ฟู่จาวหนิงดึงอันชิงเดินมาพักหนึ่งเพราะอันชิงไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว บิดตัวไปมาอยู่ในอ้อมกอดนาง แล้วยังครางว่าร้อนอยู่ตลอดด้วย คอยดึงแต่เสื้อผ้าของตนเองผิวหนังของนางแดงจนไม่ปกติ อุณหภูมิในร่างกายร้อนขึ้นเรื่อยๆ สายตาเองก็ดูหย่อนยานฟู่จาวหนิงพอเห็นว่านางสถานการณ์ไม่ปกติ จึงไม่กล้าเดินต่อแล้ว ใช้มือข้างหนึ่งฟาดนางจนสลบ จากนั้นก็แบกเข้าไปด้านหลังพงหญ้าหินผาแห่งหนึ่ง"นี่กรอกยามาเท่าไรกันนะ?"นางมองอันชิงที่แดงไปทั้งตัวแล้วขมวดคิ้วด้านหน้ามีเสียงกลุ่มคนพูดคุยหัวเราะลอดเข้ามา ฟังออกว่าเป็นผู้ชายหลายคนฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าเป็นใคร เกรงว่าพวกเขาคงเข้ามาหาอันชิง อันชิงตอนนี้ก็ดึงเสื้อผ้าตนเองจนยู่ยี่ไปหมด ตอนที่ดึงตัวมา กระโปรงเองก็ถูกเกี่ยวจนขาด ตอนนี้ถ้าให้ผู้ชายมาเห็นนางสภาพนี้ กลับไปคงนางคงรับไม่ไหวแน่ฟู่จาวหนิงถอนหายใจอีกครั้ง หยิบถุงเข็มออกมา"เอาล่ะ ช่วยคนแล้วก็ต้องช่วยให้สุด"นางเดิมทีไม่อยากจะเข้ามายุ่งความสัมพันธ์ของเซียวหลันยวนกับอันชิง แต่ตอนนี้เห็นเด็กสาวถูกกรอกยาชั่วร้ายลงไปไม่น้อย นางเองก็ทนไม่ไหวเช่นกันฟู่จาวหนิงดึงเสื้อผ้าของอันชิงออก รีบฝังเข็มให้กับนางเข็มชุดนี้คื
เซียวหลันยวนกับชิงอีหาฟู่จาวหนิงเจอเร็วกว่าพวกเขาก้าวหนึ่งพวกเขาเพิ่งตามมาถึง ฟู่จาวหนิงก็กดฟันประคองตัวอันชิงมาเบื้องหน้าเซียวหลันยวนแล้ว เตรียมจะผลักไปยังอกเขา"ที่เหลือต้องเป็นท่านมาดูแลเองแล้วใช่ไหม?"พอเห็นอันชิงล้มมาที่อ้อมกอดตนเอง เซียวหลันยวนก็หน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดึงชิงอีเข้ามาขวางไว้ชิงอีรีบประคองตัวอันชิงท่านอ๋อง ท่านจะหลบทำไมเนี่ย?ถ้าแม่นางอันล้มลงไปบาดเจ็บบนพื้นจะทำอย่างไรกัน?เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง ระงับความโกรธไว้ "เจ้าผลักนางมาหาข้านี่หมายความว่าอย่างไรกัน?""คนของท่าน ข้าช่วยรักษาแทนท่านไปแล้ว หรือว่าหลังจากนี้ไม่ควรส่งต่อให้ท่านกัน? ท่านคงไม่คิดจะให้ข้าช่วยดูแลนางต่อหรอกนะ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ถลึงตากลับมา "นางเอาแต่เรียกชื่อของท่าน!"ดังนั้น เขาน่าจะเป็นคนที่อันชิงเชื่อใจ นางเอาแต่เรียกชื่อเขาตลอด แล้วยังไม่ส่งให้เขาได้หรือ?"นาง? เรียกชื่อของข้าหรือ?"เซียวหลันยวนไม่อยากจะเชื่อ ว่าอันชิงจะกล้าหาญขนาดนี้"แน่นอนสิ!ข้าจะโกหกท่านทำไมกัน?""แล้วนางเรียกขึ้นมาอย่างไร?""ก็ต้องเรียกว่าเซียวหลันยวนน่ะสิ!ท่านลืมชื่อตัวเองไปแล้วรึ?" ฟู่จาวหนิงร้องเชอะขึ้นม
ฟู่จาวหนิงด่าเซียวหลันยวนจนเลือดไหลซิบ มองดูอาการป่วยของอันชิง ถอนหายใจออกมา"เช็ดเนื้อตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเสีย ข้าจะไปที่พักนางเอาเสื้อผ้านางกลับมาเสียหน่อย นางยังต้องกินยาอีก เฉินซาน เจ้าไปหาคนต้มข้าวต้มเข้ามาด้วย""ขอรับ""เช่นนั้นให้สาวใช้ข้าไปช่วยเสี่ยวเถาแล้วกัน" ฟางซือฉิงเห็นสภาพอันชิงแล้วก็ใจอ่อนขึ้นมาแม้ว่านางจะยืนอยู่ข้างฟู่จาวหนิงแน่นอน ถ้าหากอันชิงมาแย่งอ๋องเจวี้ยนจากนาง ก็ควรจะมีความสัมพันธ์ฉันท์ศัตรูจึงจะถูกแต่ตอนนี้พอเห็นอันชิงน่าสงสารเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ไปเจออะไรมาก นางเองก็ทนไม่ไหวเช่นกันฟู่จาวหนิงพยักหน้า หิ้วตะเกียงเดินออกไปเดินไปพักหนึ่ง ชิงอีก็หมุนตัวเข้ามาพอดี ยื่นส่งห่อผ้าห่อหนึ่งให้กับนาง"พระชายา นี่คือสิ่งของของแม่นางอัน""เฮอะ" ฟู่จาวหนิงรับมา "ท่านอ๋องของพวกเจ้าไปเอามาหรือไร?""อ่า ไม่ใช่ ท่านอ๋องสั่งให้คนอื่นเข้าไปเอามา"พวกเขาจะเข้าไปในห้องที่หญิงสาวพักอยู่ได้อย่างไร? ท่านอ๋องสั่งคนเข้าไปหยิบ คิดว่าอันชิงตอนนี้คงไม่มีทางกลับไปพักในที่พักเดิมแน่ จึงได้ส่งมาให้กับฟู่จาวหนิง"ข้าไม่เคยเห็นพระชายาคนไหนต้องมาดูแลคนที่จะแย่งตำแหน่
เฮ่อเหลียนเฟยเองก็ลุกขึ้นมาแล้ว เพียงแต่เขายังขยับตัวไม่ได้ นั่งอยู่ในห้องเรียกหาฟู่จาวหนิง"พี่หญิง พวกเราวันนี้จะลงจากเขาไหม?""ใช่ พวกเราจะลงจากเขาแล้ว"ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ และไม่คิดจะหยุดอยู่ที่นี่ด้วย หลังจากบอกลากับผู้เฒ่าซุน กลุ่มคนก็เก็บสัมภาระออกจากเขาเมฆอรุณวันนี้คนลงจากเขาไม่น้อย ตลอดทางยังเจอกับรถม้าอีกหลายคันดูท่าคนเหล่านี้ล้วนจะกลับไปเมืองหลวง และไม่รู้ว่าในเมืองหลวงจะมีเรื่องอึกทึกอะไรขึ้นมาอีกอันชิงถูกส่งไปจวนตระกูลอันอันเหนียนออกมารับคนที่ประตูใหญ่ พอเห็นอันชิงถูกประคองตัวลงมา ดวงตาเขาก็ร้อนวูบวาบ รีบเดินเข้ามาประคองตัวนาง"เสี่ยวชิง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?"อันชิงตุ้มต่อมอยู่บนรถม้ามาตลอดทางเพราะไม่มีคนบอกนางว่าเกิดอะไรขึ้น บอกแค่ว่าจะส่งนางกลับบ้าน บนรถม้าเองก็มีนางเพียงคนเดียว ตอนนี้พอเห็นพี่ชาย นางจึงวางใจลงมา"ข้าไม่เป็นไร ท่านพี่ เซียวหลันยวนคือใครกัน?"อันชิงถามออกไป อันที่จริงในเมืองหลวงคนที่นามสกุลเซียวก็คือคนในราชวงศ์ แต่ว่านางไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยน ดังนั้นนางจึงอยากรู้คำตอบนี้ตอนนี้พอเห็นพี่ชาย นางจึงถามขึ้นมาทันทีอันเหนียนตกตะลึง จากนั้นก็
ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าท่านปู่คิดจะให้เฮ่อเหลียนเฟยอยู่ที่นี่ดูแปลกๆแต่ว่าก็ไม่ใช่จะเข้าใจไม่ได้ ผู้เฒ่าฟู่แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนจิตใจดีมีเมตตามาตลอด และเป็นคนใจกว้างด้วย ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาะคงไม่ให้บ้านสองบ้านสามบ้านสี่เข้ามาพักในนี้"เช่นนั้นก็ให้เขาพักที่นี่ชั่วคราวแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ต้องดูแลจนขาของเฮ่อเหลียนเฟยฟื้นฟูมาระดับหนึ่งก่อนจึงจะดี ไม่เช่นนั้นเขาตอนนี้ที่ไม่รู้จักใครเลย ร่างกายก็ไม่มีใครดูแล ตกลงมาจากเตียงก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร"หลังจากนี้เขาจะเปลี่ยนชื่อเป็นฟู่เสี่ยวเฟย ท่านปู่ ท่านเองก็อย่าบอกใครถึงตัวตนของเขานะ""ฟู่เสี่ยวเฟย? ใช้สกุลเดียวกับพวกเราหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่นึกถึงชื่อนี้ รู้สึกว่าไม่ได้ดูองอาจอะไรเลย แต่ว่านี่ก็แค่ชื่อปลอมนี่นา บวกกับว่าเด็กคนนี้ก็ยังเล็ก ถ้าเรียกว่าเสี่ยวเฟยเสี่ยวเฟย ยังจะดูสนิทสนมยิ่งกว่า"ถูกต้อง ความต้องกายของเขา บอกว่าอยากจะใช้นามสกุลพวกเราไปก่อน""ได้ ได้ได้"ผู้เฒ่าฟู่เองก็ดูดีใจมากเฮ่อเหลียนเฟยพอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงยอมรับตนเองไว้ ก็ดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี"ถ้าไม่ใช่ว่าข้าขาหักอยู่ ข้าคงได้กระโดดสูงสา
"เช่นนั้นเจ้าก็ไปดูพวกเขาแล้วกัน บอกับพวกเขาให้ชัดเจน ถ้ายินยอมแล้วก็พามาดู""ขอรับ"เฉินซานดีใจมากตระกูลฟู่คนยิ่งเยอะ ก็ยิ่งอธิบายว่าเจ้านายเป็นคนดี ในบ้านมีคนที่คุ้นเคยกันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนบ้านมากขึ้น ไม่รู้สึกอ้างว้างอีกแล้ววันต่อมา เฉินซานก็พอคนมาที่บ้านถึงสี่คน มีสองคนดูแล้วเป็นชายหนุ่มกำยำล่ำสัน แล้วก็ยังมีคู่สามีภรรยาอายุเกือบจะสามสิบอีกคู่หนึ่งพวกเขาพอเห็นฟู่จาวหนิงก็ใจเต้นตุ้มต่อมภรรยาที่ชื่อป้าซิ่งคนนั้นมองฟู่จาวหนิงอย่างระมัดระวัง"เจ้าเคยได้ยินเรื่องของข้ามาแล้วสินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางป้าซิ่งตะลึงงันไปครู่หนึ่ง รีบร้อนคุกเข่าลงทันที ฟุ่จาวหนิงยื่นมือไปประคองนาง "ยืนพูดเถอะ ข้าไม่ใช่พวกเคร่งกฎเกณฑ์ที่เอะอะก็ให้คุกเข่า"ประโยคนี้ของนางทำให้ในใจหลายคนนี้ผ่อนคลายลงมาพวกเขากลัวว่าหลังจากขายตัวเป็ฯทาศแล้วจะไม่เหลือเกียรติใดๆ อยู่อีก วันๆ เอาแต่ต้องคอยผงกหน้าโค้งตัวหรือไม่ก็คุกเข่าไม่หยุด"คุณหนู ท่าน วันที่ท่านแต่งงานวันนั้น ข้าเองก็อยู่บนถนนด้วย"ป้าซิ่งพูดจนรู้สึกผิดอย่างมากฟุ่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาด"ดังนั้นเจ้าก็เห็นทั้งหมดแล้วสิ? เห็นว่าข้า
ตระกูลฟู่พอคนเพิ่มขึ้น ก็คึกคักขึ้นมาทันทีฟู่จาวหนิงเองก็เอาคนที่อายุน้อยที่สุดพาไปหาเฮ่อเหลียนเฟยคนผุ้นี้ก่อนหน้าเรียกว่าเอ้อร์โก่ว ตอนที่นางเอ่ยชื่อตนเองต่อหน้าฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็รู้สึกเขินๆและไม่รู้ว่าเพราะอะไร เรียกว่าเอ้อร์โก่วมาสิบเก้าปีแล้ว เขาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขายหน้าอะไร แต่พอมาเรียกชื่อนี้ต่อหน้าคุณหนูที่หน้าตาสะสวยอย่างฟู่จาวหนิง เขาก็รู้สึกผิดต่อนางเล็กๆเอ้อร์โก่วรวบรวมความกล้าให้ฟู่จาวหนิงช่วยเปลี่ยนชื่อให้เขาในวันที่เขียนสัญญาเดิมทีก็ได้อยู่ เขาขายตนเองเข้ามาในบ้านตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงมีคุณสมบัติตั้งชื่อใหม่ให้เขาฟู่จาวหนิงตอนที่รู้ว่าอีกคนหนึ่งชื่อว่าชิวเซิง อีกคนหนึ่งชื่อชุนเจิ้ง จึงตั้งชื่อให้เขาว่าตงสือ"เสี่ยวเฟย คนนี้ชื่อว่าตงสือ หลังจากนี้เขาจะมาดูแลเจ้า มีเรื่องอะไรก็เรียกเขานะ"ตงสือตอนนี้รู้สึกพอใจกับชื่อของตนเองจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว"คารวะคุณชาย""แล้วก็ตงสือ หลังจากนี้ทุกวันเจ้าก็แบกข้าไปหาท่านปู่ทางนั้นนะ ตอนกลางวันข้าจะอยู่คุยกับท่านปู่" เฮ่อเหลียนเฟยตาเป็นประกายขึ้นมาเขาเดิมทีคิดว่าตนเองจะต้องเอาแต่นอนอยู่ในห้องเพื่อรักษาตัว
ดังนั้นเขาจึงไม่ละโมบกับของขวัญขอบคุณนี้"เป็นพระชายาที่ช่วยแม่นางอันไว้หรือ" ผู้ดูแลจงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเขาเมฆอรุณ แต่ท่านอ๋องในเมื่อพูดเช่นนี้ก็แสดงว่าไม่ผิดแล้ว "เช่นนั้นก็ง่ายหน่อย เดี๋ยวถึงเวลาข้าจะสั่งคนให้นำของขวัญขอบคุณนี้ไปมอบให้กระพระชายา"แค่กๆๆอ๋องเจวี้ยนกระแอมไออย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้งผู้ดูแลจงพอเห็น ไม่ถูกหรือ?"หรือให้ข้าไปส่งเอง?" หรือว่าท่านอ๋องอยากจะพูดว่าจัดคนส่งเดชไปส่งมันไม่ดีกัน?ชิงอีมองท่านอ๋อง ในสมองก็แล่นวาบขึ้นมา เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนพอคลำเจอทางแล้ว แต่ยังจับไม่อยู่เท่านั้นตอนนี้เอง หงจั๋วที่ยชาเข้ามาก็อดแทรกขึ้นคำหนึ่งไม่ได้"ท่านอ๋อง ของขวัญขอบคุณไม่ใช่ว่าต้องมอบให้ต่อหน้าหรือ? ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยไปรับพระชายากลับมาจวนอ๋องดีไหมเจ้าคะ?"อ๋องเจวี้ยนตบลงที่หน้าอกตนเอง เหลือบมองนางผาดหนึ่ง "อืม ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล"หงจั๋วรีบวางชาลงข้างๆ "เช่นนั้นข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!"นางหมุนตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วอ๋องเจวี้ยนเหลือบมองผู้ดูแลผาดหนึ่ง "ยังตะลึงอะไรอีก รีบไปเตรียมรถม้าให้นางสิ""อ๋า? อ่า!ขอรับ!"ผู้ดูแลเองก็เข้าใจขึ้นมา รีบร้อนห
อันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวหลังรู้เรื่องนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าผู้ประสบภัยสามคนนั้นก่อนหน้านี้กักกันไว้แล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะหาตัวพวกเขาเจอ พวกเขาก็ไปที่ศูนย์พักพิงมาเรียบร้อย ที่นั่นอยู่กันอย่างแน่นขนัด คนหลายคนเพิ่งมาถึง ในใจก็กระวนกระวาย แล้วยังสับสนเป็นพิเศษอีก ไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นสามคนนี้จึงดึงคนไม่น้อยเข้ามาพูดคุยกันเพื่อถามนั่นถามนี่ถึงอย่างไรคนที่อยู่ใกล้ด้วยก็น่าจะมีถึงยี่สิบกว่าคน ยี่สิบกว่าคนนี้ก็ยังมีคนที่ตนเองออกไปสัมผัสอยู่อีกและเพราะสามคนนั้นเป็นคนมาใหม่ คนไม่น้อยจึงจำไม่ได้ไม่รู้จัก ถ้าจะให้พวกเขาชี้ตัวคือยากมากผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอยากจะประกาศป่าว ให้คนเหล่านั้นลุกออกมากันเอง อันเหนียนกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ประสบภัยอาจจะยิ่งหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกขเาจะกลัวและไม่สงบ แล้วจะเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องบอกว่าผู้ประสบภัยสามคนนั้นมีตัวตนฐานะน่าสงสัย ต้องทำการตรวจสอบ" อันเหนียนตัดสินใจแล้วผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็เห็นด้วยแต่ว่าข้าราชการที่ออกไปประกาศตนเองก็กลัวเหมือนกัน ต้องการห
ถ้าหากฟู่จาวหนิงร้ว่านางกำลังคิดอะไร คงจะหัวเราะออกมาแน่องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้กำลังตรวจรักษาอยู่นะ คิดอะไรกัน จะว่าไป ทางกดที่ปอดด้วย ไม่ใช่ที่หน้าอกตอนที่ตรวจฟู่จาวหนิงก็ใจจดใจจ่อมาก จะไปรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดเตลิดไปขนาดนั้น"อีกเดี๋ยวก็รีบต้มยาเสีย วันนี้ต้องดื่มยาสามห่อ ยาหนึ่งห่อต้มด้วยน้ำสามชามให้เหลือหนึ่งชาม"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "อีกเดี๋ยวยาจะส่งเข้ามา แน่ใจว่าจะต้มเองนะ?" ประโยคด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปทางเฉินเซียงเฉินเซ๊ยงพยักหน้าทันที "เจ้าค่ะ"ก็ต้องแน่สิ"ข้าจะตรวจเจ้าด้วย มานั่งลงตรงนี้" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเฉินเซียงนั่งลงไปฟู่จาวหนิงก้มหน้าจับชีพจรให้นาง ตรวจอาการเฉินเซียงเองก็ติดแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักเท่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ว่านางเหนื่อยเกินไป ดวงตาเขียวคล้ำ"วันนี้ต้องนอนพักผ่อนให้ได้" นางเอ่ยขึ้นคำหนึ่งอาการป่วยจะรุกรานเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วตอนที่ร่างกายอ่อนล้าขีดสุด"ข้าต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่" เฉินเซียงตอบเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถอะฟู่จาวหนิงอยากจะตอบแบบนี้ แต่คำพูดค้างอยู่ที่มุมปาก จึงเปลี่ยนคำอื่น "ถ้าเหนื่อย
ความต้องการของเฉินเซ๊ยง ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ยังรับปากไปนางยอมจะให้ตนเองเหนื่อยอีกนิด ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพียงแต่เฉินเซียงไม่ค่อยฉลาด ตอนนี้นางเป็นหมอนะ ถ้าหากนางจะทำอะไรล่ะก็ นางห้ามได้เสียที่ไหนกัน?พวกนางไม่เข้าใจวัตถุดิบยาเลยด้วยซ้ำเดิมทีฟู่จาวหนิงก็คิดเช่นนี้ ผลลัพธ์คือเช้าวันต่อมาตอนที่นางเข้าไปตรวจ ก็ได้ยินเฉินเซียงกำลังพูดเสียงแผ่วกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ข้าน้อยรู้ ว่าหมอเทวดาฟู่ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีในวัตถุดิบยากับการรักษา แต่ถ้าหากในใจนางยังคงเคียดแค้นอยู่ล่ะ ให้คนถ่มน้ำลายหรืออะไรลงไปในยาน้ำ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?""องค์หญิงใหญ๋ว่าไหม? เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนข้าน้อยเคยได้ยินมา ในวังมีคนตั้งมากมายที่ทำ ป้องกันเท่าไรก็ไม่พอ ข้าน้อยไม่มีทางยอมให้องค์หญิงใหญ่ต้องถูกทำให้อัปยศเช่นนี้แน่"ฟู่จาวหนิงโมโหจนขำดังนั้นนิสัยของนางในใจเฉินเซียงต้องเลวร้ายแค่ไหนกันที่แท้ก็กันเรื่องพวกนี้อยู่ นางยังคิดว่ามาป้องกันตนเองจะทำอะไรในวัตถุดิบยาเสียอีก นี่นางคิดเยอะไปสินะแล้วจึงได้ยินเสียงแหบพร่าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วันนี้ตอนเช้า เสียงของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว แหบลงเหมือนกระดาษทรายขัดอย
นางไม่ได้ถามอะไรอีก เดินไปจับชีพจรองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วัดอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเลย คิดไม่ถึงว่าเป็นไข้รุนแรงขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังทนมาคุยกับนางได้ตั้งหลายคำ"นอกจากตัวร้อน ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกไหม? ตรงไหนที่รู้สึกแย่บ้าง?""แค่ก ปวดหัว แล้วก็ดวงตาร้อนผ่าวไปหมด..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ตรงหน้าก็มืดไป คอพับคงมาฟู่จาวหนิงปฏิกิริยารวดเร็ว เข้ารับนางไว้ทันทีเฉินเซียงตกใจ "องค์หญิงใหญ่!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็โดนเข้าซะแล้วฟู่จาวหนิงดูอยู่พักหนึ่ง ต้นกำเนิดโรคคือครอบครัวของป้าหนิวหลังจากสังเกตก็พบว่าเฉินเซียงก็เริ่มมีไข้อ่อนๆแต่ว่าองครักษ์คนอื่นยังไม่ติด น่าจะเพราะเดิมทีองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เข้าใกล้พวกเขาแต่ยังต้องสังเกตต่อฟู่จาวหนิงให้องครักษ์หลายคนนั้นไปหาห้องพักพักผ่อนก่อน ส่วนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงต้องอยู่ที่ห้องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหมือนได้พักหายใจมาตอบคำถามฟู่จาวหนิงพอดี จากนั้นก็เป็นไข้จนมึนหัว จนไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติฟู่จาวหนิงคิดจะฉีดยาให้นาง แต่เฉินเซียงก็ไม่ยอมไปไหนอ
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี