เฮ่อเหลียนเฟยตอนนี้อยู่ในบ้านตระกูลฟู่นี้ดีมากจริงๆฟู่จาวหนิงล้วนคิดไม่ถึงว่าหนึ่งคนแก่หนึ่งชายหนุ่มจะเข้ากันได้ขนาดนี้"คุยอะไรกันอยู่น่ะ?" นางเดินเข้ามาอยู่ข้างผู้เฒ่าฟู่ จับชีพจรให้กับเขา"คุยกันเรื่องประเพณีประหลาดๆ ของเผ่าเฮ่อเหลียนน่ะ" ผู้เฒ่าฟู่พิจารณาตัวนาง "เมื่อคืนนี้เข้าวังไป ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?"เขารู้ว่าฟู่จาวหนิงเมื่อคืนเข้าวังไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ จึงรู้สึกกังวลมาตลอด ตอนนี้พอเห็นนางปลอดภัยดีจึงเพิ่งวางใจลงมา"ไม่เป็นไร ท่านปู่ ข้าเก่งมากนะ ท่านเนี่ยเลิกกังวลกับตัวข้าได้แล้ว""ใช่ใช่ใช่ ท่านปู่ พี่หญิงเก่งกาจมากเลยนะ" เฮ่อเหลียนเฟยเองก็พูดขึ้นมาเขามองฟู่จาวหนิงตาปริบๆฟู่จาวหนิงรู้ถึงความหมายของสายตาเขา คงจะร้อนรนอยากรู้เบาะแสเกี่ยวกับตราหยกชิ้นนั้นแน่ๆตอนนี้ตราหยกอาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่ และเป็นไปได้ว่าคนร้ายที่วางยาใส่เซียวหลันยวนตอนนั้น ก็น่าจะไม่ธรรมดา ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงยังไม่บอกเขาก่อนชั่วคราวนางยังต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าเจ้าของตรานี้กับเฮ่อเหลียนเฟยเกี่ยวข้องกันอย่างไรดังนั้นภายใต้สายตาแป๋วของเฮ่อเหลียนเฟย เขาจึงสั่นหัวเบาๆ เฮ่อเหลียนเฟยก็ป
เฮ่อเหลียนเฟยไม่คิดมากอะไร พยักหน้าให้ทันที"ใช่แล้ว""เสี่ยวเฟย เด็กดี เจ้าบอกกับท่านปู่หน่อย ว่าคนที่พกตราหยกนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้ากัน? ทำไมเจ้าถึงต้องตามหาเขา?"ฟู่จาวหนิงฟังออกถึงอาการสั่นพร่าของน้ำเสียงผู้เฒ่าฟู่เฮ่อเหลียนเฟยนิ่งขึ้นมาทันทีเขามองผู้เฒ่าฟู่ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง คิดจะพูดแต่ก็หยุดไว้ฟู่จาวหนิงมองท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างเข้มงวด "ในเมื่อเจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าหาตัวคน เช่นนั้นคำถามนี้คงต้องตอบให้ชัดเจนหน่อยแล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาตัวคนแบบไหนมา""เอาล่ะๆๆ ข้าบอกแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็เชื่อใจพวกท่าน แต่ว่าพวกท่านห้ามบอกต่อไปอีกนะ""ไม่พูดหรอก" ผู้เฒ่าฟู่รีบรับคำขึ้นมา"นั่น ตัวตนฐานะของข้าจริงๆ ยังไม่ได้พูดกับพวกท่านอย่างชัดเจน" เฮ่อเหลียนเฟยจู่ๆ ก็รู้สึกผิด แอบลอบสังเกตสีหน้าของฟู่จาวหนิง"เจ้ายังปิดบังอะไรอยู่หรือ?""ข้า""เจ้าเป็นคนเฮ่อเหลียนใช่ไหม?""ใช่""เจ้ามาที่แคว้นเจาเพื่อหาคนสกุลฟู่จริงๆ ใช่ไหม?""ใช่ นี่เป็นเรื่องจริง"ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเขาขรึมลงมา "เช่นนั้นเจ้าก็ปิดเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าหรือ?""ก็ไม่ขนาดนั้น พี่หญ
นางยังคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มจากเผ่าเฮ่อเหลียนธรรมดาคนหนึ่งเสียอีก แต่กลายเป็นว่าบิดาเขาเป็นราชาแห่งเฮ่อเหลียนเสียอย่างนั้น"พี่หญิง ท่านอย่างเพิ่งโกรธ ข้าก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวพี่หญิงนัก ดังนั้นจึงยังไม่กล้าแจ้งตัวตนฐานะจริงๆ ออกมา ข้ากลัวพี่หญิงจะทิ้งข้าไว้ในภูเขาเมฆอรุณโดยไม่สนใจจริงๆ"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็เริ่มลนลานขึ้นมาแล้ว เขาขยับตัวคิดจะลงมาจากเก้าอี้ แต่ว่าขายังเจ็บอยู่ จึงทิ้งตัวตุบลงไปบนพื้น เจ็บจนเขาร้องขึ้นมาผู้เฒ่าฟู่ก็ร้อนรนขึ้นมาแล้ว รีบปล่อยมือฟู่จาวหนิงเข้าไปประคองตัวเขา"เจ้านี่นะ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้? เร็ว จาวหนิง รีบประคองเขาขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงมองเฮ่อเหลียนเฟย"พี่หญิง"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นว่านางไม่คิดจะเข้ามาประคองตัวเขา ใจก็ดำดิ่ง ดวงตาแดงรื้น"ข้าไม่ได้จงใจจะหลอกท่านจริงๆ""เจ้าของตราหยกเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?" ฟู่จาวหนิงดึงผู้เฒ่าฟู่ไว้ ไม่ให้เขาเข้าไปประคองเฮ่อเหลียนเฟยเฮ่อเหลียนเฟยกัดริมฝีปาก ในดวงตามีประกายน้ำตา"ท่านแม่ข้าแอบบอกข้ามาเรื่องหนึ่ง นางบอกว่าข้าเป็นคนที่นางอุ้มกลับมาจากภายนอก ตอนนั้นคนที่ทิ้งเด็กไว้พกตราหยกชิ้นนี้อยู่!
ลุงจงเป็นเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เดาได้ว่าท่านปู่กำลังจะพูดอะไรแล้วนางเม้มริมฝีปากตามคาด ผู้เฒ่าฟู่บีบมือของนางแน่น สายตาตกอยู่บนใบหน้าเฮ่อเหลียนเฟย"ตราหยกนี้ เป็นของของแม่จาวหนิง"หืม?ฟู่จาวหนิงตะลึงงันของฟู่หลินซื่อหรือ?นางเดิมทีคิดว่าจะบอกว่าเป็นของฟู่จิ้นเชินเสียอีก ถึงอย่างไรก็สกุลฟู่นี่นะ!ตอนนี้ทำไมถึงบอกว่าเป็นของฟู่หลินซื่อล่ะ?"อักษรฟู่ตัวนั้น อันที่จริงเป็นสิ่งที่พ่อของเจ้าสลักไว้ด้านหลัง เพื่อปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ มองไปทางฟู่จาวหนิง"เพราะอะไรกัน?"เพราะอะไรต้องปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง?เฮ่อเหลียนเฟยเองก็ตกตะลึงไปแล้ว"ถ้าอักษรแต่เดิมให้คนเห็นไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพกตราหยกไว้ก็พอแล้ว หรือไม่ก็ทำลายมันทิ้งเสียก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?" เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเช่นนี้"ตราหยกชิ้นนั้นมีบทบาทอื่นอยู่อีก พวกเขาไม่สามารถทำลายทิ้งส่งเดชได้ พกตราหยกนั้นไว้ ก็เพราะหลินซื่อคิดจะใช้ตราหยกนั้นดึงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา"ผู้เฒ่าฟู่พูดถึงจุดนี้ สูดลมหายใจลึก"แม่ของข้า ไม่ใช่คนจากตระกูลหลินหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเบื้องหลังนี้มีหมอกปริศ
เฮ่อเหลียนเฟยคิดๆ จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา "พี่หญิง แล้วท่านจะบอกอ๋องเจวี้ยนไหม?""บอกเขาทำไมกัน?""เขาไม่ใช่พี่เขยของข้าหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น "บอกเขาไว้ก่อน บางทีหลังจากนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่ขายยังสามารถคุ้มครองพี่หญิงได้นะ"เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้อย่าปิดบังอ๋องเจวี้ยนดีกว่าถึงอย่างไรจากที่เขาเห็น พี่เขยเองก็รักและคอยปกป้องพี่หญิงอยู่ หลังจากนี้ไม่แน่อาจจะช่วยนางปิดบังให้ด้วยก็ได้"ไร้สาระ"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบ ผู้เฒ่าฟู่เองก็ส่ายหัวขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่พี่เขยของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอย่าไปเชื่อเขานะ"เฮ่อเหลียนเฟยไม่เข้าใจ "ท่านปู่ เพระาอะไรกัน?""เจ้าไม่ต้องถามหรอก เรื่องนี้มันไม่ได้ หลังจากนี้พี่หญิงของเจ้าจะหาวิธีเพื่อหย่ากับเขาแล้ว" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ เขามองฟู่จาวหนิง "จาวหนิง เจ้าเองก็อย่าประมาทล่ะ เพราะว่าตัวตนแม่ของเจ้าลึกลับ ดังนั้นต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าครั้งนั้นคนที่วางยาจะเกี่ยวข้องกับนางจริง"ฟู่จาวหนิงงงงัน"หรือก็คือ ขนาดข้าก็ยังไม่กล้าพูดว่าแม่ของเจ้าบริสุทธิ์" ผู้เฒ่าฟู่สีหน้าหม่น "ถ้าหากนางวางยาใส่อ๋องเจวี้ยนเพราะความลับเบื้องห
ฟู่จาวหนิงอดมองบนใส่เขาไม่ได้"นั่นมันพ่อแม่ของข้า แล้วเจ้ามาเรียกท่านพ่อกับท่านแม่ได้อย่างไรกัน?"เฮ่อเหลียนเฟยเม้มปาก "พี่หญิง ไม่รู้เพราะอะไร ข้าเห็นท่านกับท่านปู่แล้วรู้สึกสนิทชิดเชื้อเหลือเกิน ท่านว่านี่จะใช่สิ่งที่เรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำไหม?"ถึงอย่างไรเขาก็อธิบายความรู้สึกนี้ได้ไม่ชัดเจน ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็เชื่อใจและชอบขึ้นมาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาเองยังยอมให้ตนเองไม่ต้องถูกช่วย และไม่อยากให้นางต้องมาลำบากเสียด้วยซ้ำ"ใช่ๆๆ ข้าเองก็รู้สึกมีวาสนากับเสี่ยวเฟยมากเหมือนกัน เด็กคนนี้ทำให้ข้าชอบเขามากเหลือเกิน" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยทั้งน้ำตา"ท่านปู่"ฟู่จาวหนิงมองท่านปู่อย่างจำใจทำไมเขาถึงตามน้ำไปส่งเดชอย่างนี้ล่ะ?ตอนนี้เรื่องราวยังไม่ได้ตรวจสอบแน่ชัด ความเป็นไปได้ที่เฮ่อเหลียนเฟยจะเป็นน้องชายของนางนั้นต่ำมาก บนโลกจะมามีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้อย่างไรกัน?ต่อให้ตราหยกนั้นจะเป็นของฟู่หลินซื่อจริง ตอนนั้นเขาจะเป็นฟู่หลินซื่ออุ้มมาจริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนที่นางคลอดออกมาเองเสียหน่อยพวกเขายังไม่รู้ว่าฟู่จิ้นเชินอยู่กับฟู่หลินซื่อหรือไม่เลยถ้าเผื่อว่า เฮ่อหลินเฟยเป็นลูกของฟู่หลิน
"ออกไปแล้วหรือ?""เจ้าค่ะ ข้าถามคนใช้คนหนึ่ง นางแอบมาบอกข้า บอกว่าพวกเขาหอบข้าวของไปไม่น้อยเลย ดูท่าจะออกไปอยุ่ข้างนอกช่วงหนึ่ง คงไม่กลับมาเร็วๆ นี้แน่""ข้าก็ว่าทำไมถึงได้เงียบขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมาเขายังคิดว่าอีกฝ่ายข่มอารมณ์เอาไว้ ผลลัพธ์คือขนาดจะอยู่ในบ้านก็ยังไม่กล้าเลยหรือ? นี่คิดจะไปซ่อนก่อนที่บ้านตระกูลฟู่จะขายออกไปหรือไรกัน?พวกเขาคิดว่าบ้านนี้จะขายออกไปได้อย่างราบรื่นจริงหรือ?"แล้วผู้เฒ่าฟู่สี่ล่ะ?" นางถามขึ้นมาเสี่ยวเถาส่ายหัว "ข้าน้อยไม่ได้ไปทางผู้เฒ่าฟู่สี่ทางนั้น ทางนั้นเงียบมาตลอดเลย"นางหดคอลง รู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย"พี่หญิง ผู้เฒ่าฟู่สี่ทางนั้นแปลกมากเลย ทำไมถึงนิ่งเงียบขนาดนั้นมาได้ตั้งหลายปี?"จริงด้วย ถ้าไม่ใช่พวกเขารู้ว่าทางนั้นมีคนอาศัยอยู่ คงคิดว่าในบ้านรกร้างไปนานแล้วฟู่จาวหนิงเองก็ยัอยากรู้ว่าผู้เฒ่าฟู่สี่กำลังทำอะไร แล้วก็ภรรยาผู้เฒ่าฟู่สี่ที่เป็นใบ้คนนั้น นางเดิมทีคิดว่าฮูหยินสี่คงเห็นว่านางเป็นใบ้ แล้วก็ยังซื่อๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ถึงได้ยอมให้ผู้เฒ่าฟู่สี่ชอบพอกับแม่นางเจียง พิการไปครึ่งตัวขนาดนี้แล้วยังอยากจะมีภรรยาผู้น้อยอีกแต่ผ
ตอนที่ชุนเจิ้งถูกเรียกเข้ามาก็ดูร้อนรนหน่อยๆพอเห็นฟู่จาวหนิง เขาก็ไม่พูดอะไรมาก ขึ้นมาถึงก็เอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง "คุณหนู พวกเขาหยิบของของท่านไปจำนำแล้ว"ฟู่จาวหนิงตะลึงไป"ของของข้าหรือ?"นางไม่รู้ด้วยว่าตนเองมีของอะไรที่จะเอาไปจำนำได้"ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ฝังเอาไว้ในสวยดอกไม้ก่อนหน้านั่น ข้าเห็นผู้เฒ่าสามพาคนมาหลายคน แล้วย้ายหินก้อนนั้นออกไปแล้ว หน้าชื่นตาบาน ตอนกลับมายังพูดกับฮูหยินสามว่าหินก้อนนั้นเอาไปขายได้ราคา ยิ่งไปกว่านั้นยังพาพวกเขาออกไปพักด้านนอกอีกหลายวัน"พวกของชุนเจิ้งเข้ามาในบ้านตระกูลฟู่ ตงสือรับผิดชอบดูแลเฮ่อเหลียนเฟย เฉินซานคุยติดตามฟู่จาวหนิงขับรถม้า ชิวเซิงกับป้าซิ่งอยู่ในบ้านคอยช่วยทั้งในและนอก มุมหนึ่งในเรือนมีแปลงผักแปลงหนึ่งโผล่ออกมา บอกว่าสามารถปลูกผักปลูกถั่วได้ แล้วยังเลี่ยงไก่ได้อีกหลายตัวแล้วก็เรื่องเย็บปักถักร้อย ยังทำเสื้อผ้าให้กับท่านผู้เฒ่ากับเฮ่เหลียนเฟยและฟู่จาวหนิงอีก ชุนเจิ้งรู้สึกว่าตนเองไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนัก จึงรู้สึกร้อนรนอยู่ตลอดดังนั้นตอนที่เขาได้ยินว่าคนจากบ้านอื่นเข้ากันไม่ได้กับฟู่จาวหนิง ตนเองก็เลยอยากขันอาสาคอยจับตาดูพวกเขาให้น
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่
"กล่องใบนี้ เป็นงานฝีมือของตระกูลปัน"แตกต่างกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ได้กล่องมาแล้วศึกษาอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซียวหลันยวนหมุนๆ ดูก็สรุปออกมา"ตระกูลปัน?""อืม" เซียวหลันยวนพูดไปด้วย มือเองก็คลำๆ ไปด้วย "หลานหรงไม่ใช่ว่าค้นข้อมูลเกี่ยวกับตงฉิงมาหรือ? ตอนนั้นลุงเสิ่นเองก็มอบหนังสือมาให้ ด้านบนมีการแนะนำตระกูลบางส่วนของตงฉิงไว้ ตระกูลปันก็อยู่ในนั้นด้วย""พูดเช่นนี้ ตระกูลปันก็เป็นช่างอย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดคิดถึงหลู่ปัน(นักประดิษฐ์เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์จีน)ขึ้นมาไม่ได้ที่นี่ก็มีตระกูลปันด้วย ดูแล้วก็ลึกลับเอาการ"อืม เข้าใจแบบนี้ได้"เซียวหลันยวนตอนเพิ่งเริ่มยังดูช้าๆ อยู่ ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่นานนักก็ดูรวดเร็วขึ้นมา กล่องไม้ที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นไม่รู้เขาทำอีท่าไหน ตรงนี้กลับดึงได้ตรงนั้นกลับกดได้ขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเขาเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ถามอะไร นั่งมองเขาเปิดกล่องใบนั้นอยู่ข้างๆนิ้วของเขามีข้อต่อชัดเจน เรียวสวย เล็บสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นงานศิลปะสองมือนี้ ไม่เอาไปเล่นเปียโนคือน่าเสียดายมากตอนที่ความคิดฟู่จาวหนิงเริ่มเตลิด ก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก กล่องเปิดออกแ
"ขโมยมาจากไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงมองเขา"ห้องข้างฝั่งตะวันตก"พอเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สมองนางร้อยเรียงเรื่องราวออกมาอย่างรวดเร็วนางถามขึ้นอย่างตกตะลึง "องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกมาหรือ? ่นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนนับถือสมองของนางจริงๆ ที่คิดได้เร็วขนาดนี้"ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้อง ข้าประเมินนางต่ำไป คิดไม่ถึงว่านางจะฝันเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ"เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาดถึงแม้เขาจะให้คนจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ แต่ก็เป็นแค่ความเคยชินที่ชอบให้เรื่องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นฝันของนางเป็นจริงนางมีความสามารถเช่นนี้ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้ก็ยังรักษาชื่อเสียงในเรื่องโชคไว้ได้ แล้วยังทำให้ฝ่าบาทต้าชื่อดึงนางไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฝันเห็นถึงอะไรบ้างด้วย"ท่านหมายความว่า นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้ว?"ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกไม่ถูก "แล้วนางไปกล่อมชายชราให้ส่งของให้นางไม่ได้ ก็เลยเลือกขโมยมาอย่างนั้นหรือ?!"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของนางก็คงต้องล้างใหม่เสียแล้วเรื่องแบบนี้ก็
คืนนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะเพราะออกไปด้านนอกตากลมหนาวมา กลางดึกจึงจับไข้จนมึนงง แล้วก็ไอจนนอนไม่ได้แต่นางไม่รู้ ว่าตอนที่นางไอจนสลึมสลือ มีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาในห้องนางอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉินเซียงที่นอนอยู่บนแคร่นิ่มข้างๆ พลิกตัวมา ในปากพึมพำอะไรคำสองคำ จากนั้นก็หลับไปอีกเงาดำชะงักไป รื้อค้นในห้องขึ้นมาน่าจะเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีชั้นเก็บของอะไรไว้ซ่อนของได้มาก เพียงไม่นาน เขาก็หาของเจอวางอยู่ในลังที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำมาด้วยถึงแม้ลังจะใส่กลอนไว้ แต่พอเห็นกลอนนั่น เงาดำก็รู้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน จึงเด็ดปิ่นปักผมเล่มหนึ่งออกมาจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พอบิดออกก็กลายเป็นกุญแจจริงๆคนในวังส่วนมากล้วนใช้วิธีการนี้กลอนถูกปลดออกทันที พอได้ของที่ห่อผ้าไว้ เงาดำก็จัดการลงกลอนลังอีกครั้ง นำปิ่นปักผมคืนกลับไป จากนั้นก็ออกประตูมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเพียงไม่นาน ของชิ้นนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวให้พระชายาดูดีไหม ของนี่อยู่ในมือลุงหวังคนนั้นแล้วยังย้ายไปอยู่ในมือองค์หญิงใหญ่อีก พวกเขาติดโรคมากันหมดแล้ว ทางที่ดีท่านอย่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ