"ว่าง่ายหน่อย ข้าจะรักษาแผลให้เจ้า"นางจัดการบาดแผลไปด้วย พลางเอ่ยแผ่วเบากับกวางเซียวหลันยวนยืนมองนางอยู่ข้างๆ รู้สึกแค่ว่าหญิงสาวคนนี้มุ่งมั่นอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้ใบหน้านางก็เหมือนจะมีแสงอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้นางยิ่งดูสวยงามตกตะลึงไปอีกพูดกับกวางตัวหนึ่งยังอ่อนโยนขนาดนี้ แต่ตอนพูดกับเขาอย่างกับคีบน้ำค้างแข็งเอาไว้เขายังสู้กวางตัวหนึ่งไม่ได้เลยหรือ?ฟู่จาวหนิงจัดการบาดแผลเสร็จก็คิดๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองเซียวหลันยวน "หยิบของมารองเลือดกวางสิ"นี่ใช้เขาจนติดใจไปแล้วสินะ?เซียวหลันยวนถอนใจ หันไปเรียกชิงอี"ชิงอี กระบอกไม้ไผ่"พวกเขาเดิมทีก็มีเตรียมการไว้แล้วฟู่จาวหนิงลูบหัวกวางเบาๆ "ขอโทษด้วยนะ พวกเราต้องเอาเลือดของเจ้าไปเสียหน่อย เจ้าที่บาดเจ็บและเสียเลือดไปขนาดนี้แล้ว"คำพูดนางนางรู้สึกว่าขยะแขยงหน่อยๆ จึงเปลี่ยนไปพูดว่า "อีกเดี๋ยวข้าจะชดเชยเลือดให้เจ้าเอง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงฟื้นตัวยากหน่อย"กวางตัวนี้บาดเจ็บหนักมากแล้ว อีกเดี๋ยวนางยังต้องเย็บแผลให้มัน จัดการบาดแผลให้ดี ไม่ใช่นั้นมันคงอยู่ต่อไม่ไหวแล้วเซียวหลันยวนฟังแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ไม่เคยเห็นคนล่าสัตว์กลับมาช่ว
ฟู่จาวหนิงหยิบยวดยาใบหนึ่งออกมา สาดลงไปบนแผลของกวางตัวนี้เลือดแทบจะหยุดไหลไปทันทีเซียวหลันยวนหลังจากเห็นดวงตาก็ลึกดิ่งเขาถามฟู่จาวหนิง "ยานี้เจ้าเป็นคนทำเองหรือ?"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าพอเห็นว่ายังยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิงก็เอ่ยขึ้นอย่างรังเกียจเล็กๆ "ตอนนี้ข้าจะจัดการบาดแผลของกวางตัวนี้ วิะีจัดการค่อนข้างพิเศษ ไม่อยากให้พวกท่านมองเช่นนี้ พวกท่านหลีกออกไปหน่อยได้ไหม?"นางหยิบเข็มเย็บออกมาเย็บปิดแผลวิชาเย็บปิดเช่นนี้ ในแคว้นเจายังไม่มีใครเคยใช้และคิดว่าทั้งใต้หล้าคงยังไม่มีหมอคนไหนเป็นด้วยเซียวหลันยวนไม่ค่อยเข้าใจ "ถ้าเจ้าจะให้ข้าออกไป หรือจะให้พวกเจิ้งหยางทั้งหมดออกไปด้วย?""ดีที่สุดคือออกไปทั้งหมดหรือพวกท่านเดินออกไปห่างๆ หน่อยก็พอ"เซียวหลันยวนพอได้ยินว่านางไม่ได้มีการปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษ ในใจก็เหมือนจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแต่ว่าเขาก็อดพูดคำหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ "ทำเสียลึกลับ มีหมอที่ไหนบ้างตอนที่รักษาไม่ยอมให้คนอื่นได้เห็น?"ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองเขาเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีกเซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างจำใจ "เอาล่ะเอาล่ะเอาล่ะ ข้าจะบอกพวกเจาทั้งหมดให้ถอยออกไป"รอจนเขาเดินออกไปและเรี
ฟู่จาวหนิงชาไปแล้วจริงๆ พิงเขาแค่ชั่วคราวเท่านั้น"ขอบคุณ"เซียวหลันยวนเหลือบมองกวางตัวนั้น บาดแผลพันเอาไว้เสร็จแล้ว"มันยังรอดหรือ?""แค่ไม่ถูกคนมาทารุณกรรม หรือว่าถูกคนทำร้ายจนบาดเจ็บอีกก็น่าจะไม่มีปัญหา" ฟู่จาวหนิงไม่ได้บอกนางว่าตนเองครั้งหน้าจะกลับมาหากวางตัวนี้อีก"แล้วก็มีคนไม่น้อยที่คิดจะจับมัน" เซียวหลันยวนเตือนนาง"เช่นั้นพวกเราก็ช่วยมันอีกสักหน่อยดีไหม?""ช่วยอย่างไร?"ฟู่จาวหนิงคิดๆ "แยกกันไปหาคนเหล่านั้น ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม จัดการล่อพวกเขาไปอีกด้านหนึ่งเสีย!"พอเป็นเช่นนี้ คนเหล่านั้นก็จะหาทิศทางที่ถูกต้องไม่พบ และจะหากวางตัวนั้นไม่เจอมันสามารถรอดชีวิตในภูเขามาได้ตั้งหลายปี ก่อนหน้านี้ก็ยังซ่อนตัวได้อยู่ ครั้งนี้คิดแล้วก็น่าจะเพราะโชคไม่ดีเท่านั้นเซียวหลันยวนพูดไม่ออก"เข้าเองก็มาล่าสัตว์นะ ผลลัพธ์กลายเป็นต้องมาไล่คนแทนแล้วหรือ?"ล่อคนออกไป เรื่องนี้มันเหมาะมาให้เขาทำหรือ?"ท่านจะไม่ทำก็ได้นะ" ฟู่จาวหนิงแหงนตามองเขา ร้องเชอะขึ้น "แต่เชิญท่านอ๋องที่สูงส่งคิดดูด้วย ท่านเพิ่งจะเอาเลือดของราชันกวางมากระบอกหนึ่งนะ เป็นคนแล้วไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณได้หรือ?"รู
พวกของลู่ทงเพื่อจะกินฝีมือของฟู่จาวหนิงก็เอาเป็นเอาตายกันหมดน้ำในละธารสาดกระเซ็นวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง พวกเขาทางนั้นใช้สิบแปดศิลปะการต่อสู้มาจับปลา มีคนใช้ชุดคลุมเป็นถุงน้ำ มีคนใช้กระบี่แทง มีคนใช้หินล้อม มีคนใช้สองมือจับ และยังมีคนถักแหจับปลาเลยด้วย"พระชายา ข้าน้อยก็ลงไปจับปลาด้วยไหม? อีกเดี๋ยวท่านจะได้ย่างปลาให้ท่านอ๋องกิน?" ชิงอีกดเสียงต่อเอ่ยกับฟู่จาวหนิงพวกของลู่ทงทางนั้นก็ยิ่งส่งเสียงโหวกเหวก สีหน้าของท่านอ๋องก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆอย่าถามเขา ว่าท่านอ๋องใส่หน้ากากครึ่งหน้าอยู่แล้วรู้ได้อย่างไรว่าสีหน้าเขาไม่ดี ถึงอย่างไร ตอนที่อารมณ์ท่านอ๋องไม่ดี มุมปากก็จะเม้ม กรามขบแน่น มองออกได้อยู่ชิงอี คิดถึงกระต่ายย่างก่อนหน้านี้ของตนเอง ก็รู้สึกใจโหวงขึ้นมาหน่อยๆฝีมือย่างเนื้อของพระชายาดีกว่าเขามากเลยจริงหรือ?ท่านอ๋องหลังจากเข้ามาในป่าเขาก็ไม่ค่อยได้กินอะไรที่ดีดี กว่าที่จะได้กินอิ่มสักครั้งก็คือท่านอ๋องลงมือเอง"ไปจับเถอะ" ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน กวักมือ "ท่านมาที่นี่ ข้าจะฝังเข็มให้"สภาพเขาเช่นนี้ ดูท่าจะไม่รักชีวิตแล้วจริงๆในตอนนี้พวกเขาก็อยู่ด้วยความสัมพันธ์แบบร่วมมือ
"เซียวหลันยวนท่านนี่มันสุนัขจริงๆ แค่กๆๆ"ฟู่จาวหนิงกลายเป็นหมอนรองรูปคนให้กับเซียวหลันยวนไปแล้ว เกือบหายใจหายคอไม่ทันยังดีจุดที่นางเลือกคือใต้ต้นไม้พอดี ด้านล่างมีใบไม้กองหนาที่ร่วงลงมาอยู่ ค่อนข้างอ่อนนุ่ม"ลุกไม่ไหว หายใจไม่ออก" เซียวหลันยวนพังพาบอยู่บนตัวนาง ไม่มีแรงจะอธิบายเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดว่าเขาจะเอาเปรียบนางเชียวฟู่จาวหนิงยื่นมือออกไปคลำไปที่แผ่นหลังเขา ลูบไปที่จุดชีพจรของเขาตอนที่นิ้วมือนางกดไปที่แผ่นหลัง กลิ่นอายของเซียวหลันยวนเองก็เกร็งขึ้นมา ลมหายใจเองก็เร่งถี่ขึ้นแผ่นหลังเป็นตำแหน่งจุดมิ่งเหมินของเขา แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยให้คนอื่นมีโอกาสมาแตะแผ่นหลังของตนเอง แล้วที่ส่งแผ่นหลังออกไปได้ จะต้องเป็นคนเขาเชื่อใจแค่ไหนกัน?แต่ว่านิ้วของฟู่จาวหนิงตอนนี้กำลังลูบอยู่ที่จุดชีพจรกับข้อต่อกระดูกที่แผ่นหลังเขา"ผ่อนคลาย" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเขาเกร็งไปทั้งตัว กล้ามเนื้อก็แข็งแราวกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น นางกดลงไปบนจุดชีพจรเขาไม่ได้เลย "ถ้าข้าจะสังหารท่านต้องลงทุนขนาดนี้เลยหรือ? รีบๆ ผ่อนคลายได้แล้ว!"นางกัดฟันเอ่ยขึ้น จะกันนางไว้ขนาดนี้ก็พอเสียทีเถอะเซียวหลันย
ฟู่จาวหนิงมองเขาผาดหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของเขา เก็บเข็มลงไปอย่างสงบเซียวหลันยวนพอเห็นท่าทีของนางก็รู้ว่านางคงไม่ตอบคำถามของตนเองแล้วเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาดีขึ้นบ้างแล้ว ยิ่งไปวก่านั้นหัวใจเองก็กลับมาเป็นปกติ และนางก็ยังกดที่จุดชีพจรบนหลังเขา แล้วลงเข็มไปอีกหลายเข็มนางมีวิชาแพทย์เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ควรถูกคนเอาไปลือกันแย่ๆ ขนาดนั้นสิแต่ว่าผู้เฒ่าฟู่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรตัวนาง บางทีต่อมานางอาจจะเจอกับดวงอะไรเข้า?"ยังไม่ลุกอีก?"ฟู่จาวหนิงเก็บของเสร็จจึงลุกขึ้นมา ปัดๆ เสื้อผ้าเซียวหลันยวนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง จู่ๆ ก็รู้สึกปวดหัว จึงยื่นมือไปทางนาง "ลุกไม่ไหว เจ้าดึงข้าหน่อย"?ฟู่จาวหนิงถลึงตาโตมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อเซียวหลันยวนไม่ได้กำลังออดอ้อนนางใช่ไหม?ชายทั้งแท่งคนหนึ่ง! สูงกว่านางเกือบจะหนึ่งหัว แต่นี่กลับให้นางคอยดึงด้วยสภาพ "อ่อนแอไร้กำลัง" เนี่ยนะ?"ผัวะ"นางตบมือของเขาออก"อยากลุกก็ลุก ไม่อยากลุกก็นั่งอยู่อย่างนี้แหละ"นางหมนุตัวเดินออกไปจนพุ่มต้นไม้นางจะไปย่างปลาแล้ว ปล่อยเขาไปแล้วกันหลังจากเดินไปหลายก้าวก็เหมือนคิดอะไรออก หมุนตัวมองม
ไม่นานนัก กลิ่นหอมอหังการก็โถมเข้ามาในจมูก ล้อมจนกลุ่มคนรอบๆ ท้องร้องจ๊อกขึ้นมาชิงอีเองก็เกือบจะน้ำลายไหลแล้วปลาย่างตัวหนึ่งถูกส่งไปที่มือเซียวหลันยวนก่อนฟู่จาวหนิงบอกกับเขาว่า "ท่านกินรสอ่อนหน่อย แล้วก็ใส่วัตถุดิบยาเข้าไปหน่อยหนึ่งด้วย ลองดู ในนี้จะมีกลิ่นยาประหลาดๆ หน่อย รับรองได้ว่าท่านไม่เคยกินมาก่อน"เซียวหลันยวนรับไป เดิมทีคิดจะทำตัวให้สูงส่งเสียหน่อย รอสักครู่แล้วค่อยกัด แต่ผลลัพธ์คือพอรับมาและได้ดมกลิ่นหอมนั่น เขาก็กัดลงไปอย่างทนไม่ไหวคำหนึ่งเนื้อปลาที่สดนุ่มและยังกักเก็บน้ำไว้ระเบิดความสดหวานกับกลิ่นหอมออกมาในปากทันทีในนี้ยังมีกลิ่นยาที่พิเศษมากอยู่ด้วย แค่กลิ่นยานี้ก็ยั่วน้ำลายมากแล้วเขาไม่เคยกินปลาย่างที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย!เซียวหลันยวนไม่สนคำพูดของฟู่จาวหนิงแล้ว กัดลงไปอีกคำทันทีชิงอีพอเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย ก็รอจนคอยืดยาวกว่าจะวนมาถึงเขาที่พวกเขาได้กินไม่เหมือนกับของเซียวหลันยวน นั่นเป็นรสชาติที่เผ็ดชาหน่อย หนังปลาไหม้เกรียมเล็กน้อย เนื้อปลาหวานนุ่มลื่นชิงอีสวาปามอย่างกับหมาป่าอย่างกับพยัคฆ์"ท่านอ๋อง ฝีมือย่างปลาของพระชายา จะไป๋ซวงอีกสักกี่คนก็เ
"มีคนตามมาแล้ว"ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี"เจ้ากับมันไปก่อนเถอะ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "พวกเราจะดึงคนออกไปเอง""ได้เลย"ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนที่จะคุยกับเขาแล้ว ตบลงที่ตัวราชันกวาง "พวกเรารีบไปเถอะ"ราชันกวางพานางเดินตรงไปยังป่าลึกเซียวหลันยวนมองนางจากไป และอดส่งสื่อเสียงให้นางไม่ได้ "เจ้าไปคนเดียวจะกลัวไหม?"ให้นางตามกวางตัวหนึ่งเข้าไปในป่าทึบ จะมีอันตรายไหม?"ไม่กลัว! อย่าพูดไร้สาระเลย รีบไปขวางคนไว้!"เสียงฟู่จาวหนิงส่งออกมาเขาพูดไร้สาระหรือ?เซียวหลันยวนกัดกัดฟันไม่ได้รู้จิตใจคนเอาเสียเลย หรือว่าเขาไม่กังวลต่อตัวนางเลยหรือ? เดิมทียังคิดจะบอกว่าให้เขาเดินไปกับนาง แต่พอได้ยินนางพูดแบบนี้ก็โยนความคิดทิ้งไปพอคิดถึงนางก่อนหน้าที่ซัดงูพิษตายด้วยเข็มเดียว เขาก็รู้สึกว่านางน่าจะไม่มีปัญหาพวกของลู่ทงเองก็ยืนขึ้นมาแล้วเพียงไม่นาน ในป่าด้านหน้าก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาคนที่นำคือโหวอาวุโสน้อยอี้ข้างกายเขายังมีเหล่าเพื่อนสุนัขกลุ่มนั้นด้วย แล้วยังพาองครักษ์มาอีกไม่น้อยเลย บนตัวทุกคนล้วนดูซมซานนิดๆ ดูท่าน่าจะไล่ตามอยู่ในป่ามาครึ่งค่อนวันพอเห็นคนทางนี้ อีกฝ่ายก็ตะลึงงั
เขามองนาง ราวกับมองคนโง่คนหนึ่ง"เหยาเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้ายังคิดจะชิงดีชิงเด่นกับฟู่จาวหนิงอยู่อีกหรือ?""อะไรคือข้าไปชิงดีชิงเด่นกับนางกัน? เดิมทีข้าก็เก่งกว่านางอยู่แล้ว คู่หมั้นของนางข้าบอกจะแย่งก็แย่งมาได้ นางไล่ตามเซียวเหยียนจิ่ง อ้อนวอนอยู่หลายปี ผลลัพธ์ก็ยังแพ้ให้ข้านี่?""นางไม่ต้องการเซียวเหยียนจิ่งตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางเป็นถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนปฏิบัติกับนางราวกับจันทร์ส่องแสง!""แล้วมันทำไมกัน? ท่านพ่อ ท่านออกจากบ้านไปตั้งนาน ยังไม่ได้ยินข่าวหรือ? ครึ่งปีก่อน มีคนเห็นใบหน้าของอ่องเจวี้ยน หน้ากากของเขาถูกกระชากออก เผยให้เห็นใบหน้าแท้จริง น่ากลัวขนาดไหนท่านรู้ไหม?"หลี่จื่อเหยาถูกขังอยู่ในเรือนหลังไม่ได้รับข่าวอะไรมาตลอด ข่าวจึงล่าช้าไปตั้งไม่รู้นานเท่าไรแล้วแต่ว่าพูดถึงเรื่องนี้ก็ยังขึ้นมาก็ค่อนข้างจะตื่นเต้นอยู่ "ท่านพ่อ ท่านยังไม่รู้กระมัง? คนในเมืองหลวงล้วนกำลังพูดกันว่า อ๋องเจวี้ยนมีหน้าเหมือนผีเลย! แล้วยังมีเด็กเ,้กตั้งหลายคนพอได้ยินชื่อของเขาก็ตกใจจนร้องไห้จ้า! เขาตอนนี้ออกจากบ้านก็ยังต้องใส่นห้ากากอยู่ใช่ไหมล่ะ? ท่านคิดว่า ฟู่จาวหนิงจะชอบเขาได้หรือ?""นาง
หมอเทวดาหลี่สองวันนี้ก็เอาแต่ค้นคว้าว่าจะรักษาโรคนี้อย่างไรอยู่ตลอดอันที่จริงมันก็โรคเพศสัมพันธ์นี่นะ เขารู้สึกว่าไม่ใช่จะรักษาไม่ได้แต่ปัญหาคือ ชนิดนี้ดูจะแตกต่างกับโรคเพศสัมพันธ์ที่เขาเคยพบสมัยก่อนยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่น..."ให้ตายเถอะ ทำไมพอติดโรคนี้แล้วถึงเน่าขึ้นมานะ?"นี่เป็นจุดที่เขาคิดไม่ตก ต่อให้เป็นโรคเพศสัมพันธ์จริงก็ไม่ได้รวดเร็วขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นยังแค่สองวันเอง บนหน้าหลี่จื่อเหยาก็เน่าไปรุนแรงขนาดนี้แล้ว เห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยเดิมทีคิดว่าแค่บนหน้าเท่านั้น ถ้าหากต้องไปพบคนทาแป้งหนาหน่อย ก็ยังปกปิดไว้ได้แต่ตอนนี้ผ่านไปสองวัน จุดที่เน่าเผื่อยก็ขยายกว้างขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเน่าอย่างรุนแรงด้วย พอเห็นแล้วก็น่ากลัวมาก!"นายท่าน พระชายารัฐทายาทกำลังเขวี้ยงข้าวของแล้ว ทำอย่างไรดี?" สาวใช้เข้ามารายงานหมอเทวดาหลี่พอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดไปหมด"นางทำอะไรอีกล่ะ?""นางส่องกระจก พอเห็นหน้าตัวเอง" คงจะรับไม่ได้ ดังนั้นเลยโมโหขึ้นมาสาวใช้ไม่ได้พูดครึ่งหลังหมอเทวดาหลี่รีบไปที่เรือนหลังประตูเปิดอยู่ แต่เขาก็ยืนที่ประตูไม่ได้เข้าไปพอเหลือบมองเข้าไปก็เห็
ฟู่จาวหนิงตอนไปถึงที่พักของซุนจู้ ข่าวหนึ่งก็ส่งมาถึงมือของเซียวหลันยวนชินอ๋องเซียว ตายแล้ว"ตายแล้วหรือ?"พริบตาที่เซียวหลันยวนได้รับข่าวนี้รู้สึกงงงันไป"ขอรับ เรือนที่ชินอ๋องเซียวพักอยู่นั่น ชาวนาที่คอยปรนนิบัติเขาอยู่ไม่ได้เข้าไปในห้องเขาสองวันแล้ว คนอขงพวกเราเห็นว่าวันนี้เข้าปิดปากปิดจมูกผลักประตูเข้าไป แต่พอประตูเปิดออกแล้วเห็นสภาพในห้อง ก็กรีดร้องวิ่งถอยออกมาแล้ว"ชินอ๋องเซียวน่าจะไม่มีคนสนใจ คิดจะลุกขึ้นมาดื่มน้ำ แต่ว่าพลัดตกลงมาจากเตียงแล้วไม่มีแรงปีนขึ้นไปแล้วก็ตายไปด้วยท่าทางประหลาดพังพาบอยู่ข้างเตียงพอประตูนั่นเปิดออก ตอนที่ลมพัดมาทางนั้นก็นำกลิ่นเน่าเหม็นชวนอาเจียนตามมาด้วย"ข่าวส่งไปถึงเซียวเหยียนจิ่งหรือยัง?""ส่งออกไปแล้วขอรับ เซียวเหยียนจิ่งน่าจะใกล้ได้ข่าวแล้ว""ส่งข่าวนี้ไปที่วังด้วย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเขาจะไม่ให้โอกาสเซียวเหยียนจิ่งได้ลุกขึ้นมาอีกพวกเขาตอนแรกคิดจะใช้สิ่งนี้เล่นงานเขา ตอนนี้ก็รับกรรมตัวเองไป เขาเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก แน่นอนว่าไม่มีการเห็นใจแม้แต่น้อย"่ขอรับ""ท่านอ๋อง เฝิ่นซิงมีเรื่องมารายงาน""นางไม่ใช่ไปกับพระชายาหรือ? ให้นาง
"พระชายา ข้าน้อยจะตามท่านไปด้วย""ฟังคำสั่ง"ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางต้องปฏิเสธอีก ให้นางกลับไปที่จวนอ๋องก่อนตอนที่ต่งฮ่วนจือเข้ามาเฝิ่นซิงก็กำลังจะออกไป เขาหลีกทางให้ หันหน้ามองไปยังซุนจู้ที่ถูกมัดอยู่พอเห็นรอยเน่าเปื่อยบนใบหน้าซุนจู้ ใจของเขาก็ขรึมลงมา"ศิษย์น้องหญิง คนคนนี้...""อืม ตรวจอาการแล้ว ศิษย์พี่รองอย่าเข้ามาใกล้เขา""แล้วตอนนี้จะจัดการอย่างไร? ส่งเขาให้กับจวนทางการหรือ?" ต่งฮ่วนจือก็ไม่เดินเข้ามาใกล้จริงๆ"พวกท่านส่งข้าให้จวนทางการไม่ได้นะ ข้าจะพาไป ข้าจะพาพวกท่านไปจับแม่นางเฉี่ยวทั้งสองคน" ซุนจู้ร้องขึ้นมา"เจ้าหุบปากเถอะ"ฟู่จาวหนิงไม่รู้สึกดีด้วยกับซุนจู้คนนี้เลยผู้ชายที่ไร้น้ำใจไร้ความซื่อสัตย์และไร้คุณธรรม"แม่นางเฉี่ยวทั้งสองคนคือใครอีกล่ะนั่น?" ต่งฮ่วนจือมองฟู่จาวหนิง "เจ้าจะให้เขาพาไปไหน? ศิษย์น้องหญิง เขาเป็นคนป่วย แต่เจ้าก็ยังจะไปกับเขาหรือ?""เขาคือคนป่วย ข้าคือหมอ""แล้วเจ้าก็ยังเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนด้วย ศิษย์น้องหญิง มีคนป่วยบางคนไม่คู่ควรให้เจ้าไปรักษาอยู่นะ ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้เจ้าจะเป็นหมอ แต่สำคัญที่สุดคือต้องดูแลความปลอดภัยของตนเองก่อน"ไม่อ
"ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่ป่วยหนัก เขายังนอนอยู่กับเขาตั้งหลายวัน อาบน้ำด้วยกัน แต่หลังจากเขาป่วยก็จะให้ข้ามาคอยปรนนิบัติรับใช้ ข้าก็ไม่ชอบใจ เลยไปหางานทำที่แถวริมแม่น้ำ ออกไปหลายวันอยู่""ต่อมาพอใกล้จะสิ้นปี ข้าก็กลับเมืองหลวงมาหาเขา กลับพบว่าในบ้านเขาไม่มีคนแล้ว เดิมทีเขาเป็นพวกที่ชอบไปเตร่ตามบ่อนพนันอยู่ทุกวัน เพื่อนบ้านล้วนรังเกียจเขา หลีกห่างจากเขา ดังนั้นเขาหายตัวไปหลายวันจึงไม่มีใครรู้""ตอนที่ข้าเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน หาตัวอยู่สองวันก็ไม่เจอ ข้าเองก็ไม่สนใจแล้ว จึงพักอยู่ที่บ้านเขาไปเลย ตอนปีใหม่มีคนมาที่บ้านเขา พูดจาน่าสงสารแล้วยังไม่มีที่ไปอีก ข้า ข้าเลยให้อยู่ที่บ้าน ถือว่าทำดี"ซุนจู้พูดถึงตรงนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมา จึงถามไปคำหนึ่ง "ใครกัน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?"ซุนจู้เดิมทีก็ไม่อยากตอบ แต่ชีวิตเขาตอนนี้อยู่ในกำมือฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่กล้าที่จะไม่ตอบเหมือนกัน"ผู้ ผู้หญิง เป็นแม่ลูกคู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้น้องชายญาติข้าก็ดูแลพวกนางอยู่บ่อยๆ ดังนั้นข้าจึงยอม...""พวกนางทำอาชีพนั้นหรือ?""ใช่ คนแม่ชื่อแม่นางเฉี่ยว อายุสี่สิบกว่า ลูกสาวอายุยี่สิบต้นๆ หน้าต
ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาเหมือนได้ยินว่าข้าราชการได้รับคำสั่งมาว่า ถ้าหากเจอว่าคนในเมืองติดโรคระบาดนี่ ให้ลากไปสุสานรวมศพฆ่าทิ้งแล้วเผาได้เลย จะได้ไม่ระบาดไปหาคนอื่นเขากลัวมาก"ข้าพูด ข้าบอกแล้วได้ไหม?"แต่ว่าชายคนนี้กลับไม่ยอมบอกต่อหน้าคนมากมาย ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้อยากให้คนมากมายได้ยินกัน จึงให้สืออีพาเขาไปในเรือนเล็กๆ ข้างๆมีผู้ดูแลสองคนคอยมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ พอสบตากันผาดหนึ่ง พวกเขาสองคนก็รู้สึกว่านี่มันเรื่องใหญ่ ต้องไปบอกผู้จัดการใหญ่เสียหน่อยดังนั้นพวกเขาจึงหมุนตัวไปหาต่งฮ่วนจือต่งฮ่วนจือหลายวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เพราะเรื่องของเฉินฮ่าวปิงเรือนในซอยกุ้ยเซียงของพวกนางปิดประตูใหญ่ไว้ทั้งวัน เขาไปมาสองรอบก็ไม่ยอมเปิดประตูต่งฮ่วนจือทิ้งจดหมายเอาไว้ บอกให้พวกนางหาเวลามาพบกันหน่อย เขาอยากถามว่าพวกนางเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่หลังจากทิ้งจดหมายไว้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยแม่ลูกฮูหยินเฉินไม่เห็น หรือว่าไม่สนใจกันแน่?จะอย่างไรเขาก็จินตนาการไม่ออก พวกนางที่เดิมทีดูแล้วเหมือนจะคอยพึ่งพาเขา ตอนนี้ทำไมถึงปลีกตัวออกห่างเขา หลังจากนี้คือขีดเส้นคั้นกับเขาแล้วหรือ?"ผู้จัด
ยังดีที่วันนึงต้มยาไว้สามหม้อใหญ่ ก่อนหน้านี้ขายหมดไปแล้วหนึ่งหม้อ หม้อที่สองยังเหลือกว่าครึ่งก็ถูกปนเปื้อนไปแล้ว นี่ยังมีหม้อที่สามอยู่วันนี้เกรงว่าจะไม่พอขายเสียแล้วพนักงานยกหม้อนั้นขึ้นมา แล้วเททิ้งต่อหน้าคนมากมายเหล่าแขกพวกนั้นพอเห็นยาหม้อนี้ถูกเททิ้ง จึงวางใจกันขึ้นมา"กระบวยนั่นก็ควรจะล้างด้วยไหม?" มีผู้เฒ่าคนหนึ่งกลัวตายมาก ร้องขึ้นมาคำหนึ่งคนข้างๆ ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ "ก็ทิ้งไปเลยไม่ได้หรือ? ยังจะล้างอีก เสียแรงเปล่า"พนักงานพันธมิตรโอสถเองก็จัดการใช้เท้าหักกระบวยนั่นทิ้งไป "ทิ้งเลยทิ้งเลย แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"พวกเขาไปหยิบกระบวยอันใหม่มาแล้วจึงตักให้กับต้วนฉวินคนนั้นก่อนชามหนึ่ง "นายท่านต้วน ของท่านขอรับ""ขอบคุณขอบคุณ" ต้วนฉวินไม่เกรงใจแม้แต่น้อย หลังจากรับไปก็ดื่มจนหมดรวดเดียวยาน้ำชนิดนี้ ถึงจะบอกว่าไม่ได้มีรสชาติดีนัก พอรีบดื่มเขาก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว แต่ก็รีบสะกดเอาไว้มองหม้อยาที่เต็มเปี่ยมใบนั้น เขายังดูกระสับกระส่ายอยู่ "หมอเทวดาฟู่ ท่านว่าข้าด้องดื่มอีกสักชามไหม?"บอกว่าห้ามดื่มมากไป ถ้าอย่างนั้นเขาดื่มสองชามครึ่ง ก็น่าจะได้อยู่กระมัง?ไม่อย่างนั้นร
นอกจากยาน้ำที่ป้องกันล่วงหน้าเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงค้นคว้ายาลูกกลอนรักษาโรคนี้ออกมาแล้ว เพียงแต่ยาเหล่านั้นยังแพงกว่ายาน้ำพวกนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องกินอีกระยะหนึ่งด้วยเดิมทียังคิดอยู่ว่าชินอ๋องเซียวจะมาอ้อนวอนต่อหน้านางไหม ให้นางช่วยรักษาให้ นางเตรียมยาลูกกลอนสำหรับการรักษาสามช่วงไว้แล้วแต่ว่าชินอ๋องเซียวก็ไม่เคลื่อนไหวเลย ฟู่จาวหนิงก็ไม่ไปรักษาอาการเขาให้เองด้วย ยาจึงยังไม่ไปไหนอาการโรคของชายคนนี้ น่าจะกินยาหนึ่งช่วงรักษาก็น่าจะไม่เป็นไรแล้วแต่ว่าเขาก็ไม่พูดความจริงเสียที ฟู่จาวหนิงเองก็จะไม่พูดเรื่องยาลูกกลอนออกมา"ข้าไม่ได้ไปที่อุทยานนั่นนะ! ข้าไม่เคยพบกับชินอ๋องเซียว!"ชายหนุ่มดูตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะลุกพรวดขึ้นมาแต่ถูกสะกดจุดไว้จนลุกไม่ขึ้น แต่พอถูกยืนยันว่าติดโรคนั้นแล้ว เขาเองก็รู้สึกใกล้จะเป็นบ้าเหมือนกันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายไหม!ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถูกสกัดจุด เขาคงเขาไปคว้ามือฟู่จาวหนิงแล้ว เขย่าๆ ให้นางรีบรักษาให้กับตนเอง"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เขาติดโรคนั้นแล้วจริงหรือ?"คนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงมองชายคนนี้ จากนั้นก็มองไปทางลูกค้าที่จ้อ
ชายคนนั้นเองก็ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงด้วยแน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีวันหนึ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าฟู่จาวหนิงใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจับชีพจรให้ตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็เคร่งขรึม แต่ไม่ใช่ความรังเกียจหรือหวาดกลัวแบบที่คนอื่นเห็นเขา ไม่มีความไม่สงบไม่มีความกลัวลนลานเอาแค่จุดนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆปากของเขาขยับ อยากจะพูดอะไร ต่อให้หมอเทวดาหลี่มาดูอาการให้เขา หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ก็น่าจะสีหน้าไม่สู้ดีนักใครจะไม่รังเกียจเขาบ้าง"คลายจุดใบ้ของเขาเสีย" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออีสืออีไม่ลังเล หนึ่งนิ้วกดหนึ่งการเคลื่อนไหว จัดการคลายจุดใบ้ของชายหนุ่มคนนี้ทันทีไม่รอให้ชายคนนี้เอ่ยปาก ฟู่จาวหนิงก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อยา เช่นนั้นก็หมายความว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากจะรักษาโรคใช่ไหม?"ชายหนุ่มออกแรงพยักหน้าทันทีนี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีชีวิตต่อได้ใครจะอยากตายกัน? ถ้ารักษาโรคได้ ใครจะไม่อยากรักษา?"ในเมื่ออยากจะรักษาโรค เช่นนั้นก็ห้ามอาละวาดอีก ถ้าถามอะไรเจ้าก็ตอบม