"วันนี้ซวยเสียจริง"ฟู่จาวหนิงยืดตัวตรง ถึงอย่างไรก็ถูกผลักออกมาแล้ว นางเองก็ซ่อนต่อไม่ได้เหมือนกันยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีก็ทนไม่ไหวอยู่แล้วด้วย จะมองดูอันชิงถูกคนอื่นข่มเหงต่อหน้าต่อตาได้อย่างไรกัน?"เจ้ามาทำอะไรที่นี่? อยู่แค่คนเดียวหรือ?"โหวอาวุโสน้อยอี้คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะอยู่ที่นี่แต่ว่าเขาก็ไม่เห็นคนอื่นด้วยเช่นกัน ตอนนี้มีแค่ฟู่จาวหนิงคนเดียว น่าเสียดาย เขาเองเดิมทีก็สนใจตัวฟู่จาวหนิงอยู่ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่านางเอป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนต่อให้มีความกล้าสักแค่ไหน โหวอาวุโสน้อยอี้ก็ไม่มีทางลงมือกับพระชายาคนหนึ่งแน่ดังนั้นตอนนี้ฟู่จาวหนิงปรากฎตัวขึ้นที่นี่ ทำให้เขารู้สึกตึงมือขึ้นมา"ทำไมหรือ ที่นี่เป็นที่ดินของเจ้าหรือไร? ข้าถึงมาที่นี่ไม่ได้? ข้ามาหาแม่นางอันน่ะ""มานานาง?""แน่นอน" ฟู่จาวหนิงพูดไปด้วยพลางเดินไปทางอันชิงเมื่อครู่เพราะอันชิงกัดลิ้นตนเอง ความเจ็บปวดทำให้นางได้สติขึ้นมา แต่ยาที่นางถูกกรอกลงไปก็รุนแรงเกินไป การได้สตินี้คงอยู่ไม่นานนักตอนนี้นางมองโหวอาวุโสน้อยอี้ จากนั้นก็เกิดอาการทนไม่ไหวอยากจะพุ่งตัวไปหาเขาอันชิงเดินออกไปหาเขาก้าวหนึ่งโหวอาวุโส
เซียวหลันยวนพอเห็นนางตรงมาหาตนเอง ก็ถอยออกไปสองก้าวทันที"รีบพานางออกไป"ฟู่จาวหนิงรีบดึงตัวอันชิงที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ เหลือบตามองเขาผาดหนึ่ง นางจู่ๆ ก็พบกับปัญหาเข้าแล้ว"ที่นี่ส่งให้ท่านเลย"นางดึงตัวอันชิงออกไปทันที"หยุดนะ เจ้าจะพานางไปไหน?"โหวอาวุโสน้อยอี้หน้าเปลี่ยนสี รีบเดินจะเข้าไปขวางฟู่จาวหนิงแต่เซียวหลันยวนพอสับเท้า ก็เข้ามาขวางหน้าเขาไว้แล้ว"บังอาจ""อ๋องเจวี้ยน ข้ากับอันชิงรู้จักกันมาแล้วหลายปี นางจะต้องเชื่อใจข้าแน่ พวกท่านจู่ๆ ก็มาดึงนางไป ข้าไม่วางใจเอาเสียเลย!""รู้จักมาหลายปี?""แน่นอน ข้าคิดจะไปสู่ขอที่ตระกูลอันแล้วด้วย อันชิงจะช้าเร็วก็ต้องเป็นภรรยาข้า แล้วข้าก็ไม่ได้ทำร้ายนางเสียหน่อย"โหวอาวุโสน้อยอี้สองมือกำหมัด อยากจะเหวี่ยงใส่หน้าเซียวหลันยวนเสียเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่กล้า"แต่อ๋องเจวี้ยนอย่างท่านต่างออกไป ท่านมีพระชายาแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะเอาตัวอันชิงอีก ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่? หรือว่าท่านจะไม่รู้ ว่าหญิงสาวจากตระกูลอันไม่มีทางจะไปเป็นนางสนมแน่?"อ๋องเจวี้ยนร้องเฮอะตอนนี้ ด้านหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งตรงเข้ามาเห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่โหวอาวุโสน้อ
ฟู่จาวหนิงดึงอันชิงเดินมาพักหนึ่งเพราะอันชิงไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว บิดตัวไปมาอยู่ในอ้อมกอดนาง แล้วยังครางว่าร้อนอยู่ตลอดด้วย คอยดึงแต่เสื้อผ้าของตนเองผิวหนังของนางแดงจนไม่ปกติ อุณหภูมิในร่างกายร้อนขึ้นเรื่อยๆ สายตาเองก็ดูหย่อนยานฟู่จาวหนิงพอเห็นว่านางสถานการณ์ไม่ปกติ จึงไม่กล้าเดินต่อแล้ว ใช้มือข้างหนึ่งฟาดนางจนสลบ จากนั้นก็แบกเข้าไปด้านหลังพงหญ้าหินผาแห่งหนึ่ง"นี่กรอกยามาเท่าไรกันนะ?"นางมองอันชิงที่แดงไปทั้งตัวแล้วขมวดคิ้วด้านหน้ามีเสียงกลุ่มคนพูดคุยหัวเราะลอดเข้ามา ฟังออกว่าเป็นผู้ชายหลายคนฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าเป็นใคร เกรงว่าพวกเขาคงเข้ามาหาอันชิง อันชิงตอนนี้ก็ดึงเสื้อผ้าตนเองจนยู่ยี่ไปหมด ตอนที่ดึงตัวมา กระโปรงเองก็ถูกเกี่ยวจนขาด ตอนนี้ถ้าให้ผู้ชายมาเห็นนางสภาพนี้ กลับไปคงนางคงรับไม่ไหวแน่ฟู่จาวหนิงถอนหายใจอีกครั้ง หยิบถุงเข็มออกมา"เอาล่ะ ช่วยคนแล้วก็ต้องช่วยให้สุด"นางเดิมทีไม่อยากจะเข้ามายุ่งความสัมพันธ์ของเซียวหลันยวนกับอันชิง แต่ตอนนี้เห็นเด็กสาวถูกกรอกยาชั่วร้ายลงไปไม่น้อย นางเองก็ทนไม่ไหวเช่นกันฟู่จาวหนิงดึงเสื้อผ้าของอันชิงออก รีบฝังเข็มให้กับนางเข็มชุดนี้คื
เซียวหลันยวนกับชิงอีหาฟู่จาวหนิงเจอเร็วกว่าพวกเขาก้าวหนึ่งพวกเขาเพิ่งตามมาถึง ฟู่จาวหนิงก็กดฟันประคองตัวอันชิงมาเบื้องหน้าเซียวหลันยวนแล้ว เตรียมจะผลักไปยังอกเขา"ที่เหลือต้องเป็นท่านมาดูแลเองแล้วใช่ไหม?"พอเห็นอันชิงล้มมาที่อ้อมกอดตนเอง เซียวหลันยวนก็หน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดึงชิงอีเข้ามาขวางไว้ชิงอีรีบประคองตัวอันชิงท่านอ๋อง ท่านจะหลบทำไมเนี่ย?ถ้าแม่นางอันล้มลงไปบาดเจ็บบนพื้นจะทำอย่างไรกัน?เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง ระงับความโกรธไว้ "เจ้าผลักนางมาหาข้านี่หมายความว่าอย่างไรกัน?""คนของท่าน ข้าช่วยรักษาแทนท่านไปแล้ว หรือว่าหลังจากนี้ไม่ควรส่งต่อให้ท่านกัน? ท่านคงไม่คิดจะให้ข้าช่วยดูแลนางต่อหรอกนะ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ถลึงตากลับมา "นางเอาแต่เรียกชื่อของท่าน!"ดังนั้น เขาน่าจะเป็นคนที่อันชิงเชื่อใจ นางเอาแต่เรียกชื่อเขาตลอด แล้วยังไม่ส่งให้เขาได้หรือ?"นาง? เรียกชื่อของข้าหรือ?"เซียวหลันยวนไม่อยากจะเชื่อ ว่าอันชิงจะกล้าหาญขนาดนี้"แน่นอนสิ!ข้าจะโกหกท่านทำไมกัน?""แล้วนางเรียกขึ้นมาอย่างไร?""ก็ต้องเรียกว่าเซียวหลันยวนน่ะสิ!ท่านลืมชื่อตัวเองไปแล้วรึ?" ฟู่จาวหนิงร้องเชอะขึ้นม
ฟู่จาวหนิงด่าเซียวหลันยวนจนเลือดไหลซิบ มองดูอาการป่วยของอันชิง ถอนหายใจออกมา"เช็ดเนื้อตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเสีย ข้าจะไปที่พักนางเอาเสื้อผ้านางกลับมาเสียหน่อย นางยังต้องกินยาอีก เฉินซาน เจ้าไปหาคนต้มข้าวต้มเข้ามาด้วย""ขอรับ""เช่นนั้นให้สาวใช้ข้าไปช่วยเสี่ยวเถาแล้วกัน" ฟางซือฉิงเห็นสภาพอันชิงแล้วก็ใจอ่อนขึ้นมาแม้ว่านางจะยืนอยู่ข้างฟู่จาวหนิงแน่นอน ถ้าหากอันชิงมาแย่งอ๋องเจวี้ยนจากนาง ก็ควรจะมีความสัมพันธ์ฉันท์ศัตรูจึงจะถูกแต่ตอนนี้พอเห็นอันชิงน่าสงสารเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ไปเจออะไรมาก นางเองก็ทนไม่ไหวเช่นกันฟู่จาวหนิงพยักหน้า หิ้วตะเกียงเดินออกไปเดินไปพักหนึ่ง ชิงอีก็หมุนตัวเข้ามาพอดี ยื่นส่งห่อผ้าห่อหนึ่งให้กับนาง"พระชายา นี่คือสิ่งของของแม่นางอัน""เฮอะ" ฟู่จาวหนิงรับมา "ท่านอ๋องของพวกเจ้าไปเอามาหรือไร?""อ่า ไม่ใช่ ท่านอ๋องสั่งให้คนอื่นเข้าไปเอามา"พวกเขาจะเข้าไปในห้องที่หญิงสาวพักอยู่ได้อย่างไร? ท่านอ๋องสั่งคนเข้าไปหยิบ คิดว่าอันชิงตอนนี้คงไม่มีทางกลับไปพักในที่พักเดิมแน่ จึงได้ส่งมาให้กับฟู่จาวหนิง"ข้าไม่เคยเห็นพระชายาคนไหนต้องมาดูแลคนที่จะแย่งตำแหน่
เฮ่อเหลียนเฟยเองก็ลุกขึ้นมาแล้ว เพียงแต่เขายังขยับตัวไม่ได้ นั่งอยู่ในห้องเรียกหาฟู่จาวหนิง"พี่หญิง พวกเราวันนี้จะลงจากเขาไหม?""ใช่ พวกเราจะลงจากเขาแล้ว"ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ และไม่คิดจะหยุดอยู่ที่นี่ด้วย หลังจากบอกลากับผู้เฒ่าซุน กลุ่มคนก็เก็บสัมภาระออกจากเขาเมฆอรุณวันนี้คนลงจากเขาไม่น้อย ตลอดทางยังเจอกับรถม้าอีกหลายคันดูท่าคนเหล่านี้ล้วนจะกลับไปเมืองหลวง และไม่รู้ว่าในเมืองหลวงจะมีเรื่องอึกทึกอะไรขึ้นมาอีกอันชิงถูกส่งไปจวนตระกูลอันอันเหนียนออกมารับคนที่ประตูใหญ่ พอเห็นอันชิงถูกประคองตัวลงมา ดวงตาเขาก็ร้อนวูบวาบ รีบเดินเข้ามาประคองตัวนาง"เสี่ยวชิง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?"อันชิงตุ้มต่อมอยู่บนรถม้ามาตลอดทางเพราะไม่มีคนบอกนางว่าเกิดอะไรขึ้น บอกแค่ว่าจะส่งนางกลับบ้าน บนรถม้าเองก็มีนางเพียงคนเดียว ตอนนี้พอเห็นพี่ชาย นางจึงวางใจลงมา"ข้าไม่เป็นไร ท่านพี่ เซียวหลันยวนคือใครกัน?"อันชิงถามออกไป อันที่จริงในเมืองหลวงคนที่นามสกุลเซียวก็คือคนในราชวงศ์ แต่ว่านางไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยน ดังนั้นนางจึงอยากรู้คำตอบนี้ตอนนี้พอเห็นพี่ชาย นางจึงถามขึ้นมาทันทีอันเหนียนตกตะลึง จากนั้นก็
ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าท่านปู่คิดจะให้เฮ่อเหลียนเฟยอยู่ที่นี่ดูแปลกๆแต่ว่าก็ไม่ใช่จะเข้าใจไม่ได้ ผู้เฒ่าฟู่แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนจิตใจดีมีเมตตามาตลอด และเป็นคนใจกว้างด้วย ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาะคงไม่ให้บ้านสองบ้านสามบ้านสี่เข้ามาพักในนี้"เช่นนั้นก็ให้เขาพักที่นี่ชั่วคราวแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ต้องดูแลจนขาของเฮ่อเหลียนเฟยฟื้นฟูมาระดับหนึ่งก่อนจึงจะดี ไม่เช่นนั้นเขาตอนนี้ที่ไม่รู้จักใครเลย ร่างกายก็ไม่มีใครดูแล ตกลงมาจากเตียงก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร"หลังจากนี้เขาจะเปลี่ยนชื่อเป็นฟู่เสี่ยวเฟย ท่านปู่ ท่านเองก็อย่าบอกใครถึงตัวตนของเขานะ""ฟู่เสี่ยวเฟย? ใช้สกุลเดียวกับพวกเราหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่นึกถึงชื่อนี้ รู้สึกว่าไม่ได้ดูองอาจอะไรเลย แต่ว่านี่ก็แค่ชื่อปลอมนี่นา บวกกับว่าเด็กคนนี้ก็ยังเล็ก ถ้าเรียกว่าเสี่ยวเฟยเสี่ยวเฟย ยังจะดูสนิทสนมยิ่งกว่า"ถูกต้อง ความต้องกายของเขา บอกว่าอยากจะใช้นามสกุลพวกเราไปก่อน""ได้ ได้ได้"ผู้เฒ่าฟู่เองก็ดูดีใจมากเฮ่อเหลียนเฟยพอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงยอมรับตนเองไว้ ก็ดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี"ถ้าไม่ใช่ว่าข้าขาหักอยู่ ข้าคงได้กระโดดสูงสา
"เช่นนั้นเจ้าก็ไปดูพวกเขาแล้วกัน บอกับพวกเขาให้ชัดเจน ถ้ายินยอมแล้วก็พามาดู""ขอรับ"เฉินซานดีใจมากตระกูลฟู่คนยิ่งเยอะ ก็ยิ่งอธิบายว่าเจ้านายเป็นคนดี ในบ้านมีคนที่คุ้นเคยกันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนบ้านมากขึ้น ไม่รู้สึกอ้างว้างอีกแล้ววันต่อมา เฉินซานก็พอคนมาที่บ้านถึงสี่คน มีสองคนดูแล้วเป็นชายหนุ่มกำยำล่ำสัน แล้วก็ยังมีคู่สามีภรรยาอายุเกือบจะสามสิบอีกคู่หนึ่งพวกเขาพอเห็นฟู่จาวหนิงก็ใจเต้นตุ้มต่อมภรรยาที่ชื่อป้าซิ่งคนนั้นมองฟู่จาวหนิงอย่างระมัดระวัง"เจ้าเคยได้ยินเรื่องของข้ามาแล้วสินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางป้าซิ่งตะลึงงันไปครู่หนึ่ง รีบร้อนคุกเข่าลงทันที ฟุ่จาวหนิงยื่นมือไปประคองนาง "ยืนพูดเถอะ ข้าไม่ใช่พวกเคร่งกฎเกณฑ์ที่เอะอะก็ให้คุกเข่า"ประโยคนี้ของนางทำให้ในใจหลายคนนี้ผ่อนคลายลงมาพวกเขากลัวว่าหลังจากขายตัวเป็ฯทาศแล้วจะไม่เหลือเกียรติใดๆ อยู่อีก วันๆ เอาแต่ต้องคอยผงกหน้าโค้งตัวหรือไม่ก็คุกเข่าไม่หยุด"คุณหนู ท่าน วันที่ท่านแต่งงานวันนั้น ข้าเองก็อยู่บนถนนด้วย"ป้าซิ่งพูดจนรู้สึกผิดอย่างมากฟุ่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาด"ดังนั้นเจ้าก็เห็นทั้งหมดแล้วสิ? เห็นว่าข้า
"ดูการเคลื่อนไหวของทูตแคว้นหมิ่นอีกหน่อย"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตอนนี้ยังออกไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ดูก่อนว่าทูตของแคว้นหมิ่นเจรจากับองค์จักรพรรดิได้หรือไม่ฟู่จาวหนิงดึงเขานั่งลง อ้อมไปอยู่ด้านหลังแล้วนวดหัวให้เขาหลายวันนี้เขาเองก็ยุ่งเหลือเกิน ต้องจัดการเรื่องตั้งมากมาย นางเหนื่อย เขาเองก็ไม่ได้สบายเท่าไรนัก"แคว้นหมิ่นต้องการตงฉิง เรื่องนี้ท่านคิดอย่างไรบ้างล่ะ?"ตงฉิง ถึงอย่างไรก็เป็นของเขาเขาตอนนี้คงผู้สืบทอดหนึ่งเดียวของตงฉิงตงฉิงตอนนี้ต่อให้ยังไม่เห็นท้องฟ้าเห็นตะวัน แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีเจ้าของถ้าหากแคว้นหมิ่นต้องการคลังสมบัติกับเหมืองแร่ของตงฉิง ก็เท่ากับต้องการสิ่งของของเซียวหลันยวน จากความเข้าใจต่อเซียวหลันยวนของฟู่จาวหนิง เขาจะไม่ทนดูของของตนเองถูกแบ่งออกไปแน่เซียวหลันยวนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายและสบายที่นิ้วของนางนำมา"ตงฉิง ข้าไม่ยอมยกให้อยู่แล้ว"ตงฉิง เขามีจุดประสงค์อื่นอยู่แล้วของที่เป็นของเขา เขาไม่มีทางยอมให้เปล่าๆ แบบนี้ไหนจะเรื่องนี้ แม้เขาเป็นคนแคว้นเจา แต่ตอนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตงฉิงครั้งนั้น แคว้นเจารู้แต่ก็ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ในอดีตเคยรับบุ
ฟู่จาวหนิงเห็นเขาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่"รู้สึกว่าเขาไม่ควรโง่ขนาดนี้"เซียวหลันยวนคิดถึงท่วงท่าสง่าผ่าเผยสมัยที่จักรพรรดิยังวัยหนุ่ม คิดถึงตอนที่เขายังเด็ก ตอนที่องค์จักรพรรดิยิ้มแย้มทักทายเขา แต่พอหันกลับก็วางแผนเกือบทำเขาจมบ่อน้ำตายครั้งนั้น เขามองไม่ออกถึงแผนการที่องค์จักรพรรดิสร้างขึ้นมาจริงๆต่อมาให้คนไปตรวจสอบก็ยังตรวจสอบอะไรไม่ได้ หลักฐานทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเชื่อมั่นสัญชาตญาณตนเองเกินไป เขาก็คงถูกหลอกผ่านไปแล้วแต่ว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิกลับโง่แบบนี้ไปแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ที่ข้าจับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ ก็ไม่พบว่าเขาโดนยาพิษอะไร" ฟู่จาวหนิงนึกย้อนกลับไปตอนที่จับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ "แต่ว่า จับชีพจรเองก็ไม่ได้แม่นยำไปเสียทั้งหมด ถ้าหากโดนพิษที่ออกฤทธิ์ช้ามาหลายปีจนทำร้ายสมองเข้า ก็ไม่แน่ว่าจะตรวจหาพบ"ฟู่จาวหนิงมองเขา "ท่านสงสัยเรื่องนี้หรือ?"เขาน่าจะสงสัยว่าองค์จักรพรรดิถูกวางยาพิษ พอสะสมนานวันเข้าจึงกระทบไปถึงสมองจะว่าไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้"เป็นไปได้ แต่ในเมื่อเจ้าตรวจไม่เจอ ก็อธิบายว่าต่อให้ถูกว
เสิ่นเชี่ยวยืนยันว่าไม่ได้ยินเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆพอเซียวหลันยวนกลับมา ฟู่จาวหนิงจึงถามขึ้นเซียวหลันยวนก็มีแหล่งข่าวของตนเองอยู่"นางกับหยวนอี้อยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนบาดเจ็บ หยวนอี้หนักหน่อย ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งตัวเป็นสาวใช้วัง พักฟื้นอยู่ด้วยกันในวังราชนิเวศน์ ทั้งสองคนไม่ออกไปไหนเลย"เซียวหลันยวนหลังจากกลับมาก็พักผ่อนไปหนึ่งวัน จากนั้นก็เริ่มจัดการธุระเรื่องต่างๆองค์จักรพรรดิยังไม่เรียกเขาเข้าวัง ตอนนี้น่าจะยังกลัวอยู่หน่อยๆ กลัวเขาที่เพิ่งกลับมาจากเมืองเจ้อ จะถูกติดโรคระบาดมาหรือเปล่าเรื่องครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกความขี้ขลาดกลัวตายขององค์จักรพรรดิ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองเจ้อ องค์จักรพรรดิขี้เกียจจะไปถาม เพราะถ้าจะถามขึ้นมาจริงๆ เป็นไปได้มากว่าจะถูกเขาพูดไปถึงช่วงหลัง แล้วถามหาความรับผิดชอบเรื่องวัตถุดิบยากับเสบียงเหล่านั้นระดับความขี้เหนียวขนาดนั้นขององค์จักรพรรดิ จะยอมออกมาได้อย่างไร?ดังนั้นเรื่องนี้เกรงว่าคงมีแต่จะยื้อออกไปเรื่อยๆ ลากไปจนกว่าโหยวจางเหวินจะเข้าวังเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ขี้เกียจไปคิดเล็กคิดน้อยกับอง
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมองจูเฉียนเฉี่ยน"คนทั้งหมดล้วนกำลังยุ่งกับเรื่องสำคัญ ยุ่งกันจนหัวหมุน ใครมีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระของเจ้ากัน? อย่าคิดว่าทุกคนเขาจะเอาแต่คิดเรื่องความรักที่ไม่เหมาะสมนี้! หมอฟู่เองก็ไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรเจ้า แค่ไม่อยากให้เจ้าทำเรื่องเสียต่างหาก""ข้าไปทำเรื่องเสียตอนไหนกัน? ข้าก็ช่วยอยู่ที่นั่นตลอด ข้าเองก็ช่วยไปตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?" จูเฉียนเฉี่ยนน้อยใจ"เช่นนั้นเจ้าก็ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้เรอะ? ยังคิดจะตามไปเมืองหลวงอีก?""ท่านลุง หรือข้าจะต้องเป็นยายแก่ที่ไม่ได้แต่งงานไปตลอดชีวิตกัน? พ่อกับแม่ข้าจะไม่วางใจเอานะ!" จูเฉียนเฉี่ยนตาแดงรื้นขึ้นมานางมองไปยังรถม้าที่แล่นห่างออกไป รู้ว่าตอนนี้ตนเองตามไปไม่ทันแล้ว เสียใจจนอยากจะร้องไห้"ใครไม่ให้เจ้าแต่งงานกัน? ข้าจะให้ป้าของเจ้าหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้เาอง""ชีวิตของข้าไม่เหมาะกับคนธรรมดา!" จูเฉียนเฉี่ยนร้องขึ้นมาอีกนางแต่งงานส่งเดชไม่ได้"เช่นนั้นก็หาคนที่เหมาะก็จบแล้วนี่!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตะคอกเสียงขรึมถึงอย่างไรถ้าเขาทำให้จูเฉียนเฉี่ยนไประรานตระกูลฟู่ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีหน้าไปพบหมอฟู่แล้วจูเฉียนเฉ
และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่
โจวติ้งเจินถูกผลักออกไปจากเมืองเจ้อมาได้ครึ่งทางเขาก็ได้สติขึ้นมา พอรู้ว่าตนเองต้องถอนกำลังแบบนี้ ก็โมโหจนแทบจะเป็นลมไปอีกรอบแต่เขาก็ถ่ายหนักจนตัวโยน ตอนนี้แค่แรงจะด่าก็ยังไม่มีเพราะในป่าในเขา เขากระทั่งไม่มีกระดาษแล้ว ดังนั้นจึงต้องใช้ใบไม้กับกิ่งไม้มาจัดการ ตอนนี้รูทวารเองก็เต็มไปด้วยแผล ขยับทีก็เจ็บเหลือแสน"กลับ กลับไป..."รองขุนพลเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจว่า "ท่านขุนพล ครั้งนี้พวกเราช่างมันเถอะ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนร่วมมือกัน วิธีการก็ชั้นต่ำมาก ไม่รู้ว่ายาพวกนั้นของพวกเขาจัดการมาอย่างไร ถ้าพวกเรายังไปอีก ไม่รู้ว่าต้องติดยากันอีกกี่รอบนะ"ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทางนั้นก็ไม่มีอะไรกินกันแล้ว เดิมทีคิดว่าวันสองวันก็น่าจะจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะไร้เหตุผล ถึงกับใช้วิธีการแบบนี้แล้ววรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนก็ห่างชั้นกับพวกเขา ตราบใดที่ไม่ต้องปะทะกับท่านขุนพล เขาก็แฝงเข้ามาในกลุ่มพวกเขาได้ ถ้าหากเข้ามาก็ไม่มีใครขวางอยู่หรอกพวกเขาถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ยังไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร ต่อให้ไม่ตายชีวิตก็น่าจะหายไปซักครึ่งอยู่"ท่านขุน
โจวติ้งเจินไม่อยากจะออกไปไกลหน่อยเสียที่ไหน?แต่เขาทำไม่ไหวน่ะสิ!ท้องเสียครั้งนี้ ลากยาวไปถึงสามวัน!คืนวันที่สอง พวกทหารที่เรี่ยวแรงหายไปก็ฟื้นกลับมาพอควรแล้ว โจวติ้งเจินกลับล้มลงไปแทนเขาถ่ายออกมาจนทั้งเนื้อตัวซีดไปหมด ไม่มีแรงจะพูดจาเลยทีเดียวตอนที่เขาเตรียมจะรองขุนพลเตรียมเข้าไปตีเมือง รองขุนพลก็เริ่มท้องเสียบ้างแล้ววันที่สาม เขาออกคำสั่งอย่างอ่อนแรงให้ทหารเข้าไปโจมตีเมือง ให้รองขุนพลน้อยหลายคนนำทหารออกไป เหล่าทหารก็ไม่มีแรงกันขึ้นมาอีก!ทหารกว่าครึ่งล้มลงไปนอนระเนระนาดอีกครั้ง ลุกกันไม่ขึ้นแผนการโจมตีเมืองถูกบีบให้หยุดชะงักอีกครั้งโจวติ้งเจินโมโหจนเกือบจะเส้นเลือดในสมองแตกเขาตอนนี้ยังมองไม่ออกที่ไหนว่าเป็นฝีมือเซียวหลันยวน?แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายวางยามาได้อย่างไร! ยาพวกนั้นทำไมถึงไม่มีสีมีกลิ่นเลย"ต้องเป็นฟู่จาวหนิงแน่ๆ ต้องเป็นยาที่นางทำขึ้นมา..."สุดท้ายโจวติ้งเจินคิดออกถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ถ่ายออกมาจนตัวโหวง ลุกไม่ขึ้นที่นี่ไม่มีอะไรที่กินได้แล้ว ต่อให้ล่าสัตว์มา ตอนนี้เขาก็กลืนไม่ลงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป โจวติ้งเจินรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่รองขุนพ
อันเหนียนรู้สึกว่า สามีภรรยาอย่างพวกเขาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย อาจจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอีกก็ได้ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นคู่สวรรค์สร้าง ใครก็แทรกกลางเข้าไปไม่ได้เซียวหลันยวนเดินเข้ามา เห็นอันเหนียนกำลังคุยอยู่กับฟู่จาวหนิงเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง แต่มองไปทางอันเหนียน"คุยอะไรกัน?"คุยกันสนุกเชียวนะ? เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันเหนียนด้วยฟู่จาวหนิงเองก็สีหน้ามีชีวิตชีวาเหมือนกันเอาอีกแล้ว อันเหนียนก่นด่าในใจ เจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน "กำลังคุยกับพระชายา ว่าพวกท่านตอนนี้นิสัยคล้ายคลึงกันเรื่อยๆ แล้ว""อย่างนั้นหรือ? พวกเราเป็นสามีภรรยา จะคล้ายกันมันก็เรื่องปกตินี่" เซียวหลันยวนบีบแขนฟู่จาวหนิง"มือทำไมเย็นนักล่ะ?" ฟู่จาวหนิงโดนความเย็นของมือเขาดึงความสนใจไปทันที นางพลิกกลับมากุมมือเซียวหลันยวน มืออีกข้างก็ปลดหน้ากากของเขาลงมาพอปลดหน้ากากถึงจะเห็นสีหน้าของเขาดูแล้วยังดีอยู่"ฝนตกลงมาครู่หนึ่ง แล้วนอกเมืองก็อากาศเย็นมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด "หนิงหนิงให้ข้ากอดหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นขึ้นแล้ว"แค่กๆอันเหนียน
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย