ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าท่านปู่คิดจะให้เฮ่อเหลียนเฟยอยู่ที่นี่ดูแปลกๆแต่ว่าก็ไม่ใช่จะเข้าใจไม่ได้ ผู้เฒ่าฟู่แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนจิตใจดีมีเมตตามาตลอด และเป็นคนใจกว้างด้วย ไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาะคงไม่ให้บ้านสองบ้านสามบ้านสี่เข้ามาพักในนี้"เช่นนั้นก็ให้เขาพักที่นี่ชั่วคราวแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ต้องดูแลจนขาของเฮ่อเหลียนเฟยฟื้นฟูมาระดับหนึ่งก่อนจึงจะดี ไม่เช่นนั้นเขาตอนนี้ที่ไม่รู้จักใครเลย ร่างกายก็ไม่มีใครดูแล ตกลงมาจากเตียงก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร"หลังจากนี้เขาจะเปลี่ยนชื่อเป็นฟู่เสี่ยวเฟย ท่านปู่ ท่านเองก็อย่าบอกใครถึงตัวตนของเขานะ""ฟู่เสี่ยวเฟย? ใช้สกุลเดียวกับพวกเราหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่นึกถึงชื่อนี้ รู้สึกว่าไม่ได้ดูองอาจอะไรเลย แต่ว่านี่ก็แค่ชื่อปลอมนี่นา บวกกับว่าเด็กคนนี้ก็ยังเล็ก ถ้าเรียกว่าเสี่ยวเฟยเสี่ยวเฟย ยังจะดูสนิทสนมยิ่งกว่า"ถูกต้อง ความต้องกายของเขา บอกว่าอยากจะใช้นามสกุลพวกเราไปก่อน""ได้ ได้ได้"ผู้เฒ่าฟู่เองก็ดูดีใจมากเฮ่อเหลียนเฟยพอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงยอมรับตนเองไว้ ก็ดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี"ถ้าไม่ใช่ว่าข้าขาหักอยู่ ข้าคงได้กระโดดสูงสา
"เช่นนั้นเจ้าก็ไปดูพวกเขาแล้วกัน บอกับพวกเขาให้ชัดเจน ถ้ายินยอมแล้วก็พามาดู""ขอรับ"เฉินซานดีใจมากตระกูลฟู่คนยิ่งเยอะ ก็ยิ่งอธิบายว่าเจ้านายเป็นคนดี ในบ้านมีคนที่คุ้นเคยกันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนบ้านมากขึ้น ไม่รู้สึกอ้างว้างอีกแล้ววันต่อมา เฉินซานก็พอคนมาที่บ้านถึงสี่คน มีสองคนดูแล้วเป็นชายหนุ่มกำยำล่ำสัน แล้วก็ยังมีคู่สามีภรรยาอายุเกือบจะสามสิบอีกคู่หนึ่งพวกเขาพอเห็นฟู่จาวหนิงก็ใจเต้นตุ้มต่อมภรรยาที่ชื่อป้าซิ่งคนนั้นมองฟู่จาวหนิงอย่างระมัดระวัง"เจ้าเคยได้ยินเรื่องของข้ามาแล้วสินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางป้าซิ่งตะลึงงันไปครู่หนึ่ง รีบร้อนคุกเข่าลงทันที ฟุ่จาวหนิงยื่นมือไปประคองนาง "ยืนพูดเถอะ ข้าไม่ใช่พวกเคร่งกฎเกณฑ์ที่เอะอะก็ให้คุกเข่า"ประโยคนี้ของนางทำให้ในใจหลายคนนี้ผ่อนคลายลงมาพวกเขากลัวว่าหลังจากขายตัวเป็ฯทาศแล้วจะไม่เหลือเกียรติใดๆ อยู่อีก วันๆ เอาแต่ต้องคอยผงกหน้าโค้งตัวหรือไม่ก็คุกเข่าไม่หยุด"คุณหนู ท่าน วันที่ท่านแต่งงานวันนั้น ข้าเองก็อยู่บนถนนด้วย"ป้าซิ่งพูดจนรู้สึกผิดอย่างมากฟุ่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาด"ดังนั้นเจ้าก็เห็นทั้งหมดแล้วสิ? เห็นว่าข้า
ตระกูลฟู่พอคนเพิ่มขึ้น ก็คึกคักขึ้นมาทันทีฟู่จาวหนิงเองก็เอาคนที่อายุน้อยที่สุดพาไปหาเฮ่อเหลียนเฟยคนผุ้นี้ก่อนหน้าเรียกว่าเอ้อร์โก่ว ตอนที่นางเอ่ยชื่อตนเองต่อหน้าฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ก็รู้สึกเขินๆและไม่รู้ว่าเพราะอะไร เรียกว่าเอ้อร์โก่วมาสิบเก้าปีแล้ว เขาก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขายหน้าอะไร แต่พอมาเรียกชื่อนี้ต่อหน้าคุณหนูที่หน้าตาสะสวยอย่างฟู่จาวหนิง เขาก็รู้สึกผิดต่อนางเล็กๆเอ้อร์โก่วรวบรวมความกล้าให้ฟู่จาวหนิงช่วยเปลี่ยนชื่อให้เขาในวันที่เขียนสัญญาเดิมทีก็ได้อยู่ เขาขายตนเองเข้ามาในบ้านตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงมีคุณสมบัติตั้งชื่อใหม่ให้เขาฟู่จาวหนิงตอนที่รู้ว่าอีกคนหนึ่งชื่อว่าชิวเซิง อีกคนหนึ่งชื่อชุนเจิ้ง จึงตั้งชื่อให้เขาว่าตงสือ"เสี่ยวเฟย คนนี้ชื่อว่าตงสือ หลังจากนี้เขาจะมาดูแลเจ้า มีเรื่องอะไรก็เรียกเขานะ"ตงสือตอนนี้รู้สึกพอใจกับชื่อของตนเองจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว"คารวะคุณชาย""แล้วก็ตงสือ หลังจากนี้ทุกวันเจ้าก็แบกข้าไปหาท่านปู่ทางนั้นนะ ตอนกลางวันข้าจะอยู่คุยกับท่านปู่" เฮ่อเหลียนเฟยตาเป็นประกายขึ้นมาเขาเดิมทีคิดว่าตนเองจะต้องเอาแต่นอนอยู่ในห้องเพื่อรักษาตัว
ดังนั้นเขาจึงไม่ละโมบกับของขวัญขอบคุณนี้"เป็นพระชายาที่ช่วยแม่นางอันไว้หรือ" ผู้ดูแลจงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเขาเมฆอรุณ แต่ท่านอ๋องในเมื่อพูดเช่นนี้ก็แสดงว่าไม่ผิดแล้ว "เช่นนั้นก็ง่ายหน่อย เดี๋ยวถึงเวลาข้าจะสั่งคนให้นำของขวัญขอบคุณนี้ไปมอบให้กระพระชายา"แค่กๆๆอ๋องเจวี้ยนกระแอมไออย่างรุนแรงขึ้นมาอีกครั้งผู้ดูแลจงพอเห็น ไม่ถูกหรือ?"หรือให้ข้าไปส่งเอง?" หรือว่าท่านอ๋องอยากจะพูดว่าจัดคนส่งเดชไปส่งมันไม่ดีกัน?ชิงอีมองท่านอ๋อง ในสมองก็แล่นวาบขึ้นมา เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนพอคลำเจอทางแล้ว แต่ยังจับไม่อยู่เท่านั้นตอนนี้เอง หงจั๋วที่ยชาเข้ามาก็อดแทรกขึ้นคำหนึ่งไม่ได้"ท่านอ๋อง ของขวัญขอบคุณไม่ใช่ว่าต้องมอบให้ต่อหน้าหรือ? ถ้าอย่างนั้น ข้าน้อยไปรับพระชายากลับมาจวนอ๋องดีไหมเจ้าคะ?"อ๋องเจวี้ยนตบลงที่หน้าอกตนเอง เหลือบมองนางผาดหนึ่ง "อืม ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล"หงจั๋วรีบวางชาลงข้างๆ "เช่นนั้นข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!"นางหมุนตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วอ๋องเจวี้ยนเหลือบมองผู้ดูแลผาดหนึ่ง "ยังตะลึงอะไรอีก รีบไปเตรียมรถม้าให้นางสิ""อ๋า? อ่า!ขอรับ!"ผู้ดูแลเองก็เข้าใจขึ้นมา รีบร้อนห
อันชิงเดิมทีไม่รู้ว่าควรจะคารวะฟู่จาวหนิงอย่างไร เพราะนางไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเป็นใคร ยิ่งไปกว่านั้นท่าทางของอ๋องเจวี้ยนต่อตัวนางก็ดูแปลกประหลาดเหลือเกินตอนนี้ได้ยินพี่ชายเรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางจึงรีบคารวะตามขึ้นมา"อันชิงคารวะอ๋องเจวี้ยน และพระชายา"ฟู่จาวหนิงถึงตามองเซียวหลันยวนผาดหนึ่ง "ไม่ต้องคารวะข้าหรอก"นางเองก็รู้สึกว่าตัวตนฐานะของนางในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ดูแปลกประหลาดหน่อยๆไม่ใช่เจ้านาย แต่ก็ไม่เหมือนเป็นแขกด้วย?เซียวหลันยวนให้พวกเขานั่งแล้ว นางก็เหมือนไม่มีคุณสมบัติที่จะแบกหน้าเจ้าบ้านหญิงบอกกับพวกเขาว่า "ทั้งสองเชิญนั่ง"ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนทำเหมือนไม่เห็นนางหรือ?อันเหนียนกับอันชิงเองก็รู้สึกว่าระหว่างอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนนี้ดูแปลกๆทั้งสองคนยืนมองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าถ้าตนเองไม่นั่ง พวกเขาที่เป็นแขกก็คงจะนั่งไม่ได้ จึงเดินตึงตังไปนั่งลงที่นั่งของราชครูข้างๆ เซียวหลันยวนอันเหนียนกับอันชิงพอเห็นว่านางนั่งแล้ว ทั้งสองคนจึงลอบถอนหายใจออกมา แยกกันนั่งลงหงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็รีบส่งน้ำชาร้อนเข้ามาใหม่อย่างรวดเร็วเฝิ่นซิงยังยกของหวานมาด้วย
"ของหวานในจวนอ๋อง นางไม่ค่อยอยากจะกินเท่าไรนัก"เซียวหลันยวนยังให้เฝิ่นซิงเอาขนมพุทราแดงจานนั้นส่งไปข้างๆ อันชิงเฝิ่นซิ่งถึงแม้จะยกขนมเข้าไป แต่ก็รีบนำอีกจานมาให้ฟู่จาวหนิงท่านอ๋องเองก็เกินไปแล้ว!นี่คิดจะทำอะไรกันแน่?หรือว่าจะรังเกียจที่พระชายากินขนมต่อหน้าแขกแล้วดูไม่งาม? แต่ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนของพวกเขา ไปทำตามกฎเกณฑ์เหล่านั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?พระชายาไม่ใช่ว่าสำคัญที่สุดหรือฟู่จาวหนิงปรบมือ นั่งตัวตรงนางมองออกแล้ว ว่าเซียวหลันยวนผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้กำลังโกรธอะไรนางอยู่แต่ว่านางไม่รู้ว่าตนเองไปยั่วโมโหอะไรเขา"ท่านอ๋องพูดมาถูกต้องแล้ว แม่นางอันเชิญทานเถิด"ใช่ สิ่งของของอ๋องเจวี้ยน นางไม่ได้อยากจะกินนักหรอก เห็นหน้ากากของเขาได้ยินคำพูดของเขาแบบนี้ นางเองก็กลัวอาหารจะไม่ย่อยอันชิงจะกินก็ไม่ได้ จะไม่กินก็ไม่ได้นางทำได้แค่มองไปทางพี่ชายตนเองอันเหนียนเปิดเอ่ยปากขึ้น"ท่านอ๋อง ครั้งนี้ข้าตั้งใจพาเสี่ยวชิงมาขอบคุณท่านอ๋อง ครั้งนี้ไม่ได้ท่านอ๋อง เสี่ยวชิงของบ้านข้าเกรงว่าจะเจอเรื่องอันตรายเข้าเสียแล้ว เสี่ยวชิง ขอบคุณท่านอ๋องเสียสิ"อันชิงลุกขึ้นยืนทันที เดินมาตรงกล
อันชิงนึกออกรางๆ หลังจากที่คลุมเสื้อคลุมอ๋องเจวี้ยนแล้ว นางก็เหมือนค่อยๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะไป นางยังจำความร้อนที่น่ากลัวในตัวตนเองได้หลังจากได้สติขึ้นมา นางก็รู้ว่านั่นคืออะไรถึงแม้ตระกูลอันจะไม่ได้มีความลับที่น่าละอายเหมือนบ้านหลังอื่นๆ แต่ในฐานะที่เป็นลูกสาวของขุนนาง มีบางเรื่องที่ผู้อาวุโสอย่างย่าหรือมารดาค่อยเสี้ยมสอนอยู่อันชิงหวาดกลัวอย่างมากในใจ ใจตุ้มต่อมถึงสามวันกว่าจะกล้าไปบอกกล่าวกับพี่ใหญ่อันเหนียนตอนนี้ยังจำได้อย่างชัดเจนตอนที่อันชิงบอกประโยคแรกกับเขานางบอกว่า "ท่านพี่ ข้าถูกกรอกยาสกปรกมา อ๋องเจวี้ยนหลังจากที่ช่วยข้าจากเงื้อมมือผู้ชายสกปรกคนนั้น ข้าก็ไม่ค่อยได้สติแล้ว ข้าไม่รู้ว่าตนเองทำเรื่องอะไรไม่เหมาะสมไปหรือไม่"แต่ว่าอ๋องเจวี้ยนช่วยชีวิตนางไว้จริงๆต่อมาโหวอาวุโสอี้น้อยปรากฎตัวก็น่าจะไม่ได้เอาเปรียบอะไรไปอันชิงตนเองนึกไม่ออกว่ายานั้นแก้ออกไปอย่างไรอันเหนียนเองก็กำลังคิด ว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไร ก็คืออ๋องเจวี้ยนช่วยนางเอาไว้จริงๆแต่หญิงสาวตระกูลอันไม่สามารถเป็นสนมได้จริงๆ เรื่องนี้เป็นกฎเหล็กของตระกูลอันถ้าหากอันชิงกลายเป็นภรรยาผู้น้อย หลังจากนี
อันเหนียนกลับทนไม่ไหว พ่นพรวดออกมาอันชิงตกใจจนถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่าเหมือนอยากจะหย่าร้างกับอ๋องเจวี้ยนเลยล่ะเซียวหลันยวนกัดฟัน"ฟู่จาวหนิง เจ้าอยากจะหย่าร้างกับข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?""หรือว่าที่ท่านอ๋องเรียกข้ามา ไม่ใช่จะให้ข้าถอนตัวจากตำแหน่งเองหรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงถลึงตาจ้องเขากลับไม่เช่นนั้น เพื่อเรื่องนี้ จะไปรับตัวนางกลับมาจวนอ๋องทำไมกันเซียวหลันยวนรู้สึกว่าหัวใจตนเองอึดอัดจนเจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้วเขาทั้งไอออกมาอีกหลายครั้ง มองไปทางอันชิง"ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าพี่น้องมีเป้าหมายอะไรกันแน่"เซียวหลันยวนยังสงสัยว่าอันเหนียนมาเพื่อบีบให้เขามอบตัวตนฐานะพระชายาหลักให้กับนาง ไม่เช่นนั้นก็คงจะสงสัยว่าเขากับอันชิงมีการแตะเนื้อต้องตัวกันลับๆ ไปเรียบร้อย แล้วต่อมายังเอาแต่เน้นว่าหญิงสาวตระกูลอันจะไม่เป็นสนม นี่มีเป้าหมายอะไรกันแน่?อันเหนียนลุกขึ้นยืน คารวะกับอ๋องเจวี้ยน "ท่านอ๋องกับพระชายาเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือจะเชิญท่านอ๋องเอ่ยกับคนนอกให้หน่อย ว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอันชิงเลย พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอันชิง""เดิมทีก็
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ