"ดี พวกเจ้าทำตัวดีมาก!"จ้าวหรูเห็นคนมากมายอยู่ทางผู้เฒ่าซุน ก็รู้ว่าเลยว่าตนเองช่วงสั้นๆ นี้ยังทำได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถเล่นงานคนมากมายพวกนี้ได้แน่หลังจากกลับบ้านนางจะไปหาบิดานาง ถึงตอนนั้นพอบิดานางลงมือ จะต้องทำให้สกุลซุนแบกรับผลที่ตามมาแน่!"สกุลซุนเอ๋ย เจ้าหวงแหนวันเหล่านี้เอาไว้เถอะ" จ้าวหรูมองผู้เฒ่าซุน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กดเสียงต่ำพูดว่า "ถ้าข้าเล่นงานพวกเจ้าให้บ้านแตกสาแหรกขาดไม่ได้ ข้าก็ไม่ใช่สกุลจ้าว"บิดานางมีวิธีการอยู่คิดว่าจะปิดแค่เรือนรับรองเดียวได้หรือไรกัน?ผู้เฒ่าซุนสีหน้าเปลี่ยนเขาเดิมทีคิดว่ากลับไปแล้วจะรีบเตรียมของกำนัลชิ้นใหญ่ไปตระกูลจ้าวแล้วขอขมากับนายท่านจ้าวเสีย แต่ขอแค่ปกป้องฟู่จาวหนิงได้ การปลดปลงเรื่องในวันนี้ ก็ถือว่าคุ้มแล้วแต่ว่าเขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวหรูอายุก็แค่นี้ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมเสียขนาดนี้!โมโหเสียใหญ่โตกับเรื่องเล็กแค่นี้ คิดจะทำให้เขาบ้านแตกสาแหรกขาดหรือ?!"คุณหนูจ้าว"ผู้เฒ่าซุนคิดจะพูดอะไร แต่จ้าวหรูก็โมโหหมุนตัวจากไปแล้ว"พวกเราไป! เรือนรับรองเน่าๆ นี้พวกเราไม่ต้องอยู่มันแล้ว!"เหล่าคุณชายคุณหนูที่ติตดามนางเหล่านั้นมองไปที่ผู้เฒ่าซุน
"ขอบคุณทั้งสองท่านมากที่เตือนข้า"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขอบคุณกับคุณหนูหน้าตาสะสวยกับคุณชายคนนั้นพวกเขาล้วนโบกไม้โบกมือ จากนั้นก็รีบขอตัวออกไปถึงแม้พวกเขาจะมาพูดกับฟู่จาวหนิงไม่กี่คำ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าอยู่ใกล้ฟู่จาวหนิงมากนัก เดี๋ยวจ้าวหรูรู้เข้า จะถูกนางจดบัญชีแค้นขึ้นมาเอา"พวกเจ้าก็ไปทำงานเถอะ วางใจได้ ต่อให้ฟ้าทลายลงมาข้าก็ค้ำเอาไว้ให้ นายท่านจ้าวไม่ทำอะไรพวกเจ้าหรอก"ผู้เฒ่าซุนยิ้มขืนโบกไม้โบกมือ ให้พวกพนักงานไปทำงานซุนกุ้ยยังไม่ยอมไป เขาเป็นผู้ดูแลที่นี่ และเป็นคนสนิทของผู้เฒ่าซุน ถ้าเรื่องราวยังไม่คลี่คลายเขาก็ยังไม่มีกะจิตกะใจไปทำงานหรอกโดยไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูดอะไร ผู้เฒ่าซุนกลับเอ่ยขึ้นเชิงขอโทษกับฟู่จาวหนิง "คุณหนูฟู่ ข้าคนนี้แม้ในมือจะมีเงินอยู่บ้าง เส้นสายไม่ได้กว้างขวาง แต่ว่าเรื่องนี้ก็ปกป้องไว้ไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ข้ายังพอกัดฟันขวางจ้าวหรูไว้ได้"เขาถอนหายใจ แต่ก็ดูจำใจ"แต่ว่าท่านเมื่อครู่ก็ได้ยินแล้ว จ้าวหรูโหดเหี้ยมเสียขนาดนี้ พอกลับถึงเมืองหลวง นางจะต้องลงมือกับท่านแน่ ถึงตอนนั้นข้าก็ไมมีความสามารถทำอะไรได้แล้ว ท่านรีบคิดหาวิธีเถอะ"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าแม้
กลุ่มคนถึงแม้จะยังอารมณ์ดำดิ่ง และยังกังวลอย่างมาก แต่ท้องก็หิวแล้วนี่ พอได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซุนจึงเอาเรื่องวางไว้ก่อน แล้วลงมือกินแพะย่างขึ้นมาฟู่จาวหนิงกินอย่างพออกพอใจ แต่คนอื่นกลับกินไม่ค่อยรู้รสนักพอกินแพะย่าง ฟู่จาวหนิงถึงได้พูดกับเรื่องที่ถูกตัดบทไปก่อนหน้านี้กับผู้เฒ่าซุนความล้ำค่าของวัตถุดิบยานั้นหลังจากผู้เฒ่าซุนได้ยินก็ตาเป็นประกาย ถามขึ้นทันที "คุณหนูฟู่ หญ้าสมุนไพรนี้ล้ำค่ามากจริงหรือ?""ถูกต้อง ถ้าหากมาใช้สกัดยา สมุนไพรนั่นก็มีมูลค่ามากเลยทีเดียว""เอ่อ ข้าพูดว่าถ้าหากนะ" ผู้เฒ่าฟู่รู้สึกว่าตนเองหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว "ถ้าข้าเอาสมุนไพรพวกนี้มอบให้กับนายท่านจ้าว ท่านว่านายท่านจ้าวจะเห็นแก่ยาแล้วไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราไหม?"เขาเดิมทีคิดว่าถ้าส่งไปแค่เงินเท่านั้น นายท่านจ้าวคงจะไม่พอใจแน่ จากที่เขารู้ นายท่านจ้าวปกติเงินที่รับมาก็ไม่น้อยเลยและถ้ารับเงินของเขาไปแล้ว แต่ยังคิดจะระบายโกรธแทนจ้าวหรูมาอีกล่ะจะทำอย่างไร?เงินน่าจะไม่ได้สำคัญกว่าลูกสาวกระมัง?แต่ถ้าหากส่งยาสมุนไพรล้ำค่าให้เขา เวลาจำเป็ฯยังสามารถนำมาช่วยชีวิตตัวนายท่านเจ้าเองได้ เขาคงจะหวั่นไหวเป็น
เพียงแต่ลืมโศกพิษนี้ยังขาดวัตถุดิบยาอีกสองชนิดฟู่จาวหนิงคิดถึงเรื่องที่หมอซุนไปพบวัตถุดิบยาล้ำค่าที่หลังเขาก่อนหน้าา หลังเขาทางนั้นเป็นไปได้ว่าจะมีสมุนไพรยาชนิดอื่นอยู่ด้วยกระมัง?สมุนไพรพิษสองชนิดที่นางขาดอยู่ไม่ได้หายากมาก ไม่แน่ว่าอาจจะหาเจอจากในเขาด้วยฟู่จาวหนิงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ตอนฟ้ายังไม่สางจะขึ้นเขาไปหาสมุนไพรพิษเฉินซานไม่นานก็กลับมาแล้ว แล้วยังหาจุดที่จ้าวหรูไปได้ด้วย"คุณหนู จ้าวหรูพวกเขาตอนนี้พักอยู่ที่เรือนรับรองตะวันออก ข้ายังได้ยินมาว่า ท่านอ๋องเจวี้ยนตอนบ่ายจะเข้าป่าไปล่าสัตว์ด้วย ไปด้วยกันกับรัฐทายาทน้อยเจียงอวี้"เฉินซานสีหน้าไม่ดีเอามากๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังดูกังวลต่อฟู่จาวหนิงมาก"คุณหนูหลินกับจ้าวหรูเหมือนจะเป็นเพื่อนกัน พวกนางก่อนหน้านี้เหมือนทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ดีกันแล้ว คุณหนูหลินกับแม่นางอีกหลายคนล้วนพูดถึงแต่อ๋องเจวี้ยน บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะแย่งราชันกวางตัวนั้นมาได้ เพราะพอได้ราชันกวางก็จะเท่ากับได้ที่หนึ่งของการแข่งล่าสัตว์""ที่หนึ่ง?"ฟู่จาวหนิงรู้เรื่องการแข่งล่าสัตว์ แต่นางคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะสนใจเข้าร่วมด้วยร่างกายพังๆ ของเขานั่น ยังกล้าเข้
"ซวยจริงๆ! ของดีก็ล่ามาไม่ได้ แล้วยังมาเจอกับเจ้าพวกหน้าไม่อายอีก!""นั่นสิ แย่งของที่เราล่ามาไปย่างกินหมดเลย พวกเราถ้ากลับไปมือเปล่าอย่างนี้ เจ้าพวกนั้นได้หัวเราะกันฟันหักเลยกระมัง?""ข้าตอนนี้กลับหวังให้รัฐทายาทเซียวชนะเสียแล้ว ถึงแม้พวกเราปกติจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับรัฐทายาทน้อยเจียงนัก แต่อย่างน้อยก็ยังใจคอกว้างขวางตรงไปตรงมา ดีกว่าพวกจ้าวเฉินเยอะเลย""ผู้ชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างๆ รัฐทายาทน้อยเจียงคนนั้นคือใครกัน? คนนั้นรู้สึกว่าฝีมือยิงธนูจะดีมากเลย จะล่าราชันกวางตัวนั้นได้จริงไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงไปแล้วพอเข้ามาก็ได้ยินข่าวของเซียวหลันยวนเลยหรือ?วิชายิงธนูของเขาดีมาก?เมื่อคืนเซียวหลันยวนอยู่ในป่านี้หรือ ผู้ชายคนนั้นไม่กลัวตายเลยจริงๆ ร่างผุพังของเขา ในภูเขานี้แค่ลมเย็นวูบหนึ่งก็เอาเขาไปได้ครึ่งชีวิตแล้ว"จะมีราชันกวางอยู่จริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่เลย"ในภูเขานี้ถ้ามีราชันกวางอยู่จริง นั่นก็เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวฟุ่จาวหนิงหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว ผู้เฒ่าซุนไม่ใช่เคยพูดไว้แล้วหรือ เขาได้หญ้าสมุนไพรนั้นมาก็เพราะเห็นราชันกวางกำลังกินอยู่ บางทีพวกเขาคงจะได
ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ถูกต้อง ย้ายไปที่อีกกิ่งไม้หนึ่งนางเพิ่งย้ายที่ เสียงฉึกก็ดังขึ้น ลูกธนูดอกหนึ่งแทงเข้าไปยังจุดที่นางนั่งอยู่เมื่อครู่ แทงเข้าไปบนกิ่งไม้นี่คือจะเอาชีวิตนางเลย!ฟู่จาวหนิงใจเย็นวาบ ไฟโกรธก็พุ่งขึ้นมาอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่ามีความแค้น เพราะนางส่งเสียงเตือนพวกเขา ดังนั้นอีกฝ่ายจึงรู้สึกว่านางทำลายแผนร้ายของพวกเขา จึงคิดจะเก็บนางก่อนหรือ?ลู่ทงเห็นฉากนี้จากใต้ต้นไม้ โมโหจนกระโจนตัวขึ้นมา"แม่หญิงระวังด้วย!"ฟู่จาวหนิงกระโจนลงมาจากต้นไม้ รีบเดินเข้าไปด้านหลังต้นไม้ข้างๆ ต้นหนึ่งลู่ทง เองก็เพิ่งเห็นหน้าตาของนางชัด คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่ร้องช่วยชีวิตพวกเขาไว้จะอายุยังน้อยหน้าตาสะสวยเพียงนี้เขาชักกระบี่ออกมา ร้องอย่างโกรธเคืองไปทางที่ธนูยิงมา "หนูอย่างพวกเจ้า! เป็นแต่ลอบกัดหรอกหรือ? พวกข้าไปขุดศาลบรรพบุรษพวกเจ้าหรือไปเผาหลุมศพบ้านเจ้ามาหรือไรกัน?"อาวุธลับชิ้นหนึ่งพุ่งฟิ้วเข้ามาทางเขาอีกครั้ง เขาเบนหลบไปข้างๆ อาวุธลับชิ้นนั้นแฉลบผ่านหน้าเขาไปนี่ทำเขาโกรธจริงๆ แล้วคนอื่นเองก็โกรธมาก"เจ้าพวกลูกหลานเต่า! พวกเราจะลุยกับพวกเจ้าแล้ว!""ลุยเลย!"ลู่ทงถือกระบี
ฟู่จาวหนิงรีบเดินออกไป กระชากผ้าปิดหน้าของเขาออกเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งนางค้นความทรงจำ เป็นคนที่เขาไม่รู้จักดูท่าจะเพราะนางเพิ่งจะเตือนพวกลู่ทงไปจริงๆ พังแผนการพวกเขาไป ถึงได้มาแก้แค้นเพื่อนจะปิดปากพวกเขาทำเช่นนี้กลับยิ่งทำให้ฟู่จาวหนิงยืนยันว่าการช่วยพวกลู่ทงไว้ไม่ใช่เรื่องผิดนางเตะผู้ชายที่ถูกพิษเล่นงานจนมึนไปสลบไปแล้วทีหนึ่ง"อ๊าๆๆ เจ้าลูกหลานเต่าข้าไม่มีแรงแล้ว!""เจิ้งหยางรีบช่วยข้าเร็ว"เสียงร้องของลู่ทงดังขึ้นมาตลอดฟู่จาวหนิงมองออกไป และเห็นว่าลู่ทงถูกคนปิดหน้าสองคนบีบโจมตี ส่วนเขาก็กำลังต่อต้านอย่างเต็มกำลัง จะโต้คืนนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาถูกเล่นงานจนเกือบไม่เหลือพลังออกกระบวนท่าแล้วเจิ้งหยางชายหนุ่มคนนั้นก็พุ่งออกมาด้วยเช่นกัน แต่เขาก็กำลังรับมือกับคนโพกหน้าอีกสองคน ไม่สามารถแบ่งตัวออกมาช่วยลู่ทงได้"เจ้าบ้านี่!" เจิ้งหยางกัดฟันร้อง "ต้องเป็นเจ้าแน่ที่หลายวันก่อนหน้าไปแย่งชิงสาวงามของชาวบ้านเขามา จนพวกเขาผูกใจเจ็บ มาคิดบัญชีกับเจ้า!"ลู่ทงใช้กระบี่มาขวางดาบของคนโพกหน้าคนหนึ่งไว้ จากนั้นก็กลิ้งออกไปข้างๆ อย่างซมซาน ฉากหลบการโจมตีจากด้านหลังของอีกคนห
คนอื่นๆ มุมปากล้วนกระตุก สีหน้าเหมือนยากจะอธิบายได้ด้วยคำเดียว"เจ้าเปลี่ยนเสียหน่อยไม่ได้หรือ?""ไม่เปลี่ยน เอาเช่นนี้ล่ะ" ลู่ทงยืนหยัด"เอาล่ะ พวกเราขอลั่นคำสาบาน" พวกของเจิ้งหยางล้วนสาบานขึ้นมาฟู่จาวหนิงพยักหน้า"เช่นนั้นก็เท่านี้เถิด ข้าจะไปแล้ว""ฟู่จาวหนิง ท่านจะขึ้นเขาหรือ?" ลู่ทงรีบร้อนเรียกนาง จากนั้นก้ตบลงที่ศีรษะของตนเอง "ข้านี่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ท่านตอนนี้เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของพวกเรา พวกเตาต้องนอบน้อมต่อท่านสิ!"ลู่ทงคนนี้ดูแล้วอายุก็น่าจะเพิ่งสิบเจ็ดสิบแปดปี คนอื่นๆ เองก็อายุใกล้เคียงเขา ฟู่จาวหนิงดูแล้วอายุน้อยกว่าพวกเขาหน่อยหนึ่งแต่พวกเขาคงไม่เรียกว่าน้องหญิงหรอกกระมัง?นี่มันนอบน้อมตรงไหน? เอาเปรียบนางชัดๆลู่ทงก็เฉลียวฉลาด "พวกเราหลังจากนี้จะเรียนท่านพี่ใหญ่! ชีวิตของพวกเราล้วนเป็นของท่านแล้ว หลังจากนี้ท่านมีเรื่องอะไรก็มาหาพวกเราได้เลย!"ฟู่จาวหนิงเหงื่อตกพี่ใหญ่?นางคิดถึงชื่อเรียกที่มีคนเรียกนางตอนอยู่ในกลุ่มก่อนหน้า บอกว่า "บางทีพวกเราสามารถเรียกท่านว่าลูกพี่หนิงได้""ลูกพี่หนิง?"พวกของลู่ทงล้วนไม่เข้าใจเอาเสียเลย นางเป็นหญิงสาวที่งดงามขน
เขามองนาง ราวกับมองคนโง่คนหนึ่ง"เหยาเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้ายังคิดจะชิงดีชิงเด่นกับฟู่จาวหนิงอยู่อีกหรือ?""อะไรคือข้าไปชิงดีชิงเด่นกับนางกัน? เดิมทีข้าก็เก่งกว่านางอยู่แล้ว คู่หมั้นของนางข้าบอกจะแย่งก็แย่งมาได้ นางไล่ตามเซียวเหยียนจิ่ง อ้อนวอนอยู่หลายปี ผลลัพธ์ก็ยังแพ้ให้ข้านี่?""นางไม่ต้องการเซียวเหยียนจิ่งตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางเป็นถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนปฏิบัติกับนางราวกับจันทร์ส่องแสง!""แล้วมันทำไมกัน? ท่านพ่อ ท่านออกจากบ้านไปตั้งนาน ยังไม่ได้ยินข่าวหรือ? ครึ่งปีก่อน มีคนเห็นใบหน้าของอ่องเจวี้ยน หน้ากากของเขาถูกกระชากออก เผยให้เห็นใบหน้าแท้จริง น่ากลัวขนาดไหนท่านรู้ไหม?"หลี่จื่อเหยาถูกขังอยู่ในเรือนหลังไม่ได้รับข่าวอะไรมาตลอด ข่าวจึงล่าช้าไปตั้งไม่รู้นานเท่าไรแล้วแต่ว่าพูดถึงเรื่องนี้ก็ยังขึ้นมาก็ค่อนข้างจะตื่นเต้นอยู่ "ท่านพ่อ ท่านยังไม่รู้กระมัง? คนในเมืองหลวงล้วนกำลังพูดกันว่า อ๋องเจวี้ยนมีหน้าเหมือนผีเลย! แล้วยังมีเด็กเ,้กตั้งหลายคนพอได้ยินชื่อของเขาก็ตกใจจนร้องไห้จ้า! เขาตอนนี้ออกจากบ้านก็ยังต้องใส่นห้ากากอยู่ใช่ไหมล่ะ? ท่านคิดว่า ฟู่จาวหนิงจะชอบเขาได้หรือ?""นาง
หมอเทวดาหลี่สองวันนี้ก็เอาแต่ค้นคว้าว่าจะรักษาโรคนี้อย่างไรอยู่ตลอดอันที่จริงมันก็โรคเพศสัมพันธ์นี่นะ เขารู้สึกว่าไม่ใช่จะรักษาไม่ได้แต่ปัญหาคือ ชนิดนี้ดูจะแตกต่างกับโรคเพศสัมพันธ์ที่เขาเคยพบสมัยก่อนยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น..."ให้ตายเถอะ ทำไมพอติดโรคนี้แล้วถึงเน่าขึ้นมานะ?"นี่เป็นจุดที่เขาคิดไม่ตก ต่อให้เป็นโรคเพศสัมพันธ์จริงก็ไม่ได้รวดเร็วขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นยังแค่สองวันเอง บนหน้าหลี่จื่อเหยาก็เน่าไปรุนแรงขนาดนี้แล้ว เห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยเดิมทีคิดว่าแค่บนหน้าเท่านั้น ถ้าหากต้องไปพบคนทาแป้งหนาหน่อย ก็ยังปกปิดไว้ได้แต่ตอนนี้ผ่านไปสองวัน จุดที่เน่าเผื่อยก็ขยายกว้างขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเน่าอย่างรุนแรงด้วย พอเห็นแล้วก็น่ากลัวมาก!"นายท่าน พระชายารัฐทายาทกำลังเขวี้ยงข้าวของแล้ว ทำอย่างไรดี?" สาวใช้เข้ามารายงานหมอเทวดาหลี่พอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดไปหมด"นางทำอะไรอีกล่ะ?""นางส่องกระจก พอเห็นหน้าตัวเอง" คงจะรับไม่ได้ ดังนั้นเลยโมโหขึ้นมาสาวใช้ไม่ได้พูดครึ่งหลังหมอเทวดาหลี่รีบไปที่เรือนหลังประตูเปิดอยู่ แต่เขาก็ยืนที่ประตูไม่ได้เข้าไปพอเหลือบมองเข้าไปก็เห็
ฟู่จาวหนิงตอนไปถึงที่พักของซุนจู้ ข่าวหนึ่งก็ส่งมาถึงมือของเซียวหลันยวนชินอ๋องเซียว ตายแล้ว"ตายแล้วหรือ?"พริบตาที่เซียวหลันยวนได้รับข่าวนี้รู้สึกงงงันไป"ขอรับ เรือนที่ชินอ๋องเซียวพักอยู่นั่น ชาวนาที่คอยปรนนิบัติเขาอยู่ไม่ได้เข้าไปในห้องเขาสองวันแล้ว คนอขงพวกเราเห็นว่าวันนี้เข้าปิดปากปิดจมูกผลักประตูเข้าไป แต่พอประตูเปิดออกแล้วเห็นสภาพในห้อง ก็กรีดร้องวิ่งถอยออกมาแล้ว"ชินอ๋องเซียวน่าจะไม่มีคนสนใจ คิดจะลุกขึ้นมาดื่มน้ำ แต่ว่าพลัดตกลงมาจากเตียงแล้วไม่มีแรงปีนขึ้นไปแล้วก็ตายไปด้วยท่าทางประหลาดพังพาบอยู่ข้างเตียงพอประตูนั่นเปิดออก ตอนที่ลมพัดมาทางนั้นก็นำกลิ่นเน่าเหม็นชวนอาเจียนตามมาด้วย"ข่าวส่งไปถึงเซียวเหยียนจิ่งหรือยัง?""ส่งออกไปแล้วขอรับ เซียวเหยียนจิ่งน่าจะใกล้ได้ข่าวแล้ว""ส่งข่าวนี้ไปที่วังด้วย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเขาจะไม่ให้โอกาสเซียวเหยียนจิ่งได้ลุกขึ้นมาอีกพวกเขาตอนแรกคิดจะใช้สิ่งนี้เล่นงานเขา ตอนนี้ก็รับกรรมตัวเองไป เขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แน่นอนว่าไม่มีการเห็นใจแม้แต่น้อย"่ขอรับ""ท่านอ๋อง เฝิ่นซิงมีเรื่องมารายงาน""นางไม่ใช่ไปกับพระชายาหรือ? ให้นาง
"พระชายา ข้าน้อยจะตามท่านไปด้วย""ฟังคำสั่ง"ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางต้องปฏิเสธอีก ให้นางกลับไปที่จวนอ๋องก่อนตอนที่ต่งฮ่วนจือเข้ามาเฝิ่นซิงก็กำลังจะออกไป เขาหลีกทางให้ หันหน้ามองไปยังซุนจู้ที่ถูกมัดอยู่พอเห็นรอยเน่าเปื่อยบนใบหน้าซุนจู้ ใจของเขาก็ขรึมลงมา"ศิษย์น้องหญิง คนคนนี้...""อืม ตรวจอาการแล้ว ศิษย์พี่รองอย่าเข้ามาใกล้เขา""แล้วตอนนี้จะจัดการอย่างไร? ส่งเขาให้กับจวนทางการหรือ?" ต่งฮ่วนจือก็ไม่เดินเข้ามาใกล้จริงๆ"พวกท่านส่งข้าให้จวนทางการไม่ได้นะ ข้าจะพาไป ข้าจะพาพวกท่านไปจับแม่นางเฉี่ยวทั้งสองคน" ซุนจู้ร้องขึ้นมา"เจ้าหุบปากเถอะ"ฟู่จาวหนิงไม่รู้สึกดีด้วยกับซุนจู้คนนี้เลยผู้ชายที่ไร้น้ำใจไร้ความซื่อสัตย์และไร้คุณธรรม"แม่นางเฉี่ยวทั้งสองคนคือใครอีกล่ะนั่น?" ต่งฮ่วนจือมองฟู่จาวหนิง "เจ้าจะให้เขาพาไปไหน? ศิษย์น้องหญิง เขาเป็นคนป่วย แต่เจ้าก็ยังจะไปกับเขาหรือ?""เขาคือคนป่วย ข้าคือหมอ""แล้วเจ้าก็ยังเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนด้วย ศิษย์น้องหญิง มีคนป่วยบางคนไม่คู่ควรให้เจ้าไปรักษาอยู่นะ ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้เจ้าจะเป็นหมอ แต่สำคัญที่สุดคือต้องดูแลความปลอดภัยของตนเองก่อน"ไม่อ
"ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่ป่วยหนัก เขายังนอนอยู่กับเขาตั้งหลายวัน อาบน้ำด้วยกัน แต่หลังจากเขาป่วยก็จะให้ข้ามาคอยปรนนิบัติรับใช้ ข้าก็ไม่ชอบใจ เลยไปหางานทำที่แถวริมแม่น้ำ ออกไปหลายวันอยู่""ต่อมาพอใกล้จะสิ้นปี ข้าก็กลับเมืองหลวงมาหาเขา กลับพบว่าในบ้านเขาไม่มีคนแล้ว เดิมทีเขาเป็นพวกที่ชอบไปเตร่ตามบ่อนพนันอยู่ทุกวัน เพื่อนบ้านล้วนรังเกียจเขา หลีกห่างจากเขา ดังนั้นเขาหายตัวไปหลายวันจึงไม่มีใครรู้""ตอนที่ข้าเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน หาตัวอยู่สองวันก็ไม่เจอ ข้าเองก็ไม่สนใจแล้ว จึงพักอยู่ที่บ้านเขาไปเลย ตอนปีใหม่มีคนมาที่บ้านเขา พูดจาน่าสงสารแล้วยังไม่มีที่ไปอีก ข้า ข้าเลยให้อยู่ที่บ้าน ถือว่าทำดี"ซุนจู้พูดถึงตรงนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมา จึงถามไปคำหนึ่ง "ใครกัน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?"ซุนจู้เดิมทีก็ไม่อยากตอบ แต่ชีวิตเขาตอนนี้อยู่ในกำมือฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่กล้าที่จะไม่ตอบเหมือนกัน"ผู้ ผู้หญิง เป็นแม่ลูกคู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้น้องชายญาติข้าก็ดูแลพวกนางอยู่บ่อยๆ ดังนั้นข้าจึงยอม...""พวกนางทำอาชีพนั้นหรือ?""ใช่ คนแม่ชื่อแม่นางเฉี่ยว อายุสี่สิบกว่า ลูกสาวอายุยี่สิบต้นๆ หน้าต
ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาเหมือนได้ยินว่าข้าราชการได้รับคำสั่งมาว่า ถ้าหากเจอว่าคนในเมืองติดโรคระบาดนี่ ให้ลากไปสุสานรวมศพฆ่าทิ้งแล้วเผาได้เลย จะได้ไม่ระบาดไปหาคนอื่นเขากลัวมาก"ข้าพูด ข้าบอกแล้วได้ไหม?"แต่ว่าชายคนนี้กลับไม่ยอมบอกต่อหน้าคนมากมาย ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้อยากให้คนมากมายได้ยินกัน จึงให้สืออีพาเขาไปในเรือนเล็กๆ ข้างๆมีผู้ดูแลสองคนคอยมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ พอสบตากันผาดหนึ่ง พวกเขาสองคนก็รู้สึกว่านี่มันเรื่องใหญ่ ต้องไปบอกผู้จัดการใหญ่เสียหน่อยดังนั้นพวกเขาจึงหมุนตัวไปหาต่งฮ่วนจือต่งฮ่วนจือหลายวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เพราะเรื่องของเฉินฮ่าวปิงเรือนในซอยกุ้ยเซียงของพวกนางปิดประตูใหญ่ไว้ทั้งวัน เขาไปมาสองรอบก็ไม่ยอมเปิดประตูต่งฮ่วนจือทิ้งจดหมายเอาไว้ บอกให้พวกนางหาเวลามาพบกันหน่อย เขาอยากถามว่าพวกนางเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่หลังจากทิ้งจดหมายไว้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยแม่ลูกฮูหยินเฉินไม่เห็น หรือว่าไม่สนใจกันแน่?จะอย่างไรเขาก็จินตนาการไม่ออก พวกนางที่เดิมทีดูแล้วเหมือนจะคอยพึ่งพาเขา ตอนนี้ทำไมถึงปลีกตัวออกห่างเขา หลังจากนี้คือขีดเส้นคั้นกับเขาแล้วหรือ?"ผู้จัด
ยังดีที่วันนึงต้มยาไว้สามหม้อใหญ่ ก่อนหน้านี้ขายหมดไปแล้วหนึ่งหม้อ หม้อที่สองยังเหลือกว่าครึ่งก็ถูกปนเปื้อนไปแล้ว นี่ยังมีหม้อที่สามอยู่วันนี้เกรงว่าจะไม่พอขายเสียแล้วพนักงานยกหม้อนั้นขึ้นมา แล้วเททิ้งต่อหน้าคนมากมายเหล่าแขกพวกนั้นพอเห็นยาหม้อนี้ถูกเททิ้ง จึงวางใจกันขึ้นมา"กระบวยนั่นก็ควรจะล้างด้วยไหม?" มีผู้เฒ่าคนหนึ่งกลัวตายมาก ร้องขึ้นมาคำหนึ่งคนข้างๆ ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ "ก็ทิ้งไปเลยไม่ได้หรือ? ยังจะล้างอีก เสียแรงเปล่า"พนักงานพันธมิตรโอสถเองก็จัดการใช้เท้าหักกระบวยนั่นทิ้งไป "ทิ้งเลยทิ้งเลย แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"พวกเขาไปหยิบกระบวยอันใหม่มาแล้วจึงตักให้กับต้วนฉวินคนนั้นก่อนชามหนึ่ง "นายท่านต้วน ของท่านขอรับ""ขอบคุณขอบคุณ" ต้วนฉวินไม่เกรงใจแม้แต่น้อย หลังจากรับไปก็ดื่มจนหมดรวดเดียวยาน้ำชนิดนี้ ถึงจะบอกว่าไม่ได้มีรสชาติดีนัก พอรีบดื่มเขาก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว แต่ก็รีบสะกดเอาไว้มองหม้อยาที่เต็มเปี่ยมใบนั้น เขายังดูกระสับกระส่ายอยู่ "หมอเทวดาฟู่ ท่านว่าข้าด้องดื่มอีกสักชามไหม?"บอกว่าห้ามดื่มมากไป ถ้าอย่างนั้นเขาดื่มสองชามครึ่ง ก็น่าจะได้อยู่กระมัง?ไม่อย่างนั้นร
นอกจากยาน้ำที่ป้องกันล่วงหน้าเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงค้นคว้ายาลูกกลอนรักษาโรคนี้ออกมาแล้ว เพียงแต่ยาเหล่านั้นยังแพงกว่ายาน้ำพวกนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องกินอีกระยะหนึ่งด้วยเดิมทียังคิดอยู่ว่าชินอ๋องเซียวจะมาอ้อนวอนต่อหน้านางไหม ให้นางช่วยรักษาให้ นางเตรียมยาลูกกลอนสำหรับการรักษาสามช่วงไว้แล้วแต่ว่าชินอ๋องเซียวก็ไม่เคลื่อนไหวเลย ฟู่จาวหนิงก็ไม่ไปรักษาอาการเขาให้เองด้วย ยาจึงยังไม่ไปไหนอาการโรคของชายคนนี้ น่าจะกินยาหนึ่งช่วงรักษาก็น่าจะไม่เป็นไรแล้วแต่ว่าเขาก็ไม่พูดความจริงเสียที ฟู่จาวหนิงเองก็จะไม่พูดเรื่องยาลูกกลอนออกมา"ข้าไม่ได้ไปที่อุทยานนั่นนะ! ข้าไม่เคยพบกับชินอ๋องเซียว!"ชายหนุ่มดูตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะลุกพรวดขึ้นมาแต่ถูกสะกดจุดไว้จนลุกไม่ขึ้น แต่พอถูกยืนยันว่าติดโรคนั้นแล้ว เขาเองก็รู้สึกใกล้จะเป็นบ้าเหมือนกันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายไหม!ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถูกสกัดจุด เขาคงเขาไปคว้ามือฟู่จาวหนิงแล้ว เขย่าๆ ให้นางรีบรักษาให้กับตนเอง"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เขาติดโรคนั้นแล้วจริงหรือ?"คนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงมองชายคนนี้ จากนั้นก็มองไปทางลูกค้าที่จ้อ
ชายคนนั้นเองก็ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงด้วยแน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีวันหนึ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าฟู่จาวหนิงใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจับชีพจรให้ตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็เคร่งขรึม แต่ไม่ใช่ความรังเกียจหรือหวาดกลัวแบบที่คนอื่นเห็นเขา ไม่มีความไม่สงบไม่มีความกลัวลนลานเอาแค่จุดนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆปากของเขาขยับ อยากจะพูดอะไร ต่อให้หมอเทวดาหลี่มาดูอาการให้เขา หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ก็น่าจะสีหน้าไม่สู้ดีนักใครจะไม่รังเกียจเขาบ้าง"คลายจุดใบ้ของเขาเสีย" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออีสืออีไม่ลังเล หนึ่งนิ้วกดหนึ่งการเคลื่อนไหว จัดการคลายจุดใบ้ของชายหนุ่มคนนี้ทันทีไม่รอให้ชายคนนี้เอ่ยปาก ฟู่จาวหนิงก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อยา เช่นนั้นก็หมายความว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากจะรักษาโรคใช่ไหม?"ชายหนุ่มออกแรงพยักหน้าทันทีนี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีชีวิตต่อได้ใครจะอยากตายกัน? ถ้ารักษาโรคได้ ใครจะไม่อยากรักษา?"ในเมื่ออยากจะรักษาโรค เช่นนั้นก็ห้ามอาละวาดอีก ถ้าถามอะไรเจ้าก็ตอบม