กลุ่มคนถึงแม้จะยังอารมณ์ดำดิ่ง และยังกังวลอย่างมาก แต่ท้องก็หิวแล้วนี่ พอได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซุนจึงเอาเรื่องวางไว้ก่อน แล้วลงมือกินแพะย่างขึ้นมาฟู่จาวหนิงกินอย่างพออกพอใจ แต่คนอื่นกลับกินไม่ค่อยรู้รสนักพอกินแพะย่าง ฟู่จาวหนิงถึงได้พูดกับเรื่องที่ถูกตัดบทไปก่อนหน้านี้กับผู้เฒ่าซุนความล้ำค่าของวัตถุดิบยานั้นหลังจากผู้เฒ่าซุนได้ยินก็ตาเป็นประกาย ถามขึ้นทันที "คุณหนูฟู่ หญ้าสมุนไพรนี้ล้ำค่ามากจริงหรือ?""ถูกต้อง ถ้าหากมาใช้สกัดยา สมุนไพรนั่นก็มีมูลค่ามากเลยทีเดียว""เอ่อ ข้าพูดว่าถ้าหากนะ" ผู้เฒ่าฟู่รู้สึกว่าตนเองหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว "ถ้าข้าเอาสมุนไพรพวกนี้มอบให้กับนายท่านจ้าว ท่านว่านายท่านจ้าวจะเห็นแก่ยาแล้วไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราไหม?"เขาเดิมทีคิดว่าถ้าส่งไปแค่เงินเท่านั้น นายท่านจ้าวคงจะไม่พอใจแน่ จากที่เขารู้ นายท่านจ้าวปกติเงินที่รับมาก็ไม่น้อยเลยและถ้ารับเงินของเขาไปแล้ว แต่ยังคิดจะระบายโกรธแทนจ้าวหรูมาอีกล่ะจะทำอย่างไร?เงินน่าจะไม่ได้สำคัญกว่าลูกสาวกระมัง?แต่ถ้าหากส่งยาสมุนไพรล้ำค่าให้เขา เวลาจำเป็ฯยังสามารถนำมาช่วยชีวิตตัวนายท่านเจ้าเองได้ เขาคงจะหวั่นไหวเป็น
เพียงแต่ลืมโศกพิษนี้ยังขาดวัตถุดิบยาอีกสองชนิดฟู่จาวหนิงคิดถึงเรื่องที่หมอซุนไปพบวัตถุดิบยาล้ำค่าที่หลังเขาก่อนหน้าา หลังเขาทางนั้นเป็นไปได้ว่าจะมีสมุนไพรยาชนิดอื่นอยู่ด้วยกระมัง?สมุนไพรพิษสองชนิดที่นางขาดอยู่ไม่ได้หายากมาก ไม่แน่ว่าอาจจะหาเจอจากในเขาด้วยฟู่จาวหนิงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ตอนฟ้ายังไม่สางจะขึ้นเขาไปหาสมุนไพรพิษเฉินซานไม่นานก็กลับมาแล้ว แล้วยังหาจุดที่จ้าวหรูไปได้ด้วย"คุณหนู จ้าวหรูพวกเขาตอนนี้พักอยู่ที่เรือนรับรองตะวันออก ข้ายังได้ยินมาว่า ท่านอ๋องเจวี้ยนตอนบ่ายจะเข้าป่าไปล่าสัตว์ด้วย ไปด้วยกันกับรัฐทายาทน้อยเจียงอวี้"เฉินซานสีหน้าไม่ดีเอามากๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังดูกังวลต่อฟู่จาวหนิงมาก"คุณหนูหลินกับจ้าวหรูเหมือนจะเป็นเพื่อนกัน พวกนางก่อนหน้านี้เหมือนทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ดีกันแล้ว คุณหนูหลินกับแม่นางอีกหลายคนล้วนพูดถึงแต่อ๋องเจวี้ยน บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะแย่งราชันกวางตัวนั้นมาได้ เพราะพอได้ราชันกวางก็จะเท่ากับได้ที่หนึ่งของการแข่งล่าสัตว์""ที่หนึ่ง?"ฟู่จาวหนิงรู้เรื่องการแข่งล่าสัตว์ แต่นางคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะสนใจเข้าร่วมด้วยร่างกายพังๆ ของเขานั่น ยังกล้าเข้
"ซวยจริงๆ! ของดีก็ล่ามาไม่ได้ แล้วยังมาเจอกับเจ้าพวกหน้าไม่อายอีก!""นั่นสิ แย่งของที่เราล่ามาไปย่างกินหมดเลย พวกเราถ้ากลับไปมือเปล่าอย่างนี้ เจ้าพวกนั้นได้หัวเราะกันฟันหักเลยกระมัง?""ข้าตอนนี้กลับหวังให้รัฐทายาทเซียวชนะเสียแล้ว ถึงแม้พวกเราปกติจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับรัฐทายาทน้อยเจียงนัก แต่อย่างน้อยก็ยังใจคอกว้างขวางตรงไปตรงมา ดีกว่าพวกจ้าวเฉินเยอะเลย""ผู้ชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างๆ รัฐทายาทน้อยเจียงคนนั้นคือใครกัน? คนนั้นรู้สึกว่าฝีมือยิงธนูจะดีมากเลย จะล่าราชันกวางตัวนั้นได้จริงไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงไปแล้วพอเข้ามาก็ได้ยินข่าวของเซียวหลันยวนเลยหรือ?วิชายิงธนูของเขาดีมาก?เมื่อคืนเซียวหลันยวนอยู่ในป่านี้หรือ ผู้ชายคนนั้นไม่กลัวตายเลยจริงๆ ร่างผุพังของเขา ในภูเขานี้แค่ลมเย็นวูบหนึ่งก็เอาเขาไปได้ครึ่งชีวิตแล้ว"จะมีราชันกวางอยู่จริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่เลย"ในภูเขานี้ถ้ามีราชันกวางอยู่จริง นั่นก็เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวฟุ่จาวหนิงหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว ผู้เฒ่าซุนไม่ใช่เคยพูดไว้แล้วหรือ เขาได้หญ้าสมุนไพรนั้นมาก็เพราะเห็นราชันกวางกำลังกินอยู่ บางทีพวกเขาคงจะได
ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ถูกต้อง ย้ายไปที่อีกกิ่งไม้หนึ่งนางเพิ่งย้ายที่ เสียงฉึกก็ดังขึ้น ลูกธนูดอกหนึ่งแทงเข้าไปยังจุดที่นางนั่งอยู่เมื่อครู่ แทงเข้าไปบนกิ่งไม้นี่คือจะเอาชีวิตนางเลย!ฟู่จาวหนิงใจเย็นวาบ ไฟโกรธก็พุ่งขึ้นมาอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่ามีความแค้น เพราะนางส่งเสียงเตือนพวกเขา ดังนั้นอีกฝ่ายจึงรู้สึกว่านางทำลายแผนร้ายของพวกเขา จึงคิดจะเก็บนางก่อนหรือ?ลู่ทงเห็นฉากนี้จากใต้ต้นไม้ โมโหจนกระโจนตัวขึ้นมา"แม่หญิงระวังด้วย!"ฟู่จาวหนิงกระโจนลงมาจากต้นไม้ รีบเดินเข้าไปด้านหลังต้นไม้ข้างๆ ต้นหนึ่งลู่ทง เองก็เพิ่งเห็นหน้าตาของนางชัด คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่ร้องช่วยชีวิตพวกเขาไว้จะอายุยังน้อยหน้าตาสะสวยเพียงนี้เขาชักกระบี่ออกมา ร้องอย่างโกรธเคืองไปทางที่ธนูยิงมา "หนูอย่างพวกเจ้า! เป็นแต่ลอบกัดหรอกหรือ? พวกข้าไปขุดศาลบรรพบุรษพวกเจ้าหรือไปเผาหลุมศพบ้านเจ้ามาหรือไรกัน?"อาวุธลับชิ้นหนึ่งพุ่งฟิ้วเข้ามาทางเขาอีกครั้ง เขาเบนหลบไปข้างๆ อาวุธลับชิ้นนั้นแฉลบผ่านหน้าเขาไปนี่ทำเขาโกรธจริงๆ แล้วคนอื่นเองก็โกรธมาก"เจ้าพวกลูกหลานเต่า! พวกเราจะลุยกับพวกเจ้าแล้ว!""ลุยเลย!"ลู่ทงถือกระบี
ฟู่จาวหนิงรีบเดินออกไป กระชากผ้าปิดหน้าของเขาออกเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งนางค้นความทรงจำ เป็นคนที่เขาไม่รู้จักดูท่าจะเพราะนางเพิ่งจะเตือนพวกลู่ทงไปจริงๆ พังแผนการพวกเขาไป ถึงได้มาแก้แค้นเพื่อนจะปิดปากพวกเขาทำเช่นนี้กลับยิ่งทำให้ฟู่จาวหนิงยืนยันว่าการช่วยพวกลู่ทงไว้ไม่ใช่เรื่องผิดนางเตะผู้ชายที่ถูกพิษเล่นงานจนมึนไปสลบไปแล้วทีหนึ่ง"อ๊าๆๆ เจ้าลูกหลานเต่าข้าไม่มีแรงแล้ว!""เจิ้งหยางรีบช่วยข้าเร็ว"เสียงร้องของลู่ทงดังขึ้นมาตลอดฟู่จาวหนิงมองออกไป และเห็นว่าลู่ทงถูกคนปิดหน้าสองคนบีบโจมตี ส่วนเขาก็กำลังต่อต้านอย่างเต็มกำลัง จะโต้คืนนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาถูกเล่นงานจนเกือบไม่เหลือพลังออกกระบวนท่าแล้วเจิ้งหยางชายหนุ่มคนนั้นก็พุ่งออกมาด้วยเช่นกัน แต่เขาก็กำลังรับมือกับคนโพกหน้าอีกสองคน ไม่สามารถแบ่งตัวออกมาช่วยลู่ทงได้"เจ้าบ้านี่!" เจิ้งหยางกัดฟันร้อง "ต้องเป็นเจ้าแน่ที่หลายวันก่อนหน้าไปแย่งชิงสาวงามของชาวบ้านเขามา จนพวกเขาผูกใจเจ็บ มาคิดบัญชีกับเจ้า!"ลู่ทงใช้กระบี่มาขวางดาบของคนโพกหน้าคนหนึ่งไว้ จากนั้นก็กลิ้งออกไปข้างๆ อย่างซมซาน ฉากหลบการโจมตีจากด้านหลังของอีกคนห
คนอื่นๆ มุมปากล้วนกระตุก สีหน้าเหมือนยากจะอธิบายได้ด้วยคำเดียว"เจ้าเปลี่ยนเสียหน่อยไม่ได้หรือ?""ไม่เปลี่ยน เอาเช่นนี้ล่ะ" ลู่ทงยืนหยัด"เอาล่ะ พวกเราขอลั่นคำสาบาน" พวกของเจิ้งหยางล้วนสาบานขึ้นมาฟู่จาวหนิงพยักหน้า"เช่นนั้นก็เท่านี้เถิด ข้าจะไปแล้ว""ฟู่จาวหนิง ท่านจะขึ้นเขาหรือ?" ลู่ทงรีบร้อนเรียกนาง จากนั้นก้ตบลงที่ศีรษะของตนเอง "ข้านี่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ท่านตอนนี้เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของพวกเรา พวกเตาต้องนอบน้อมต่อท่านสิ!"ลู่ทงคนนี้ดูแล้วอายุก็น่าจะเพิ่งสิบเจ็ดสิบแปดปี คนอื่นๆ เองก็อายุใกล้เคียงเขา ฟู่จาวหนิงดูแล้วอายุน้อยกว่าพวกเขาหน่อยหนึ่งแต่พวกเขาคงไม่เรียกว่าน้องหญิงหรอกกระมัง?นี่มันนอบน้อมตรงไหน? เอาเปรียบนางชัดๆลู่ทงก็เฉลียวฉลาด "พวกเราหลังจากนี้จะเรียนท่านพี่ใหญ่! ชีวิตของพวกเราล้วนเป็นของท่านแล้ว หลังจากนี้ท่านมีเรื่องอะไรก็มาหาพวกเราได้เลย!"ฟู่จาวหนิงเหงื่อตกพี่ใหญ่?นางคิดถึงชื่อเรียกที่มีคนเรียกนางตอนอยู่ในกลุ่มก่อนหน้า บอกว่า "บางทีพวกเราสามารถเรียกท่านว่าลูกพี่หนิงได้""ลูกพี่หนิง?"พวกของลู่ทงล้วนไม่เข้าใจเอาเสียเลย นางเป็นหญิงสาวที่งดงามขน
ชิงอีตอนนี้มองอ๋องเจวี้ยนที่นั่งพิงใต้ต้นไม้อย่างกังวลเขาย่างขากระต่ายเสร็จแล้วขาหนึ่ง เดินตรงเข้าไป ยื่นส่งให้อ๋องเจวี้ยน"ท่านอ๋อง กินอะไรหน่อยเถิด"เซ๊ยวหลันยวนเบิกตาโพลง รับขากระต่ายไป ก้มหน้าลงมองผาดหนึ่ง"ข้าน้อยย่างมาไม่ค่อยดีนัก ท่านอ๋องอาจจะไม่ถูกใจ" ชิงอีเหงื่อตก ฝีมือการย่างของเขาปกติก็ธรรมดามากอยู่แล้ว"ท่านอ๋อง หรือไม่หลังจากเรากลับไปก็ให้โอกาศไป๋ซวงอีกสักครั้ง"เพราะไป๋ซวงย่างเนื้อได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวพวกเขาก่อนหน้านี้ที่ยอดเขาโยวชิง และระหว่างทางที่กลับมาเมืองหลวง เนื้อที่ไป๋ซวงย่างล้วนหอมกรุ่น สดนุ่มน้ำในเนื้อเต็มเปี่ยม และไม่รู้ว่าเขาใช้เครื่องปรุงอะไร รสชาติถึงได้ดีกว่าคนอื่นอยู่มากโขชาที่จินเสวี่ยกับนางต้มก็ดีมากอาจจะเพราะเรื่องราวล้วนพัวพันอยู่แต่กับท่านอ๋อง จึลวนรู้ถึงรสนิยมของท่านอ๋อง ดังนั้นจึงบอกว่าพวกนางดูแลได้ดีมากข้างกายท่านอ๋องถ้าไม่มีสาวใช้สองนี้ เช่นนั้นเขาก็เสียหายหลายแสนเลยเซียวหลันยวนเงยหน้าเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง"ข้าเหมือนพวกที่ยอมให้คนที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะของกินแค่เล็กน้อยหรือ?"พูดจนเขาเหมือนเป็นพวกกินดะอย่างไรอย่างนั้นเพื่อ
"ลูกพี่หนิง ท่าฝีมือเด็ดเสียจริง! พวกเราย่างเนื้อกันมาตั้งหลายปี ก็ยังไม่เคยกินที่อร่อยเท่าครั้งนี้เลย""มันอร่อยจนลิ้นข้าห้อยแล้ว! อร่อยจนไม่มีเวลาว่างมาพูดจาเลย"หลายคนราวกับลมพัดพายุคลั่ง กินกันจนไม่สนภาพพจน์แล้วถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเรียกลูกพี่หนิงเพราะฟู่จาวหนิงเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต อยู่ในความหมายการตอบแทนบุญคุณ จะมากน้อยก็ยังอยู่ในส่วนนั้นทว่าตอนนี้ที่พวกเขาเรียกลูกพี่หนิง นั่นเป็นการศิโรราบออกมาอย่างแท้จริงแล้วช่วยชีวิตพวกเขามา แล้วยังทำให้กระเพาะพวกเขายอมยกธงให้อีก!ไม่มีครอีกแล้วฟู่จาวหนิงหลังจากกินแล้วก็ค้นหายาสมุนไพรต่อไปรอบๆไม่คิดเลยว่าที่นี่จะทำให้นางหาเป้าหมายของนางได้ครบหมดในการขึ้นเขาครั้งนี้สมุนไพรพิษทั้งสองอย่างหาได้ครบแล้วแต่ตอนนี้นางก็ยังไม่รีบร้อนกลับไปลู่ทงบอกว่าพวกของจ้าวเฉินตรงไปหาราชันกวาง ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นคู่มือของโหวอาวุโสน้อยอี้อีกด้วย โหวอาวุโสน้อยอี้ก็พาเจ้าพวกเพื่อนหมาๆ ของเขาเหล่านั้นมาอยู่ในภูเขาด้วยราชันกวางนางเองก็จะเอาด้วย!แทนที่จะให้ราชันกวางตกไปอยู่ในมือสองคนนั้น สู้นางแย่งมาเลยดีกว่า!นางค้นหาร่องรอยสัตว์อย่าง
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี
อย่างในเวลานี้ คนเราจะลนลานหวาดกลัวกัน ถึงอย่างไรครอบครัวหญิงสาวคนนั้นก็ป่วยตายกันไปห้าคนแล้วนะ โอกาสตายสูงขนาดนี้ ใครจะไม่กล้วบ้าง?ถ้าเผื่อติดโรคแล้วต้องตายล่ะ..."เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงรักษาโรคนี้ได้จริงไหม?" ต่งฮ่วนจือก็ตึงเครียดขึ้นมาแล้ว"เรื่องนี้นางยังไม่ได้บอก เพราะไม่ให้ใครเข้าไปเลย พวกเราตอนี้ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร นางแค่บอกว่าไม่ต้องกังวล"แล้วจะไม่กังวลกันได้อย่างไร?ถึงแม้ฟู่จาวหนิงท้ายสุดจะรักษาโรคนี้ได้ แต่หลังจากระบาดไปจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากช่วงหนึ่งแน่"เมืองเจ้อที่นี่เดิมทีก็น่าจะมีหมออยู่ไหม? พวกเขาไม่เข้ามาช่วยเลยหรือ?" ต่งฮ่วนจือถามรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวมันเหนื่อยเกินไปอันเหนียนเล่าสถานการณ์ของหมอที่นี่กับเขาอันที่จริงสองวันนี้เขาก็หาตัวลูกศิษย์ที่อยู่ในโรงหมอแต่เดิมมาได้สามคนแล้ว ให้พวกเขาเก็บข้าวของแล้วมาช่วยกันที่นี่มีฟู่จาวหนิงคอยนำพวกเขา สำหรับพวกเขาถือเป็นโอกาสในการเรียนที่สุดยอดมาก"พรุ่งนี้เช้าจะมีผู้ช่วยหมอสามคนเข้ามา พวกเขาจะมากน้อยก็มีพื้นฐานอยู่บ้าง ถึงตอนนั้นยังสามารถช่วยเหลือได้""เป็นแค่ผู้ช่วยหมอ ศิษย์น้องหญิงค
"พระชายา" สืออีกังวลมาก มองฟู่จาวหนิงที่นั่งอยู่บนเตียงหลัวฮั่นข้างหน้าต่าง "ท่านจะทำอย่างไร?"หรือว่านางจะอยู่เฝ้าที่นี่ตลอดกัน?ในเมื่อโรคนี้อันตรายขนาดนี้ พระชายาต่างหากถึงจำเป็นต้องมีการคุ้มครองมากที่สุด"อีกเดี๋ยวข้าจะไปห้องข้างๆ ไม่ได้อยู่ที่นี่เฝ้าทั้งคืนหรอก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "ไม่ต้องกังวล"ตอนกลางคืนที่นางอยู่คนเดียวก็เข้าไปในห้องเภสัช หลายวันช่วงนี้นางล้วนนอนอยู่ในห้องเภสัช ถึงอย่างไรก็เป็นสถานที่ของตนเอง ต้องดีกว่าห้องรับแขกที่จัดขึ้นชั่วคราวมากอยู่แล้วตอนนี้มีโรคที่ระบาดได้ นางมานอนอยู่ในมิติของตนเองประสิทธิภาพในการกักกันก็ยิ่งดีกว่า"แล้วพระชายากินข้าวหรือยัง?" สืออีถาม"อีกเดี๋ยวจะกิน""ข้าจะไปนำอาหารมาให้ จะเอามาเยอะหน่อย พระชายาจะได้กินให้มากอีกนิด""ดีเลย"สืออีออกไปแล้ว พอเห็นสือซานที่อยู่ข้างๆ ประตูวงกลม "ให้คนมาเปลี่ยนกับเจ้าคืนนี้""ไม่ ข้าเฝ้าเองยังวางใจกว่า" สือซานกลับไม่ยอมฟู่จาวหนิงให้เขาเฝ้าที่นี่ไม่ปล่อยให้ใครเข้าไป ใจเขาก็ไม่ค่อยสงบแล้ว ว่ามีโรคร้ายอะไรที่ทำให้พระชายาต้องระมัดระวังขนาดนี้?นางไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ แล้วตัวนางเองล่ะ?สืออีเองก
ไข้หวัดปกติก็สามารถระบาดได้ แต่นางไม่ได้ให้คนทำการกักกันดังนั้นตอนนี้พอได้ยินว่าไปที่ห้องผู้ป่วยนั้น อันเหนียนก็เข้าใจความหมายขึ้นมาทันที"นางอยู่ที่นั่นคนดียวหรือ? น้ำเสียงเขาเครียดขึ้นมา"และการเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ของอันเหนียน ต่งฮ่วนจือก็สัมผัสได้แล้วอย่างชัดเจนเขามองอันเหนียน จากนั้นก็มองฟู่จิ้นเชิน "เกิดอะไรขึ้นหรือ? ห้องผู้ป่วยนั่นมีอะไรผิดปกติไหม?""ก่อนหน้านี้มีไป๋หู่กับเสี่ยวเยว่ส่งคนไปที่นั่น ตอนนี้มีฟู่จาวหนิงอยู่คนเดียว" ฟู่จิ้นเชินไม่ได้ตอบคำถามต่งฮ่วนจือแต่ต่งฮ่วนจือก็มองออก ว่าในสายตาเขามีความกังวลขึ้นมาเต็มที่เพียงแต่ชายหนุ่มสองคนนี้ล้วนเป็นพวกไม่ค่อยเผยอารมณ์ออกมาเท่าไรนัก เป็นคนที่หนักแน่นใจเย็นมาก ดังนั้นเขาเองก็พิจารณาถึงความหนักหนาได้ลำบากอันเหนียนยกเท้าไปทางนั้นทันที"ใต้เท้าอัน"ฟู่จิ้นเชินจับแขนเขาไว้ สายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงเองก็กดลงมาอันเหนียนได้สติกลับมาในพริบตา ยืนนิ่งไปแล้ว"นางกำชับอะไรไว้ไหม? ทำตามที่นางว่าเลย" เสียงอันเหนียนเรียบสงบแต่ว่า ฟู่จิ้นเชินมองเขาลึกๆรู้อยู่แท้ๆ ว่าห้องผู้ป่วยนั้นเป็นตัวแทนของอะไร ขนาดตัวเขาฟู่จาวหนิง
อันเหนียนวันนี้พอวุ่นเสร็จ ก็พาคนหนึ่งมาที่โรงหมอฟู่จิ้นเชินเห็นคนที่เข้ามาก็รู้สึกเกินคาด"ผู้จัดการใหญ่ต่ง?"ต่งฮ่วนจือมาแล้ว"คุณชายฟู่"หลังจากต่งฮ่วนจือเข้ามา ด้านหลังก็ยังมีคนอีกหลายคน แบกวัตถุดิบยาเข้ามาหลายหามใหญ่ย่ิงไปกว่านั้นหลังจากพวกเขาวางลง ก็ออกไปแบกรอบที่สอง"นี่คือ?"อันเหนียนเอ่ยต่อให้ "ผู้จัดการใหญ่ต่งขนวัตถุดิบยาเข้ามาให้โดยเฉพาะ พระชายาสองวันก่อนไม่ใช่ว่าเข้าไปหาผู้ดูแลทางนี้มาหรอกหรือ? บอกวัตถุดิบยาที่ขาดกับผู้ดูแลพันธมิตรโอสถไป บอกว่าจะควักเงินจ่ายเอง ให้เขาคิดหาวิธีหน่อย""ไวขนาดนี้ ผู้จัดการใหญ่ต่งก็ได้รับข่าวแล้วหรือ?"เพิ่งจะสองวันเอง เป็นไปได้อย่างไรกัน?จากเมืองหลวงมานี่ยังต้องใข้ตั้งหลายวันพอคำนวณเวลา ต่งฮ่วนจือพอพวกเขาออกเดินทางได้สองวันก็คงจัดการแล้ว"อันที่จริงผู้ดูแลทางนี้ก็เขียนจดหมายถึงข้านานแล้ว บอกสถานการณ์ของทางนี้ ดังนั้นพวกเราจึงจัดการโยกวัตถุดิบยาจากที่อื่นเข้ามาก่อน แค่ยังไม่รู้ว่าต้องส่งไปที่ไหน แค่เตรียมการไว้ก่อน"ต่งฮ่วนจือก็เร่งเดินทางมาหลายวัน สีหน้าอ่อนล้า แต่ก็ยังอธิบายออกมา"ข้าเคยบอกกับศิษย์น้องหญิงแล้ว วัตถุดิบยาสำห