"ซวยจริงๆ! ของดีก็ล่ามาไม่ได้ แล้วยังมาเจอกับเจ้าพวกหน้าไม่อายอีก!""นั่นสิ แย่งของที่เราล่ามาไปย่างกินหมดเลย พวกเราถ้ากลับไปมือเปล่าอย่างนี้ เจ้าพวกนั้นได้หัวเราะกันฟันหักเลยกระมัง?""ข้าตอนนี้กลับหวังให้รัฐทายาทเซียวชนะเสียแล้ว ถึงแม้พวกเราปกติจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับรัฐทายาทน้อยเจียงนัก แต่อย่างน้อยก็ยังใจคอกว้างขวางตรงไปตรงมา ดีกว่าพวกจ้าวเฉินเยอะเลย""ผู้ชายสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างๆ รัฐทายาทน้อยเจียงคนนั้นคือใครกัน? คนนั้นรู้สึกว่าฝีมือยิงธนูจะดีมากเลย จะล่าราชันกวางตัวนั้นได้จริงไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงไปแล้วพอเข้ามาก็ได้ยินข่าวของเซียวหลันยวนเลยหรือ?วิชายิงธนูของเขาดีมาก?เมื่อคืนเซียวหลันยวนอยู่ในป่านี้หรือ ผู้ชายคนนั้นไม่กลัวตายเลยจริงๆ ร่างผุพังของเขา ในภูเขานี้แค่ลมเย็นวูบหนึ่งก็เอาเขาไปได้ครึ่งชีวิตแล้ว"จะมีราชันกวางอยู่จริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่เลย"ในภูเขานี้ถ้ามีราชันกวางอยู่จริง นั่นก็เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวฟุ่จาวหนิงหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว ผู้เฒ่าซุนไม่ใช่เคยพูดไว้แล้วหรือ เขาได้หญ้าสมุนไพรนั้นมาก็เพราะเห็นราชันกวางกำลังกินอยู่ บางทีพวกเขาคงจะได
ฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่ถูกต้อง ย้ายไปที่อีกกิ่งไม้หนึ่งนางเพิ่งย้ายที่ เสียงฉึกก็ดังขึ้น ลูกธนูดอกหนึ่งแทงเข้าไปยังจุดที่นางนั่งอยู่เมื่อครู่ แทงเข้าไปบนกิ่งไม้นี่คือจะเอาชีวิตนางเลย!ฟู่จาวหนิงใจเย็นวาบ ไฟโกรธก็พุ่งขึ้นมาอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่ามีความแค้น เพราะนางส่งเสียงเตือนพวกเขา ดังนั้นอีกฝ่ายจึงรู้สึกว่านางทำลายแผนร้ายของพวกเขา จึงคิดจะเก็บนางก่อนหรือ?ลู่ทงเห็นฉากนี้จากใต้ต้นไม้ โมโหจนกระโจนตัวขึ้นมา"แม่หญิงระวังด้วย!"ฟู่จาวหนิงกระโจนลงมาจากต้นไม้ รีบเดินเข้าไปด้านหลังต้นไม้ข้างๆ ต้นหนึ่งลู่ทง เองก็เพิ่งเห็นหน้าตาของนางชัด คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวที่ร้องช่วยชีวิตพวกเขาไว้จะอายุยังน้อยหน้าตาสะสวยเพียงนี้เขาชักกระบี่ออกมา ร้องอย่างโกรธเคืองไปทางที่ธนูยิงมา "หนูอย่างพวกเจ้า! เป็นแต่ลอบกัดหรอกหรือ? พวกข้าไปขุดศาลบรรพบุรษพวกเจ้าหรือไปเผาหลุมศพบ้านเจ้ามาหรือไรกัน?"อาวุธลับชิ้นหนึ่งพุ่งฟิ้วเข้ามาทางเขาอีกครั้ง เขาเบนหลบไปข้างๆ อาวุธลับชิ้นนั้นแฉลบผ่านหน้าเขาไปนี่ทำเขาโกรธจริงๆ แล้วคนอื่นเองก็โกรธมาก"เจ้าพวกลูกหลานเต่า! พวกเราจะลุยกับพวกเจ้าแล้ว!""ลุยเลย!"ลู่ทงถือกระบี
ฟู่จาวหนิงรีบเดินออกไป กระชากผ้าปิดหน้าของเขาออกเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งนางค้นความทรงจำ เป็นคนที่เขาไม่รู้จักดูท่าจะเพราะนางเพิ่งจะเตือนพวกลู่ทงไปจริงๆ พังแผนการพวกเขาไป ถึงได้มาแก้แค้นเพื่อนจะปิดปากพวกเขาทำเช่นนี้กลับยิ่งทำให้ฟู่จาวหนิงยืนยันว่าการช่วยพวกลู่ทงไว้ไม่ใช่เรื่องผิดนางเตะผู้ชายที่ถูกพิษเล่นงานจนมึนไปสลบไปแล้วทีหนึ่ง"อ๊าๆๆ เจ้าลูกหลานเต่าข้าไม่มีแรงแล้ว!""เจิ้งหยางรีบช่วยข้าเร็ว"เสียงร้องของลู่ทงดังขึ้นมาตลอดฟู่จาวหนิงมองออกไป และเห็นว่าลู่ทงถูกคนปิดหน้าสองคนบีบโจมตี ส่วนเขาก็กำลังต่อต้านอย่างเต็มกำลัง จะโต้คืนนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาถูกเล่นงานจนเกือบไม่เหลือพลังออกกระบวนท่าแล้วเจิ้งหยางชายหนุ่มคนนั้นก็พุ่งออกมาด้วยเช่นกัน แต่เขาก็กำลังรับมือกับคนโพกหน้าอีกสองคน ไม่สามารถแบ่งตัวออกมาช่วยลู่ทงได้"เจ้าบ้านี่!" เจิ้งหยางกัดฟันร้อง "ต้องเป็นเจ้าแน่ที่หลายวันก่อนหน้าไปแย่งชิงสาวงามของชาวบ้านเขามา จนพวกเขาผูกใจเจ็บ มาคิดบัญชีกับเจ้า!"ลู่ทงใช้กระบี่มาขวางดาบของคนโพกหน้าคนหนึ่งไว้ จากนั้นก็กลิ้งออกไปข้างๆ อย่างซมซาน ฉากหลบการโจมตีจากด้านหลังของอีกคนห
คนอื่นๆ มุมปากล้วนกระตุก สีหน้าเหมือนยากจะอธิบายได้ด้วยคำเดียว"เจ้าเปลี่ยนเสียหน่อยไม่ได้หรือ?""ไม่เปลี่ยน เอาเช่นนี้ล่ะ" ลู่ทงยืนหยัด"เอาล่ะ พวกเราขอลั่นคำสาบาน" พวกของเจิ้งหยางล้วนสาบานขึ้นมาฟู่จาวหนิงพยักหน้า"เช่นนั้นก็เท่านี้เถิด ข้าจะไปแล้ว""ฟู่จาวหนิง ท่านจะขึ้นเขาหรือ?" ลู่ทงรีบร้อนเรียกนาง จากนั้นก้ตบลงที่ศีรษะของตนเอง "ข้านี่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ท่านตอนนี้เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของพวกเรา พวกเตาต้องนอบน้อมต่อท่านสิ!"ลู่ทงคนนี้ดูแล้วอายุก็น่าจะเพิ่งสิบเจ็ดสิบแปดปี คนอื่นๆ เองก็อายุใกล้เคียงเขา ฟู่จาวหนิงดูแล้วอายุน้อยกว่าพวกเขาหน่อยหนึ่งแต่พวกเขาคงไม่เรียกว่าน้องหญิงหรอกกระมัง?นี่มันนอบน้อมตรงไหน? เอาเปรียบนางชัดๆลู่ทงก็เฉลียวฉลาด "พวกเราหลังจากนี้จะเรียนท่านพี่ใหญ่! ชีวิตของพวกเราล้วนเป็นของท่านแล้ว หลังจากนี้ท่านมีเรื่องอะไรก็มาหาพวกเราได้เลย!"ฟู่จาวหนิงเหงื่อตกพี่ใหญ่?นางคิดถึงชื่อเรียกที่มีคนเรียกนางตอนอยู่ในกลุ่มก่อนหน้า บอกว่า "บางทีพวกเราสามารถเรียกท่านว่าลูกพี่หนิงได้""ลูกพี่หนิง?"พวกของลู่ทงล้วนไม่เข้าใจเอาเสียเลย นางเป็นหญิงสาวที่งดงามขน
ชิงอีตอนนี้มองอ๋องเจวี้ยนที่นั่งพิงใต้ต้นไม้อย่างกังวลเขาย่างขากระต่ายเสร็จแล้วขาหนึ่ง เดินตรงเข้าไป ยื่นส่งให้อ๋องเจวี้ยน"ท่านอ๋อง กินอะไรหน่อยเถิด"เซ๊ยวหลันยวนเบิกตาโพลง รับขากระต่ายไป ก้มหน้าลงมองผาดหนึ่ง"ข้าน้อยย่างมาไม่ค่อยดีนัก ท่านอ๋องอาจจะไม่ถูกใจ" ชิงอีเหงื่อตก ฝีมือการย่างของเขาปกติก็ธรรมดามากอยู่แล้ว"ท่านอ๋อง หรือไม่หลังจากเรากลับไปก็ให้โอกาศไป๋ซวงอีกสักครั้ง"เพราะไป๋ซวงย่างเนื้อได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวพวกเขาก่อนหน้านี้ที่ยอดเขาโยวชิง และระหว่างทางที่กลับมาเมืองหลวง เนื้อที่ไป๋ซวงย่างล้วนหอมกรุ่น สดนุ่มน้ำในเนื้อเต็มเปี่ยม และไม่รู้ว่าเขาใช้เครื่องปรุงอะไร รสชาติถึงได้ดีกว่าคนอื่นอยู่มากโขชาที่จินเสวี่ยกับนางต้มก็ดีมากอาจจะเพราะเรื่องราวล้วนพัวพันอยู่แต่กับท่านอ๋อง จึลวนรู้ถึงรสนิยมของท่านอ๋อง ดังนั้นจึงบอกว่าพวกนางดูแลได้ดีมากข้างกายท่านอ๋องถ้าไม่มีสาวใช้สองนี้ เช่นนั้นเขาก็เสียหายหลายแสนเลยเซียวหลันยวนเงยหน้าเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง"ข้าเหมือนพวกที่ยอมให้คนที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะของกินแค่เล็กน้อยหรือ?"พูดจนเขาเหมือนเป็นพวกกินดะอย่างไรอย่างนั้นเพื่อ
"ลูกพี่หนิง ท่าฝีมือเด็ดเสียจริง! พวกเราย่างเนื้อกันมาตั้งหลายปี ก็ยังไม่เคยกินที่อร่อยเท่าครั้งนี้เลย""มันอร่อยจนลิ้นข้าห้อยแล้ว! อร่อยจนไม่มีเวลาว่างมาพูดจาเลย"หลายคนราวกับลมพัดพายุคลั่ง กินกันจนไม่สนภาพพจน์แล้วถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเรียกลูกพี่หนิงเพราะฟู่จาวหนิงเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต อยู่ในความหมายการตอบแทนบุญคุณ จะมากน้อยก็ยังอยู่ในส่วนนั้นทว่าตอนนี้ที่พวกเขาเรียกลูกพี่หนิง นั่นเป็นการศิโรราบออกมาอย่างแท้จริงแล้วช่วยชีวิตพวกเขามา แล้วยังทำให้กระเพาะพวกเขายอมยกธงให้อีก!ไม่มีครอีกแล้วฟู่จาวหนิงหลังจากกินแล้วก็ค้นหายาสมุนไพรต่อไปรอบๆไม่คิดเลยว่าที่นี่จะทำให้นางหาเป้าหมายของนางได้ครบหมดในการขึ้นเขาครั้งนี้สมุนไพรพิษทั้งสองอย่างหาได้ครบแล้วแต่ตอนนี้นางก็ยังไม่รีบร้อนกลับไปลู่ทงบอกว่าพวกของจ้าวเฉินตรงไปหาราชันกวาง ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นคู่มือของโหวอาวุโสน้อยอี้อีกด้วย โหวอาวุโสน้อยอี้ก็พาเจ้าพวกเพื่อนหมาๆ ของเขาเหล่านั้นมาอยู่ในภูเขาด้วยราชันกวางนางเองก็จะเอาด้วย!แทนที่จะให้ราชันกวางตกไปอยู่ในมือสองคนนั้น สู้นางแย่งมาเลยดีกว่า!นางค้นหาร่องรอยสัตว์อย่าง
เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงมองเห็นอีกฝ่ายพร้อมกันสายตาทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศครู่หนึ่ง และหันความสนใจไปที่กวางตัวนั้นพร้อมกันกวางได้ยินการเคลื่อนไหวของพวกเขาแล้ว ดิ้นจนคิดจะวิ่งหนี แต่พอยืนขึ้นก็ล้มลงไปมันหนีมาถึงนี่ก็หมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว ซ้ำยังบาดเจ็บหนักขนาดนั้น แค่ยืนก็ยังยืนไม่ไหว แล้วจะวิ่งหนีได้อย่างไร?เซียวหลันยวนใช้กำลังภายใน ความเร็วเร็วกว่าฟู่จาวหนิง ตัวคนก็มาถึงข้างกวางตัวนั้นแล้ว เขายกมือขึ้นจะฟาดลงไปกวางตัวนี้ดูจะช่วยไว้ไม่ได้แล้ว ซ้ำยังบาดเจ็บหนักอีก เลือดก็ไหลมาตั้งเยอะสู้ให้มันไปสบายเสียจะดีกว่า"หยุด!"ฟู่จาวหนิงร้องขึ้นมาฉับพลัน ตัวคนก็รีบเข้ามา เข็มเงินในมือก็ยิงมาทางเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนฉากหลบอย่างรวดเร็ว เลี่ยงออกจากเข็มเงินเล่มนั้น สีหน้าก็นิ่งลงมา"เพื่อจะแย่งกวางตัวนี้ เจ้าถึงกับลงมือกับข้าเลยหรือ?"เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองนางฟู่จาวหนิงยืนคั่นด้วยลำธาร มองไปรอบๆ ว่าจุดไหนพอข้ามไปได้ พอได้ยินเขาพูด นางก็ร้องเฮอะใส่ "เอาอะไรมาบอกว่าข้าแย่งท่าน? ท่านต่างหากที่มาแย่งข้า? ข้าเห็นกวางตัวนี้ก่อนนะ""ข้าตามมันมานานแล้ว""แล้วใครไม่ใช่บ้างล่ะ? ข้าเ
"ขอรับ""อืม ไม่ต้องมากพิธี เจ้าโตมาแข็งแรงล่ำสันเสียจริง"ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจเล็ก เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้โตกว่าเจิ้งหยางเท่าไรเลย แล้วสายตาเหมือนผู้อาวุโสมองเด็กน้อยกับน้ำเสียงที่ชื่นชมนี้มันอะไรกัน?แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาถาม"พวกเจ้าดูเขาเอาไว้"ฟู่จาวหนิงใช้คางงัดชี้ไปทางอ๋องเจวี้ยน ให้พวกของลู่ทงขวางไว้ ส่วนตนเองเตรียมจะเดินไปทางกวางตัวนั้นพอเข้าไปใกล้ๆ จึงเห็นว่าดวงตาของกวางตัวนี้เปล่งประกายอย่างมาก มันเงยหน้ามองนาง ดวงตาทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยความอ้อนวอน"ลูกพี่หนิง พวกข้า"เจิ้งหยางมองไปทางอ๋องเจวี้ยนอย่างลำบากใจพวกของลู่ทงตอนนี้เองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีหรือว่าพวกเขาจะต้องตั้งแง่กับอ๋องเจวี้ยนจริงหรือ?แต่คำพูดของลูกพี่หนิงพวกเขาจะไม่ฟังก็ไม่ได้นี่นานี่มันอึดอัดทั้งซ้ายขวาเลยไม่ใช่หรือชิงอีพอเห็นฟู่จาวหนิงเดินไปที่ราชันกวางก็ร้อนรนขึ้นมาแล้วแต่เขาก็ร้องออกมาตรงๆ ไม่ได้ ว่าท่านอ๋องต้องการเลือดราชันกวาง"พระชายา..."พอเรียกเช่นนี้ พวกของลู่ทงก็สงสัยขึ้นมาว่าหูตนเองฝาดไปหรือไม่พวกเขามองชิงอีอย่างตกตะลึง มองตามสายตาเขาไปชิงอีเรียกลูกพี่หนิงว่าพระชายาจริงๆ
และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่
โจวติ้งเจินถูกผลักออกไปจากเมืองเจ้อมาได้ครึ่งทางเขาก็ได้สติขึ้นมา พอรู้ว่าตนเองต้องถอนกำลังแบบนี้ ก็โมโหจนแทบจะเป็นลมไปอีกรอบแต่เขาก็ถ่ายหนักจนตัวโยน ตอนนี้แค่แรงจะด่าก็ยังไม่มีเพราะในป่าในเขา เขากระทั่งไม่มีกระดาษแล้ว ดังนั้นจึงต้องใช้ใบไม้กับกิ่งไม้มาจัดการ ตอนนี้รูทวารเองก็เต็มไปด้วยแผล ขยับทีก็เจ็บเหลือแสน"กลับ กลับไป..."รองขุนพลเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจว่า "ท่านขุนพล ครั้งนี้พวกเราช่างมันเถอะ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนร่วมมือกัน วิธีการก็ชั้นต่ำมาก ไม่รู้ว่ายาพวกนั้นของพวกเขาจัดการมาอย่างไร ถ้าพวกเรายังไปอีก ไม่รู้ว่าต้องติดยากันอีกกี่รอบนะ"ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทางนั้นก็ไม่มีอะไรกินกันแล้ว เดิมทีคิดว่าวันสองวันก็น่าจะจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะไร้เหตุผล ถึงกับใช้วิธีการแบบนี้แล้ววรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนก็ห่างชั้นกับพวกเขา ตราบใดที่ไม่ต้องปะทะกับท่านขุนพล เขาก็แฝงเข้ามาในกลุ่มพวกเขาได้ ถ้าหากเข้ามาก็ไม่มีใครขวางอยู่หรอกพวกเขาถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ยังไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร ต่อให้ไม่ตายชีวิตก็น่าจะหายไปซักครึ่งอยู่"ท่านขุน
โจวติ้งเจินไม่อยากจะออกไปไกลหน่อยเสียที่ไหน?แต่เขาทำไม่ไหวน่ะสิ!ท้องเสียครั้งนี้ ลากยาวไปถึงสามวัน!คืนวันที่สอง พวกทหารที่เรี่ยวแรงหายไปก็ฟื้นกลับมาพอควรแล้ว โจวติ้งเจินกลับล้มลงไปแทนเขาถ่ายออกมาจนทั้งเนื้อตัวซีดไปหมด ไม่มีแรงจะพูดจาเลยทีเดียวตอนที่เขาเตรียมจะรองขุนพลเตรียมเข้าไปตีเมือง รองขุนพลก็เริ่มท้องเสียบ้างแล้ววันที่สาม เขาออกคำสั่งอย่างอ่อนแรงให้ทหารเข้าไปโจมตีเมือง ให้รองขุนพลน้อยหลายคนนำทหารออกไป เหล่าทหารก็ไม่มีแรงกันขึ้นมาอีก!ทหารกว่าครึ่งล้มลงไปนอนระเนระนาดอีกครั้ง ลุกกันไม่ขึ้นแผนการโจมตีเมืองถูกบีบให้หยุดชะงักอีกครั้งโจวติ้งเจินโมโหจนเกือบจะเส้นเลือดในสมองแตกเขาตอนนี้ยังมองไม่ออกที่ไหนว่าเป็นฝีมือเซียวหลันยวน?แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายวางยามาได้อย่างไร! ยาพวกนั้นทำไมถึงไม่มีสีมีกลิ่นเลย"ต้องเป็นฟู่จาวหนิงแน่ๆ ต้องเป็นยาที่นางทำขึ้นมา..."สุดท้ายโจวติ้งเจินคิดออกถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ถ่ายออกมาจนตัวโหวง ลุกไม่ขึ้นที่นี่ไม่มีอะไรที่กินได้แล้ว ต่อให้ล่าสัตว์มา ตอนนี้เขาก็กลืนไม่ลงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป โจวติ้งเจินรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่รองขุนพ
อันเหนียนรู้สึกว่า สามีภรรยาอย่างพวกเขาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย อาจจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอีกก็ได้ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นคู่สวรรค์สร้าง ใครก็แทรกกลางเข้าไปไม่ได้เซียวหลันยวนเดินเข้ามา เห็นอันเหนียนกำลังคุยอยู่กับฟู่จาวหนิงเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง แต่มองไปทางอันเหนียน"คุยอะไรกัน?"คุยกันสนุกเชียวนะ? เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันเหนียนด้วยฟู่จาวหนิงเองก็สีหน้ามีชีวิตชีวาเหมือนกันเอาอีกแล้ว อันเหนียนก่นด่าในใจ เจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน "กำลังคุยกับพระชายา ว่าพวกท่านตอนนี้นิสัยคล้ายคลึงกันเรื่อยๆ แล้ว""อย่างนั้นหรือ? พวกเราเป็นสามีภรรยา จะคล้ายกันมันก็เรื่องปกตินี่" เซียวหลันยวนบีบแขนฟู่จาวหนิง"มือทำไมเย็นนักล่ะ?" ฟู่จาวหนิงโดนความเย็นของมือเขาดึงความสนใจไปทันที นางพลิกกลับมากุมมือเซียวหลันยวน มืออีกข้างก็ปลดหน้ากากของเขาลงมาพอปลดหน้ากากถึงจะเห็นสีหน้าของเขาดูแล้วยังดีอยู่"ฝนตกลงมาครู่หนึ่ง แล้วนอกเมืองก็อากาศเย็นมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด "หนิงหนิงให้ข้ากอดหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นขึ้นแล้ว"แค่กๆอันเหนียน
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย
แต่ว่านางเองก็เห็นว่าฝนเองก็ตกอย่างที่ฟู่จิ้นเชินคำนวณไว้จริงๆตอนนี้พอเห็นสีหน้าของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน ก็รู้ว่าน่าจะเรียบร้อยดี"ให้ใต้เท้าอันเล่าเถอะ เขาเล่านิทานเก่งกว่าข้า" เซียวหลันยวนไม่ค่อยชินที่ต้องพูดอะไรยาวๆ สถานการณ์แบบนี้ให้อันเหนียนพูดดีที่สุดอันเหนียนเองก็ดูจนใจ นี่มองเขาเป็นพวกนักเล่านิทานหรือไรกัน?ปกติเขากับพูดกับพระชายามากหน่อย อ๋องเจวี้ยนก็จะหึงหวงขึ้นมา แล้วมาใช้เขาแบบนี้ ไม่หึงแล้วเรอะ?ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนที่สายตาคาดหวังของฟู่จาวหนิงหันมา อันเหนียนก็เล่าฉากเมื่อครู่ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาฟู่จาวหนิงหลังจากฟังก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"ดูท่าขุนพลโจวคืนนี้คงจะน่าเวทนาเอาเรื่อง ฤทธิ์ของผงยานั่น ก็ทำให้พวกเขากระทั่งแรงจะตั้งค่ายก็ยังไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ"ยิ่งไปกว่นั้นพวกเขายังไม่มีแรงจะเดินไปไหนไกลได้ด้วยถ้าหากฝนตกทั้งคืน เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตากฝนกันทั้งคืนและคืนนี้ โจวติ้งเจินก็ซมซานจนต้องด่าพ่อล่อแม่ออกมาเลยทีเดียวแต่ว่าคนมากมายแค่แรงจะด่าก็ยังไม่มียังดีที่ฝนห่านี้ไม่ได้มีฟ้าผ่า พวกเขาถอยลงไปตีนเขากันอย่างยากลำบาก ที่นั่นมีต้นกล้วยอยู่ผืนใหญ่ แล
เหล่าทหารถ้าให้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน แล้วยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องปวดบิดปวดหัวหรืออยากถ่ายอะไรทำนองนั้นเลยพวกเขาแค่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างเดียวเท่านั้น!"แม่งเอ๊ยจู่ๆ ก็มาอ่อนแรงเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน!" มีคนอดก่นด่าตัวเองขึ้นมาไม่ได้ คิดจะยกมือขึ้นทุบตัวเองก็ยังไม่มีแรงเลยตอนนี้จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอะไรคืออ่อนแอดั่งหลิวต้องลม ปวกเปียกจนดูแลตัวเองไม่ได้มีคนลงไปนอนบนพื้นขนาดแค่จะปีนขึ้นมาก็ยังไม่มีแรง"ลุกขึ้นมา!""บอกให้พวกเจ้าลุกขึ้นมา ไม่ได้ยินรึ? อย่าบีบให้ข้าต้องซัดพวกเจ้านะ!"โจวติ้งเจินโมโหจนมึนงง ตะโกนขึ้นดังลั่น กระโจนลงมาจากม้า สาวเท้าเดินเข้าไปข้างตัวทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ยกเท้าขึ้นเตะคนที่นอนอยู่บนพื้น"ลุกขึ้นมาได้ยินไหม? พวกเจ้าดูซิพวกเหมือนตัวอะไรกันไปแล้ว?"มาตีเมืองกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมานอนบนพื้น! มานอนกันจนทำให้คนบนหอเมืองหัวเราะเยาะ! ดูแล้วยังเป็นเขาด้วยที่กลายเป็นเรื่องตลก!"พวกเจ้าสภาพแบบนี้ ขุนพลอย่างข้าก็เหมือนเข้ามาเป็นตัวตลกให้เขาดูแล้ว!"เข้ามาเป็นตัวตลกให้เซียวหลันยวน!และตอนนี้ บนหอเมืองก็มีเสียงของเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"ข
มีคนตกใจมีคนร้องโหยหวนมีคนมีคนที่กระโดดโลดเต้นและมีคนที่จะกระโดดก็ยังกระโดดไม่ขึ้น หลังจากล้มลงบนพื้นก็ถูกคนข้างๆ ล้มทับกันเข้ามาอีกชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าที่องอาจน่าเกรงขามแต่เดิมของทหาร ก็ดูสับสนโกลาหลเหมือนสุนัขเหมือนไก่ขึ้นมาแม้เอาทหารมากมายไปเทียบกับสุนัขกับไก่จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่สภาพเช่นนี้ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะเดิมทีเหล่าทหารก็เตรียมพร้อมจะโจมตี จัดกระบวนกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงกัน จึงควบคุมไว้ไม่อยู่โจวติ้งเจินพอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธยิ่งร้อนรนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาของคนเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย มีพวกที่อยู่ใกล้หน่อยสูดกันเข้าไปก่อน มีบางส่วนสูดเข้าไปช้าหน่อย บางคนก็สูดเข้าไปมาก บางคนก็สูดเข้าไปน้อยแล้วยังต้องดูกำลังภายในคุณสมบัติร่างกายของแต่ละคนด้วยอย่างโจวติ้งเจิน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด กำลังภายในลึกล้ำ ดังนั้นเขาตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่สบายเท่าไรนักและเพราะเขาที่อยู่ตรงนี้ ตัวเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกาย จึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหล่าทหารเกิดอะไรกันขึ้น"วันนี้กินอะไรกันเข้าไป? โดนพิษอะไรเข้าหร
ฟู่จาวหนิงมั่นใจอย่างมากต่อยาที่ตนเองสกัดขอแค่องครักษ์เหล่านั้นสามารถสาดยาออกไปตามทิศทางลมได้ อย่างน้อยก็ต้องทำลายพลังต่อสู้ของทหารได้ครึ่งหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของยานี้ก็อยู่ได้ถึงเกือบหนึ่งวันเต็มจึงจะอ่อนกำลัง เวลาหนึ่งวัน เพียงพอจะให้โจวติ้งเจินลนลานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทหารจำนวนมากขนาดนี้ล้อมเมืองอยู่ อยู่ดีดีก็ไม่มีเรี่ยวแรง แค่ไปหาสาเหตุก็แทบแย่แล้วโจวติ้งเจินตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นว่าหนึ่งชั่วยามที่กำหนดให้กับโหยวจางเหวิน อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ก็รู้ว่าโหยวจางเหวินต้องคิดจะปกป้องคนป่วยเหล่านั้นแน่นอน"โง่เขลาเสียจริง โหยวจางเหวินคิดว่าตัวเองเป็ฯคนใจบุญมากนักหรือไรกัน? เขาคิดว่าตัวเองจะปกป้องคนมากขนาดนี้ในเมืองเจ้อได้เรอะ? ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมาคอยหนุนเขาได้หรือไรกัน?"โจวติ้งเจินกัดฟัน เรียกรองขุนพลออกมา "เตรียมโจมตีด้วยไฟ แล้วก็เตรียมบุกประตูเมือง"พวกเขาเดิมทียังมีแผนสำรองแบบนี้ไว้ด้วยต่อให้ไม่คิดจะโจมตีเข้าเมืองจริงๆ แต่ก็ยังจะทำท่าทีแบบนั้น ใช้ไม้ซุงทลายประตูโจมตีเข้ามาที่ประตูเมือง ทำให้เกิ