ลุงจงเป็นเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เดาได้ว่าท่านปู่กำลังจะพูดอะไรแล้วนางเม้มริมฝีปากตามคาด ผู้เฒ่าฟู่บีบมือของนางแน่น สายตาตกอยู่บนใบหน้าเฮ่อเหลียนเฟย"ตราหยกนี้ เป็นของของแม่จาวหนิง"หืม?ฟู่จาวหนิงตะลึงงันของฟู่หลินซื่อหรือ?นางเดิมทีคิดว่าจะบอกว่าเป็นของฟู่จิ้นเชินเสียอีก ถึงอย่างไรก็สกุลฟู่นี่นะ!ตอนนี้ทำไมถึงบอกว่าเป็นของฟู่หลินซื่อล่ะ?"อักษรฟู่ตัวนั้น อันที่จริงเป็นสิ่งที่พ่อของเจ้าสลักไว้ด้านหลัง เพื่อปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ มองไปทางฟู่จาวหนิง"เพราะอะไรกัน?"เพราะอะไรต้องปกปิดอักษรเดิมไว้เบื้องหลัง?เฮ่อเหลียนเฟยเองก็ตกตะลึงไปแล้ว"ถ้าอักษรแต่เดิมให้คนเห็นไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องพกตราหยกไว้ก็พอแล้ว หรือไม่ก็ทำลายมันทิ้งเสียก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?" เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเช่นนี้"ตราหยกชิ้นนั้นมีบทบาทอื่นอยู่อีก พวกเขาไม่สามารถทำลายทิ้งส่งเดชได้ พกตราหยกนั้นไว้ ก็เพราะหลินซื่อคิดจะใช้ตราหยกนั้นดึงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา"ผู้เฒ่าฟู่พูดถึงจุดนี้ สูดลมหายใจลึก"แม่ของข้า ไม่ใช่คนจากตระกูลหลินหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเบื้องหลังนี้มีหมอกปริศ
เฮ่อเหลียนเฟยคิดๆ จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา "พี่หญิง แล้วท่านจะบอกอ๋องเจวี้ยนไหม?""บอกเขาทำไมกัน?""เขาไม่ใช่พี่เขยของข้าหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยเอ่ยขึ้น "บอกเขาไว้ก่อน บางทีหลังจากนี้หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่ขายยังสามารถคุ้มครองพี่หญิงได้นะ"เขาเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้อย่าปิดบังอ๋องเจวี้ยนดีกว่าถึงอย่างไรจากที่เขาเห็น พี่เขยเองก็รักและคอยปกป้องพี่หญิงอยู่ หลังจากนี้ไม่แน่อาจจะช่วยนางปิดบังให้ด้วยก็ได้"ไร้สาระ"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบ ผู้เฒ่าฟู่เองก็ส่ายหัวขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่พี่เขยของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอย่าไปเชื่อเขานะ"เฮ่อเหลียนเฟยไม่เข้าใจ "ท่านปู่ เพระาอะไรกัน?""เจ้าไม่ต้องถามหรอก เรื่องนี้มันไม่ได้ หลังจากนี้พี่หญิงของเจ้าจะหาวิธีเพื่อหย่ากับเขาแล้ว" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ เขามองฟู่จาวหนิง "จาวหนิง เจ้าเองก็อย่าประมาทล่ะ เพราะว่าตัวตนแม่ของเจ้าลึกลับ ดังนั้นต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าครั้งนั้นคนที่วางยาจะเกี่ยวข้องกับนางจริง"ฟู่จาวหนิงงงงัน"หรือก็คือ ขนาดข้าก็ยังไม่กล้าพูดว่าแม่ของเจ้าบริสุทธิ์" ผู้เฒ่าฟู่สีหน้าหม่น "ถ้าหากนางวางยาใส่อ๋องเจวี้ยนเพราะความลับเบื้องห
ฟู่จาวหนิงอดมองบนใส่เขาไม่ได้"นั่นมันพ่อแม่ของข้า แล้วเจ้ามาเรียกท่านพ่อกับท่านแม่ได้อย่างไรกัน?"เฮ่อเหลียนเฟยเม้มปาก "พี่หญิง ไม่รู้เพราะอะไร ข้าเห็นท่านกับท่านปู่แล้วรู้สึกสนิทชิดเชื้อเหลือเกิน ท่านว่านี่จะใช่สิ่งที่เรียกว่าเลือดข้นกว่าน้ำไหม?"ถึงอย่างไรเขาก็อธิบายความรู้สึกนี้ได้ไม่ชัดเจน ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็เชื่อใจและชอบขึ้นมาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาเองยังยอมให้ตนเองไม่ต้องถูกช่วย และไม่อยากให้นางต้องมาลำบากเสียด้วยซ้ำ"ใช่ๆๆ ข้าเองก็รู้สึกมีวาสนากับเสี่ยวเฟยมากเหมือนกัน เด็กคนนี้ทำให้ข้าชอบเขามากเหลือเกิน" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยทั้งน้ำตา"ท่านปู่"ฟู่จาวหนิงมองท่านปู่อย่างจำใจทำไมเขาถึงตามน้ำไปส่งเดชอย่างนี้ล่ะ?ตอนนี้เรื่องราวยังไม่ได้ตรวจสอบแน่ชัด ความเป็นไปได้ที่เฮ่อเหลียนเฟยจะเป็นน้องชายของนางนั้นต่ำมาก บนโลกจะมามีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้อย่างไรกัน?ต่อให้ตราหยกนั้นจะเป็นของฟู่หลินซื่อจริง ตอนนั้นเขาจะเป็นฟู่หลินซื่ออุ้มมาจริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคนที่นางคลอดออกมาเองเสียหน่อยพวกเขายังไม่รู้ว่าฟู่จิ้นเชินอยู่กับฟู่หลินซื่อหรือไม่เลยถ้าเผื่อว่า เฮ่อหลินเฟยเป็นลูกของฟู่หลิน
"ออกไปแล้วหรือ?""เจ้าค่ะ ข้าถามคนใช้คนหนึ่ง นางแอบมาบอกข้า บอกว่าพวกเขาหอบข้าวของไปไม่น้อยเลย ดูท่าจะออกไปอยุ่ข้างนอกช่วงหนึ่ง คงไม่กลับมาเร็วๆ นี้แน่""ข้าก็ว่าทำไมถึงได้เงียบขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมาเขายังคิดว่าอีกฝ่ายข่มอารมณ์เอาไว้ ผลลัพธ์คือขนาดจะอยู่ในบ้านก็ยังไม่กล้าเลยหรือ? นี่คิดจะไปซ่อนก่อนที่บ้านตระกูลฟู่จะขายออกไปหรือไรกัน?พวกเขาคิดว่าบ้านนี้จะขายออกไปได้อย่างราบรื่นจริงหรือ?"แล้วผู้เฒ่าฟู่สี่ล่ะ?" นางถามขึ้นมาเสี่ยวเถาส่ายหัว "ข้าน้อยไม่ได้ไปทางผู้เฒ่าฟู่สี่ทางนั้น ทางนั้นเงียบมาตลอดเลย"นางหดคอลง รู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย"พี่หญิง ผู้เฒ่าฟู่สี่ทางนั้นแปลกมากเลย ทำไมถึงนิ่งเงียบขนาดนั้นมาได้ตั้งหลายปี?"จริงด้วย ถ้าไม่ใช่พวกเขารู้ว่าทางนั้นมีคนอาศัยอยู่ คงคิดว่าในบ้านรกร้างไปนานแล้วฟู่จาวหนิงเองก็ยัอยากรู้ว่าผู้เฒ่าฟู่สี่กำลังทำอะไร แล้วก็ภรรยาผู้เฒ่าฟู่สี่ที่เป็นใบ้คนนั้น นางเดิมทีคิดว่าฮูหยินสี่คงเห็นว่านางเป็นใบ้ แล้วก็ยังซื่อๆ เก็บเนื้อเก็บตัว ถึงได้ยอมให้ผู้เฒ่าฟู่สี่ชอบพอกับแม่นางเจียง พิการไปครึ่งตัวขนาดนี้แล้วยังอยากจะมีภรรยาผู้น้อยอีกแต่ผ
ตอนที่ชุนเจิ้งถูกเรียกเข้ามาก็ดูร้อนรนหน่อยๆพอเห็นฟู่จาวหนิง เขาก็ไม่พูดอะไรมาก ขึ้นมาถึงก็เอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง "คุณหนู พวกเขาหยิบของของท่านไปจำนำแล้ว"ฟู่จาวหนิงตะลึงไป"ของของข้าหรือ?"นางไม่รู้ด้วยว่าตนเองมีของอะไรที่จะเอาไปจำนำได้"ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ฝังเอาไว้ในสวยดอกไม้ก่อนหน้านั่น ข้าเห็นผู้เฒ่าสามพาคนมาหลายคน แล้วย้ายหินก้อนนั้นออกไปแล้ว หน้าชื่นตาบาน ตอนกลับมายังพูดกับฮูหยินสามว่าหินก้อนนั้นเอาไปขายได้ราคา ยิ่งไปกว่านั้นยังพาพวกเขาออกไปพักด้านนอกอีกหลายวัน"พวกของชุนเจิ้งเข้ามาในบ้านตระกูลฟู่ ตงสือรับผิดชอบดูแลเฮ่อเหลียนเฟย เฉินซานคุยติดตามฟู่จาวหนิงขับรถม้า ชิวเซิงกับป้าซิ่งอยู่ในบ้านคอยช่วยทั้งในและนอก มุมหนึ่งในเรือนมีแปลงผักแปลงหนึ่งโผล่ออกมา บอกว่าสามารถปลูกผักปลูกถั่วได้ แล้วยังเลี่ยงไก่ได้อีกหลายตัวแล้วก็เรื่องเย็บปักถักร้อย ยังทำเสื้อผ้าให้กับท่านผู้เฒ่ากับเฮ่เหลียนเฟยและฟู่จาวหนิงอีก ชุนเจิ้งรู้สึกว่าตนเองไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนัก จึงรู้สึกร้อนรนอยู่ตลอดดังนั้นตอนที่เขาได้ยินว่าคนจากบ้านอื่นเข้ากันไม่ได้กับฟู่จาวหนิง ตนเองก็เลยอยากขันอาสาคอยจับตาดูพวกเขาให้น
ฟู่จาวหนิงครุ่นคิดหินก้อนหนึ่งที่มุมกำแพงเรือนหน้า มีอะไรพิเศษกันแน่? นางไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าหินก้อนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร"ใช่แล้ว เป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง หินก้อนนั้นดูแล้วน่าจะหนักหลายสิบจินอยู่" ชุนเจิ้งเอ่ยขึ้น"ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงตรงไปใต้ต้นกุ้ยฮวยเรือนหน้าต้นนั้น ที่นั่นมีร่องรอยอยู่จริงๆ มองออกว่าเดิมทีมีก้อนหินวางอยู่มานับแรมปี ตอนนี้พอย้ายออกไป ที่นั่นจึงเหลือหลุมตื้นๆ หลุมหนึ่งไว้ ส่วนดินตรงฐานก็ยังไม่มีตะไคร่ขึ้นมาใหม่นางกลับไปถามผู้เฒ่าฟู่ผู้เฒ่าฟู่นึกๆ ก็ตบลงที่ต้นขา "หินก้อนนั้นสินะ? นั่นเป็นของที่พ่อแม่ของเจ้าไปเที่ยวที่ไหนสักที่แล้วนำกลับมา"ฟู่จาวหนิงตะลึงไป"ตอนนั้นข้ายังหัวเราะใส่พวกเขาอยู่เลย ว่าออกไปเที่ยวแล้วขนหินกลับมาทำไม? พ่อของเจ้าบอกว่าหินก้อนนี้แม่ของเจ้าชอบมันมาก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ลำบากอะไร ในบ้านก็ใหญ่โตเสียขนาดนี้ จึงวางเอาไว้ในเรือน ต่อมาหินก้อนนั้นก็วางอยู่ตรงนั้นมาตลอด ไม่มีคนไปสนใจมันอีก"ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่คิดว่าผู้เฒ่าฟู่สองกับสามจะย้ายหินเล่นไปมาเสียแล้วชุนเจิ้งพูดไว้ไม่ผิด หินก้อนนั้นพวกเขาน่าจะเอาออกไปขายจริงๆหรือจะเป็นหินแร่กันนะ?เดิมทีนา
ฟู่จาวหนิงพาคนขับรถมาออกจากเมืองครั้งนี้ช่วงค่ำก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาทัน ตกกลางคืนประตูเมืองจะปิด ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงเตรียมตัวมามากหน่อยตรงไปทางตะวันตกตลอดทางสามลมฤดูใบไม้ร่วงหวีดหวิว พอห่างจากเมืองมาหน่อย ถนนหลวงก็ค่อยๆ ไร้ผู้คน ห่างออกไปได้ยินแต่เสียงล้อรถม้า"คุณหนู ความเร็วของรถม้าข้างหน้าพอพอกับพวกเราเลย หรือว่าพวกเขาเองก็กำลังเร่งเดินทาง?" สืออีขี่ม้าตามอยู่ข้างรถฟู่จาวหนิงเลิกม่าน ได้ยินคำพูดของเขาจึงรู้สึกเกินคาด"เจ้าได้ยินไกลขนาดนั้นเชียวหรือ?""จงเจี้ยนเคยบอกว่าหูของข้าดีมาก"มิน่าจงเจี้ยนจึงส่งให้สืออีติดตามมา อย่างน้อยก็ยังมีจุดที่พิเศษอยู่ จงเจี้ยนอาจจะกังวลว่าที่นอกเมืองจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเสียงของนางอาจจะไม่มีใครได้ยิน ดังนั้นจึงส่งสืออีมากระมัง?ฟู่จาวหนิงดึงความคิดกลับ"นั่นอาจจะเพราะอีกฝ่ายจะตรงไปทางหมู่บ้านทางนั้นนั่นล่ะ"นี่ก็ไม่แปลกอะไรที่นั่นเป็นเถียงนาผืนใหญ่กับหมู่บ้านรวมอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะมีเจ้าบ้านที่แตกต่างกัน แต่ส่วนมากก็ยังรวมอยู่ด้วยกัน ได้ยินว่าเวลามีนาข้าวหรือดอกโหยวไช่ก็จะเรียงพรืดติดกันเป็นผืนใหญ่ ทิวทัศน์ดูงามตาอยู่ดังนั้นในช่วงฤดูกา
"คุณหนู?"เฉินซานถามความเห็นฟู่จาวหนิง"หยุดลงดีเสียหน่อยเถอะ"ฟู่จาวหนิงปล่อยม่านรถลงรถม้าหยุดลงมาแล้ว สืออีไม่มีรถม้า ขี่อยู่บนหลังม้าคอยพิจารณาตัวชายคนนี้กับหญิงสาวชายกลางคนเห็นว่าพวกเขาหยุดรถ เผยยิ้ม รีบเดินตรงเข้ามา คารวะมาทางรถม้าก่อน ดูแล้วมารยาทครบถ้วนอยู่"นายท่าน ข้าสกุลเจิ้ง ผู้นำตระกูลข้าเป็นพ่อค้าจากเจียงหนาน หลายวันก่อนเพิ่งมาถึงเมืองหลวง วันนี้เตรียมจะไปยังหมู่บ้านทางเขาตะวันออกเพื่อเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่า ส่วนทางนั้นคือน้าของผู้นำตระกูลข้า และไม่รู้ว่าเพราะหลายวันนี้เร่งเดินทางมากเกินไปหรือเปล่า ตอนนี้พอรถม้าขึ้นถนนภูเขากลับอาเจียนขึ้นมาเสียแล้ว"เขาชี้ไปยังหญิงสาวที่นั่งยองอยู่ข้างทางหญิงสาวคนนั้นประคองรถม้ายืนขึ้น หมุนตัวกลับมาเฉินซานพวกเขาตอนนี้เพิ่งจะพบว่าอีกฝ่ายต่อให้เป็นหญิงสาวมีอายุ แต่ก็ยังเป็นหญิงสาวที่ดูสูงศักดิ์คนหนึ่ง จะพูดว่าเป็นฮูหยินชราที่ร่ำรวยคนหนึ่งก็ได้แต่ฮูหยินชราเช่นนี้ข้างกายกลับไม่มีคนใช้คอยปรนนิบัตินี่ก็ดูแปลกไปหน่อยยิ่งไปกว่านั้นคนบนรถม้าก็ยังเป็นหลานชายของนาง ป้าไม่สบายขนาดนี้แล้ว เขาไม่คิดจะโผล่หน้ามาดูดำดูดีหน่อยหรือ?สืออีเหล