ชิงอีตอนนี้มองอ๋องเจวี้ยนที่นั่งพิงใต้ต้นไม้อย่างกังวลเขาย่างขากระต่ายเสร็จแล้วขาหนึ่ง เดินตรงเข้าไป ยื่นส่งให้อ๋องเจวี้ยน"ท่านอ๋อง กินอะไรหน่อยเถิด"เซ๊ยวหลันยวนเบิกตาโพลง รับขากระต่ายไป ก้มหน้าลงมองผาดหนึ่ง"ข้าน้อยย่างมาไม่ค่อยดีนัก ท่านอ๋องอาจจะไม่ถูกใจ" ชิงอีเหงื่อตก ฝีมือการย่างของเขาปกติก็ธรรมดามากอยู่แล้ว"ท่านอ๋อง หรือไม่หลังจากเรากลับไปก็ให้โอกาศไป๋ซวงอีกสักครั้ง"เพราะไป๋ซวงย่างเนื้อได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวพวกเขาก่อนหน้านี้ที่ยอดเขาโยวชิง และระหว่างทางที่กลับมาเมืองหลวง เนื้อที่ไป๋ซวงย่างล้วนหอมกรุ่น สดนุ่มน้ำในเนื้อเต็มเปี่ยม และไม่รู้ว่าเขาใช้เครื่องปรุงอะไร รสชาติถึงได้ดีกว่าคนอื่นอยู่มากโขชาที่จินเสวี่ยกับนางต้มก็ดีมากอาจจะเพราะเรื่องราวล้วนพัวพันอยู่แต่กับท่านอ๋อง จึลวนรู้ถึงรสนิยมของท่านอ๋อง ดังนั้นจึงบอกว่าพวกนางดูแลได้ดีมากข้างกายท่านอ๋องถ้าไม่มีสาวใช้สองนี้ เช่นนั้นเขาก็เสียหายหลายแสนเลยเซียวหลันยวนเงยหน้าเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง"ข้าเหมือนพวกที่ยอมให้คนที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะของกินแค่เล็กน้อยหรือ?"พูดจนเขาเหมือนเป็นพวกกินดะอย่างไรอย่างนั้นเพื่อ
"ลูกพี่หนิง ท่าฝีมือเด็ดเสียจริง! พวกเราย่างเนื้อกันมาตั้งหลายปี ก็ยังไม่เคยกินที่อร่อยเท่าครั้งนี้เลย""มันอร่อยจนลิ้นข้าห้อยแล้ว! อร่อยจนไม่มีเวลาว่างมาพูดจาเลย"หลายคนราวกับลมพัดพายุคลั่ง กินกันจนไม่สนภาพพจน์แล้วถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเรียกลูกพี่หนิงเพราะฟู่จาวหนิงเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต อยู่ในความหมายการตอบแทนบุญคุณ จะมากน้อยก็ยังอยู่ในส่วนนั้นทว่าตอนนี้ที่พวกเขาเรียกลูกพี่หนิง นั่นเป็นการศิโรราบออกมาอย่างแท้จริงแล้วช่วยชีวิตพวกเขามา แล้วยังทำให้กระเพาะพวกเขายอมยกธงให้อีก!ไม่มีครอีกแล้วฟู่จาวหนิงหลังจากกินแล้วก็ค้นหายาสมุนไพรต่อไปรอบๆไม่คิดเลยว่าที่นี่จะทำให้นางหาเป้าหมายของนางได้ครบหมดในการขึ้นเขาครั้งนี้สมุนไพรพิษทั้งสองอย่างหาได้ครบแล้วแต่ตอนนี้นางก็ยังไม่รีบร้อนกลับไปลู่ทงบอกว่าพวกของจ้าวเฉินตรงไปหาราชันกวาง ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นคู่มือของโหวอาวุโสน้อยอี้อีกด้วย โหวอาวุโสน้อยอี้ก็พาเจ้าพวกเพื่อนหมาๆ ของเขาเหล่านั้นมาอยู่ในภูเขาด้วยราชันกวางนางเองก็จะเอาด้วย!แทนที่จะให้ราชันกวางตกไปอยู่ในมือสองคนนั้น สู้นางแย่งมาเลยดีกว่า!นางค้นหาร่องรอยสัตว์อย่าง
เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงมองเห็นอีกฝ่ายพร้อมกันสายตาทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศครู่หนึ่ง และหันความสนใจไปที่กวางตัวนั้นพร้อมกันกวางได้ยินการเคลื่อนไหวของพวกเขาแล้ว ดิ้นจนคิดจะวิ่งหนี แต่พอยืนขึ้นก็ล้มลงไปมันหนีมาถึงนี่ก็หมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว ซ้ำยังบาดเจ็บหนักขนาดนั้น แค่ยืนก็ยังยืนไม่ไหว แล้วจะวิ่งหนีได้อย่างไร?เซียวหลันยวนใช้กำลังภายใน ความเร็วเร็วกว่าฟู่จาวหนิง ตัวคนก็มาถึงข้างกวางตัวนั้นแล้ว เขายกมือขึ้นจะฟาดลงไปกวางตัวนี้ดูจะช่วยไว้ไม่ได้แล้ว ซ้ำยังบาดเจ็บหนักอีก เลือดก็ไหลมาตั้งเยอะสู้ให้มันไปสบายเสียจะดีกว่า"หยุด!"ฟู่จาวหนิงร้องขึ้นมาฉับพลัน ตัวคนก็รีบเข้ามา เข็มเงินในมือก็ยิงมาทางเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนฉากหลบอย่างรวดเร็ว เลี่ยงออกจากเข็มเงินเล่มนั้น สีหน้าก็นิ่งลงมา"เพื่อจะแย่งกวางตัวนี้ เจ้าถึงกับลงมือกับข้าเลยหรือ?"เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองนางฟู่จาวหนิงยืนคั่นด้วยลำธาร มองไปรอบๆ ว่าจุดไหนพอข้ามไปได้ พอได้ยินเขาพูด นางก็ร้องเฮอะใส่ "เอาอะไรมาบอกว่าข้าแย่งท่าน? ท่านต่างหากที่มาแย่งข้า? ข้าเห็นกวางตัวนี้ก่อนนะ""ข้าตามมันมานานแล้ว""แล้วใครไม่ใช่บ้างล่ะ? ข้าเ
"ขอรับ""อืม ไม่ต้องมากพิธี เจ้าโตมาแข็งแรงล่ำสันเสียจริง"ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจเล็ก เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้โตกว่าเจิ้งหยางเท่าไรเลย แล้วสายตาเหมือนผู้อาวุโสมองเด็กน้อยกับน้ำเสียงที่ชื่นชมนี้มันอะไรกัน?แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาถาม"พวกเจ้าดูเขาเอาไว้"ฟู่จาวหนิงใช้คางงัดชี้ไปทางอ๋องเจวี้ยน ให้พวกของลู่ทงขวางไว้ ส่วนตนเองเตรียมจะเดินไปทางกวางตัวนั้นพอเข้าไปใกล้ๆ จึงเห็นว่าดวงตาของกวางตัวนี้เปล่งประกายอย่างมาก มันเงยหน้ามองนาง ดวงตาทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยความอ้อนวอน"ลูกพี่หนิง พวกข้า"เจิ้งหยางมองไปทางอ๋องเจวี้ยนอย่างลำบากใจพวกของลู่ทงตอนนี้เองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีหรือว่าพวกเขาจะต้องตั้งแง่กับอ๋องเจวี้ยนจริงหรือ?แต่คำพูดของลูกพี่หนิงพวกเขาจะไม่ฟังก็ไม่ได้นี่นานี่มันอึดอัดทั้งซ้ายขวาเลยไม่ใช่หรือชิงอีพอเห็นฟู่จาวหนิงเดินไปที่ราชันกวางก็ร้อนรนขึ้นมาแล้วแต่เขาก็ร้องออกมาตรงๆ ไม่ได้ ว่าท่านอ๋องต้องการเลือดราชันกวาง"พระชายา..."พอเรียกเช่นนี้ พวกของลู่ทงก็สงสัยขึ้นมาว่าหูตนเองฝาดไปหรือไม่พวกเขามองชิงอีอย่างตกตะลึง มองตามสายตาเขาไปชิงอีเรียกลูกพี่หนิงว่าพระชายาจริงๆ
"นางคือลูกพี่ใหญ่ของพวกข้า"ลู่ทงตอบกลับอย่างซื่อตรงลูกพี่ใหญ่?ฟู๋จาวหนิงถ้าหากรับพวกนี้ไว้ได้ แสดงว่าก่อนหน้านี้น่าเวทนามากเลยหรือ?นายท่านเจิ้งเป็นถึงข้าราชการระดับสี่เลยนะ"หลบไป"เซียวหลันยวนขี้เกียจจะพูดมากกับพวกเขา ยื่นมือออกแหวก พวกของลู่ทงยื่นให้นิ่งยังไม่ไหว พอโดนกำลังภายในเข้าวูบหนึ่งก็ถูกแหวกออกไปเสียแล้ว"ซ่า!""อ๋องเจวี้ยนกำลังภายในแกร่งขนาดนี้เลยหรือ?"พวกของลู่ทงประคองร่างจนอยู่ แต่ก็ล้วนไม่อยากเชื่อพวกเขาจะเข้าไปอีก แต่ชิงอีก็มาขวางพวกเขาไว้แล้ว"พวกเจ้าทางที่ดีรออย่างว่าง่ายดีกว่า" อย่าไปวุ่นวายเลยฟู่จาวหนิงกำลังนั่งยองอยู่ข้างกวางตัวนั้น ยื่นมือไปดึงมันขึ้นมาหน่อย ไม่เช่นนั้นตัวมันครึ่งตัวก็จมอยู่ในน้ำ ถูกน้ำในลำธารคอยซัดไม่หยุด ทั้งเจ็บทั้งหนาว"เพียงแต่กวางตัวนี้ขนาดไม่เล็กเลย หนักมาก นางดึงไม่ไหว""ข้าแค่ต้องการเลือดราชันกวาง"เซียวหลันยวนเดินมาข้างกายนางฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองเขา มึนงง"โอ้ จริงสิ เลือดกวางตัวนี้น่าจะมีประโยชน์กับร่างกายของท่าน"ดังนั้นเขาถึงได้มาทที่นี่เพื่อราชันกวางหรือ?"มาช่วยหน่อย ดึงมันขึ้นมาก่อน" นางชี้นิ้วสั่งเขาอย่างไ
"ว่าง่ายหน่อย ข้าจะรักษาแผลให้เจ้า"นางจัดการบาดแผลไปด้วย พลางเอ่ยแผ่วเบากับกวางเซียวหลันยวนยืนมองนางอยู่ข้างๆ รู้สึกแค่ว่าหญิงสาวคนนี้มุ่งมั่นอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้ใบหน้านางก็เหมือนจะมีแสงอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้นางยิ่งดูสวยงามตกตะลึงไปอีกพูดกับกวางตัวหนึ่งยังอ่อนโยนขนาดนี้ แต่ตอนพูดกับเขาอย่างกับคีบน้ำค้างแข็งเอาไว้เขายังสู้กวางตัวหนึ่งไม่ได้เลยหรือ?ฟู่จาวหนิงจัดการบาดแผลเสร็จก็คิดๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองเซียวหลันยวน "หยิบของมารองเลือดกวางสิ"นี่ใช้เขาจนติดใจไปแล้วสินะ?เซียวหลันยวนถอนใจ หันไปเรียกชิงอี"ชิงอี กระบอกไม้ไผ่"พวกเขาเดิมทีก็มีเตรียมการไว้แล้วฟู่จาวหนิงลูบหัวกวางเบาๆ "ขอโทษด้วยนะ พวกเราต้องเอาเลือดของเจ้าไปเสียหน่อย เจ้าที่บาดเจ็บและเสียเลือดไปขนาดนี้แล้ว"คำพูดนางนางรู้สึกว่าขยะแขยงหน่อยๆ จึงเปลี่ยนไปพูดว่า "อีกเดี๋ยวข้าจะชดเชยเลือดให้เจ้าเอง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงฟื้นตัวยากหน่อย"กวางตัวนี้บาดเจ็บหนักมากแล้ว อีกเดี๋ยวนางยังต้องเย็บแผลให้มัน จัดการบาดแผลให้ดี ไม่ใช่นั้นมันคงอยู่ต่อไม่ไหวแล้วเซียวหลันยวนฟังแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ไม่เคยเห็นคนล่าสัตว์กลับมาช่ว
ฟู่จาวหนิงหยิบยวดยาใบหนึ่งออกมา สาดลงไปบนแผลของกวางตัวนี้เลือดแทบจะหยุดไหลไปทันทีเซียวหลันยวนหลังจากเห็นดวงตาก็ลึกดิ่งเขาถามฟู่จาวหนิง "ยานี้เจ้าเป็นคนทำเองหรือ?"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าพอเห็นว่ายังยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิงก็เอ่ยขึ้นอย่างรังเกียจเล็กๆ "ตอนนี้ข้าจะจัดการบาดแผลของกวางตัวนี้ วิะีจัดการค่อนข้างพิเศษ ไม่อยากให้พวกท่านมองเช่นนี้ พวกท่านหลีกออกไปหน่อยได้ไหม?"นางหยิบเข็มเย็บออกมาเย็บปิดแผลวิชาเย็บปิดเช่นนี้ ในแคว้นเจายังไม่มีใครเคยใช้และคิดว่าทั้งใต้หล้าคงยังไม่มีหมอคนไหนเป็นด้วยเซียวหลันยวนไม่ค่อยเข้าใจ "ถ้าเจ้าจะให้ข้าออกไป หรือจะให้พวกเจิ้งหยางทั้งหมดออกไปด้วย?""ดีที่สุดคือออกไปทั้งหมดหรือพวกท่านเดินออกไปห่างๆ หน่อยก็พอ"เซียวหลันยวนพอได้ยินว่านางไม่ได้มีการปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษ ในใจก็เหมือนจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแต่ว่าเขาก็อดพูดคำหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ "ทำเสียลึกลับ มีหมอที่ไหนบ้างตอนที่รักษาไม่ยอมให้คนอื่นได้เห็น?"ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองเขาเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีกเซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "เอาล่ะเอาล่ะเอาล่ะ ข้าจะบอกพวกเจาทั้งหมดให้ถอยออกไป"รอจนเขาเดินออกไปและเรี
ฟู่จาวหนิงชาไปแล้วจริงๆ พิงเขาแค่ชั่วคราวเท่านั้น"ขอบคุณ"เซียวหลันยวนเหลือบมองกวางตัวนั้น บาดแผลพันเอาไว้เสร็จแล้ว"มันยังรอดหรือ?""แค่ไม่ถูกคนมาทารุณกรรม หรือว่าถูกคนทำร้ายจนบาดเจ็บอีกก็น่าจะไม่มีปัญหา" ฟู่จาวหนิงไม่ได้บอกนางว่าตนเองครั้งหน้าจะกลับมาหากวางตัวนี้อีก"แล้วก็มีคนไม่น้อยที่คิดจะจับมัน" เซียวหลันยวนเตือนนาง"เช่นั้นพวกเราก็ช่วยมันอีกสักหน่อยดีไหม?""ช่วยอย่างไร?"ฟู่จาวหนิงคิดๆ "แยกกันไปหาคนเหล่านั้น ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม จัดการล่อพวกเขาไปอีกด้านหนึ่งเสีย!"พอเป็นเช่นนี้ คนเหล่านั้นก็จะหาทิศทางที่ถูกต้องไม่พบ และจะหากวางตัวนั้นไม่เจอมันสามารถรอดชีวิตในภูเขามาได้ตั้งหลายปี ก่อนหน้านี้ก็ยังซ่อนตัวได้อยู่ ครั้งนี้คิดแล้วก็น่าจะเพราะโชคไม่ดีเท่านั้นเซียวหลันยวนพูดไม่ออก"เข้าเองก็มาล่าสัตว์นะ ผลลัพธ์กลายเป็นต้องมาไล่คนแทนแล้วหรือ?"ล่อคนออกไป เรื่องนี้มันเหมาะมาให้เขาทำหรือ?"ท่านจะไม่ทำก็ได้นะ" ฟู่จาวหนิงแหงนตามองเขา ร้องเชอะขึ้น "แต่เชิญท่านอ๋องที่สูงส่งคิดดูด้วย ท่านเพิ่งจะเอาเลือดของราชันกวางมากระบอกหนึ่งนะ เป็นคนแล้วไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณได้หรือ?"รู
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี
อย่างในเวลานี้ คนเราจะลนลานหวาดกลัวกัน ถึงอย่างไรครอบครัวหญิงสาวคนนั้นก็ป่วยตายกันไปห้าคนแล้วนะ โอกาสตายสูงขนาดนี้ ใครจะไม่กล้วบ้าง?ถ้าเผื่อติดโรคแล้วต้องตายล่ะ..."เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงรักษาโรคนี้ได้จริงไหม?" ต่งฮ่วนจือก็ตึงเครียดขึ้นมาแล้ว"เรื่องนี้นางยังไม่ได้บอก เพราะไม่ให้ใครเข้าไปเลย พวกเราตอนี้ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร นางแค่บอกว่าไม่ต้องกังวล"แล้วจะไม่กังวลกันได้อย่างไร?ถึงแม้ฟู่จาวหนิงท้ายสุดจะรักษาโรคนี้ได้ แต่หลังจากระบาดไปจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากช่วงหนึ่งแน่"เมืองเจ้อที่นี่เดิมทีก็น่าจะมีหมออยู่ไหม? พวกเขาไม่เข้ามาช่วยเลยหรือ?" ต่งฮ่วนจือถามรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวมันเหนื่อยเกินไปอันเหนียนเล่าสถานการณ์ของหมอที่นี่กับเขาอันที่จริงสองวันนี้เขาก็หาตัวลูกศิษย์ที่อยู่ในโรงหมอแต่เดิมมาได้สามคนแล้ว ให้พวกเขาเก็บข้าวของแล้วมาช่วยกันที่นี่มีฟู่จาวหนิงคอยนำพวกเขา สำหรับพวกเขาถือเป็นโอกาสในการเรียนที่สุดยอดมาก"พรุ่งนี้เช้าจะมีผู้ช่วยหมอสามคนเข้ามา พวกเขาจะมากน้อยก็มีพื้นฐานอยู่บ้าง ถึงตอนนั้นยังสามารถช่วยเหลือได้""เป็นแค่ผู้ช่วยหมอ ศิษย์น้องหญิงค
"พระชายา" สืออีกังวลมาก มองฟู่จาวหนิงที่นั่งอยู่บนเตียงหลัวฮั่นข้างหน้าต่าง "ท่านจะทำอย่างไร?"หรือว่านางจะอยู่เฝ้าที่นี่ตลอดกัน?ในเมื่อโรคนี้อันตรายขนาดนี้ พระชายาต่างหากถึงจำเป็นต้องมีการคุ้มครองมากที่สุด"อีกเดี๋ยวข้าจะไปห้องข้างๆ ไม่ได้อยู่ที่นี่เฝ้าทั้งคืนหรอก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "ไม่ต้องกังวล"ตอนกลางคืนที่นางอยู่คนเดียวก็เข้าไปในห้องเภสัช หลายวันช่วงนี้นางล้วนนอนอยู่ในห้องเภสัช ถึงอย่างไรก็เป็นสถานที่ของตนเอง ต้องดีกว่าห้องรับแขกที่จัดขึ้นชั่วคราวมากอยู่แล้วตอนนี้มีโรคที่ระบาดได้ นางมานอนอยู่ในมิติของตนเองประสิทธิภาพในการกักกันก็ยิ่งดีกว่า"แล้วพระชายากินข้าวหรือยัง?" สืออีถาม"อีกเดี๋ยวจะกิน""ข้าจะไปนำอาหารมาให้ จะเอามาเยอะหน่อย พระชายาจะได้กินให้มากอีกนิด""ดีเลย"สืออีออกไปแล้ว พอเห็นสือซานที่อยู่ข้างๆ ประตูวงกลม "ให้คนมาเปลี่ยนกับเจ้าคืนนี้""ไม่ ข้าเฝ้าเองยังวางใจกว่า" สือซานกลับไม่ยอมฟู่จาวหนิงให้เขาเฝ้าที่นี่ไม่ปล่อยให้ใครเข้าไป ใจเขาก็ไม่ค่อยสงบแล้ว ว่ามีโรคร้ายอะไรที่ทำให้พระชายาต้องระมัดระวังขนาดนี้?นางไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ แล้วตัวนางเองล่ะ?สืออีเองก
ไข้หวัดปกติก็สามารถระบาดได้ แต่นางไม่ได้ให้คนทำการกักกันดังนั้นตอนนี้พอได้ยินว่าไปที่ห้องผู้ป่วยนั้น อันเหนียนก็เข้าใจความหมายขึ้นมาทันที"นางอยู่ที่นั่นคนดียวหรือ? น้ำเสียงเขาเครียดขึ้นมา"และการเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ของอันเหนียน ต่งฮ่วนจือก็สัมผัสได้แล้วอย่างชัดเจนเขามองอันเหนียน จากนั้นก็มองฟู่จิ้นเชิน "เกิดอะไรขึ้นหรือ? ห้องผู้ป่วยนั่นมีอะไรผิดปกติไหม?""ก่อนหน้านี้มีไป๋หู่กับเสี่ยวเยว่ส่งคนไปที่นั่น ตอนนี้มีฟู่จาวหนิงอยู่คนเดียว" ฟู่จิ้นเชินไม่ได้ตอบคำถามต่งฮ่วนจือแต่ต่งฮ่วนจือก็มองออก ว่าในสายตาเขามีความกังวลขึ้นมาเต็มที่เพียงแต่ชายหนุ่มสองคนนี้ล้วนเป็นพวกไม่ค่อยเผยอารมณ์ออกมาเท่าไรนัก เป็นคนที่หนักแน่นใจเย็นมาก ดังนั้นเขาเองก็พิจารณาถึงความหนักหนาได้ลำบากอันเหนียนยกเท้าไปทางนั้นทันที"ใต้เท้าอัน"ฟู่จิ้นเชินจับแขนเขาไว้ สายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงเองก็กดลงมาอันเหนียนได้สติกลับมาในพริบตา ยืนนิ่งไปแล้ว"นางกำชับอะไรไว้ไหม? ทำตามที่นางว่าเลย" เสียงอันเหนียนเรียบสงบแต่ว่า ฟู่จิ้นเชินมองเขาลึกๆรู้อยู่แท้ๆ ว่าห้องผู้ป่วยนั้นเป็นตัวแทนของอะไร ขนาดตัวเขาฟู่จาวหนิง
อันเหนียนวันนี้พอวุ่นเสร็จ ก็พาคนหนึ่งมาที่โรงหมอฟู่จิ้นเชินเห็นคนที่เข้ามาก็รู้สึกเกินคาด"ผู้จัดการใหญ่ต่ง?"ต่งฮ่วนจือมาแล้ว"คุณชายฟู่"หลังจากต่งฮ่วนจือเข้ามา ด้านหลังก็ยังมีคนอีกหลายคน แบกวัตถุดิบยาเข้ามาหลายหามใหญ่ย่ิงไปกว่านั้นหลังจากพวกเขาวางลง ก็ออกไปแบกรอบที่สอง"นี่คือ?"อันเหนียนเอ่ยต่อให้ "ผู้จัดการใหญ่ต่งขนวัตถุดิบยาเข้ามาให้โดยเฉพาะ พระชายาสองวันก่อนไม่ใช่ว่าเข้าไปหาผู้ดูแลทางนี้มาหรอกหรือ? บอกวัตถุดิบยาที่ขาดกับผู้ดูแลพันธมิตรโอสถไป บอกว่าจะควักเงินจ่ายเอง ให้เขาคิดหาวิธีหน่อย""ไวขนาดนี้ ผู้จัดการใหญ่ต่งก็ได้รับข่าวแล้วหรือ?"เพิ่งจะสองวันเอง เป็นไปได้อย่างไรกัน?จากเมืองหลวงมานี่ยังต้องใข้ตั้งหลายวันพอคำนวณเวลา ต่งฮ่วนจือพอพวกเขาออกเดินทางได้สองวันก็คงจัดการแล้ว"อันที่จริงผู้ดูแลทางนี้ก็เขียนจดหมายถึงข้านานแล้ว บอกสถานการณ์ของทางนี้ ดังนั้นพวกเราจึงจัดการโยกวัตถุดิบยาจากที่อื่นเข้ามาก่อน แค่ยังไม่รู้ว่าต้องส่งไปที่ไหน แค่เตรียมการไว้ก่อน"ต่งฮ่วนจือก็เร่งเดินทางมาหลายวัน สีหน้าอ่อนล้า แต่ก็ยังอธิบายออกมา"ข้าเคยบอกกับศิษย์น้องหญิงแล้ว วัตถุดิบยาสำห