ฟู่จาวหนิงหยิบยวดยาใบหนึ่งออกมา สาดลงไปบนแผลของกวางตัวนี้เลือดแทบจะหยุดไหลไปทันทีเซียวหลันยวนหลังจากเห็นดวงตาก็ลึกดิ่งเขาถามฟู่จาวหนิง "ยานี้เจ้าเป็นคนทำเองหรือ?"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าพอเห็นว่ายังยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิงก็เอ่ยขึ้นอย่างรังเกียจเล็กๆ "ตอนนี้ข้าจะจัดการบาดแผลของกวางตัวนี้ วิะีจัดการค่อนข้างพิเศษ ไม่อยากให้พวกท่านมองเช่นนี้ พวกท่านหลีกออกไปหน่อยได้ไหม?"นางหยิบเข็มเย็บออกมาเย็บปิดแผลวิชาเย็บปิดเช่นนี้ ในแคว้นเจายังไม่มีใครเคยใช้และคิดว่าทั้งใต้หล้าคงยังไม่มีหมอคนไหนเป็นด้วยเซียวหลันยวนไม่ค่อยเข้าใจ "ถ้าเจ้าจะให้ข้าออกไป หรือจะให้พวกเจิ้งหยางทั้งหมดออกไปด้วย?""ดีที่สุดคือออกไปทั้งหมดหรือพวกท่านเดินออกไปห่างๆ หน่อยก็พอ"เซียวหลันยวนพอได้ยินว่านางไม่ได้มีการปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษ ในใจก็เหมือนจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแต่ว่าเขาก็อดพูดคำหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ "ทำเสียลึกลับ มีหมอที่ไหนบ้างตอนที่รักษาไม่ยอมให้คนอื่นได้เห็น?"ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองเขาเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีกเซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "เอาล่ะเอาล่ะเอาล่ะ ข้าจะบอกพวกเจาทั้งหมดให้ถอยออกไป"รอจนเขาเดินออกไปและเรี
ฟู่จาวหนิงชาไปแล้วจริงๆ พิงเขาแค่ชั่วคราวเท่านั้น"ขอบคุณ"เซียวหลันยวนเหลือบมองกวางตัวนั้น บาดแผลพันเอาไว้เสร็จแล้ว"มันยังรอดหรือ?""แค่ไม่ถูกคนมาทารุณกรรม หรือว่าถูกคนทำร้ายจนบาดเจ็บอีกก็น่าจะไม่มีปัญหา" ฟู่จาวหนิงไม่ได้บอกนางว่าตนเองครั้งหน้าจะกลับมาหากวางตัวนี้อีก"แล้วก็มีคนไม่น้อยที่คิดจะจับมัน" เซียวหลันยวนเตือนนาง"เช่นั้นพวกเราก็ช่วยมันอีกสักหน่อยดีไหม?""ช่วยอย่างไร?"ฟู่จาวหนิงคิดๆ "แยกกันไปหาคนเหล่านั้น ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม จัดการล่อพวกเขาไปอีกด้านหนึ่งเสีย!"พอเป็นเช่นนี้ คนเหล่านั้นก็จะหาทิศทางที่ถูกต้องไม่พบ และจะหากวางตัวนั้นไม่เจอมันสามารถรอดชีวิตในภูเขามาได้ตั้งหลายปี ก่อนหน้านี้ก็ยังซ่อนตัวได้อยู่ ครั้งนี้คิดแล้วก็น่าจะเพราะโชคไม่ดีเท่านั้นเซียวหลันยวนพูดไม่ออก"เข้าเองก็มาล่าสัตว์นะ ผลลัพธ์กลายเป็นต้องมาไล่คนแทนแล้วหรือ?"ล่อคนออกไป เรื่องนี้มันเหมาะมาให้เขาทำหรือ?"ท่านจะไม่ทำก็ได้นะ" ฟู่จาวหนิงแหงนตามองเขา ร้องเชอะขึ้น "แต่เชิญท่านอ๋องที่สูงส่งคิดดูด้วย ท่านเพิ่งจะเอาเลือดของราชันกวางมากระบอกหนึ่งนะ เป็นคนแล้วไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณได้หรือ?"รู
พวกของลู่ทงเพื่อจะกินฝีมือของฟู่จาวหนิงก็เอาเป็นเอาตายกันหมดน้ำในละธารสาดกระเซ็นวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง พวกเขาทางนั้นใช้สิบแปดศิลปะการต่อสู้มาจับปลา มีคนใช้ชุดคลุมเป็นถุงน้ำ มีคนใช้กระบี่แทง มีคนใช้หินล้อม มีคนใช้สองมือจับ และยังมีคนถักแหจับปลาเลยด้วย"พระชายา ข้าน้อยก็ลงไปจับปลาด้วยไหม? อีกเดี๋ยวท่านจะได้ย่างปลาให้ท่านอ๋องกิน?" ชิงอีกดเสียงต่อเอ่ยกับฟู่จาวหนิงพวกของลู่ทงทางนั้นก็ยิ่งส่งเสียงโหวกเหวก สีหน้าของท่านอ๋องก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆอย่าถามเขา ว่าท่านอ๋องใส่หน้ากากครึ่งหน้าอยู่แล้วรู้ได้อย่างไรว่าสีหน้าเขาไม่ดี ถึงอย่างไร ตอนที่อารมณ์ท่านอ๋องไม่ดี มุมปากก็จะเม้ม กรามขบแน่น มองออกได้อยู่ชิงอี คิดถึงกระต่ายย่างก่อนหน้านี้ของตนเอง ก็รู้สึกใจโหวงขึ้นมาหน่อยๆฝีมือย่างเนื้อของพระชายาดีกว่าเขามากเลยจริงหรือ?ท่านอ๋องหลังจากเข้ามาในป่าเขาก็ไม่ค่อยได้กินอะไรที่ดีดี กว่าที่จะได้กินอิ่มสักครั้งก็คือท่านอ๋องลงมือเอง"ไปจับเถอะ" ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน กวักมือ "ท่านมาที่นี่ ข้าจะฝังเข็มให้"สภาพเขาเช่นนี้ ดูท่าจะไม่รักชีวิตแล้วจริงๆในตอนนี้พวกเขาก็อยู่ด้วยความสัมพันธ์แบบร่วมมือ
"เซียวหลันยวนท่านนี่มันสุนัขจริงๆ แค่กๆๆ"ฟู่จาวหนิงกลายเป็นหมอนรองรูปคนให้กับเซียวหลันยวนไปแล้ว เกือบหายใจหายคอไม่ทันยังดีจุดที่นางเลือกคือใต้ต้นไม้พอดี ด้านล่างมีใบไม้กองหนาที่ร่วงลงมาอยู่ ค่อนข้างอ่อนนุ่ม"ลุกไม่ไหว หายใจไม่ออก" เซียวหลันยวนพังพาบอยู่บนตัวนาง ไม่มีแรงจะอธิบายเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดว่าเขาจะเอาเปรียบนางเชียวฟู่จาวหนิงยื่นมือออกไปคลำไปที่แผ่นหลังเขา ลูบไปที่จุดชีพจรของเขาตอนที่นิ้วมือนางกดไปที่แผ่นหลัง กลิ่นอายของเซียวหลันยวนเองก็เกร็งขึ้นมา ลมหายใจเองก็เร่งถี่ขึ้นแผ่นหลังเป็นตำแหน่งจุดมิ่งเหมินของเขา แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยให้คนอื่นมีโอกาสมาแตะแผ่นหลังของตนเอง แล้วที่ส่งแผ่นหลังออกไปได้ จะต้องเป็นคนเขาเชื่อใจแค่ไหนกัน?แต่ว่านิ้วของฟู่จาวหนิงตอนนี้กำลังลูบอยู่ที่จุดชีพจรกับข้อต่อกระดูกที่แผ่นหลังเขา"ผ่อนคลาย" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเขาเกร็งไปทั้งตัว กล้ามเนื้อก็แข็งแราวกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น นางกดลงไปบนจุดชีพจรเขาไม่ได้เลย "ถ้าข้าจะสังหารท่านต้องลงทุนขนาดนี้เลยหรือ? รีบๆ ผ่อนคลายได้แล้ว!"นางกัดฟันเอ่ยขึ้น จะกันนางไว้ขนาดนี้ก็พอเสียทีเถอะเซียวหลันย
ฟู่จาวหนิงมองเขาผาดหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของเขา เก็บเข็มลงไปอย่างสงบเซียวหลันยวนพอเห็นท่าทีของนางก็รู้ว่านางคงไม่ตอบคำถามของตนเองแล้วเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาดีขึ้นบ้างแล้ว ยิ่งไปวก่านั้นหัวใจเองก็กลับมาเป็นปกติ และนางก็ยังกดที่จุดชีพจรบนหลังเขา แล้วลงเข็มไปอีกหลายเข็มนางมีวิชาแพทย์เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ควรถูกคนเอาไปลือกันแย่ๆ ขนาดนั้นสิแต่ว่าผู้เฒ่าฟู่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรตัวนาง บางทีต่อมานางอาจจะเจอกับดวงอะไรเข้า?"ยังไม่ลุกอีก?"ฟู่จาวหนิงเก็บของเสร็จจึงลุกขึ้นมา ปัดๆ เสื้อผ้าเซียวหลันยวนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง จู่ๆ ก็รู้สึกปวดหัว จึงยื่นมือไปทางนาง "ลุกไม่ไหว เจ้าดึงข้าหน่อย"?ฟู่จาวหนิงถลึงตาโตมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อเซียวหลันยวนไม่ได้กำลังออดอ้อนนางใช่ไหม?ชายทั้งแท่งคนหนึ่ง! สูงกว่านางเกือบจะหนึ่งหัว แต่นี่กลับให้นางคอยดึงด้วยสภาพ "อ่อนแอไร้กำลัง" เนี่ยนะ?"ผัวะ"นางตบมือของเขาออก"อยากลุกก็ลุก ไม่อยากลุกก็นั่งอยู่อย่างนี้แหละ"นางหมนุตัวเดินออกไปจนพุ่มต้นไม้นางจะไปย่างปลาแล้ว ปล่อยเขาไปแล้วกันหลังจากเดินไปหลายก้าวก็เหมือนคิดอะไรออก หมุนตัวมองม
ไม่นานนัก กลิ่นหอมอหังการก็โถมเข้ามาในจมูก ล้อมจนกลุ่มคนรอบๆ ท้องร้องจ๊อกขึ้นมาชิงอีเองก็เกือบจะน้ำลายไหลแล้วปลาย่างตัวหนึ่งถูกส่งไปที่มือเซียวหลันยวนก่อนฟู่จาวหนิงบอกกับเขาว่า "ท่านกินรสอ่อนหน่อย แล้วก็ใส่วัตถุดิบยาเข้าไปหน่อยหนึ่งด้วย ลองดู ในนี้จะมีกลิ่นยาประหลาดๆ หน่อย รับรองได้ว่าท่านไม่เคยกินมาก่อน"เซียวหลันยวนรับไป เดิมทีคิดจะทำตัวให้สูงส่งเสียหน่อย รอสักครู่แล้วค่อยกัด แต่ผลลัพธ์คือพอรับมาและได้ดมกลิ่นหอมนั่น เขาก็กัดลงไปอย่างทนไม่ไหวคำหนึ่งเนื้อปลาที่สดนุ่มและยังกักเก็บน้ำไว้ระเบิดความสดหวานกับกลิ่นหอมออกมาในปากทันทีในนี้ยังมีกลิ่นยาที่พิเศษมากอยู่ด้วย แค่กลิ่นยานี้ก็ยั่วน้ำลายมากแล้วเขาไม่เคยกินปลาย่างที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย!เซียวหลันยวนไม่สนคำพูดของฟู่จาวหนิงแล้ว กัดลงไปอีกคำทันทีชิงอีพอเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย ก็รอจนคอยืดยาวกว่าจะวนมาถึงเขาที่พวกเขาได้กินไม่เหมือนกับของเซียวหลันยวน นั่นเป็นรสชาติที่เผ็ดชาหน่อย หนังปลาไหม้เกรียมเล็กน้อย เนื้อปลาหวานนุ่มลื่นชิงอีสวาปามอย่างกับหมาป่าอย่างกับพยัคฆ์"ท่านอ๋อง ฝีมือย่างปลาของพระชายา จะไป๋ซวงอีกสักกี่คนก็เ
"มีคนตามมาแล้ว"ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี"เจ้ากับมันไปก่อนเถอะ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "พวกเราจะดึงคนออกไปเอง""ได้เลย"ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนที่จะคุยกับเขาแล้ว ตบลงที่ตัวราชันกวาง "พวกเรารีบไปเถอะ"ราชันกวางพานางเดินตรงไปยังป่าลึกเซียวหลันยวนมองนางจากไป และอดส่งสื่อเสียงให้นางไม่ได้ "เจ้าไปคนเดียวจะกลัวไหม?"ให้นางตามกวางตัวหนึ่งเข้าไปในป่าทึบ จะมีอันตรายไหม?"ไม่กลัว! อย่าพูดไร้สาระเลย รีบไปขวางคนไว้!"เสียงฟู่จาวหนิงส่งออกมาเขาพูดไร้สาระหรือ?เซียวหลันยวนกัดกัดฟันไม่ได้รู้จิตใจคนเอาเสียเลย หรือว่าเขาไม่กังวลต่อตัวนางเลยหรือ? เดิมทียังคิดจะบอกว่าให้เขาเดินไปกับนาง แต่พอได้ยินนางพูดแบบนี้ก็โยนความคิดทิ้งไปพอคิดถึงนางก่อนหน้าที่ซัดงูพิษตายด้วยเข็มเดียว เขาก็รู้สึกว่านางน่าจะไม่มีปัญหาพวกของลู่ทงเองก็ยืนขึ้นมาแล้วเพียงไม่นาน ในป่าด้านหน้าก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาคนที่นำคือโหวอาวุโสน้อยอี้ข้างกายเขายังมีเหล่าเพื่อนสุนัขกลุ่มนั้นด้วย แล้วยังพาองครักษ์มาอีกไม่น้อยเลย บนตัวทุกคนล้วนดูซมซานนิดๆ ดูท่าน่าจะไล่ตามอยู่ในป่ามาครึ่งค่อนวันพอเห็นคนทางนี้ อีกฝ่ายก็ตะลึงงั
"นั่นน่ะสิ!" ลู่ทงมองไปรอบๆ เหมือนกำลังกดเสียงต่ำเพื่อคุยกับเจิ้งหยาง อันที่จริงเขาเป็นคนเสียงดัง คำพูดที่พูดมาก็ยังทำให้โหวอาวุโสน้อยอี้ได้ยินอยู่ดี"มีราชันกวางจริงๆ! แล้วยังบาดเจ็บอีกด้วย พวกเราอย่ามามัวจับปลาย่างปลาเลย รีบออกหาดีกว่า! ถึงอย่างไรพวกเรานั่งกินปลาอยู่ตั้งครึ่งค่อนวันก็ยังไม่เห็น จะต้องอยู่ที่อื่นแน่ รีบไปเถอะ เหลือพวกนี้ทิ้งไว้ให้พวกเขาแล้วกัน"โหวอาวุโสน้อยอี้พอได้ยินคำพูดเขา ก็มองๆ รอบตัวพวกเขามีกองไฟกับก้างปลาอยู่กองหนึ่งจริงๆข้างลำธารมีรอยเลือดกับเกล็ดปลาบางส่วนที่พวกเขาจัดการปลาเอาไว้ดูแล้วพวกเขาเพิ่งจะจับปลายางปลากินกันจริงๆ แล้วยังอยู่ที่นี่นานพอควรอีกด้วยถ้าราชันกวางผ่านที่นี่ไปจริง แล้วยังบาดเจ็บอีกด้วย พวกเขาจะปล่อยมันหนีไปได้หรือ? จะต้องจัดการล่ามันไปนานแล้วแน่นอน!แต่ว่ารอบตัวพวกเขาไม่มีสัตว์ที่ล่าไว้สักตัว ไม่ต้องพูดถึงราชันกวางเลยถ้าเห็นเหยื่อชั้นดีขนาดนั้น คนเหล่านี้จะปล่อยไปได้อย่างไร?เซียวหลันยวนยืนขึ้นมา ส่งสายตาให้กับชิงอี จู่ๆ ร่างก็แฉลบออกไป ข้ามลำธารตรงไปยังทางตรงข้ามกับป่าชิงอีเอ่ยกับพวกลู่ทงอย่างรวดเร็ว "ไป!"เขาเองก็รีบตามอ๋อ
"ท่านอ๋อง"ด้านนอกมีเสียงเสี่ยวเถาคารวะอ๋องเจวี้ยนดังลอดเข้ามาเซียวหลันยวนเดินเข้ามาแล้วส่วนประโยคครึ่งหลังของเซี่ยซื่อตอนนี้ก็เพิ่งจะดังขึ้นมา..."ยังไหวอยู่ใช่ไหม?"พอสิ้นเสียงนางก็เห็นอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา แทบจะสำลักขึ้นทันที รีบลุกขึ้นยืน"คารวะท่านอ๋อง! อันห่าว พวกเราไปให้อาหารไก่กัน!"เซี่ยซื่อรีบพูดประโยคนี้ ดึงเซี่ยอันห่าวรีบเดินออกไปแล้วให้ตายเถอะ ตอนที่นางพูดอะไรแบบนี้ ทำไมถึงมาถูกอ๋องเจวี้ยนจับได้กัน? จาวหนิงเองทำไมไม่บอก ว่าอ๋องเจวี้ยนจะเข้ามารับนาง?ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะมารับด้วยซ้ำวันนี้นางกลับมาบ้านตระกูลฟู่ เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทำธุระแท้ๆ ทำไมถึงเข้ามาได้กัน?"ท่านมาได้อย่างไรกันนี่?"หลังจากนางถามก็รีบปิดงานปักชิ้นนั้นไว้ด้วยสัญชาตญาณแต่หลังจากทำท่าทางนี้ นางก็รู้สึกประหม่า ทำไมนางต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ด้วยล่ะ? ประหม่าอะไรกัน?ด้วยสมองของเซียวหลันยวน ไม่มีทางมองข้ามการกระทำนี้ของนางแน่ ยิ่งไปกว่นั้น คงคิดได้แล้วว่าเจ้าสิ่งนี้มีอะไรผิดปกติแล้วก็ตามคาด สายตาของเซียวหลันยวนตกไปอยู่บนของขวัญชิ้นนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกใน
ฟู่จาวเฟยบอกกับนางเบาๆ "พี่สาวข้ากล่อมน้าเซี่ยแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องออกไปแล้ว ยังอยู่ที่บ้านนี่ล่ะ"อันห่าวถอนใจโล่งนางยิ้มขึ้นมา ยิ้มอย่างเจิดจ้า"ข้ามีของขวัญจะให้พี่จาวหนิง"นางรีบวิ่งกลับไปห้องของตนเองหยิบของขวัญที่เตรียมไว้แล้วล่วงหน้า วิ่งไปส่งให้ฟู่จาวหนิง"อันห่าวยังมีของขวัญให้ข้าด้วยหรือ? ดีจังเลย ข้าดีใจมาก"ฟู่จาวหนิงรับมาอย่างดีใจ"เป็นงานปักชิ้นหนึ่ง ใส่กรอบไม้พะยูงไว้แล้ว เอาไปแขวนได้" เซี่ยซื่อปิดปากมองนางยิ้มๆ "อันห่าวปักอยู่นานมากเลย"นางเฝ้ารอฟู่จาวหนิงกลับมาเห็นงานปักแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร"ขอบคุณนะเซี่ยอันห่าว ไว้ข้ากลับมาจะเอามาแขวนไว้ที่ห้องหนังสือแน่นอน จะได้เห็นทุกวัน!"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ"จริงหรือ?" เซี่ยอันห่าวเห็นนางดีใจ ก็เบิกบานตามไปด้วย"แน่นอน..."คำนี้ของฟู่จาวหนิงยังพูดไม่ทันจบ ก็มองเห็นรูปภาพที่ปักอยู่บนชิ้นงาน ครึ่งประโยคหลังของนางก็ติดอยู่ที่คอหอยทันที"แค่กๆๆ"นางจะชมว่าฝีมือปักของเซี่ยอันห่าวดีมากหรือ?!เสิ่นเชี่ยวเองก็เข้ามาดูด้วย น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาแต่เดิม ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้เพราะบนงานปักเป็นรูปคนสี่คน!ร่างสูง
เสิ่นเชี่ยวยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงนางอยากจะให้เวลาย้อนกลับไปอีกหน่อย แล้วฟังให้ชัดอีกครั้ง เมื่อครู่ฟู่จาวหนิงเรียกนางว่าแม่ใช่ไหม?เซี่ยซื่อกับฟู่จาวหนิงคุยกันอีกสองคำ ก็เงยหน้าขึ้นมองสภาพเสิ่นเชี่ยว จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น"อาเชี่ยว?"นางโตกว่าเสิ่นเชี่ยว ก่อนหน้านี้เสิ่นเชี่ยวก็เรียกนางว่าพี่สะใภ้รองอยู่ตลอด ตอนนี้ทั้งสองคนเรียกกันแบบพี่น้อง นางจึงเรียนกชื่อเสิ้นเชี่ยวตรงๆเซี่ยซื่อเขย่าตัวเสิ่นเชี่ยวเบาๆ"ทำไมนิ่งไปแล้วล่ะ?"เสิ่นเชี่ยวตอนนี้เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบเช็ดน้ำตาที่หลั่งทะลักออกมา แต่นางเองก็ไม่ทันสังเกต ไม่รู้เลยว่าตนเองร้องไห้ออกมาแล้ว"ข้า ข้าได้ยินจาวหนิง นาง..." เรียกข้าว่าแม่น่ะ"จาวหนิงเป็นเด็กดี" เซี่ยซื่อเข้าใจความคิดนางขึ้นมาทันที "เจ้าน่ะ มีบุญญาวาสนามาก"เซี่ยซื่อก่อนหน้านี้เป็นห่วงฟู่จาวหนิงมาก รู้สึกว่านางยากลำบากจริงๆ ตั้งแต่เด็กไม่มีพ่อแม่ ต่อมาก็ต้องดูแลท่านปู่ตั้งแต่อายุยังน้อย ในบ้านก็ถูกญาติๆ รังแกนางยังโมโหเสิ่นเชี่ยวกับฟู่จิ้นเชินแทนจาวหนิงเลยแต่ตอนที่ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวกลับมา นางได้ยินว่าสามีภรรยาทั
"ช่วงนี้เจ้าก็พักผ่อนดีดีก่อน"เซียวหลันยวนบีบเอวนาง เป็นห่วงเป็นใย"ขุนให้มีน้ำมีนวลขึ้นหน่อย"นางตอนนี้ผอมมากไปแล้วผอมจนดูเหมือนเซียนแล้ว รู้สึกเหมือนจะบินลอยไปได้ตลอดเวลาฟู่จาวหนิงลูบหน้าเขา "ท่านเองก็ต้องขุนให้มีน้ำมีนวลด้วย"สามีภรรยาถัดจากนี้จึงเริ่มแผนการขุนตัวเองฟู่จาวหนิงกลับไปบ้านตระกูลฟู่ ผู้เฒ่าฟู่เองก็เห็นว่านางผอมไปมาก เป็นห่วงจนร้องเรียกป้าจงรีบเข้ามาทำกับข้าวดีดีให้นางสักมื้อเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวก็ล้อมเข้ามา หาข่าวเรื่องเมืองเจ้อกับนางระหว่างนี้ ฟู่จาวหนิงก็มองออกว่าเซี่ยซื่อเหมือนมีเรื่องอะไร จึงหาจังหวะถามนางขึ้น"น้าเซี่ย ทำไมรู้สึกเหมือนท่านดูไม่ค่อยร่าเริงเลย?"เซี่ยซื่อถอนหายใจ ไม่ได้คิดจะปิดบังนาง"จาวหนิง เจ้าเองก็รู้แล้ว ว่าเมื่อครู่ข้าหาข่าวเรื่องที่เมืองเจ้ออยู่ไม่น้อย อันที่จริงข้าก็เคยคิด ว่าจะไปอยู่ที่เมืองเจ้อดีไหม""ทำไมหรือ? อยู่ที่นี่ไม่สบายใจหรือ?" ฟู่จาวหนิงงงงันขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าเซี่ยซื่อมีความคิดแบบนี้"ไม่หรอก อยู่ที่นี่สบายใจอยู่แล้ว แต่คนของตระกูลหลินก็ไม่ยอมตายใจเอาแต่เข้ามารังควาญ"หลังจากที่เซี่ยซื่อหย่ากับสามี คนตระกูล
"ดูการเคลื่อนไหวของทูตแคว้นหมิ่นอีกหน่อย"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตอนนี้ยังออกไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ดูก่อนว่าทูตของแคว้นหมิ่นเจรจากับองค์จักรพรรดิได้หรือไม่ฟู่จาวหนิงดึงเขานั่งลง อ้อมไปอยู่ด้านหลังแล้วนวดหัวให้เขาหลายวันนี้เขาเองก็ยุ่งเหลือเกิน ต้องจัดการเรื่องตั้งมากมาย นางเหนื่อย เขาเองก็ไม่ได้สบายเท่าไรนัก"แคว้นหมิ่นต้องการตงฉิง เรื่องนี้ท่านคิดอย่างไรบ้างล่ะ?"ตงฉิง ถึงอย่างไรก็เป็นของเขาเขาตอนนี้คงผู้สืบทอดหนึ่งเดียวของตงฉิงตงฉิงตอนนี้ต่อให้ยังไม่เห็นท้องฟ้าเห็นตะวัน แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีเจ้าของถ้าหากแคว้นหมิ่นต้องการคลังสมบัติกับเหมืองแร่ของตงฉิง ก็เท่ากับต้องการสิ่งของของเซียวหลันยวน จากความเข้าใจต่อเซียวหลันยวนของฟู่จาวหนิง เขาจะไม่ทนดูของของตนเองถูกแบ่งออกไปแน่เซียวหลันยวนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายและสบายที่นิ้วของนางนำมา"ตงฉิง ข้าไม่ยอมยกให้อยู่แล้ว"ตงฉิง เขามีจุดประสงค์อื่นอยู่แล้วของที่เป็นของเขา เขาไม่มีทางยอมให้เปล่าๆ แบบนี้ไหนจะเรื่องนี้ แม้เขาเป็นคนแคว้นเจา แต่ตอนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตงฉิงครั้งนั้น แคว้นเจารู้แต่ก็ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ในอดีตเคยรับบุ
ฟู่จาวหนิงเห็นเขาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่"รู้สึกว่าเขาไม่ควรโง่ขนาดนี้"เซียวหลันยวนคิดถึงท่วงท่าสง่าผ่าเผยสมัยที่จักรพรรดิยังวัยหนุ่ม คิดถึงตอนที่เขายังเด็ก ตอนที่องค์จักรพรรดิยิ้มแย้มทักทายเขา แต่พอหันกลับก็วางแผนเกือบทำเขาจมบ่อน้ำตายครั้งนั้น เขามองไม่ออกถึงแผนการที่องค์จักรพรรดิสร้างขึ้นมาจริงๆต่อมาให้คนไปตรวจสอบก็ยังตรวจสอบอะไรไม่ได้ หลักฐานทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเชื่อมั่นสัญชาตญาณตนเองเกินไป เขาก็คงถูกหลอกผ่านไปแล้วแต่ว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิกลับโง่แบบนี้ไปแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ที่ข้าจับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ ก็ไม่พบว่าเขาโดนยาพิษอะไร" ฟู่จาวหนิงนึกย้อนกลับไปตอนที่จับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ "แต่ว่า จับชีพจรเองก็ไม่ได้แม่นยำไปเสียทั้งหมด ถ้าหากโดนพิษที่ออกฤทธิ์ช้ามาหลายปีจนทำร้ายสมองเข้า ก็ไม่แน่ว่าจะตรวจหาพบ"ฟู่จาวหนิงมองเขา "ท่านสงสัยเรื่องนี้หรือ?"เขาน่าจะสงสัยว่าองค์จักรพรรดิถูกวางยาพิษ พอสะสมนานวันเข้าจึงกระทบไปถึงสมองจะว่าไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้"เป็นไปได้ แต่ในเมื่อเจ้าตรวจไม่เจอ ก็อธิบายว่าต่อให้ถูกว
เสิ่นเชี่ยวยืนยันว่าไม่ได้ยินเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆพอเซียวหลันยวนกลับมา ฟู่จาวหนิงจึงถามขึ้นเซียวหลันยวนก็มีแหล่งข่าวของตนเองอยู่"นางกับหยวนอี้อยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนบาดเจ็บ หยวนอี้หนักหน่อย ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งตัวเป็นสาวใช้วัง พักฟื้นอยู่ด้วยกันในวังราชนิเวศน์ ทั้งสองคนไม่ออกไปไหนเลย"เซียวหลันยวนหลังจากกลับมาก็พักผ่อนไปหนึ่งวัน จากนั้นก็เริ่มจัดการธุระเรื่องต่างๆองค์จักรพรรดิยังไม่เรียกเขาเข้าวัง ตอนนี้น่าจะยังกลัวอยู่หน่อยๆ กลัวเขาที่เพิ่งกลับมาจากเมืองเจ้อ จะถูกติดโรคระบาดมาหรือเปล่าเรื่องครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกความขี้ขลาดกลัวตายขององค์จักรพรรดิ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองเจ้อ องค์จักรพรรดิขี้เกียจจะไปถาม เพราะถ้าจะถามขึ้นมาจริงๆ เป็นไปได้มากว่าจะถูกเขาพูดไปถึงช่วงหลัง แล้วถามหาความรับผิดชอบเรื่องวัตถุดิบยากับเสบียงเหล่านั้นระดับความขี้เหนียวขนาดนั้นขององค์จักรพรรดิ จะยอมออกมาได้อย่างไร?ดังนั้นเรื่องนี้เกรงว่าคงมีแต่จะยื้อออกไปเรื่อยๆ ลากไปจนกว่าโหยวจางเหวินจะเข้าวังเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ขี้เกียจไปคิดเล็กคิดน้อยกับอง
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมองจูเฉียนเฉี่ยน"คนทั้งหมดล้วนกำลังยุ่งกับเรื่องสำคัญ ยุ่งกันจนหัวหมุน ใครมีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระของเจ้ากัน? อย่าคิดว่าทุกคนเขาจะเอาแต่คิดเรื่องความรักที่ไม่เหมาะสมนี้! หมอฟู่เองก็ไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรเจ้า แค่ไม่อยากให้เจ้าทำเรื่องเสียต่างหาก""ข้าไปทำเรื่องเสียตอนไหนกัน? ข้าก็ช่วยอยู่ที่นั่นตลอด ข้าเองก็ช่วยไปตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?" จูเฉียนเฉี่ยนน้อยใจ"เช่นนั้นเจ้าก็ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้เรอะ? ยังคิดจะตามไปเมืองหลวงอีก?""ท่านลุง หรือข้าจะต้องเป็นยายแก่ที่ไม่ได้แต่งงานไปตลอดชีวิตกัน? พ่อกับแม่ข้าจะไม่วางใจเอานะ!" จูเฉียนเฉี่ยนตาแดงรื้นขึ้นมานางมองไปยังรถม้าที่แล่นห่างออกไป รู้ว่าตอนนี้ตนเองตามไปไม่ทันแล้ว เสียใจจนอยากจะร้องไห้"ใครไม่ให้เจ้าแต่งงานกัน? ข้าจะให้ป้าของเจ้าหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้เาอง""ชีวิตของข้าไม่เหมาะกับคนธรรมดา!" จูเฉียนเฉี่ยนร้องขึ้นมาอีกนางแต่งงานส่งเดชไม่ได้"เช่นนั้นก็หาคนที่เหมาะก็จบแล้วนี่!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตะคอกเสียงขรึมถึงอย่างไรถ้าเขาทำให้จูเฉียนเฉี่ยนไประรานตระกูลฟู่ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีหน้าไปพบหมอฟู่แล้วจูเฉียนเฉ
และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่