตา"ท่านแม่ข้าแอบบอกข้ามาเรื่องหนึ่ง นางบอกว่าข้าเป็นคนที่นางอุ้มกลับมาจากภายนอก ตอนนั้นคนที่ทิ้งเด็กไว้พกตราหยกชิ้นนี้อยู่!
ลุงจงเป็นเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เดาได้ว่าท่านปู่กำลังจะพูดอะไรแล้วนางเม้มริมฝีปากตามคาด ผู้เฒ่าฟู่บีบมือของนางแน่น สายตาตกอยู่บนใบหน้าเฮ่อเหลียนเฟย"ตราหยกนี้ เป็นของของแม่จาวหนิง"หืม?ฟู่จาวหนิงตะลึงงันของฟู่หลินซื่อหรือ?นางเดิมทีคิดว่าจะบอกว่าเป็นของฟู่จิ้นเชินเสียอีก ถึงอย่างไรก็สกุลฟู่นี่นะ!ตอนนี้ทำไมถึงบอกว่าเป็นของฟู่หลินซื่อล่ะ?"อักษรฟู่ตัวนั้น อันที่จริงเป็นสิ่งที่พ่อของเจ้าสลักไว้ด้านหลัง เพื่อปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ มองไปทางฟู่จาวหนิง"เพราะอะไรกัน?"เพราะอะไรต้องปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง?เฮ่อเหลียนเฟยเองก็ตกตะลึงไปแล้ว"ถ้าอักษรแต่เดิมให้คนเห็นไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพกตราหยกไว้ก็พอแล้ว หรือไม่ก็ทำลายมันทิ้งเสียก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?" เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเช่นนี้"ตราหยกชิ้นนั้นมีบทบาทอื่นอยู่อีก พวกเขาไม่สามารถทำลายทิ้งส่งเดชได้ พกตราหยกนั้นไว้ ก็เพราะหลินซื่อคิดจะใช้ตราหยกนั้นดึงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา"ผู้เฒ่าฟู่พูดถึงจุดนี้ สูดลมหายใจลึก"แม่ของข้า ไม่ใช่คนจากตระกูลหลินหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเบื้องหลังนี้มีหมอกปริศ
เฮ่อเหลียนเฟยคิดๆ จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา "พี่หญิง แล้วท่านจะบอกอ๋องเจวี้ยนไหม?""บอกเขาทำไมกัน?""เขาไม่ใช่พี่เขยของข้าหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น "บอกเขาไว้ก่อน บางทีหลังจากนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่ขายยังสามารถคุ้มครองพี่หญิงได้นะ"เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้อย่าปิดบังอ๋องเจวี้ยนดีกว่าถึงอย่างไรจากที่เขาเห็น พี่เขยเองก็รักและคอยปกป้องพี่หญิงอยู่ หลังจากนี้ไม่แน่อาจจะช่วยนางปิดบังให้ด้วยก็ได้"ไร้สาระ"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบ ผู้เฒ่าฟู่เองก็ส่ายหัวขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่พี่เขยของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอย่าไปเชื่อเขานะ"เฮ่อเหลียนเฟยไม่เข้าใจ "ท่านปู่ เพระาอะไรกัน?""เจ้าไม่ต้องถามหรอก เรื่องนี้มันไม่ได้ หลังจากนี้พี่หญิงของเจ้าจะหาวิธีเพื่อหย่ากับเขาแล้ว" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ เขามองฟู่จาวหนิง "จาวหนิง เจ้าเองก็อย่าประมาทล่ะ เพราะว่าตัวตนแม่ของเจ้าลึกลับ ดังนั้นต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าครั้งนั้นคนที่วางยาจะเกี่ยวข้องกับนางจริง"ฟู่จาวหนิงงงงัน"หรือก็คือ ขนาดข้าก็ยังไม่กล้าพูดว่าแม่ของเจ้าบริสุทธิ์" ผู้เฒ่าฟู่สีหน้าหม่น "ถ้าหากนางวางยาใส่อ๋องเจวี้ยนเพราะความลับเบื้องห
ฟู่จาวหนิงอดมองบนใส่เขาไม่ได้"นั่นมันพ่อแม่ของข้า แล้วเจ้ามาเรียกท่านพ่อกับท่านแม่ได้อย่างไรกัน?"เฮ่อเหลียนเฟยเม้มปาก "พี่หญิง ไม่รู้เพราะอะไร ข้าเห็นท่านกับท่านปู่แล้วรู้สึกสนิทชิดเชื้อเหลือเกิน ท่านว่านี่จะใช่สิ่งที่เรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำไหม?"ถึงอย่างไรเขาก็อธิบายความรู้สึกนี้ได้ไม่ชัดเจน ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็เชื่อใจและชอบขึ้นมาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาเองยังยอมให้ตนเองไม่ต้องถูกช่วย และไม่อยากให้นางต้องมาลำบากเสียด้วยซ้ำ"ใช่ๆๆ ข้าเองก็รู้สึกมีวาสนากับเสี่ยวเฟยมากเหมือนกัน เด็กคนนี้ทำให้ข้าชอบเขามากเหลือเกิน" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยทั้งน้ำตา"ท่านปู่"ฟู่จาวหนิงมองท่านปู่อย่างจำใจทำไมเขาถึงตามน้ำไปส่งเดชอย่างนี้ล่ะ?ตอนนี้เรื่องราวยังไม่ได้ตรวจสอบแน่ชัด ความเป็นไปได้ที่เฮ่อเหลียนเฟยจะเป็นน้องชายของนางนั้นต่ำมาก บนโลกจะมามีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้อย่างไรกัน?ต่อให้ตราหยกนั้นจะเป็นของฟู่หลินซื่อจริง ตอนนั้นเขาจะเป็นฟู่หลินซื่ออุ้มมาจริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนที่นางคลอดออกมาเองเสียหน่อยพวกเขายังไม่รู้ว่าฟู่จิ้นเชินอยู่กับฟู่หลินซื่อหรือไม่เลยถ้าเผื่อว่า เฮ่อหลินเฟยเป็นลูกของฟู่หลิน
"ออกไปแล้วหรือ?""เจ้าค่ะ ข้าถามคนใช้คนหนึ่ง นางแอบมาบอกข้า บอกว่าพวกเขาหอบข้าวของไปไม่น้อยเลย ดูท่าจะออกไปอยุ่ข้างนอกช่วงหนึ่ง คงไม่กลับมาเร็วๆ นี้แน่""ข้าก็ว่าทำไมถึงได้เงียบขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมาเขายังคิดว่าอีกฝ่ายข่มอารมณ์เอาไว้ ผลลัพธ์คือขนาดจะอยู่ในบ้านก็ยังไม่กล้าเลยหรือ? นี่คิดจะไปซ่อนก่อนที่บ้านตระกูลฟู่จะขายออกไปหรือไรกัน?พวกเขาคิดว่าบ้านนี้จะขายออกไปได้อย่างราบรื่นจริงหรือ?"แล้วผู้เฒ่าฟู่สี่ล่ะ?" นางถามขึ้นมาเสี่ยวเถาส่ายหัว "ข้าน้อยไม่ได้ไปทางผู้เฒ่าฟู่สี่ทางนั้น ทางนั้นเงียบมาตลอดเลย"นางหดคอลง รู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย"พี่หญิง ผู้เฒ่าฟู่สี่ทางนั้นแปลกมากเลย ทำไมถึงนิ่งเงียบขนาดนั้นมาได้ตั้งหลายปี?"จริงด้วย ถ้าไม่ใช่พวกเขารู้ว่าทางนั้นมีคนอาศัยอยู่ คงคิดว่าในบ้านรกร้างไปนานแล้วฟู่จาวหนิงเองก็ยัอยากรู้ว่าผู้เฒ่าฟู่สี่กำลังทำอะไร แล้วก็ภรรยาผู้เฒ่าฟู่สี่ที่เป็นใบ้คนนั้น นางเดิมทีคิดว่าฮูหยินสี่คงเห็นว่านางเป็นใบ้ แล้วก็ยังซื่อๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ถึงได้ยอมให้ผู้เฒ่าฟู่สี่ชอบพอกับแม่นางเจียง พิการไปครึ่งตัวขนาดนี้แล้วยังอยากจะมีภรรยาผู้น้อยอีกแต่ผ
ตอนที่ชุนเจิ้งถูกเรียกเข้ามาก็ดูร้อนรนหน่อยๆพอเห็นฟู่จาวหนิง เขาก็ไม่พูดอะไรมาก ขึ้นมาถึงก็เอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง "คุณหนู พวกเขาหยิบของของท่านไปจำนำแล้ว"ฟู่จาวหนิงตะลึงไป"ของของข้าหรือ?"นางไม่รู้ด้วยว่าตนเองมีของอะไรที่จะเอาไปจำนำได้"ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ฝังเอาไว้ในสวยดอกไม้ก่อนหน้านั่น ข้าเห็นผู้เฒ่าสามพาคนมาหลายคน แล้วย้ายหินก้อนนั้นออกไปแล้ว หน้าชื่นตาบาน ตอนกลับมายังพูดกับฮูหยินสามว่าหินก้อนนั้นเอาไปขายได้ราคา ยิ่งไปกว่านั้นยังพาพวกเขาออกไปพักด้านนอกอีกหลายวัน"พวกของชุนเจิ้งเข้ามาในบ้านตระกูลฟู่ ตงสือรับผิดชอบดูแลเฮ่อเหลียนเฟย เฉินซานคุยติดตามฟู่จาวหนิงขับรถม้า ชิวเซิงกับป้าซิ่งอยู่ในบ้านคอยช่วยทั้งในและนอก มุมหนึ่งในเรือนมีแปลงผักแปลงหนึ่งโผล่ออกมา บอกว่าสามารถปลูกผักปลูกถั่วได้ แล้วยังเลี่ยงไก่ได้อีกหลายตัวแล้วก็เรื่องเย็บปักถักร้อย ยังทำเสื้อผ้าให้กับท่านผู้เฒ่ากับเฮ่เหลียนเฟยและฟู่จาวหนิงอีก ชุนเจิ้งรู้สึกว่าตนเองไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนัก จึงรู้สึกร้อนรนอยู่ตลอดดังนั้นตอนที่เขาได้ยินว่าคนจากบ้านอื่นเข้ากันไม่ได้กับฟู่จาวหนิง ตนเองก็เลยอยากขันอาสาคอยจับตาดูพวกเขาให้น
ฟู่จาวหนิงครุ่นคิดหินก้อนหนึ่งที่มุมกำแพงเรือนหน้า มีอะไรพิเศษกันแน่? นางไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าหินก้อนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร"ใช่แล้ว เป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง หินก้อนนั้นดูแล้วน่าจะหนักหลายสิบจินอยู่" ชุนเจิ้งเอ่ยขึ้น"ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงตรงไปใต้ต้นกุ้ยฮวยเรือนหน้าต้นนั้น ที่นั่นมีร่องรอยอยู่จริงๆ มองออกว่าเดิมทีมีก้อนหินวางอยู่มานับแรมปี ตอนนี้พอย้ายออกไป ที่นั่นจึงเหลือหลุมตื้นๆ หลุมหนึ่งไว้ ส่วนดินตรงฐานก็ยังไม่มีตะไคร่ขึ้นมาใหม่นางกลับไปถามผู้เฒ่าฟู่ผู้เฒ่าฟู่นึกๆ ก็ตบลงที่ต้นขา "หินก้อนนั้นสินะ? นั่นเป็นของที่พ่อแม่ของเจ้าไปเที่ยวที่ไหนสักที่แล้วนำกลับมา"ฟู่จาวหนิงตะลึงไป"ตอนนั้นข้ายังหัวเราะใส่พวกเขาอยู่เลย ว่าออกไปเที่ยวแล้วขนหินกลับมาทำไม? พ่อของเจ้าบอกว่าหินก้อนนี้แม่ของเจ้าชอบมันมาก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ลำบากอะไร ในบ้านก็ใหญ่โตเสียขนาดนี้ จึงวางเอาไว้ในเรือน ต่อมาหินก้อนนั้นก็วางอยู่ตรงนั้นมาตลอด ไม่มีคนไปสนใจมันอีก"ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่คิดว่าผู้เฒ่าฟู่สองกับสามจะย้ายหินเล่นไปมาเสียแล้วชุนเจิ้งพูดไว้ไม่ผิด หินก้อนนั้นพวกเขาน่าจะเอาออกไปขายจริงๆหรือจะเป็นหินแร่กันนะ?เดิมทีนา
พอได้ยินว่าคุกใต้ดินน้ำรั่ว หัวหน้าคุกก็ปวดหัวขึ้นมาเลยทีเดียวทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงน้ำรั่วเข้ามากัน?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สาวงามเหล่านี้เป็นคนจากที่ไหน เขาเองก็รู้อยู่ถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ถูกยัดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ไม่มีทางที่จะมีใจปฏิพัทธ์กับอ๋องเจวี้ยนแต่ถ้าตอนนี้ให้พวกนางต้องมาเห็นว่าคุกอ๋องที่ขังอ๋องเจวี้ยนไว้เป็นเช่นไร คงจะยากที่พวกนางจะไม่พูดกันออกไปองค์จักรพรรดิแค่บอกว่าจะขังอ๋องเจวี้ยนสองเดือนให้เขาได้ไปนั่งทบทวนตนเอง แต่ไม่ได้บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะต้องถูกทรมานอยู่ในคุกเช่นนั้นองค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหน้าอยู่เป็นแน่แท้"คุกใต้ดิน?"ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ "พวกเราเมื่อครู่ดูห้องขังพวกนี้แล้วแต่ไม่เจอท่านอ๋องของข้าเลย เจ้าคงไม่ได้ขังเขาไว้ในคุกใต้ดินกระมัง? คุกใต้ดินที่น้ำรั่ว?"ยังไม่ทันที่หัวหน้าคุกจะพูดอะไร นางก็อุทานตกใจขึ้นมา "ให้ตายเถอะ! สุขภาพท่านอ๋องของพวกเรายังไม่หายดีนะ ห้องขังปกติตรงนี้ไม่มีใครอยู่ แล้วทำไมถึงเอาเขาไปขังไว้คุกใต้ดินกัน? สวรรค์โปรดพระโพธิสัตว์กวนอินเอ๋ย หรือความหมายขององค์จักรพรรดิ จะไม่ใช่ให้ท่านอ๋องไปคิดทบทวน แต่จะทรมานเขาอยู
"อ๊า!" อวิ๋นจูถูกทำให้ตกใจจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา หลบไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว จนไปกระแทกกับชิวอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ นางชิวอวิ๋นถูกกระแทกจนไปโดนประตูห้องขังอีกห้อง เสียงดังปึงนางกำลังจะกรีดร้อง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ข้างหูมีลมหายใจคาวๆ พ่นมาที่ต้นคอ ตกใจจนนางสะดุ้งโหยง ขนลุกชูชันไปทั้งตัวนางหันหน้าคอแข็งมองไป ก็เห็นว่าด้านหลังประตูห้องขังมีผู้เฒ่าคนหนึ่งประชิดเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง สูดลมหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม"หญิงสาวนี่ตัวหอมจริง...""อ๊า!"พริบตาเดียว ชิวอวิ๋นก็กรีดร้องแหลมขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดีดตัวออกห่างอย่างรวดเร็วผู้คุมพุ่งเข้ามา กระบองในมือก็ออกแรงฟาดไปที่ประตูห้องขัง"ถอยออกไป!""ทำอะไรน่ะ? ทำอะไร? อยากตายหรือไรกัน?"นักโทษเหล่านั้นล้วนถอยกลับไปในมุมของห้องขัง แต่ก็ยังมีคนที่จับจ้องมายังหญิงสาวเหล่านี้ ในดวงตามีประกายเหมือนหมาป่าชั่วร้ายอย่างไรอย่างนั้นขังอยู่ในนี้นานเกินไปแล้ว พวกเขาไม่เห็นหญิงสาวมาตั้งนาน แล้วยังเป็นหญิงสาวแรกแย้มที่สวยขนาดนี้อีกพวกของอวิ๋นจูถูกสายตาเช่นนี้จับจ้องจนตัวสั่น รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้วพวกนางมองไปทางฟู่จาวหนิง แต่กลับเห็นฟู่จาวหนิงที่ไม่รู้ว่าสวมหน้
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า?" ผู้คุมถลึงตาโต สงสัยว่าหูของตนเองคงจะฝาดไป"ข้าแจ้นมาที่นี่เพื่อมาล้อเล่นอย่างนั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงสีหน้าแข็งขัน "ทำตามราชโองการ พวกเราก็รีบเข้ามาปรนนิบัติอ่องเจวี้ยนนี่อย่างไร อ๋องเจวี้ยนถ้าต้องอยู่ที่นี่สองเดือน พวกเราจะไปกเินดีอยู่ดีในจวนได้อย่างไรกัน? แน่นอนว่าต้องมาร่วมกันลำบากที่นี่ด้วยสิ""แต่ แต่ว่า..."ผู้คุมทั้งหมดล้วนเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร แต่ละคนใบ้กินกันไปหมดอ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกใต้ดินนะ แล้วยังเป็นคุกใต้ดินที่สิ่งแวดล้อมแย่ที่สุดห้องนั้นด้วย"พวกเจ้าไม่เชื่อก็ไปถามองค์จักรพรรดิเอา สายสวยพวกนี้ฝ่าบาทส่งมา บอกให้พวกนางดูแลอ๋องเจวี้ยนให้ดี ข้าจะให้พวกนางขัดราชโองการได้อย่างไรกัน?"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก แสดงออกว่าตนเองเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังต่อราชโองการ"นี่นี่นี่ พวกนางควรจะรออยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนถึงจะถูกสิ...""เช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ท่านอ๋องพวกเราต้องอยู่ในคุกตั้งสองเดือนเชียวนะ นี่เดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้วด้วย พวกเราจะปล่อยให้เขาติดคุกอยู่คนเดียว แต่ตนเองไปเสวยสุขอยู่ในจวนได้อย่างไ
เขาควรจะเขียนจดหมายบอกนายท่านหน่อยดีไหม ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ถูกยัดหญิงสาวเข้ามาถึงสามคน? ถ้ารับสามคนนี้เข้ามา หลังจากนี้ก็คงจะมีคนที่สี่ห้าหกเจ็ดอีกถ้าหากหญิงสาวเหล่านี้วันวันเอาแต่ลอยชายอยู่ข้างกายคุณหนูกับอาเขย ร้อยเล่ห์มารยา จะช้าเร็วคงได้ส่งผลกระทบกับความรักของคุณหนูกับอาเขยแน่ๆผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยก็ได้ข่าวนี้แล้ว ปู่หลานทั้งสองคนก็รีบตรงเข้ามาและได้ยินคำพูดที่อวิ๋นจูกำลังเลือกเรือนกับฟู่จาวหนิงอยู่"พระชายา ข้าได้ยินว่าท่านอยู่ในเรือนเจียนเจีย เรือนนั้นห่างจากเรือนโยวหนิงไปหน่อย ข้าอยู่เรือนไหนถึงจะดีล่ะ? หรือให้ข้าเลือกเรือนที่อยู่ใกล้กับเรือนโยวหนิงหน่อยดี? อีกหน่อยท่านอ๋องถ้าจะไปหาข้าก็ไม่ต้องเดินทางไกลแล้ว"นิ้วมืออวิ๋นจูกำชายเสื้อตนเองไว้ ก้มหน้าต่ำนิดหน่อย ดูอ่อนโยนอ่อนแอ ทำให้คนอยากเข้ามาปกป้อง"ร่างกายของท่านอ๋องไม่ใช่เพิ่งดีขึ้นหรือ? หลังจากนี้หากจะต้องมาหาตอนกลางคืน ถ้าเดินไหกลมากคงไม่ดีกับสุขภาพเขาเท่าไร""หญิงสาวอย่างเจ้าไม่หน้าด้านไร้ยางอายไปหน่อยหรือ?!"ฟู่จาวเฟยพอได้ยินคำพูดนี้ก็ด่าลั่นออกมาอย่างโกรธเคืองยังไม่มีตัวตนฐานะอะไรกันเลย นี่คิดจะมาบีบคั้
ฟู่จาวหนิงดึงสติกลับมาที่นี่ยังไม่มีความคิดเรื่องที่ว่าเครือญาติแต่งงานกันไม่ได้สินะแล้วเรื่องที่ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันก็มีอยู่มากมายจริงๆเซียวหลันยวนกับอวิ๋นจูเองก็ไม่ถือว่าเป็นญาติใกล้ๆ กันแล้ว จากที่พวกเขาเห็นก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร"ท่านถามข้าว่าทำไมไม่เรียกเขาพี่ชาย ไม่ใช่คิดจะหยามหมิ่นข้าหรอกหรือ?" อวิ๋นจูเข้ามาใกล้นาง กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า "แม่ของข้าเป็นเมียน้อยที่ไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ราชวงศ์ไม่ยอมรับตัวตนฐานะของข้า พ่อของข้าก็ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนข้าแล้วพาข้าไปพบเหล่าพี่น้องในราชวงศ์พวกนั้นอย่างผ่าเผย แล้วอ๋องเจวี้ยน จะมองข้าเป็นน้องสาวได้อย่างไรกัน?""ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะใช้ความสัมพันธ์ในชั้นนี้เข้าใกล้เขาตั้งแต่แรก"อวิ๋นจูดูแล้วเหมือนจะภูมิใจขึ้นมาหน่อย แต่พอฟังน้ำเสียงนางก็ยังมีความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เหมือนกันคนแม่เป็นเมียน้อย เป็นความเจ็บปวดในใจนางมาโดยตลอด"ข้าเชื่อว่า ด้วยตัวของข้า ข้าเองก็สามารารถทำให้อ๋องเจวี้ยนเอียงตามองข้าต่างออกไปได้"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองพิจารณานางผาดหนึ่งท่ามกลางสายตาพิจารณาของนาง อวิ๋นจูก็ยืดอกขึ้นนางมั่นใจกับรูปร่างภายนอกของ
"องค์จักรพรรดิประกาศว่า...""โอ้ เจ้าพูดมา"คือเป็นพระราชโองการที่ไม่ค่อยจริงจังสินะ ฟู่จาวหนิงเอะใจขึ้นหน่อยๆขันทีกระแอม สายตาของพระชายาอ๋องเจวี้ยนเหมือนแสดงความหมายของนางออกมาอย่างชัดเจน"องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง เห็นแก่อ๋องเจวี้ยนที่ร่างกายอ่อนแอโดดเดี่ยวมาตั้งแต่เล็ก ไม่ค่อยได้รับความรักที่อบอุ่น ดังนั้นจึงเพาะบ่มนิสัยขี้อายและดื้อรั้นออกมา ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนสุขภาพกลังหันไปในทางที่ดี จึงต้องรีบปรับตัวกับชีวิตทั่วไปให้ไว้ที่สุด จวนอ๋องเองก็ควรจะมีคนให้มากขึ้น และในจวนอ๋องเองก็มีแม่นางหลายคนเข้าไปอยู่ใหม่พอดี ล้วนเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนเรียบร้อยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถแบ่งเบาภาระในจวนอ๋องแก่พระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ และสามารถคอยดูแลอ๋องเจวี้ยน ให้จวนอ๋องเต็มไปด้วยความรักที่อบอุ่น"พอฟังถึงจุดนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจความหมายขององค์จักรพรรดิขึ้นมานี่คิดจะใช้พระราชโองการมากดดันนาง ให้นางจำเป็นต้องเก็บแม่นางสามคนนี้เอาไว้เซียวหลันยวนมีความคิดจะเก็บข้าวของของพวกนางแล้วโยนออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปด้วยกัน มันก็ดูเรียบง่ายและหยาบคายอยู่ ทว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิก็จะทำตรงข้ามกับเขาแล้วขันทีเองก
ฟู่จาวหนิงมาถึงโถงหน้าสาวงามทั้งสามคนเองก็อยู่ที่นี่ชิวอวิ๋น อวิ๋นจู และยังมีคนนั้นที่ชื่อซือหรูและเป็นไปตามคาด คนที่ชื่อซือหรูก็ยังเป็นแม่นางที่หน้าตาดีชิวอวิ๋นหน้าตาสะสวย ดูมีความหยิ่งยโสที่สง่าผ่าเผยหน่อยๆ ซือหรูกลับเป็นพวกดูอ่อนโยนเรียบร้อยอวิ๋นจูเป็นคนที่โดดเด่นสุดในสามคนนี้ คิ้วตาคมชัดวิจิตร โดยเฉพาะผิวที่ขาวผ่องนั่นยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นจูยังเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดีที่สุดในสามคนนี้ด้วย แม้นางจะเป็นลูกสาวนอกสมรส แต่บิดาก็เป็นถึงอ๋องฉยงนางยืนอยู่คนเดียวห่างจากชิวอวิ๋นกับซือหรูออกมาหน่อย ดูแล้วเหมือนจะรังเกียจที่ต้องยืนอยู่ด้วยักนกับสองคนนั้นตรงหน้าพวกนางยังมีขันทีคนหนึ่งเข้ามาประกาศราชโองการ กำลังยืนรออย่างกระวนกระวายพอเห็นฟู่จาวหนิงเดินมา เขาก็รีบโค้งตัวคารวะ เดินเข้ามาต้อนรับ"เจ้าคนรับใช้" อวิ๋นจูแอบส่งสายตาเหยียดๆ ใส่ขันทีคนนี้นี่เป็นถึงคนข้างกายองค์จักรพรรดิเลยนะ แล้วยังเป็นคนแจ้งราชโองการอีก ทำไมถึงต้องพะเน้าพะนอพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนั้น?นางไม่รู้ ว่าต่อให้ไม่มีอ๋องเจวี้ยน ตอนที่ฟู่จาวหนิงเข้าวังสมัยก่อนก็ไม่ได้ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเท่าไรนัก ยิ่งไ
"ท่านอ๋องของพวกเจ้าเตรียมการไว้นานแล้วสินะ?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ องครักษ์ลับก็ใจเต้นขึ้นมา ทำไมจึงรู้สึกว่าคำพูดนี้ของพระชายาทำเอาใจลนลานไปหมดกันนะ?"ท่านอ๋องหลายวันก่อนจัดคนไปไว้ในคุกใหญ่แล้ว แต่ว่า ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ว่าวันที่เข้าคุกน่าจะเป็นหลายวันหลังจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นห้องคุกก็ยังเป็นอีกที่หนึ่งด้วย..."ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ"วางแผนไว้แล้วจริงๆ? หรือก็คือ เขาตอนนี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องคุกที่เตรียมเอาไว้สินะ?"เซียวหลันยวนผู้ชายคนนี้ มีอย่างที่ไหน คิดเอาไว้นานแล้วว่าองค์จักรพรรดิจะจับเขาขังคุก แล้วตนเองก็จัดเตรียมไว้ดิบดี แต่กลับไม่ยอมบอกให้นางรู้แม้แต่น้อย!เขาเคยคิดไหมว่านางจะเป็นห่วงเขา?จดหมายนางก็ไม่ได้รีบร้อนเอามาอ่าน แต่นางกลับอยากจะถามก่อน!องครักษ์ลับก้มหน้าต่ำ "ขอรับ ท่านอ๋องถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน...""คุกใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็...พอไหวอยู่กระมัง?""เหอะๆ" ฟู่จาวหนิงหัวเราะเย็นชาในใจองครักษ์ลับลนลานกว่าเดิมแล้ว ท่านอ๋องกำชับไว้ ว่าอย่าบอกสถาพในห้องคุก แต่ตอนนี้พระชายาทำท่านเหมือนจะถามให้ละเอียดเสียแล้ว แล้วเขาไม่พูดได้หรือ?"เจ้าจะไม่พูดก็ได้" ฟู่จาวหนิง
"กลับไปแจ้งพระชายา ว่าไม่ต้องกังวล"ในห้องคุกมืด เซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนกองฟาง หลับตา น้ำเสียงฟังแล้วนิ่งสงบมาก"ท่านอ๋อง พระชายาจะต้องถามสถานการณ์ในคุกแน่นอน ถ้าหากพระชายาต้องการจะรู้ องค์จักรพรรดิถึงกับจับท่านส่งมาในคุกที่มืดอับชื้นเช่นนี้..."แล้วพระชายาจะไม่เป็นห่วงแย่หรือ?องครักษ์ลับพิจารณาคุกใหญ่แห่งนี้พวกเขาเดิมทีคิดว่า องค์จักรพรรดิจะให้คนพาท่านอ๋องส่งไปที่ห้องคุกด้านบนซึ่งสะอาดกว่าแห้งกว่าหน่อย ห้องคุกด้านบนอย่างน้อยก็ยังมีเตียง ยิ่งไปกว่านั้นยังสะอาดกว่านี้ มีหน้าต่างสามารถรับแสงได้ ตอนกลางวันยังสว่างขึ้นหน่อยคิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิจะพาคนมาขังเอาไว้ในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดเสียอย่างนั้นคุกใต้ดินนี้แต่ก่อนมีไว้ขังพวกนักโทษหนักที่สังหารคนเป็นผักปลา ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสง ขุดเอาไว้ใต้ดิน อับชื้นมากๆยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่มีเตียง ที่มุมหนึ่งก็วางไว้แค่กองฟาง มุมกำแพงมีตะไคร่ขึ้นเนื่องจากอับชื้น กลิ่นของที่นี่ก็แย่เอามากๆขังไว้ที่นี่คือไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยทีเดียวถ้าหากท่านอ๋องยังมีสุขภาพแบบก่อนหน้านี้ อยู่ในนี้แค่คืนเดียวก็คงป่วยพับไปแล้วตอนนี้ร่างกายขอ