"ของหวานในจวนอ๋อง นางไม่ค่อยอยากจะกินเท่าไรนัก"เซียวหลันยวนยังให้เฝิ่นซิงเอาขนมพุทราแดงจานนั้นส่งไปข้างๆ อันชิงเฝิ่นซิ่งถึงแม้จะยกขนมเข้าไป แต่ก็รีบนำอีกจานมาให้ฟู่จาวหนิงท่านอ๋องเองก็เกินไปแล้ว!นี่คิดจะทำอะไรกันแน่?หรือว่าจะรังเกียจที่พระชายากินขนมต่อหน้าแขกแล้วดูไม่งาม? แต่ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนของพวกเขา ไปทำตามกฎเกณฑ์เหล่านั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?พระชายาไม่ใช่ว่าสำคัญที่สุดหรือฟู่จาวหนิงปรบมือ นั่งตัวตรงนางมองออกแล้ว ว่าเซียวหลันยวนผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้กำลังโกรธอะไรนางอยู่แต่ว่านางไม่รู้ว่าตนเองไปยั่วโมโหอะไรเขา"ท่านอ๋องพูดมาถูกต้องแล้ว แม่นางอันเชิญทานเถิด"ใช่ สิ่งของของอ๋องเจวี้ยน นางไม่ได้อยากจะกินนักหรอก เห็นหน้ากากของเขาได้ยินคำพูดของเขาแบบนี้ นางเองก็กลัวอาหารจะไม่ย่อยอันชิงจะกินก็ไม่ได้ จะไม่กินก็ไม่ได้นางทำได้แค่มองไปทางพี่ชายตนเองอันเหนียนเปิดเอ่ยปากขึ้น"ท่านอ๋อง ครั้งนี้ข้าตั้งใจพาเสี่ยวชิงมาขอบคุณท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่ได้ท่านอ๋อง เสี่ยวชิงของบ้านข้าเกรงว่าจะเจอเรื่องอันตรายเข้าเสียแล้ว เสี่ยวชิง ขอบคุณท่านอ๋องเสียสิ"อันชิงลุกขึ้นยืนทันที เดินมาตรงกล
อันชิงนึกออกรางๆ หลังจากที่คลุมเสื้อคลุมอ๋องเจวี้ยนแล้ว นางก็เหมือนค่อยๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะไป นางยังจำความร้อนที่น่ากลัวในตัวตนเองได้หลังจากได้สติขึ้นมา นางก็รู้ว่านั่นคืออะไรถึงแม้ตระกูลอันจะไม่ได้มีความลับที่น่าละอายเหมือนบ้านหลังอื่นๆ แต่ในฐานะที่เป็นลูกสาวของขุนนาง มีบางเรื่องที่ผู้อาวุโสอย่างย่าหรือมารดาค่อยเสี้ยมสอนอยู่อันชิงหวาดกลัวอย่างมากในใจ ใจตุ้มต่อมถึงสามวันกว่าจะกล้าไปบอกกล่าวกับพี่ใหญ่อันเหนียนตอนนี้ยังจำได้อย่างชัดเจนตอนที่อันชิงบอกประโยคแรกกับเขานางบอกว่า "ท่านพี่ ข้าถูกกรอกยาสกปรกมา อ๋องเจวี้ยนหลังจากที่ช่วยข้าจากเงื้อมมือผู้ชายสกปรกคนนั้น ข้าก็ไม่ค่อยได้สติแล้ว ข้าไม่รู้ว่าตนเองทำเรื่องอะไรไม่เหมาะสมไปหรือไม่"แต่ว่าอ๋องเจวี้ยนช่วยชีวิตนางไว้จริงๆต่อมาโหวอาวุโสอี้น้อยปรากฎตัวก็น่าจะไม่ได้เอาเปรียบอะไรไปอันชิงตนเองนึกไม่ออกว่ายานั้นแก้ออกไปอย่างไรอันเหนียนเองก็กำลังคิด ว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไร ก็คืออ๋องเจวี้ยนช่วยนางเอาไว้จริงๆแต่หญิงสาวตระกูลอันไม่สามารถเป็นสนมได้จริงๆ เรื่องนี้เป็นกฎเหล็กของตระกูลอันถ้าหากอันชิงกลายเป็นภรรยาผู้น้อย หลังจากนี
อันเหนียนกลับทนไม่ไหว พ่นพรวดออกมาอันชิงตกใจจนถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่าเหมือนอยากจะหย่าร้างกับอ๋องเจวี้ยนเลยล่ะเซียวหลันยวนกัดฟัน"ฟู่จาวหนิง เจ้าอยากจะหย่าร้างกับข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?""หรือว่าที่ท่านอ๋องเรียกข้ามา ไม่ใช่จะให้ข้าถอนตัวจากตำแหน่งเองหรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงถลึงตาจ้องเขากลับไม่เช่นนั้น เพื่อเรื่องนี้ จะไปรับตัวนางกลับมาจวนอ๋องทำไมกันเซียวหลันยวนรู้สึกว่าหัวใจตนเองอึดอัดจนเจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้วเขาทั้งไอออกมาอีกหลายครั้ง มองไปทางอันชิง"ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าพี่น้องมีเป้าหมายอะไรกันแน่"เซียวหลันยวนยังสงสัยว่าอันเหนียนมาเพื่อบีบให้เขามอบตัวตนฐานะพระชายาหลักให้กับนาง ไม่เช่นนั้นก็คงจะสงสัยว่าเขากับอันชิงมีการแตะเนื้อต้องตัวกันลับๆ ไปเรียบร้อย แล้วต่อมายังเอาแต่เน้นว่าหญิงสาวตระกูลอันจะไม่เป็นสนม นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่?อันเหนียนลุกขึ้นยืน คารวะกับอ๋องเจวี้ยน "ท่านอ๋องกับพระชายาเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือจะเชิญท่านอ๋องเอ่ยกับคนนอกให้หน่อย ว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอันชิงเลย พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอันชิง""เดิมทีก็
"ดังนั้น ยาก็อาเจียนออกมาเกือบหมดแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะฝังเข็มให้กับท่าน แล้วก็ขับเหงื่อออกมาอีกสักหน่อย พอคุณสมบัติยาที่ตกค้างอยู่ถูกขับออกมาพร้อมเหงื่อ นางก็ไม่เป็นไรแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองอันชิง "วันนั้นเสี่ยวเถาช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า คนที่มาช่วยด้วยยังมีสาวใช้ของฟางซือฉิงแก้วตายาใจของผู้เฒ่าฟางจากนอกเมือง"อันชิงปิดปากร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ฮือๆ ดังนั้น ข้ายังไม่เป็นไรสินะ?""ไม่เป็นไร ช่วยเอาไว้ทันเวลาพอดี ยาเองก็ขับออกมาแล้ว เพียงแต่ว่า ช่วงนี้ท่านจะรู้สึกว่าอวัยวะภายในไม่ค่อยสบายนัก ร่างกายเองก็จะไม่ค่อยมีแรง นี่ล้วนเป็นปฏิกิริยาปกติ พักฟื้นหลายวันหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว"ฟู่จาวหนิงตอนที่พูดคุยกับคนไข้ น้ำเสียงจะอ่อนโยนขึ้นมากอย่างชัดเจนจุดนี้ขนาดอันเหนียนเองก็ยังสังเกตเห็น เขารู้สึกว่าฟู่จาวหนิงพอเทียบกับเมื่อครู่ ทำให้คนเกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างมากอันชิงอุดปากร้องไห้พูดว่า "ใช่ๆๆ ใช่เลย หลายวันนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก ข้า ข้าไม่กล้าบอกพี่ชาย ข้าคิดว่า"นางยังคิดว่านี่เป็นเพราะตนเองเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วเสียอีก เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า ตอนเพิ่งเสียความบริสุทธิ์ไ
"เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว" ฟู่จาวหนิงตบลงบนหลังอันชิงเบาๆเซียวหลันยวนมองนางไม่คิดว่าฟู่จาวหนิงจะอดทนต่ออันชิงขนาดนี้นางดีกกับคนอื่นเช่นนี้เลยหรือ?อย่าเฮ่อเหลียนเฟยคนนั้น แล้วก็ยังอันชิงคนนี้หรือว่าขอแค่ไม่ใช่เขา จะใครก็ได้นางล้วนปฏิบัติด้วยอย่างโยนหรือ? นางรู้สึกไปกับเขาไม่ได้เลยกระมัง?"อย่างไม่ปิดบังท่านอ๋อง พระชายา ด้านนอกมีคนกำลังกระจายข่าวลือแย่ๆ ของเสี่ยวชิง หลายคนก็พูดแตกต่างกันออกไป"ที่อันเหนียนพูดมาเพราะเขาไปสืบมาแล้ว"คนหนึ่งก็บอกว่าอันชิงกินยาลงไป ยาชนิดนี้ชื่อว่าใจละเมอ ด้านนอกเหมือนจะสืบหามาได้ ยาชนิดนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่"ใจละเมอ?"ข้าเคยได้ยิน"ฟู่จาวหนิงประคองอันชิงให้นั่งลง หงจั๋วพอเห็นว่าบ่าของนางถูกน้ำตาจนชื้นไปหมด ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ แม่นางอันทำไมถึงร้องไห้จนเสื้อผ้าพระชายาเปียกไปหมดเช่นนี้?ฟู่จาวหนิงไม่ใส่ใจอะไรเฝิ่นซิงจึงได้ยกของหวานเข้ามา วางไว้ข้างๆ ฟู่จาวหนิง"พระชายา ขนมพุทราแดงเจ้าค่ะ"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณผู้ชายคนนี้ คงจะไม่ยกขนมพุทราแดงของนางให้คนอื่นอีกแล้วกระมัง?"พระชายา ท่านกินเถิด จานี้เองให้ท่านด้วย"
ชายคนหนึ่งถูกทหารจวนอ๋องเจวี้ยนหิ้วเข้ามา โยนลงไปบนพื้นมืเท้าของดูบิดเบี้ยวอย่างประหลาดจากสายตาเฉพาะทางของฟู่จาวหนิง มือเท้าของเขาน่าจะถูกคนหักทิ้งตรงๆอันชิงพอเห็นหน้าตาของเขาสีหน้าก็เปลี่ยนไป หดตัวลงมาด้วยสัญชาตญาณฟู่จาวหนิงกุมมือนางไว้มั่น"ไม่ต้องกลัว"ถูกต้อง นางเองก็มองออกแล้ว ว่าชายคนนี้คือผู้ชายที่จะลงมือกับอันชิงบนเขาเมฆอรุณวันนั้น เจ้าคนปากแหลมหน้าตอบตอนนั้นเซียวหลันยวนแค่โยนเขาทิ้งไปข้างๆ นาเองก็คิดว่าต่อมาคงไม่มีใครไปสนใจเขาแล้วว่าจะเป็นหรือตาย คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนยังเอาคนไปลากตัวเขากลับมาด้วย"ท่านพี่ เป็นเขา เป็นเขา" อันชิงพูดกับอันเหนียนอันเหนียนหน้าเปลี่ยนสี มองไปทางเซียวหลันยวน"ยาเป็นเขาที่กรอกลงมา" เซียวหลันยวนให้คนไต่สวนมาจนชัดเจนแล้ว "แต่ว่า เขาไม่ได้เอ่ยถึงอี้ไห่ ข้าให้คนไปตรวจสอบ คนผู้นี้เป็นลูกลับๆ ของบ้านตระกูลต้วน บ้านตระกูลต้วนไม่ยอมรับเขา ไม่ยอมให้เขากลับไป พอเขาไปอยู่กับอี้ไห่ ตระกูลต้วนถึงรับตัวเขากลับ""เขารู้ว่าถ้าโพล่งชื่ออี้ไห่ออกมา ชีวิตเขาหลังจากนี้คงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ทั้งหมดจึงจะแบกไว้เอง""อี้ไห่ไม่ได้แตะใจละเมอ
เรื่องนี้ เป็นไปได้มากว่าเบื้องหลังองค์จักรพรรดิอาจจะสมรู้ร่วมคิดอยู่องค์จักรพรรดิ หลายปีมานี้ความลำเอียงดื้อรั้นขององค์จักรพรรดิหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงไม่ชอบ ขุนนางที่ไม่ค่อยจะเชื่อฟังเขาอย่างอันเหนียนอยู่แล้วน้ำตาอันชิงพรั่งพรูออกมา"พระชายา" อันเหนียนมองไปทางฟู่จาวหนิง "ถึงตอนนั้นก็ยังต้องให้พระชายาออกหน้า เพื่อยืนยันเรื่องการถอนพิษใจละเมอ"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า"ได้"ยืนยันความบริสุทธิ์ให้แก่สาวน้อยตัวเล็กอย่างอันชิง นางยินดีทำอยู่แล้วให้เจ้าขยะกำเริบอย่างอี้ไห่ประสบความสำเร็จ นางเองก็ทนดูไม่ได้เหมือนกันดูเอาเถอะ นางดีกับคนนอกเสียเหลือเกิน เรื่องอะไรก็รับปากเขาไปหมดเซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง เอ่ยขึ้นว่า "เจ้าคิดว่าพอเจ้าพูดคนอื่นก็จะเชื่อหรือ?"พี่น้องตระกูลอันตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงสายตาเหลี่ยมจัด เม้มฝีปากยิ้มขึ้นมา"จะทำให้คนเชื่อไม่ง่ายหรือ? พวกท่านแค่ไปทำตามแผนของพวกท่านก็พอ ส่วนเรื่องที่พิสูจน์ว่าใจละเมอสามารถถอนพิษได้ ยกให้ข้ามา"นางตบลงที่หน้าอกตัวเองพอเห็นท่าทางนี้ของนาง เซียวหลันยวนก็อดไอขึ้นมาไม่ได้หลังจากพี่น้องตระกูลอันจากไป ฟู่จาวหนิงก็เตรียมจะกลับแล้
เซียวหลันยวนมีหญิงในดวงใจหรือไม่ ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ได้อยากรู้นางจับชีพจรให้เขา ความคิดก็เปลี่ยนไปที่อาการป่วยของเขา"พิษนี้ของท่านต้องรีบขจัดออกให้ไวแล้ว""เลือดกวาง เจ้าทำเสร็จแล้วหรือ?"เซ๊ยวหลันยวนดูอึดอัด "เจ้าลืมไปหรือเปล่าว่าข้ากำลังรอเจ้าสกัดยามาให้?"ตอนนั้นที่ได้เลือดกวางมาก็ส่งไปให้นางจัดการเขายังคิดว่าหลังจากกลับเมืองหลวงนางจะรีบจำเลือดกวางมาให้เขาเสียอีก ผลลัพธ์คือรอมาหลายวันแล้วก็ยังไม่เห็นแม้เงาคนข่าวที่ได้รับมาจากตระกูลฟู่ คือเจ้าวันวันเอาแต่คอยรักษาอาการป่วยของท่านผู้เฒ่ากับหู่จือเฮ่อเหลียนเฟยผู้เฒ่าฟู่ยังว่าไปอย่าง ถึงอย่างไรก็เป็นปู่ของนาง นางจะเครียดและดูแลก็เรื่องปกติ แต่ว่าหู่จือล่ะ? เฮ่อเหลียนเฟยล่ะ?คนหนึ่งก็คนใช้ อีกคนหนึ่งก็คนนอกที่เก็บกลับมาจากภูเขา ล้วนจัดอยู่หน้าเขาทั้งหมด!เขารอมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีเลือดกวางส่งกลับมา!"เลือดวางคงไม่ได้ถูกเจ้าวางไว้จนเน่าเสียแล้วหรอกใช่ไหม?" เซียวหลันยวนมองนางเห็นได้ชัดว่านางรู้สึกผิดขึ้นมาแล้ว!ฟู่จาวหนิงรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กๆ จริงๆ พอผ่านเรื่องของจ้าวหรูจ้าวเฉินมา นางจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนเองยังเตรียมตัวไม่
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ