"รู้ว่าคุณงามความดีของเจ้ามีไม่น้อย ค่ายาเจ้าก็คิดมาเลย จะคืนให้เจ้าแน่ ไม่จำเป็นต้องแวะมาเตือนเช้าขนาดนี้""ท่านอ๋อง พระชายาไม่ได้มาด้วยเหตุผลนี้แน่นอน" ชิงอีรีบร้อนอธิบายท่านอ๋องเข้าใจผิดว่าพระชายามาท่วงค่ายาได้อย่างไรกัน?ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน "ไม่ ข้ามาทวงหนี้นั่นล่ะ นอกจากค่ายาแล้วยังมีอีก ท่านบอกว่าจะเอาเรื่องของผู้เฒ่าฟู่สี่ท่าตรวจสอบมาบอกกับข้า ตอนนี้ยังไม่ได้บอกเลย"หญิงสาวคนนี้ไม่เคยจำเรื่องดีดีของเขาเลย เมื่อคืนนี้เขาก็อุ้มนางเข้าไปจริงๆ หลังจากนางตื่นขึ้นมาก็ต้องมาบอกขอบคุณเขาหน่อยสิ ไม่ใช่คิดแต่จะมาทวงนั่นนี่เสียชัดเจนแบบนี้"เข้ามา"เซียวหลันยวนเหลือบมองเสื้อผ้าของนาง"กระโปรงชุดนั้นล่ะ"ฟู่จาวหนิงคิดในใจ เขาเครียดกับชุดนั้นมากจริงๆ ด้วย ในเมื่อเป็นห่วงเสียขนาดนั้น เมื่อวานเอามาให้นางสวมทำไมกัน?"วางใจเถอะ เมื่อวานตอนที่ท่านบอกให้หงจั๋วกับเฝิ่นซิงถอดออกมาไม่ใช่กำชับให้ระมัดระวังแล้วหรือ? กระโปรงชุดนั้นไม่มีแม้แต่รอยยับกับรอยเกี่ยวขาดเลย ข้าให้พวกนางเก็บให้ดีแล้ว พอตากจนแห้งก็จะส่งมาให้ท่านเอง แล้วท่านค่อยเก็บเอาไว้ให้ดี"เมื่อคืนเขายังจงใจกำชับให้หงจั๋วระมั
เซียวหลันยวนยกตะเกียบขึ้นมองนาง "ไร้เดียงสา""ข้าสนุก"ฟู่จาวหนิงรีบแย่งคีบเสี่ยวทังเปาที่แย่งเขามาก่อนหน้าชิ้นนั้นยัดเข้าปากลงไปชิงอีเห็นท่านอ๋องกับพระชายาสองคนเล่นแย่งของกินกันเหมือนเด็กๆ อยู่ข้างๆ ก็อดยิ้มจนมุมปากแทบจะกระตุกขึ้นมาไม่ได้ดีเสียจริงหลายปีมานี้ท่านอ๋องกินข้าวอยู่คนเดียว เขากินไปแค่ไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงแล้ว กินต่อไม่ลง และกินอย่างไม่ค่อยจะเบิกบานใจด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่านอ๋องกินได้ผ่อนคลายและเบิกบานได้ขนาดนี้กระทั่งท่านอ๋องยังมีหลายครั้งที่แย่งคีบจากตะเกียบขอพระชายาอีกด้วย จงใจแหย่พระชายาที่กำลังกินอย่างมีความสุขท่านอ๋องยังพูดว่าพระชายาไร้เดียงสาเสียด้วย ทั้งที่เขาเองก็ไร้เดียงสาเช่นกันหนึ่งมือเช้ากินเสร็จ ฟู่จาวหนิงอดลูบท้องของตนเองขึ้นมาไม่ได้ ถอนหายใจออกมา"เฮ้อ แน่นไปหมดแล้ว"นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีนักกินจนแน่นไม่ใช่เรื่องดี"นี่เป็นถึงหมอเลยนะ เป็นหมอแต่ไม่รู้ขีดจำกัดการกินหรือ?" เซียวหลันยวนรินน้ำชาพลางหัวเราะ "ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูสูงศักดิ์ที่รู้กาลเทศะ จะไม่ทำกิริยาไม่งามเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ"ฟู่จาวหนิงเหยียดเขาผาดหนึ่ง "อะไรคือก
"ตายหมดหรือ?""ใช่ จับไปเจ็ดคน ตายไปห้าคน ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจไม่ได้ด้วยว่าตายอย่างไร จวนทางการต่อมาปิดคดีไป บอกว่าเด็กเหล่านั้นหวาดกลัวคิดจะหลบหนี ทำให้พวกโจรสังหารพวกเขา แล้วยังโยนพวกเขาลงไปจากเขาด้วย ผู้เฒ่าฟู่สี่ตอนนั้นถูกโยนลงไปด้านล่างเขา ตอนช่วยกลับมาก็บาดเจ็บหนัก จนกลายมาเป็นสภาพในตอนนี้ แต่ว่าเขาตกใจมากเกินไป นับตั้งแต่นั้นจึงพูดจาน้อยลงและไม่ค่อยออกไปพบปะผู้คน"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว"ท่านปู่ของข้าไม่เคยบอกว่าเพราะอะไรถึงให้หลายบ้านพวกนั้นเข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่""ตอนนั้นพวกเขาเข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่แล้ว แต่ว่าต่อมาให้ปู่ของเจ้าทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งต่อพวกเขา น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปู่ของเจ้าอาจจะรู้สึกผิดต่อผู้เฒ่าฟู่สี่อยู่ เพราะตอนที่พบพวกเขา ผู้เฒ่าฟู่สี่ปกป้องบิดาของเจ้าอยู่ บนตัวของบิดาเจ้ามีแผลถลอกบางส่วน หลังจากกลับมาบ้านก็ป่วยไปรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พิกลพิการ"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ฟู่จาวหนิงคิดถึงเรื่องในช่วงหลายปีนี้ มิน่าพวกบ้านอื่นเหล่านั้นทำเรื่องที่เกินเหตุมาหลายครั้ง แต่ท่านปู่ก็เอาแต่ถอนใจพูดว่า ช่างมันเถอะช่างมันเถอะแต่ว่าเรื่องที่ผู้เฒ่าฟู่สี่ทำ ไปเกี่ยวข้อ
เซียวหลันยวนพอเห็นภาพนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาดีดตัวลุกขึ้นยืน แขนเสื้อยังพลิกแก้วชาจนคว่ำ จนน้ำชาหกลงมาวินาทีที่ภาพนั้นเกือบจะเปียก ฟู่จาวหนิงก็มือไวกวาดขึ้นมานางเงยหน้ามองเซียวหลันยวนปฎิกิริยาไวขนาดนี้เชียวไม่ต้องถามเลย เขาต้องเคยเห็นรูปนี้มาก่อนแน่นอนเดิมทีนางเมื่อคืนนี้ก็คิดจะหาโอกาสถามคนอื่นดูเหมือนกัน แต่ว่าสถานการณ์ในวังเมื่อคืนนี้ พอนางยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามคนทั้งหมด มันก็หาใครสักคนมาถามไม่ได้เลยจริงๆฟู่จาวหนิงก็แอบตรวจสอบตราหยกและตราปักบนเสื้อผ้าของคนเหล่านั้นแล้ว แต่ก็ไม่เห็นที่คล้ายกันเลยคิดแล้วอีกเดี๋ยวกลับไปแล้วยังต้องไปตอบเฮ่อเหลียนเฟยอีก นางจึงเพิ่งคิดจะถามเซียวหลันยวน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนจะมากขนาดนี้"ท่านเคยเห็นหรือ?"นางถึงแม้จะไม่ถาม แต่กลับมั่นใจมาก ว่าเขาต้องรู้แน่ๆ"เจ้าเชื่อไหมว่าเด็กน้อยก็มีความทรงจำอยู่ระดับหนึ่ง?"เซียวหลันยวนสูดลมหายใจลึก จากนั้นก็นั่งลง หยิบผ้ามาเช็ดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ"ท่านอย่าบอกข้านะ ว่าท่านเห็นสิ่งนี้ตอนที่ถูกกรอกยาเมื่อครั้งนั้น ตอนนั้นท่านเพิ่งจะอายุไม่ถึงสองขวบนี่?"ฟู่จาวหนิงเดาออกมาแต่ก
ผู้ชายคนนี้ มิน่าถึงต่อให้เขาจะเจ็บป่วย แต่องค์จักรพรรดิก็ยังหวาดกลัวเขา!ถ้าเขาไม่ได้ป่วยอ่อนแอ ถ้าไม่ใช่บนใบหน้าเขามีบาดแผล บัลลังก์มังกรเองก็ยังไม่แน่ใจว่าใครจะได้ขึ้นไปนั่ง!"ตราหยกชิ้นนั้น""เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงต้องรอให้บิดามารดาเจ้ากลับมากัน?"พอพูดถึงเรื่องนี้ ระหว่างพวกนางก็เหมือนมีกำแพงอุปสรรคลอยขึ้นมาแล้วตราหยกนี้ ตอนนี้มาเตือนพวกเขา ระหว่างพวกเขายังคั่นเอาไว้ด้วยความแค้นลึกหยั่งที่อาจจะมีอยู่จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมารอยยิ้มในดวงตาเซียวหลันยวนเหมือนจะสลายหายไปแล้ว"ตราหยกชิ้นนี้แม้ว่าจะสลักคำว่าฟู่เอาไว้ นั่นจะเป็นไปได้ไหมว่าเกี่ยวกับบ้านตระกูลฟู่ของเจ้า? หลังจากกลับไปแล้ว เจ้าลองถามปู่ของเจ้าดู""ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย""เจ้าไม่เคยเห็นไม่ได้แสดงว่ามันไม่ใช่ของตระกูลฟู่""เอาล่ะ ข้าจะกลับไปถามท่านปู่ดู" ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นยืน"เฮ่อเหลียนเฟยให้เจ้ามาหรือ?"เซียวหลันยวนเรียกนางเอาไว้"ใช่""เช่นนั้น บิดามารดาเจ้าก็อาจจะเคยไปที่เผ่าเฮ่อเหลียน หรือก็คือ พวกเขายังมีชีวิตอยู่""ท่านคิดว่า คนสกุลฟู่ที่เฮ่อเหลียนเฟยหาตัวอยู่คือบิดาของข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงใน
หงจั๋วกอดจันทราโน้มเมืองชุดนั้นเดินออกไป ก้มหน้าเศร้าผู้ดูแลรีบร้อนเดินเข้ามา พอเห็นนาง ในก็เต้นผาง "เกิดอะไรขึ้นกัน?""ผู้ดูแลจง ท่านอ๋องจะให้ข้าเอาชุดกระโปรงนี้ไปเผา ทำอย่างไรดี?"ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ชุดกระโปรงนี้ถ้าเผาไปมันน่าเสียดายมาก นางรู้สึกว่าพระชายาสวมแล้วเหมาะสมมากถ้าหากพระชายารู้ว่าท่านอ๋องเผาชุดกระโปรงนี้ไป จะเข้าใจผิดขึ้นมาไหม?ยังไม่ต้องพูดถึงฟู่จาวหนิงหรอก ผู้ดูแลจงตอนนี้ก็ยังเข้าใจผิดไปแล้วเลย"เพราะอะไรกัน? หรือว่าเพราะว่าพระชายาสวมไปแล้ว ดังนั้นท่านอ๋องจึงไม่อยากเก็บเอาไว้หรือ?"ฟังดูเอาแล้วกัน ขนาดผู้ดูแลยังคิดเช่นนี้เลย ถึงตอนนั้นพระชายาคิดเช่นนี้ด้วยจะทำอย่างไร?"น่าจะไม่ใช่ แต่ว่าข้าไม่อาจไปคะเนความคิดของท่านอ๋องส่งเดชได้หรอก" หงจั๋วร้อนรนขึ้นมาแล้วนางไม่อาจคะเนความคิดของท่านอ๋อง และไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของท่านอ๋องได้ด้วย ดังนั้นตอนนี้กอดชุดกระโปรงนี้ไว้นางจึงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เผาไปก็ไม่ได้ ไม่เผาเองก็ไม่ได้"เอาอย่างนี้สิ วางไว้ที่เรือนเจียนเจียก่อน ถึงตอนนั้นค่อยนำมาถามท่านอ๋องอีกที" ผู้ดูแลจงเองก็รู้สึกว่ากระโปรงชุดนี้เผาทิ้ง
เฮ่อเหลียนเฟยตอนนี้อยู่ในบ้านตระกูลฟู่นี้ดีมากจริงๆฟู่จาวหนิงล้วนคิดไม่ถึงว่าหนึ่งคนแก่หนึ่งชายหนุ่มจะเข้ากันได้ขนาดนี้"คุยอะไรกันอยู่น่ะ?" นางเดินเข้ามาอยู่ข้างผู้เฒ่าฟู่ จับชีพจรให้กับเขา"คุยกันเรื่องประเพณีประหลาดๆ ของเผ่าเฮ่อเหลียนน่ะ" ผู้เฒ่าฟู่พิจารณาตัวนาง "เมื่อคืนนี้เข้าวังไป ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?"เขารู้ว่าฟู่จาวหนิงเมื่อคืนเข้าวังไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ จึงรู้สึกกังวลมาตลอด ตอนนี้พอเห็นนางปลอดภัยดีจึงเพิ่งวางใจลงมา"ไม่เป็นไร ท่านปู่ ข้าเก่งมากนะ ท่านเนี่ยเลิกกังวลกับตัวข้าได้แล้ว""ใช่ใช่ใช่ ท่านปู่ พี่หญิงเก่งกาจมากเลยนะ" เฮ่อเหลียนเฟยเองก็พูดขึ้นมาเขามองฟู่จาวหนิงตาปริบๆฟู่จาวหนิงรู้ถึงความหมายของสายตาเขา คงจะร้อนรนอยากรู้เบาะแสเกี่ยวกับตราหยกชิ้นนั้นแน่ๆตอนนี้ตราหยกอาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่ และเป็นไปได้ว่าคนร้ายที่วางยาใส่เซียวหลันยวนตอนนั้น ก็น่าจะไม่ธรรมดา ดังนั้นฟู่จาวหนิงจึงยังไม่บอกเขาก่อนชั่วคราวนางยังต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าเจ้าของตรานี้กับเฮ่อเหลียนเฟยเกี่ยวข้องกันอย่างไรดังนั้นภายใต้สายตาแป๋วของเฮ่อเหลียนเฟย เขาจึงสั่นหัวเบาๆ เฮ่อเหลียนเฟยก็ป
เฮ่อเหลียนเฟยไม่คิดมากอะไร พยักหน้าให้ทันที"ใช่แล้ว""เสี่ยวเฟย เด็กดี เจ้าบอกกับท่านปู่หน่อย ว่าคนที่พกตราหยกนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้ากัน? ทำไมเจ้าถึงต้องตามหาเขา?"ฟู่จาวหนิงฟังออกถึงอาการสั่นพร่าของน้ำเสียงผู้เฒ่าฟู่เฮ่อเหลียนเฟยนิ่งขึ้นมาทันทีเขามองผู้เฒ่าฟู่ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง คิดจะพูดแต่ก็หยุดไว้ฟู่จาวหนิงมองท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างเข้มงวด "ในเมื่อเจ้าจะให้ข้าช่วยเจ้าหาตัวคน เช่นนั้นคำถามนี้คงต้องตอบให้ชัดเจนหน่อยแล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาตัวคนแบบไหนมา""เอาล่ะๆๆ ข้าบอกแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็เชื่อใจพวกท่าน แต่ว่าพวกท่านห้ามบอกต่อไปอีกนะ""ไม่พูดหรอก" ผู้เฒ่าฟู่รีบรับคำขึ้นมา"นั่น ตัวตนฐานะของข้าจริงๆ ยังไม่ได้พูดกับพวกท่านอย่างชัดเจน" เฮ่อเหลียนเฟยจู่ๆ ก็รู้สึกผิด แอบลอบสังเกตสีหน้าของฟู่จาวหนิง"เจ้ายังปิดบังอะไรอยู่หรือ?""ข้า""เจ้าเป็นคนเฮ่อเหลียนใช่ไหม?""ใช่""เจ้ามาที่แคว้นเจาเพื่อหาคนสกุลฟู่จริงๆ ใช่ไหม?""ใช่ นี่เป็นเรื่องจริง"ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเขาขรึมลงมา "เช่นนั้นเจ้าก็ปิดเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าหรือ?""ก็ไม่ขนาดนั้น พี่หญ
ดังนั้น ต่อให้พวกเขาจะไม่พูด องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนพวกนั้นจะต้องรายงานแน่นอน"สุขภาพอ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คงไม่สะดวกมาเมืองเจ้อหรอกกระมัง?""สุขภาพดีขึ้นมากแล้ว"อันเหนียนคดถึงวิทยายุทธ์ชั้นยอดบนตัวเซียวหลันยวน ยังคิดไม่ออกจริงๆ ว่าร่างกายแบบนั้นพูดว่าไม่ไหวได้ไหมหลังจากฟู่จิ้นเชินส่งจดหมายออกไป ก็ไปช่วยต่งฮ่วนจือจัดระเบียบวัตถุดิบยาแล้วต่งฮ่วนจือครั้งนี้ส่งวัตถุดิบยาเข้ามา เดิมทีก็เตรียมจะอยู่หลายวันหน่อย เพื่อจะไ้ดช่วยฟู่จาวหนิงด้วย ถึงอย่างไรคนที่จะจัดการวัตถุดิบยาได้ข้างกายนางก็ไม่มีใครผู้อาวุโสจี้ยังบอกกับเขาว่า ถ้าไม่ช่วย เขาก็จะมาเองแล้วต่งฮ่วนจือกล้าให้คนแก่อย่างท่านอาจารย์ต้องมาตกระกำลำบากได้ที่ไหน?จะว่าไป เขาเองก็อยากจะใช้การกระทำขอโทษกับศิษย์น้องหญิงด้วยเหมือนกันเขาอยู่ช่วยเหลือได้พอดี อย่างน้อยเรื่องการจัดยาเขาก็ทำได้ แล้วยังนำผู้ช่วยหมอเหล่านี้ได้อีกหลังจากฟู่จิ้นเชินให้คนนำจดหมายที่เขียนส่งให้เซียวหลันยวนส่งออกไปก็เอาแต่วุ่นดูแลคนป่วยอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเข้ามารออยู่พักหนึ่งถึงได้มีเวลาหยุดพักผ่อนอันเหนียนมอ
"ถ้าไม่สนใจพวกเจ้าจริง ศิษย์พี่ของหมอฟู่ ผู้จัดการใหญ่พันธมิตรโอสถใต้หล้าเมืองหลวง เมื่อวานคงไม่ขนวัตถุดิบยาเข้ามาอีกหลายคันรถหรอก! ข้าพูดถึงจุดนี้แล้ว ถ้าใครยังไม่ฟังการจัดระเบียบ ใครยังคิดจะก่อความวุ่นวาย ข้าจะสั่งคนจัดการสังหารหัวหน้าครอบครรัวซะ ส่วนคนที่เหลือจะปล่อยไปนอกเมืองให้ไปตายกันเอง!"พูดถึงจุดนี้ อันเหนียนก็หน้ามืดไป ร่างโงนเงนตัวเขากัดฟันฝืนทนไว้เดิมทีก็เป็นข้าราชการพลเรือน ร่างกายสู้พวกจอมยุทธ์ไม่ได้อยู่แล้วหลายวันนี้เขาเองก็เหนื่อยจะแย่ แม้จะได้ยินคำพูดของฟู่จาวหนิง พยายามข่มตาหลับทุกวัน แต่ในความเป้นจริงก็ยันอนดึกตื่นเช้า นอไปปได้แค่ไม่ถึงสามชั่วยามดีพวกเขาในเมื่อจะมาบรรเทาภัย ทุกวันจึงกินกันคล้ายๆ กับผูัประสบภัย ก็คือสองสามวันแรกที่มาถึงกินให้อิ่มหน่อย แต่ภายหลังก็ไม่ค่อยกินกันเท่าไรแล้วแล้วยังเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งความคิดมาอีกหลายวัน ทำร้ายจิตวิญญาณจริงๆถึงแม้จะให้องครักษ์ใช้กำลังภายในช่วยตะโกน แต่อัน่ที่จริง ตัวเขาเองตอนที่ตะโกนก็ใช้เสียงตะโกนสุดกำลังแล้วเช่นกันองครักษ์ตะโกนจนหน้าแดงไปหมด แต่ก็ยังรีบมาประคองอันเหนียน"ใต้เท้า ไม่เป็นไรใช่ไหม?""ไม
"พวกเราประสบภัยกันแล้ว น่าเวทนากันขนาดนี้แล้ว พระชายาอ๋องเจวี้ยนยังเอาพวกเรามาล้อเล่นอีกหรือ?"สายตาของอันเหนียนกำลังค้นหาคนที่มายุยงปลุกปั่นในกลุ่มคนอยู่ แต่ตอนนี้ผู้ประสบภัยมากเกินไป เสียงเองก็ดังหึ่งๆ ไปหมด หาคนคนนั้นออกมาไม่ได้ชั่วคราวอันเหนียนดึงองครักษ์จวนอ๋องออกมาคนหนึ่ง "พาข้าขึ้นไปบนแท่นสูงนั่นที"ที่นั่นมีแท่นสูงอยู่ องครักษ์ใช้วิชาตัวเบาพาอันเหนียนขึ้นไปบนนั้น"เจ้ามีกำลังภายใน ตอนนี้ข้าพูดออกมา เจ้าก็ใช้เสียงที่ดังที่สุดตะโกนออกไปหน่อย""ขอรับ ใต้เท้าอัน"อันเหนียนสูดลมหายใจลึก "เงียบหน่อย!""เงียบหน่อย!" องครักษ์กระตุ้นพลังตันเถียนทันที ตะโกนออกมาสายตาคนทั้งหมดถูกดึงดูดเข้ามา แต่จะใช้แค่ประโยคเดียวให้พวกเขาสงบลงมานั้นไม่มีทางจังหวะที่พวกเขาเงียบลงแล้วมองเข้ามา อันเหนียนก็เอ่ยต่ออีกประโยคทันที"ใครยังก่อเรื่องนี้ จะไล่ออกจากเมืองเจ้อสถานเดียว และไม่บริจาคข้าวต้มอีกแล้ว!"พอประโยคนี้ออกไป ก็ทำให้เหล่าผู้ประสบภัยสงบลงมาแล้ว"ตอนนี้ผู้ประสบภัยที่เข้าเมืองมาใหม่เดิมทีก็ตรวจสอบอย่างเข้มงวด พวกเจ้าใครไม่รู้บ้าง?""ที่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดทำเพื่ออะไร? ก็เพื่อรับผ
"ถ้าเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาที่นี่ แล้วข้าจะบอกกับท่านอาจารย์อย่างไร? จะไปบอกกับพ่อเจ้าอย่างไรกัน?"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเข้าขวางตรงหน้าอันเหนียน ไม่อยากให้เขาไปเจอกับผู้ประสบภัยเหล่านั้น"เจ้าเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นานยังไม่ได้มีทายาทสืบสกุลเลย""พี่ชายเป็นคนหัวโบราณแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?" อันเหนียนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ "จะว่าไป ก็ไม่น่ามีอะไรหรอก ต่อให้ข้าไม่ระวังติดโรคนั่นขึ้นมา หมอฟู่ก็จะรักษาให้ข้าเอง"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวชะงักไป ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาไปพักหนึ่งครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยว่า "ข้ารู้อยู่แล้วว่าหมอฟู่วิชาแพทย์ดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งใจมีความรับผิดชอบด้วย หลายวันนี้ข้าเองก็เห็นมาแล้ว แต่ถึงอย่างไร โรคนี้พวกเราก็ไม่เคยได้ยินกันมาก่อน!"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวก็รู้สึกหนักใจมาก "อันเหนียน ยังมีอีกความจริงที่เจ้าห้ามลืม ตอนนี้ในเมืองเจ้อไม่ใช่เมืองหลวง ตอนที่เผชิญหน้ากับผู้ประสบภัยมากขนาดนี้ขณะที่ยาไม่มีแล้ว! พวกเราเดิมทีก็ขาดแคลนยาอยู่ ต่อให้วิชาแพทย์หมอฟู่ดีมาก แต่แม่บ้านที่เก่งก็ทำไม่ได้ถ้าไม่มีข้าวสาร ถ้าหากไม่มียา นางจะรักษาอย่างไรกัน?"สถานการณ์เช่นนี้ อันเหนียนต้องรู้อยู
อันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวหลังรู้เรื่องนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าผู้ประสบภัยสามคนนั้นก่อนหน้านี้กักกันไว้แล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะหาตัวพวกเขาเจอ พวกเขาก็ไปที่ศูนย์พักพิงมาเรียบร้อย ที่นั่นอยู่กันอย่างแน่นขนัด คนหลายคนเพิ่งมาถึง ในใจก็กระวนกระวาย แล้วยังสับสนเป็นพิเศษอีก ไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นสามคนนี้จึงดึงคนไม่น้อยเข้ามาพูดคุยกันเพื่อถามนั่นถามนี่ถึงอย่างไรคนที่อยู่ใกล้ด้วยก็น่าจะมีถึงยี่สิบกว่าคน ยี่สิบกว่าคนนี้ก็ยังมีคนที่ตนเองออกไปสัมผัสอยู่อีกและเพราะสามคนนั้นเป็นคนมาใหม่ คนไม่น้อยจึงจำไม่ได้ไม่รู้จัก ถ้าจะให้พวกเขาชี้ตัวคือยากมากผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอยากจะประกาศป่าว ให้คนเหล่านั้นลุกออกมากันเอง อันเหนียนกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ประสบภัยอาจจะยิ่งหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกขเาจะกลัวและไม่สงบ แล้วจะเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องบอกว่าผู้ประสบภัยสามคนนั้นมีตัวตนฐานะน่าสงสัย ต้องทำการตรวจสอบ" อันเหนียนตัดสินใจแล้วผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็เห็นด้วยแต่ว่าข้าราชการที่ออกไปประกาศตนเองก็กลัวเหมือนกัน ต้องการห
ถ้าหากฟู่จาวหนิงร้ว่านางกำลังคิดอะไร คงจะหัวเราะออกมาแน่องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้กำลังตรวจรักษาอยู่นะ คิดอะไรกัน จะว่าไป ทางกดที่ปอดด้วย ไม่ใช่ที่หน้าอกตอนที่ตรวจฟู่จาวหนิงก็ใจจดใจจ่อมาก จะไปรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดเตลิดไปขนาดนั้น"อีกเดี๋ยวก็รีบต้มยาเสีย วันนี้ต้องดื่มยาสามห่อ ยาหนึ่งห่อต้มด้วยน้ำสามชามให้เหลือหนึ่งชาม"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "อีกเดี๋ยวยาจะส่งเข้ามา แน่ใจว่าจะต้มเองนะ?" ประโยคด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปทางเฉินเซียงเฉินเซ๊ยงพยักหน้าทันที "เจ้าค่ะ"ก็ต้องแน่สิ"ข้าจะตรวจเจ้าด้วย มานั่งลงตรงนี้" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเฉินเซียงนั่งลงไปฟู่จาวหนิงก้มหน้าจับชีพจรให้นาง ตรวจอาการเฉินเซียงเองก็ติดแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักเท่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ว่านางเหนื่อยเกินไป ดวงตาเขียวคล้ำ"วันนี้ต้องนอนพักผ่อนให้ได้" นางเอ่ยขึ้นคำหนึ่งอาการป่วยจะรุกรานเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วตอนที่ร่างกายอ่อนล้าขีดสุด"ข้าต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่" เฉินเซียงตอบเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถอะฟู่จาวหนิงอยากจะตอบแบบนี้ แต่คำพูดค้างอยู่ที่มุมปาก จึงเปลี่ยนคำอื่น "ถ้าเหนื่อย
ความต้องการของเฉินเซ๊ยง ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ยังรับปากไปนางยอมจะให้ตนเองเหนื่อยอีกนิด ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพียงแต่เฉินเซียงไม่ค่อยฉลาด ตอนนี้นางเป็นหมอนะ ถ้าหากนางจะทำอะไรล่ะก็ นางห้ามได้เสียที่ไหนกัน?พวกนางไม่เข้าใจวัตถุดิบยาเลยด้วยซ้ำเดิมทีฟู่จาวหนิงก็คิดเช่นนี้ ผลลัพธ์คือเช้าวันต่อมาตอนที่นางเข้าไปตรวจ ก็ได้ยินเฉินเซียงกำลังพูดเสียงแผ่วกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ข้าน้อยรู้ ว่าหมอเทวดาฟู่ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีในวัตถุดิบยากับการรักษา แต่ถ้าหากในใจนางยังคงเคียดแค้นอยู่ล่ะ ให้คนถ่มน้ำลายหรืออะไรลงไปในยาน้ำ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?""องค์หญิงใหญ๋ว่าไหม? เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนข้าน้อยเคยได้ยินมา ในวังมีคนตั้งมากมายที่ทำ ป้องกันเท่าไรก็ไม่พอ ข้าน้อยไม่มีทางยอมให้องค์หญิงใหญ่ต้องถูกทำให้อัปยศเช่นนี้แน่"ฟู่จาวหนิงโมโหจนขำดังนั้นนิสัยของนางในใจเฉินเซียงต้องเลวร้ายแค่ไหนกันที่แท้ก็กันเรื่องพวกนี้อยู่ นางยังคิดว่ามาป้องกันตนเองจะทำอะไรในวัตถุดิบยาเสียอีก นี่นางคิดเยอะไปสินะแล้วจึงได้ยินเสียงแหบพร่าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วันนี้ตอนเช้า เสียงของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว แหบลงเหมือนกระดาษทรายขัดอย
นางไม่ได้ถามอะไรอีก เดินไปจับชีพจรองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วัดอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเลย คิดไม่ถึงว่าเป็นไข้รุนแรงขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังทนมาคุยกับนางได้ตั้งหลายคำ"นอกจากตัวร้อน ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกไหม? ตรงไหนที่รู้สึกแย่บ้าง?""แค่ก ปวดหัว แล้วก็ดวงตาร้อนผ่าวไปหมด..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ตรงหน้าก็มืดไป คอพับคงมาฟู่จาวหนิงปฏิกิริยารวดเร็ว เข้ารับนางไว้ทันทีเฉินเซียงตกใจ "องค์หญิงใหญ่!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็โดนเข้าซะแล้วฟู่จาวหนิงดูอยู่พักหนึ่ง ต้นกำเนิดโรคคือครอบครัวของป้าหนิวหลังจากสังเกตก็พบว่าเฉินเซียงก็เริ่มมีไข้อ่อนๆแต่ว่าองครักษ์คนอื่นยังไม่ติด น่าจะเพราะเดิมทีองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เข้าใกล้พวกเขาแต่ยังต้องสังเกตต่อฟู่จาวหนิงให้องครักษ์หลายคนนั้นไปหาห้องพักพักผ่อนก่อน ส่วนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงต้องอยู่ที่ห้องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหมือนได้พักหายใจมาตอบคำถามฟู่จาวหนิงพอดี จากนั้นก็เป็นไข้จนมึนหัว จนไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติฟู่จาวหนิงคิดจะฉีดยาให้นาง แต่เฉินเซียงก็ไม่ยอมไปไหนอ
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ