อันชิงเดิมทีไม่รู้ว่าควรจะคารวะฟู่จาวหนิงอย่างไร เพราะนางไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเป็นใคร ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางของอ๋องเจวี้ยนต่อตัวนางก็ดูแปลกประหลาดเหลือเกินตอนนี้ได้ยินพี่ชายเรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางจึงรีบคารวะตามขึ้นมา"อันชิงคารวะอ๋องเจวี้ยน และพระชายา"ฟู่จาวหนิงถึงตามองเซียวหลันยวนผาดหนึ่ง "ไม่ต้องคารวะข้าหรอก"นางเองก็รู้สึกว่าตัวตนฐานะของนางในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ดูแปลกประหลาดหน่อยๆไม่ใช่เจ้านาย แต่ก็ไม่เหมือนเป็นแขกด้วย?เซียวหลันยวนให้พวกเขานั่งแล้ว นางก็เหมือนไม่มีคุณสมบัติที่จะแบกหน้าเจ้าบ้านหญิงบอกกับพวกเขาว่า "ทั้งสองเชิญนั่ง"ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนทำเหมือนไม่เห็นนางหรือ?อันเหนียนกับอันชิงเองก็รู้สึกว่าระหว่างอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนนี้ดูแปลกๆทั้งสองคนยืนมองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าถ้าตนเองไม่นั่ง พวกเขาที่เป็นแขกก็คงจะนั่งไม่ได้ จึงเดินตึงตังไปนั่งลงที่นั่งของราชครูข้างๆ เซียวหลันยวนอันเหนียนกับอันชิงพอเห็นว่านางนั่งแล้ว ทั้งสองคนจึงลอบถอนหายใจออกมา แยกกันนั่งลงหงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็รีบส่งน้ำชาร้อนเข้ามาใหม่อย่างรวดเร็วเฝิ่นซิงยังยกของหวานมาด้วย
"ของหวานในจวนอ๋อง นางไม่ค่อยอยากจะกินเท่าไรนัก"เซียวหลันยวนยังให้เฝิ่นซิงเอาขนมพุทราแดงจานนั้นส่งไปข้างๆ อันชิงเฝิ่นซิ่งถึงแม้จะยกขนมเข้าไป แต่ก็รีบนำอีกจานมาให้ฟู่จาวหนิงท่านอ๋องเองก็เกินไปแล้ว!นี่คิดจะทำอะไรกันแน่?หรือว่าจะรังเกียจที่พระชายากินขนมต่อหน้าแขกแล้วดูไม่งาม? แต่ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนของพวกเขา ไปทำตามกฎเกณฑ์เหล่านั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?พระชายาไม่ใช่ว่าสำคัญที่สุดหรือฟู่จาวหนิงปรบมือ นั่งตัวตรงนางมองออกแล้ว ว่าเซียวหลันยวนผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้กำลังโกรธอะไรนางอยู่แต่ว่านางไม่รู้ว่าตนเองไปยั่วโมโหอะไรเขา"ท่านอ๋องพูดมาถูกต้องแล้ว แม่นางอันเชิญทานเถิด"ใช่ สิ่งของของอ๋องเจวี้ยน นางไม่ได้อยากจะกินนักหรอก เห็นหน้ากากของเขาได้ยินคำพูดของเขาแบบนี้ นางเองก็กลัวอาหารจะไม่ย่อยอันชิงจะกินก็ไม่ได้ จะไม่กินก็ไม่ได้นางทำได้แค่มองไปทางพี่ชายตนเองอันเหนียนเปิดเอ่ยปากขึ้น"ท่านอ๋อง ครั้งนี้ข้าตั้งใจพาเสี่ยวชิงมาขอบคุณท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่ได้ท่านอ๋อง เสี่ยวชิงของบ้านข้าเกรงว่าจะเจอเรื่องอันตรายเข้าเสียแล้ว เสี่ยวชิง ขอบคุณท่านอ๋องเสียสิ"อันชิงลุกขึ้นยืนทันที เดินมาตรงกล
อันชิงนึกออกรางๆ หลังจากที่คลุมเสื้อคลุมอ๋องเจวี้ยนแล้ว นางก็เหมือนค่อยๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะไป นางยังจำความร้อนที่น่ากลัวในตัวตนเองได้หลังจากได้สติขึ้นมา นางก็รู้ว่านั่นคืออะไรถึงแม้ตระกูลอันจะไม่ได้มีความลับที่น่าละอายเหมือนบ้านหลังอื่นๆ แต่ในฐานะที่เป็นลูกสาวของขุนนาง มีบางเรื่องที่ผู้อาวุโสอย่างย่าหรือมารดาค่อยเสี้ยมสอนอยู่อันชิงหวาดกลัวอย่างมากในใจ ใจตุ้มต่อมถึงสามวันกว่าจะกล้าไปบอกกล่าวกับพี่ใหญ่อันเหนียนตอนนี้ยังจำได้อย่างชัดเจนตอนที่อันชิงบอกประโยคแรกกับเขานางบอกว่า "ท่านพี่ ข้าถูกกรอกยาสกปรกมา อ๋องเจวี้ยนหลังจากที่ช่วยข้าจากเงื้อมมือผู้ชายสกปรกคนนั้น ข้าก็ไม่ค่อยได้สติแล้ว ข้าไม่รู้ว่าตนเองทำเรื่องอะไรไม่เหมาะสมไปหรือไม่"แต่ว่าอ๋องเจวี้ยนช่วยชีวิตนางไว้จริงๆต่อมาโหวอาวุโสอี้น้อยปรากฎตัวก็น่าจะไม่ได้เอาเปรียบอะไรไปอันชิงตนเองนึกไม่ออกว่ายานั้นแก้ออกไปอย่างไรอันเหนียนเองก็กำลังคิด ว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไร ก็คืออ๋องเจวี้ยนช่วยนางเอาไว้จริงๆแต่หญิงสาวตระกูลอันไม่สามารถเป็นสนมได้จริงๆ เรื่องนี้เป็นกฎเหล็กของตระกูลอันถ้าหากอันชิงกลายเป็นภรรยาผู้น้อย หลังจากนี
อันเหนียนกลับทนไม่ไหว พ่นพรวดออกมาอันชิงตกใจจนถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่าเหมือนอยากจะหย่าร้างกับอ๋องเจวี้ยนเลยล่ะเซียวหลันยวนกัดฟัน"ฟู่จาวหนิง เจ้าอยากจะหย่าร้างกับข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?""หรือว่าที่ท่านอ๋องเรียกข้ามา ไม่ใช่จะให้ข้าถอนตัวจากตำแหน่งเองหรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงถลึงตาจ้องเขากลับไม่เช่นนั้น เพื่อเรื่องนี้ จะไปรับตัวนางกลับมาจวนอ๋องทำไมกันเซียวหลันยวนรู้สึกว่าหัวใจตนเองอึดอัดจนเจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้วเขาทั้งไอออกมาอีกหลายครั้ง มองไปทางอันชิง"ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าพี่น้องมีเป้าหมายอะไรกันแน่"เซียวหลันยวนยังสงสัยว่าอันเหนียนมาเพื่อบีบให้เขามอบตัวตนฐานะพระชายาหลักให้กับนาง ไม่เช่นนั้นก็คงจะสงสัยว่าเขากับอันชิงมีการแตะเนื้อต้องตัวกันลับๆ ไปเรียบร้อย แล้วต่อมายังเอาแต่เน้นว่าหญิงสาวตระกูลอันจะไม่เป็นสนม นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่?อันเหนียนลุกขึ้นยืน คารวะกับอ๋องเจวี้ยน "ท่านอ๋องกับพระชายาเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือจะเชิญท่านอ๋องเอ่ยกับคนนอกให้หน่อย ว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอันชิงเลย พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอันชิง""เดิมทีก็
"ดังนั้น ยาก็อาเจียนออกมาเกือบหมดแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะฝังเข็มให้กับท่าน แล้วก็ขับเหงื่อออกมาอีกสักหน่อย พอคุณสมบัติยาที่ตกค้างอยู่ถูกขับออกมาพร้อมเหงื่อ นางก็ไม่เป็นไรแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองอันชิง "วันนั้นเสี่ยวเถาช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า คนที่มาช่วยด้วยยังมีสาวใช้ของฟางซือฉิงแก้วตายาใจของผู้เฒ่าฟางจากนอกเมือง"อันชิงปิดปากร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ฮือๆ ดังนั้น ข้ายังไม่เป็นไรสินะ?""ไม่เป็นไร ช่วยเอาไว้ทันเวลาพอดี ยาเองก็ขับออกมาแล้ว เพียงแต่ว่า ช่วงนี้ท่านจะรู้สึกว่าอวัยวะภายในไม่ค่อยสบายนัก ร่างกายเองก็จะไม่ค่อยมีแรง นี่ล้วนเป็นปฏิกิริยาปกติ พักฟื้นหลายวันหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว"ฟู่จาวหนิงตอนที่พูดคุยกับคนไข้ น้ำเสียงจะอ่อนโยนขึ้นมากอย่างชัดเจนจุดนี้ขนาดอันเหนียนเองก็ยังสังเกตเห็น เขารู้สึกว่าฟู่จาวหนิงพอเทียบกับเมื่อครู่ ทำให้คนเกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างมากอันชิงอุดปากร้องไห้พูดว่า "ใช่ๆๆ ใช่เลย หลายวันนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก ข้า ข้าไม่กล้าบอกพี่ชาย ข้าคิดว่า"นางยังคิดว่านี่เป็นเพราะตนเองเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วเสียอีก เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า ตอนเพิ่งเสียความบริสุทธิ์ไ
"เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว" ฟู่จาวหนิงตบลงบนหลังอันชิงเบาๆเซียวหลันยวนมองนางไม่คิดว่าฟู่จาวหนิงจะอดทนต่ออันชิงขนาดนี้นางดีกกับคนอื่นเช่นนี้เลยหรือ?อย่าเฮ่อเหลียนเฟยคนนั้น แล้วก็ยังอันชิงคนนี้หรือว่าขอแค่ไม่ใช่เขา จะใครก็ได้นางล้วนปฏิบัติด้วยอย่างโยนหรือ? นางรู้สึกไปกับเขาไม่ได้เลยกระมัง?"อย่างไม่ปิดบังท่านอ๋อง พระชายา ด้านนอกมีคนกำลังกระจายข่าวลือแย่ๆ ของเสี่ยวชิง หลายคนก็พูดแตกต่างกันออกไป"ที่อันเหนียนพูดมาเพราะเขาไปสืบมาแล้ว"คนหนึ่งก็บอกว่าอันชิงกินยาลงไป ยาชนิดนี้ชื่อว่าใจละเมอ ด้านนอกเหมือนจะสืบหามาได้ ยาชนิดนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่"ใจละเมอ?"ข้าเคยได้ยิน"ฟู่จาวหนิงประคองอันชิงให้นั่งลง หงจั๋วพอเห็นว่าบ่าของนางถูกน้ำตาจนชื้นไปหมด ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ แม่นางอันทำไมถึงร้องไห้จนเสื้อผ้าพระชายาเปียกไปหมดเช่นนี้?ฟู่จาวหนิงไม่ใส่ใจอะไรเฝิ่นซิงจึงได้ยกของหวานเข้ามา วางไว้ข้างๆ ฟู่จาวหนิง"พระชายา ขนมพุทราแดงเจ้าค่ะ"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณผู้ชายคนนี้ คงจะไม่ยกขนมพุทราแดงของนางให้คนอื่นอีกแล้วกระมัง?"พระชายา ท่านกินเถิด จานี้เองให้ท่านด้วย"
ชายคนหนึ่งถูกทหารจวนอ๋องเจวี้ยนหิ้วเข้ามา โยนลงไปบนพื้นมืเท้าของดูบิดเบี้ยวอย่างประหลาดจากสายตาเฉพาะทางของฟู่จาวหนิง มือเท้าของเขาน่าจะถูกคนหักทิ้งตรงๆอันชิงพอเห็นหน้าตาของเขาสีหน้าก็เปลี่ยนไป หดตัวลงมาด้วยสัญชาตญาณฟู่จาวหนิงกุมมือนางไว้มั่น"ไม่ต้องกลัว"ถูกต้อง นางเองก็มองออกแล้ว ว่าชายคนนี้คือผู้ชายที่จะลงมือกับอันชิงบนเขาเมฆอรุณวันนั้น เจ้าคนปากแหลมหน้าตอบตอนนั้นเซียวหลันยวนแค่โยนเขาทิ้งไปข้างๆ นาเองก็คิดว่าต่อมาคงไม่มีใครไปสนใจเขาแล้วว่าจะเป็นหรือตาย คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนยังเอาคนไปลากตัวเขากลับมาด้วย"ท่านพี่ เป็นเขา เป็นเขา" อันชิงพูดกับอันเหนียนอันเหนียนหน้าเปลี่ยนสี มองไปทางเซียวหลันยวน"ยาเป็นเขาที่กรอกลงมา" เซียวหลันยวนให้คนไต่สวนมาจนชัดเจนแล้ว "แต่ว่า เขาไม่ได้เอ่ยถึงอี้ไห่ ข้าให้คนไปตรวจสอบ คนผู้นี้เป็นลูกลับๆ ของบ้านตระกูลต้วน บ้านตระกูลต้วนไม่ยอมรับเขา ไม่ยอมให้เขากลับไป พอเขาไปอยู่กับอี้ไห่ ตระกูลต้วนถึงรับตัวเขากลับ""เขารู้ว่าถ้าโพล่งชื่ออี้ไห่ออกมา ชีวิตเขาหลังจากนี้คงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ทั้งหมดจึงจะแบกไว้เอง""อี้ไห่ไม่ได้แตะใจละเมอ
เรื่องนี้ เป็นไปได้มากว่าเบื้องหลังองค์จักรพรรดิอาจจะสมรู้ร่วมคิดอยู่องค์จักรพรรดิ หลายปีมานี้ความลำเอียงดื้อรั้นขององค์จักรพรรดิหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไม่ชอบ ขุนนางที่ไม่ค่อยจะเชื่อฟังเขาอย่างอันเหนียนอยู่แล้วน้ำตาอันชิงพรั่งพรูออกมา"พระชายา" อันเหนียนมองไปทางฟู่จาวหนิง "ถึงตอนนั้นก็ยังต้องให้พระชายาออกหน้า เพื่อยืนยันเรื่องการถอนพิษใจละเมอ"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า"ได้"ยืนยันความบริสุทธิ์ให้แก่สาวน้อยตัวเล็กอย่างอันชิง นางยินดีทำอยู่แล้วให้เจ้าขยะกำเริบอย่างอี้ไห่ประสบความสำเร็จ นางเองก็ทนดูไม่ได้เหมือนกันดูเอาเถอะ นางดีกับคนนอกเสียเหลือเกิน เรื่องอะไรก็รับปากเขาไปหมดเซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง เอ่ยขึ้นว่า "เจ้าคิดว่าพอเจ้าพูดคนอื่นก็จะเชื่อหรือ?"พี่น้องตระกูลอันตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงสายตาเหลี่ยมจัด เม้มฝีปากยิ้มขึ้นมา"จะทำให้คนเชื่อไม่ง่ายหรือ? พวกท่านแค่ไปทำตามแผนของพวกท่านก็พอ ส่วนเรื่องที่พิสูจน์ว่าใจละเมอสามารถถอนพิษได้ ยกให้ข้ามา"นางตบลงที่หน้าอกตัวเองพอเห็นท่าทางนี้ของนาง เซียวหลันยวนก็อดไอขึ้นมาไม่ได้หลังจากพี่น้องตระกูลอันจากไป ฟู่จาวหนิงก็เตรียมจะกลับแล้
อันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวหลังรู้เรื่องนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าผู้ประสบภัยสามคนนั้นก่อนหน้านี้กักกันไว้แล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะหาตัวพวกเขาเจอ พวกเขาก็ไปที่ศูนย์พักพิงมาเรียบร้อย ที่นั่นอยู่กันอย่างแน่นขนัด คนหลายคนเพิ่งมาถึง ในใจก็กระวนกระวาย แล้วยังสับสนเป็นพิเศษอีก ไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นสามคนนี้จึงดึงคนไม่น้อยเข้ามาพูดคุยกันเพื่อถามนั่นถามนี่ถึงอย่างไรคนที่อยู่ใกล้ด้วยก็น่าจะมีถึงยี่สิบกว่าคน ยี่สิบกว่าคนนี้ก็ยังมีคนที่ตนเองออกไปสัมผัสอยู่อีกและเพราะสามคนนั้นเป็นคนมาใหม่ คนไม่น้อยจึงจำไม่ได้ไม่รู้จัก ถ้าจะให้พวกเขาชี้ตัวคือยากมากผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอยากจะประกาศป่าว ให้คนเหล่านั้นลุกออกมากันเอง อันเหนียนกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ประสบภัยอาจจะยิ่งหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกขเาจะกลัวและไม่สงบ แล้วจะเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องบอกว่าผู้ประสบภัยสามคนนั้นมีตัวตนฐานะน่าสงสัย ต้องทำการตรวจสอบ" อันเหนียนตัดสินใจแล้วผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็เห็นด้วยแต่ว่าข้าราชการที่ออกไปประกาศตนเองก็กลัวเหมือนกัน ต้องการห
ถ้าหากฟู่จาวหนิงร้ว่านางกำลังคิดอะไร คงจะหัวเราะออกมาแน่องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้กำลังตรวจรักษาอยู่นะ คิดอะไรกัน จะว่าไป ทางกดที่ปอดด้วย ไม่ใช่ที่หน้าอกตอนที่ตรวจฟู่จาวหนิงก็ใจจดใจจ่อมาก จะไปรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดเตลิดไปขนาดนั้น"อีกเดี๋ยวก็รีบต้มยาเสีย วันนี้ต้องดื่มยาสามห่อ ยาหนึ่งห่อต้มด้วยน้ำสามชามให้เหลือหนึ่งชาม"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "อีกเดี๋ยวยาจะส่งเข้ามา แน่ใจว่าจะต้มเองนะ?" ประโยคด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปทางเฉินเซียงเฉินเซ๊ยงพยักหน้าทันที "เจ้าค่ะ"ก็ต้องแน่สิ"ข้าจะตรวจเจ้าด้วย มานั่งลงตรงนี้" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเฉินเซียงนั่งลงไปฟู่จาวหนิงก้มหน้าจับชีพจรให้นาง ตรวจอาการเฉินเซียงเองก็ติดแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักเท่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ว่านางเหนื่อยเกินไป ดวงตาเขียวคล้ำ"วันนี้ต้องนอนพักผ่อนให้ได้" นางเอ่ยขึ้นคำหนึ่งอาการป่วยจะรุกรานเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วตอนที่ร่างกายอ่อนล้าขีดสุด"ข้าต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่" เฉินเซียงตอบเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถอะฟู่จาวหนิงอยากจะตอบแบบนี้ แต่คำพูดค้างอยู่ที่มุมปาก จึงเปลี่ยนคำอื่น "ถ้าเหนื่อย
ความต้องการของเฉินเซ๊ยง ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ยังรับปากไปนางยอมจะให้ตนเองเหนื่อยอีกนิด ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพียงแต่เฉินเซียงไม่ค่อยฉลาด ตอนนี้นางเป็นหมอนะ ถ้าหากนางจะทำอะไรล่ะก็ นางห้ามได้เสียที่ไหนกัน?พวกนางไม่เข้าใจวัตถุดิบยาเลยด้วยซ้ำเดิมทีฟู่จาวหนิงก็คิดเช่นนี้ ผลลัพธ์คือเช้าวันต่อมาตอนที่นางเข้าไปตรวจ ก็ได้ยินเฉินเซียงกำลังพูดเสียงแผ่วกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ข้าน้อยรู้ ว่าหมอเทวดาฟู่ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีในวัตถุดิบยากับการรักษา แต่ถ้าหากในใจนางยังคงเคียดแค้นอยู่ล่ะ ให้คนถ่มน้ำลายหรืออะไรลงไปในยาน้ำ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?""องค์หญิงใหญ๋ว่าไหม? เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนข้าน้อยเคยได้ยินมา ในวังมีคนตั้งมากมายที่ทำ ป้องกันเท่าไรก็ไม่พอ ข้าน้อยไม่มีทางยอมให้องค์หญิงใหญ่ต้องถูกทำให้อัปยศเช่นนี้แน่"ฟู่จาวหนิงโมโหจนขำดังนั้นนิสัยของนางในใจเฉินเซียงต้องเลวร้ายแค่ไหนกันที่แท้ก็กันเรื่องพวกนี้อยู่ นางยังคิดว่ามาป้องกันตนเองจะทำอะไรในวัตถุดิบยาเสียอีก นี่นางคิดเยอะไปสินะแล้วจึงได้ยินเสียงแหบพร่าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วันนี้ตอนเช้า เสียงของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว แหบลงเหมือนกระดาษทรายขัดอย
นางไม่ได้ถามอะไรอีก เดินไปจับชีพจรองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วัดอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเลย คิดไม่ถึงว่าเป็นไข้รุนแรงขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังทนมาคุยกับนางได้ตั้งหลายคำ"นอกจากตัวร้อน ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกไหม? ตรงไหนที่รู้สึกแย่บ้าง?""แค่ก ปวดหัว แล้วก็ดวงตาร้อนผ่าวไปหมด..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ตรงหน้าก็มืดไป คอพับคงมาฟู่จาวหนิงปฏิกิริยารวดเร็ว เข้ารับนางไว้ทันทีเฉินเซียงตกใจ "องค์หญิงใหญ่!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็โดนเข้าซะแล้วฟู่จาวหนิงดูอยู่พักหนึ่ง ต้นกำเนิดโรคคือครอบครัวของป้าหนิวหลังจากสังเกตก็พบว่าเฉินเซียงก็เริ่มมีไข้อ่อนๆแต่ว่าองครักษ์คนอื่นยังไม่ติด น่าจะเพราะเดิมทีองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เข้าใกล้พวกเขาแต่ยังต้องสังเกตต่อฟู่จาวหนิงให้องครักษ์หลายคนนั้นไปหาห้องพักพักผ่อนก่อน ส่วนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงต้องอยู่ที่ห้องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหมือนได้พักหายใจมาตอบคำถามฟู่จาวหนิงพอดี จากนั้นก็เป็นไข้จนมึนหัว จนไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติฟู่จาวหนิงคิดจะฉีดยาให้นาง แต่เฉินเซียงก็ไม่ยอมไปไหนอ
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี