เซียวหลันยวนยกตะเกียบขึ้นมองนาง "ไร้เดียงสา""ข้าสนุก"ฟู่จาวหนิงรีบแย่งคีบเสี่ยวทังเปาที่แย่งเขามาก่อนหน้าชิ้นนั้นยัดเข้าปากลงไปชิงอีเห็นท่านอ๋องกับพระชายาสองคนเล่นแย่งของกินกันเหมือนเด็กๆ อยู่ข้างๆ ก็อดยิ้มจนมุมปากแทบจะกระตุกขึ้นมาไม่ได้ดีเสียจริงหลายปีมานี้ท่านอ๋องกินข้าวอยู่คนเดียว เขากินไปแค่ไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงแล้ว กินต่อไม่ลง และกินอย่างไม่ค่อยจะเบิกบานใจด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่านอ๋องกินได้ผ่อนคลายและเบิกบานได้ขนาดนี้กระทั่งท่านอ๋องยังมีหลายครั้งที่แย่งคีบจากตะเกียบขอพระชายาอีกด้วย จงใจแหย่พระชายาที่กำลังกินอย่างมีความสุขท่านอ๋องยังพูดว่าพระชายาไร้เดียงสาเสียด้วย ทั้งที่เขาเองก็ไร้เดียงสาเช่นกันหนึ่งมือเช้ากินเสร็จ ฟู่จาวหนิงอดลูบท้องของตนเองขึ้นมาไม่ได้ ถอนหายใจออกมา"เฮ้อ แน่นไปหมดแล้ว"นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีนักกินจนแน่นไม่ใช่เรื่องดี"นี่เป็นถึงหมอเลยนะ เป็นหมอแต่ไม่รู้ขีดจำกัดการกินหรือ?" เซียวหลันยวนรินน้ำชาพลางหัวเราะ "ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูสูงศักดิ์ที่รู้กาลเทศะ จะไม่ทำกิริยาไม่งามเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ"ฟู่จาวหนิงเหยียดเขาผาดหนึ่ง "อะไรคือก
"ตายหมดหรือ?""ใช่ จับไปเจ็ดคน ตายไปห้าคน ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจไม่ได้ด้วยว่าตายอย่างไร จวนทางการต่อมาปิดคดีไป บอกว่าเด็กเหล่านั้นหวาดกลัวคิดจะหลบหนี ทำให้พวกโจรสังหารพวกเขา แล้วยังโยนพวกเขาลงไปจากเขาด้วย ผู้เฒ่าฟู่สี่ตอนนั้นถูกโยนลงไปด้านล่างเขา ตอนช่วยกลับมาก็บาดเจ็บหนัก จนกลายมาเป็นสภาพในตอนนี้ แต่ว่าเขาตกใจมากเกินไป นับตั้งแต่นั้นจึงพูดจาน้อยลงและไม่ค่อยออกไปพบปะผู้คน"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว"ท่านปู่ของข้าไม่เคยบอกว่าเพราะอะไรถึงให้หลายบ้านพวกนั้นเข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่""ตอนนั้นพวกเขาเข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่แล้ว แต่ว่าต่อมาให้ปู่ของเจ้าทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งต่อพวกเขา น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปู่ของเจ้าอาจจะรู้สึกผิดต่อผู้เฒ่าฟู่สี่อยู่ เพราะตอนที่พบพวกเขา ผู้เฒ่าฟู่สี่ปกป้องบิดาของเจ้าอยู่ บนตัวของบิดาเจ้ามีแผลถลอกบางส่วน หลังจากกลับมาบ้านก็ป่วยไปรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พิกลพิการ"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ฟู่จาวหนิงคิดถึงเรื่องในช่วงหลายปีนี้ มิน่าพวกบ้านอื่นเหล่านั้นทำเรื่องที่เกินเหตุมาหลายครั้ง แต่ท่านปู่ก็เอาแต่ถอนใจพูดว่า ช่างมันเถอะช่างมันเถอะแต่ว่าเรื่องที่ผู้เฒ่าฟู่สี่ทำ ไปเกี่ยวข้อ
เซียวหลันยวนพอเห็นภาพนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาดีดตัวลุกขึ้นยืน แขนเสื้อยังพลิกแก้วชาจนคว่ำ จนน้ำชาหกลงมาวินาทีที่ภาพนั้นเกือบจะเปียก ฟู่จาวหนิงก็มือไวกวาดขึ้นมานางเงยหน้ามองเซียวหลันยวนปฎิกิริยาไวขนาดนี้เชียวไม่ต้องถามเลย เขาต้องเคยเห็นรูปนี้มาก่อนแน่นอนเดิมทีนางเมื่อคืนนี้ก็คิดจะหาโอกาสถามคนอื่นดูเหมือนกัน แต่ว่าสถานการณ์ในวังเมื่อคืนนี้ พอนางยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามคนทั้งหมด มันก็หาใครสักคนมาถามไม่ได้เลยจริงๆฟู่จาวหนิงก็แอบตรวจสอบตราหยกและตราปักบนเสื้อผ้าของคนเหล่านั้นแล้ว แต่ก็ไม่เห็นที่คล้ายกันเลยคิดแล้วอีกเดี๋ยวกลับไปแล้วยังต้องไปตอบเฮ่อเหลียนเฟยอีก นางจึงเพิ่งคิดจะถามเซียวหลันยวน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนจะมากขนาดนี้"ท่านเคยเห็นหรือ?"นางถึงแม้จะไม่ถาม แต่กลับมั่นใจมาก ว่าเขาต้องรู้แน่ๆ"เจ้าเชื่อไหมว่าเด็กน้อยก็มีความทรงจำอยู่ระดับหนึ่ง?"เซียวหลันยวนสูดลมหายใจลึก จากนั้นก็นั่งลง หยิบผ้ามาเช็ดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ"ท่านอย่าบอกข้านะ ว่าท่านเห็นสิ่งนี้ตอนที่ถูกกรอกยาเมื่อครั้งนั้น ตอนนั้นท่านเพิ่งจะอายุไม่ถึงสองขวบนี่?"ฟู่จาวหนิงเดาออกมาแต่ก
ผู้ชายคนนี้ มิน่าถึงต่อให้เขาจะเจ็บป่วย แต่องค์จักรพรรดิก็ยังหวาดกลัวเขา!ถ้าเขาไม่ได้ป่วยอ่อนแอ ถ้าไม่ใช่บนใบหน้าเขามีบาดแผล บัลลังก์มังกรเองก็ยังไม่แน่ใจว่าใครจะได้ขึ้นไปนั่ง!"ตราหยกชิ้นนั้น""เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงต้องรอให้บิดามารดาเจ้ากลับมากัน?"พอพูดถึงเรื่องนี้ ระหว่างพวกนางก็เหมือนมีกำแพงอุปสรรคลอยขึ้นมาแล้วตราหยกนี้ ตอนนี้มาเตือนพวกเขา ระหว่างพวกเขายังคั่นเอาไว้ด้วยความแค้นลึกหยั่งที่อาจจะมีอยู่จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมารอยยิ้มในดวงตาเซียวหลันยวนเหมือนจะสลายหายไปแล้ว"ตราหยกชิ้นนี้แม้ว่าจะสลักคำว่าฟู่เอาไว้ นั่นจะเป็นไปได้ไหมว่าเกี่ยวกับบ้านตระกูลฟู่ของเจ้า? หลังจากกลับไปแล้ว เจ้าลองถามปู่ของเจ้าดู""ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย""เจ้าไม่เคยเห็นไม่ได้แสดงว่ามันไม่ใช่ของตระกูลฟู่""เอาล่ะ ข้าจะกลับไปถามท่านปู่ดู" ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นยืน"เฮ่อเหลียนเฟยให้เจ้ามาหรือ?"เซียวหลันยวนเรียกนางเอาไว้"ใช่""เช่นนั้น บิดามารดาเจ้าก็อาจจะเคยไปที่เผ่าเฮ่อเหลียน หรือก็คือ พวกเขายังมีชีวิตอยู่""ท่านคิดว่า คนสกุลฟู่ที่เฮ่อเหลียนเฟยหาตัวอยู่คือบิดาของข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงใน
หงจั๋วกอดจันทราโน้มเมืองชุดนั้นเดินออกไป ก้มหน้าเศร้าผู้ดูแลรีบร้อนเดินเข้ามา พอเห็นนาง ในก็เต้นผาง "เกิดอะไรขึ้นกัน?""ผู้ดูแลจง ท่านอ๋องจะให้ข้าเอาชุดกระโปรงนี้ไปเผา ทำอย่างไรดี?"ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ชุดกระโปรงนี้ถ้าเผาไปมันน่าเสียดายมาก นางรู้สึกว่าพระชายาสวมแล้วเหมาะสมมากถ้าหากพระชายารู้ว่าท่านอ๋องเผาชุดกระโปรงนี้ไป จะเข้าใจผิดขึ้นมาไหม?ยังไม่ต้องพูดถึงฟู่จาวหนิงหรอก ผู้ดูแลจงตอนนี้ก็ยังเข้าใจผิดไปแล้วเลย"เพราะอะไรกัน? หรือว่าเพราะว่าพระชายาสวมไปแล้ว ดังนั้นท่านอ๋องจึงไม่อยากเก็บเอาไว้หรือ?"ฟังดูเอาแล้วกัน ขนาดผู้ดูแลยังคิดเช่นนี้เลย ถึงตอนนั้นพระชายาคิดเช่นนี้ด้วยจะทำอย่างไร?"น่าจะไม่ใช่ แต่ว่าข้าไม่อาจไปคะเนความคิดของท่านอ๋องส่งเดชได้หรอก" หงจั๋วร้อนรนขึ้นมาแล้วนางไม่อาจคะเนความคิดของท่านอ๋อง และไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของท่านอ๋องได้ด้วย ดังนั้นตอนนี้กอดชุดกระโปรงนี้ไว้นางจึงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เผาไปก็ไม่ได้ ไม่เผาเองก็ไม่ได้"เอาอย่างนี้สิ วางไว้ที่เรือนเจียนเจียก่อน ถึงตอนนั้นค่อยนำมาถามท่านอ๋องอีกที" ผู้ดูแลจงเองก็รู้สึกว่ากระโปรงชุดนี้เผาทิ้ง
เฮ่อเหลียนเฟยตอนนี้อยู่ในบ้านตระกูลฟู่นี้ดีมากจริงๆฟู่จาวหนิงล้วนคิดไม่ถึงว่าหนึ่งคนแก่หนึ่งชายหนุ่มจะเข้ากันได้ขนาดนี้"คุยอะไรกันอยู่น่ะ?" นางเดินเข้ามาอยู่ข้างผู้เฒ่าฟู่ จับชีพจรให้กับเขา"คุยกันเรื่องประเพณีประหลาดๆ ของเผ่าเฮ่อเหลียนน่ะ" ผู้เฒ่าฟู่พิจารณาตัวนาง "เมื่อคืนนี้เข้าวังไป ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?"เขารู้ว่าฟู่จาวหนิงเมื่อคืนเข้าวังไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ จึงรู้สึกกังวลมาตลอด ตอนนี้พอเห็นนางปลอดภัยดีจึงเพิ่งวางใจลงมา"ไม่เป็นไร ท่านปู่ ข้าเก่งมากนะ ท่านเนี่ยเลิกกังวลกับตัวข้าได้แล้ว""ใช่ใช่ใช่ ท่านปู่ พี่หญิงเก่งกาจมากเลยนะ" เฮ่อเหลียนเฟยเองก็พูดขึ้นมาเขามองฟู่จาวหนิงตาปริบๆฟู่จาวหนิงรู้ถึงความหมายของสายตาเขา คงจะร้อนรนอยากรู้เบาะแสเกี่ยวกับตราหยกชิ้นนั้นแน่ๆตอนนี้ตราหยกอาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่ และเป็นไปได้ว่าคนร้ายที่วางยาใส่เซียวหลันยวนตอนนั้น ก็น่าจะไม่ธรรมดา ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงยังไม่บอกเขาก่อนชั่วคราวนางยังต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าเจ้าของตรานี้กับเฮ่อเหลียนเฟยเกี่ยวข้องกันอย่างไรดังนั้นภายใต้สายตาแป๋วของเฮ่อเหลียนเฟย เขาจึงสั่นหัวเบาๆ เฮ่อเหลียนเฟยก็ป
เฮ่อเหลียนเฟยไม่คิดมากอะไร พยักหน้าให้ทันที"ใช่แล้ว""เสี่ยวเฟย เด็กดี เจ้าบอกกับท่านปู่หน่อย ว่าคนที่พกตราหยกนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้ากัน? ทำไมเจ้าถึงต้องตามหาเขา?"ฟู่จาวหนิงฟังออกถึงอาการสั่นพร่าของน้ำเสียงผู้เฒ่าฟู่เฮ่อเหลียนเฟยนิ่งขึ้นมาทันทีเขามองผู้เฒ่าฟู่ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง คิดจะพูดแต่ก็หยุดไว้ฟู่จาวหนิงมองท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างเข้มงวด "ในเมื่อเจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าหาตัวคน เช่นนั้นคำถามนี้คงต้องตอบให้ชัดเจนหน่อยแล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาตัวคนแบบไหนมา""เอาล่ะๆๆ ข้าบอกแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็เชื่อใจพวกท่าน แต่ว่าพวกท่านห้ามบอกต่อไปอีกนะ""ไม่พูดหรอก" ผู้เฒ่าฟู่รีบรับคำขึ้นมา"นั่น ตัวตนฐานะของข้าจริงๆ ยังไม่ได้พูดกับพวกท่านอย่างชัดเจน" เฮ่อเหลียนเฟยจู่ๆ ก็รู้สึกผิด แอบลอบสังเกตสีหน้าของฟู่จาวหนิง"เจ้ายังปิดบังอะไรอยู่หรือ?""ข้า""เจ้าเป็นคนเฮ่อเหลียนใช่ไหม?""ใช่""เจ้ามาที่แคว้นเจาเพื่อหาคนสกุลฟู่จริงๆ ใช่ไหม?""ใช่ นี่เป็นเรื่องจริง"ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเขาขรึมลงมา "เช่นนั้นเจ้าก็ปิดเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าหรือ?""ก็ไม่ขนาดนั้น พี่หญ
นางยังคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มจากเผ่าเฮ่อเหลียนธรรมดาคนหนึ่งเสียอีก แต่กลายเป็นว่าบิดาเขาเป็นราชาแห่งเฮ่อเหลียนเสียอย่างนั้น"พี่หญิง ท่านอย่างเพิ่งโกรธ ข้าก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวพี่หญิงนัก ดังนั้นจึงยังไม่กล้าแจ้งตัวตนฐานะจริงๆ ออกมา ข้ากลัวพี่หญิงจะทิ้งข้าไว้ในภูเขาเมฆอรุณโดยไม่สนใจจริงๆ"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็เริ่มลนลานขึ้นมาแล้ว เขาขยับตัวคิดจะลงมาจากเก้าอี้ แต่ว่าขายังเจ็บอยู่ จึงทิ้งตัวตุบลงไปบนพื้น เจ็บจนเขาร้องขึ้นมาผู้เฒ่าฟู่ก็ร้อนรนขึ้นมาแล้ว รีบปล่อยมือฟู่จาวหนิงเข้าไปประคองตัวเขา"เจ้านี่นะ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้? เร็ว จาวหนิง รีบประคองเขาขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงมองเฮ่อเหลียนเฟย"พี่หญิง"เฮ่อเหลียนเฟยเห็นว่านางไม่คิดจะเข้ามาประคองตัวเขา ใจก็ดำดิ่ง ดวงตาแดงรื้น"ข้าไม่ได้จงใจจะหลอกท่านจริงๆ""เจ้าของตราหยกเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?" ฟู่จาวหนิงดึงผู้เฒ่าฟู่ไว้ ไม่ให้เขาเข้าไปประคองเฮ่อเหลียนเฟยเฮ่อเหลียนเฟยกัดริมฝีปาก ในดวงตามีประกายน้ำตา"ท่านแม่ข้าแอบบอกข้ามาเรื่องหนึ่ง นางบอกว่าข้าเป็นคนที่นางอุ้มกลับมาจากภายนอก ตอนนั้นคนที่ทิ้งเด็กไว้พกตราหยกชิ้นนี้อยู่!
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ