"เซียวหลันยวนท่านนี่มันสุนัขจริงๆ แค่กๆๆ"ฟู่จาวหนิงกลายเป็นหมอนรองรูปคนให้กับเซียวหลันยวนไปแล้ว เกือบหายใจหายคอไม่ทันยังดีจุดที่นางเลือกคือใต้ต้นไม้พอดี ด้านล่างมีใบไม้กองหนาที่ร่วงลงมาอยู่ ค่อนข้างอ่อนนุ่ม"ลุกไม่ไหว หายใจไม่ออก" เซียวหลันยวนพังพาบอยู่บนตัวนาง ไม่มีแรงจะอธิบายเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดว่าเขาจะเอาเปรียบนางเชียวฟู่จาวหนิงยื่นมือออกไปคลำไปที่แผ่นหลังเขา ลูบไปที่จุดชีพจรของเขาตอนที่นิ้วมือนางกดไปที่แผ่นหลัง กลิ่นอายของเซียวหลันยวนเองก็เกร็งขึ้นมา ลมหายใจเองก็เร่งถี่ขึ้นแผ่นหลังเป็นตำแหน่งจุดมิ่งเหมินของเขา แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยให้คนอื่นมีโอกาสมาแตะแผ่นหลังของตนเอง แล้วที่ส่งแผ่นหลังออกไปได้ จะต้องเป็นคนเขาเชื่อใจแค่ไหนกัน?แต่ว่านิ้วของฟู่จาวหนิงตอนนี้กำลังลูบอยู่ที่จุดชีพจรกับข้อต่อกระดูกที่แผ่นหลังเขา"ผ่อนคลาย" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเขาเกร็งไปทั้งตัว กล้ามเนื้อก็แข็งแราวกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น นางกดลงไปบนจุดชีพจรเขาไม่ได้เลย "ถ้าข้าจะสังหารท่านต้องลงทุนขนาดนี้เลยหรือ? รีบๆ ผ่อนคลายได้แล้ว!"นางกัดฟันเอ่ยขึ้น จะกันนางไว้ขนาดนี้ก็พอเสียทีเถอะเซียวหลันย
ฟู่จาวหนิงมองเขาผาดหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของเขา เก็บเข็มลงไปอย่างสงบเซียวหลันยวนพอเห็นท่าทีของนางก็รู้ว่านางคงไม่ตอบคำถามของตนเองแล้วเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาดีขึ้นบ้างแล้ว ยิ่งไปวก่านั้นหัวใจเองก็กลับมาเป็นปกติ และนางก็ยังกดที่จุดชีพจรบนหลังเขา แล้วลงเข็มไปอีกหลายเข็มนางมีวิชาแพทย์เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ควรถูกคนเอาไปลือกันแย่ๆ ขนาดนั้นสิแต่ว่าผู้เฒ่าฟู่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรตัวนาง บางทีต่อมานางอาจจะเจอกับดวงอะไรเข้า?"ยังไม่ลุกอีก?"ฟู่จาวหนิงเก็บของเสร็จจึงลุกขึ้นมา ปัดๆ เสื้อผ้าเซียวหลันยวนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง จู่ๆ ก็รู้สึกปวดหัว จึงยื่นมือไปทางนาง "ลุกไม่ไหว เจ้าดึงข้าหน่อย"?ฟู่จาวหนิงถลึงตาโตมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อเซียวหลันยวนไม่ได้กำลังออดอ้อนนางใช่ไหม?ชายทั้งแท่งคนหนึ่ง! สูงกว่านางเกือบจะหนึ่งหัว แต่นี่กลับให้นางคอยดึงด้วยสภาพ "อ่อนแอไร้กำลัง" เนี่ยนะ?"ผัวะ"นางตบมือของเขาออก"อยากลุกก็ลุก ไม่อยากลุกก็นั่งอยู่อย่างนี้แหละ"นางหมนุตัวเดินออกไปจนพุ่มต้นไม้นางจะไปย่างปลาแล้ว ปล่อยเขาไปแล้วกันหลังจากเดินไปหลายก้าวก็เหมือนคิดอะไรออก หมุนตัวมองม
ไม่นานนัก กลิ่นหอมอหังการก็โถมเข้ามาในจมูก ล้อมจนกลุ่มคนรอบๆ ท้องร้องจ๊อกขึ้นมาชิงอีเองก็เกือบจะน้ำลายไหลแล้วปลาย่างตัวหนึ่งถูกส่งไปที่มือเซียวหลันยวนก่อนฟู่จาวหนิงบอกกับเขาว่า "ท่านกินรสอ่อนหน่อย แล้วก็ใส่วัตถุดิบยาเข้าไปหน่อยหนึ่งด้วย ลองดู ในนี้จะมีกลิ่นยาประหลาดๆ หน่อย รับรองได้ว่าท่านไม่เคยกินมาก่อน"เซียวหลันยวนรับไป เดิมทีคิดจะทำตัวให้สูงส่งเสียหน่อย รอสักครู่แล้วค่อยกัด แต่ผลลัพธ์คือพอรับมาและได้ดมกลิ่นหอมนั่น เขาก็กัดลงไปอย่างทนไม่ไหวคำหนึ่งเนื้อปลาที่สดนุ่มและยังกักเก็บน้ำไว้ระเบิดความสดหวานกับกลิ่นหอมออกมาในปากทันทีในนี้ยังมีกลิ่นยาที่พิเศษมากอยู่ด้วย แค่กลิ่นยานี้ก็ยั่วน้ำลายมากแล้วเขาไม่เคยกินปลาย่างที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย!เซียวหลันยวนไม่สนคำพูดของฟู่จาวหนิงแล้ว กัดลงไปอีกคำทันทีชิงอีพอเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย ก็รอจนคอยืดยาวกว่าจะวนมาถึงเขาที่พวกเขาได้กินไม่เหมือนกับของเซียวหลันยวน นั่นเป็นรสชาติที่เผ็ดชาหน่อย หนังปลาไหม้เกรียมเล็กน้อย เนื้อปลาหวานนุ่มลื่นชิงอีสวาปามอย่างกับหมาป่าอย่างกับพยัคฆ์"ท่านอ๋อง ฝีมือย่างปลาของพระชายา จะไป๋ซวงอีกสักกี่คนก็เ
"มีคนตามมาแล้ว"ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี"เจ้ากับมันไปก่อนเถอะ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "พวกเราจะดึงคนออกไปเอง""ได้เลย"ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนที่จะคุยกับเขาแล้ว ตบลงที่ตัวราชันกวาง "พวกเรารีบไปเถอะ"ราชันกวางพานางเดินตรงไปยังป่าลึกเซียวหลันยวนมองนางจากไป และอดส่งสื่อเสียงให้นางไม่ได้ "เจ้าไปคนเดียวจะกลัวไหม?"ให้นางตามกวางตัวหนึ่งเข้าไปในป่าทึบ จะมีอันตรายไหม?"ไม่กลัว! อย่าพูดไร้สาระเลย รีบไปขวางคนไว้!"เสียงฟู่จาวหนิงส่งออกมาเขาพูดไร้สาระหรือ?เซียวหลันยวนกัดกัดฟันไม่ได้รู้จิตใจคนเอาเสียเลย หรือว่าเขาไม่กังวลต่อตัวนางเลยหรือ? เดิมทียังคิดจะบอกว่าให้เขาเดินไปกับนาง แต่พอได้ยินนางพูดแบบนี้ก็โยนความคิดทิ้งไปพอคิดถึงนางก่อนหน้าที่ซัดงูพิษตายด้วยเข็มเดียว เขาก็รู้สึกว่านางน่าจะไม่มีปัญหาพวกของลู่ทงเองก็ยืนขึ้นมาแล้วเพียงไม่นาน ในป่าด้านหน้าก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาคนที่นำคือโหวอาวุโสน้อยอี้ข้างกายเขายังมีเหล่าเพื่อนสุนัขกลุ่มนั้นด้วย แล้วยังพาองครักษ์มาอีกไม่น้อยเลย บนตัวทุกคนล้วนดูซมซานนิดๆ ดูท่าน่าจะไล่ตามอยู่ในป่ามาครึ่งค่อนวันพอเห็นคนทางนี้ อีกฝ่ายก็ตะลึงงั
"นั่นน่ะสิ!" ลู่ทงมองไปรอบๆ เหมือนกำลังกดเสียงต่ำเพื่อคุยกับเจิ้งหยาง อันที่จริงเขาเป็นคนเสียงดัง คำพูดที่พูดมาก็ยังทำให้โหวอาวุโสน้อยอี้ได้ยินอยู่ดี"มีราชันกวางจริงๆ! แล้วยังบาดเจ็บอีกด้วย พวกเราอย่ามามัวจับปลาย่างปลาเลย รีบออกหาดีกว่า! ถึงอย่างไรพวกเรานั่งกินปลาอยู่ตั้งครึ่งค่อนวันก็ยังไม่เห็น จะต้องอยู่ที่อื่นแน่ รีบไปเถอะ เหลือพวกนี้ทิ้งไว้ให้พวกเขาแล้วกัน"โหวอาวุโสน้อยอี้พอได้ยินคำพูดเขา ก็มองๆ รอบตัวพวกเขามีกองไฟกับก้างปลาอยู่กองหนึ่งจริงๆข้างลำธารมีรอยเลือดกับเกล็ดปลาบางส่วนที่พวกเขาจัดการปลาเอาไว้ดูแล้วพวกเขาเพิ่งจะจับปลายางปลากินกันจริงๆ แล้วยังอยู่ที่นี่นานพอควรอีกด้วยถ้าราชันกวางผ่านที่นี่ไปจริง แล้วยังบาดเจ็บอีกด้วย พวกเขาจะปล่อยมันหนีไปได้หรือ? จะต้องจัดการล่ามันไปนานแล้วแน่นอน!แต่ว่ารอบตัวพวกเขาไม่มีสัตว์ที่ล่าไว้สักตัว ไม่ต้องพูดถึงราชันกวางเลยถ้าเห็นเหยื่อชั้นดีขนาดนั้น คนเหล่านี้จะปล่อยไปได้อย่างไร?เซียวหลันยวนยืนขึ้นมา ส่งสายตาให้กับชิงอี จู่ๆ ร่างก็แฉลบออกไป ข้ามลำธารตรงไปยังทางตรงข้ามกับป่าชิงอีเอ่ยกับพวกลู่ทงอย่างรวดเร็ว "ไป!"เขาเองก็รีบตามอ๋อ
มากขนาดนี้เชียว!ทั้งหมดล้วนเป็นเบญจมาศหรือว่าราชันกวางตัวนี้คิดจะพานางมาดูดอกไม้ผืนนี้?"น้องกวาง! เจ้าเยี่ยมจริงๆ!"ฟู่จาวหนิงกอดราชันกวาง กระโดดโลดเต้นขึ้นมาอย่างดีใจวัตถุดิบยานี้ นางจะบอกว่าล้ำค่ามากก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะว่ามันไม่ใช่วัตถุดิบยาที่สร้างกล้ามเนื้อเอ็นกระดูก หรือทำให้คนตายฟื้นกลับมาได้แต่วัตถุดิบยานี้ต่างหากที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด จะป่วยน้อยเจ็บน้อยก็ล้วนต้องการมันอย่างอาการที่ธาตุไฟมากเกินไป อาการลมร้อนต่างๆ ปวดหัวปวดฟัน เจ็บคอเจ็บตา หูอื้อท้องผูก อาการเจ็บป่วยเล็กๆ ต่างๆ ล้วนสามารถใช้ได้ยาเบญจมาศชนิดนี้ประสิทธิภาพยังมากกว่าพวกเบญจมาศครรภ์เบญจมาศแขวนเบญจมาศหลวงเบญจมาศป่าดอกเงินทองอะไรพวกนั้นเสียอีกฟู่จาวหนิงเด็ดดอกหนึ่งออกมาลองดม กระทั่งยังพบว่ากลิ่นของมันยังดีมากด้วย ในกลิ่นหอมมีกลิ่นหวานอ่อนๆหรือก็คือตัวยานี้ถึงตอนนั้นถ้าสกัดเป็นยาเด็ก เด็กๆ ก็จะพอกินได้ดังนั้นถ้าคำนวณขึ้นมาจริงๆ ดอกไม้ผืนนี้ มีมูลค่ามหาศาลมากแน่นอน ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ใช่มองแค่มูลค่าของมัน แต่หลังจากนี้ถ้าต้องการวัตถุดิบนี้ นางเองก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว!นี่เป็นข้อมูลที่มีอยู่ใ
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่า ถ้าคอมพิวเตอร์ยังสามารถเชื่อมไปยุคปัจจุบันได้ เช่นนั้นนางถ้าบันทึกข้อมูลเพิ่มเข้าไป ยุคปัจจุบันจะมีการอัพเดทไหม? จะมีคนอีกมากที่ได้เห็นวัตถุดิบยานี้ไหม?ในคลังข้อมูลยังมีวัตถุดิบยาที่ขาดแคลนรูปภาพอยู่ อย่างยาเบญจมาศนี้ ด้านในไม่มีรูปที่เกี่ยวกับยาเบญจมาศเลยถ้าหลังจากนางบันทึกเพิ่มเติมทั้งหมดเข้าไป ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะมีคนสามารถหายาเบญจมาศพบก็ได้คิดถึงจุดนี้ฟู่จาวหนิงก็ตื่นเต้นขึ้นมาว่าแล้วก็รีบบันทึกภาพยาเบญจมาศเข้ไาปในคอมพิวเตอร์ทันที ขณะเดียวกันก็ยังถ่ายภาพของหญ้าเสินหนงที่ชัดเจนกว่าอีกหลายใบใส่เข้าไปด้วยการอัพเดทคลังข้อมูลวัตถุดิบยา นางเหมือนทำเรื่องเรื่องหนึ่งสำเร็จไปได้ด้วยดีแล้วก็วัตถุดิบยาเหล่านั้นในพิธีเดิมพันโอสถก่อนหน้า กลับไปถ้ามีเวลานางจะจัดการบันทึกเข้าไปทีละชนิดๆเลยออกมาจากห้องเภสัช ฟู่จาวหนิงเด็ดดอกไม้ต่อ จากนั้นก็ขุดหญ้าเสินหนงออกมาไม่น้อยในพื้นที่ยาเบญจมาศผืนนี้อาจจะเหมาะกับการเติบโตของหญ็าเสินหนง ขุดมาได้มากพอควรเลยจริงๆหลังจากเด็ดดอกไม้มาไม่น้อย นางยังเก็บหนังงูที่สมบูรณ์ออกมาจากในกองหญ้าได้อีกสองผืน สิ่งนี้ก็เอาไปทำยาได้ นางไ
ไม่รอฟู่จาวหนิงได้ทันวิเคราะห์ แสงไฟทางนั้นก็สว่างขึ้นมา คบไฟหลายคบก็ชูขึ้น ส่องสว่างคนทั้งหมดและส่องสะท้อนจนนางหลบไปไหนไม่ได้ด้วยอีกฝ่ายล้วนสวมชุดคล่องตัว พกกระบี่ยาวคนทีนำมาเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองยี่สิบสาม หน้าตาไม่เลว เพียงแต่สายตาที่พิจารณาตัวฟู่จาวหนิงทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยดีนักและข้างกายพวกเขายังมีหญิงสาวอีกสองคน พวกนางสวมชุดผู้ชาย รวมผมสูง เพียงแต่หน้าอกนั่นกับเอวนั้นบอกคนอื่นว่าพวกนางเป็นหญิงสาวที่ร่างสะโอดสะองรอบด้านมีม้าหลายตัว บนม้าแบกเหยื่อล่าเอาไว้มากมายฟู่จาวหนิงยังเห็นเลียงผาอีกสองตัว และยังมีไก่ป่าที่มีขนยาวอีกตัว นอกจากนี้ยังมีกระต่ายป่าอีกหลายตัว"มานี่"ชายหนุ่มคนนั้นกระดิกนิ้วหาฟู่จาวหนิงราวกับกระดิกนิ้วเรียกสุนัขอย่างไรอย่างนั้นระหว่างฟู่จาวหนิงกับพวกเขายังมีพุ่มหนามพุ่มเล็กอยู่ น่าจะเพราะสาเหตุนี้ พวกเขาจึงยังไม่เข้ามาฟุ่จาวหนิงมองเห็นว่ามีคนง้างธนูมาทางนาง และรู้ว่านางยังหนีไม่ได้ชั่วคราว"พวกเจ้าเป็นโจรภูเขาที่สังหารคนแล้วชิงของมาหรือ?"นางจงใจถามขึ้นคำหนึ่งคนเหล่านั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มีคนหัวเราะร่าขึ้นมามีคนกลับโกรธขึ้