ของเช่นนี้ คนที่อายุมากขึ้นล้วนต้องการทั้งนั้น! ถ้าหากใบสั่งยาดี ส่วนประกอบยาดี ยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจเม็ดหนึ่งในช่วงเวลาฉุกเฉินสามารถช่วยชีวิตกลับมาได้ดังนั้นยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจแต่ไหนแต่ไรก็ราคาแพงมากอยู่แล้วเขาเองก็มียาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจอยู่บางส่วน แต่ว่าพอดมดูก็จะรู้ ว่าผลของยาไม่มีทางสู้ของฟู่จาวหนิงขวดนี้ได้!"นี่เจ้าสกัดออกมาเองหรือ?""ใช่" ฟู่จาวหนิงตอบ "ถ้าหากรู้สึกหัวใจเต้นไม่ถูกต้อง อัตราเต้นผิดปกติ หายใจลำบาก หรือว่าอึดอัดหน้าอกหายใจไม่ออก สามารถอมเม็ดหนึ่งไว้ใต้ลิ้นได้""ยาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจของเจ้า ผลลัพธ์ดีมากเลยหรือ?" ตาเฒ่าจี้พอดมยานี้ก็รู้แล้วว่าด้านในไม่ใช่วัตถุดิบยาธรรมดา"แน่นอน" ฟู่จาวหนิงไม่เคยถ่อมตัวในด้านการสกัดยา "น่าจะดีกว่ายาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจในตลาดอยู่นิดหน่อย"ไม่สิ นี่ยังถ่อมตัวอยู่ อันที่จริงผลลัพธ์ไม่ใช่แค่นิดหน่อยเท่านั้น"ดี! ดี! ดี!" ตาเฒ่าจี้ตื่นเต้นจนร้องคำว่าดีออกมาถึงสามครั้ง "ที่เจ้าเข้าร่วมพิธีเดิมพันโอสถ ไม่ใช่แค่เพื่อหาความรู้เท่านั้นสินะ?""แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าจะไปแลกวัตถุดิบยา ไปเดิมพันยา เดิมพันหมอด้วย" ฟู่จาวหนิงหลายวันนี
ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งรู้ ว่าที่เซียวหลันยวนสามารถมอบป้ายตราสีม่วงให้นางได้ชิ้นหนึ่งคือไม่ง่ายเลย"อ๋องเจวี้ยนให้คนในโรงหมอเมตตามอบให้น่ะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นพอได้ยินคำนี้ ผู้อาวุโสจี้ก็ตะลึงไป "เจ้าไปบรรเทาความไม่สบายใจของเขามาใช่ไหม""ใช่""เช่นนั้นก็ไม่แปลก!"ผู้อาวุโสจี้เห็นว่าตานางกำลังเปล่งแสง "ศิษย์เอ๋ย วิชาแพทย์ของเจ้าจะต้องร้ายกาจมากแน่ๆ! เจ้าเองไม่ต้องกังวลว่าป้ายตราสีม่วงที่อ๋องเจวี้ยนให้จะได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร? เพราะคนเหล่านั้นจากโรงหมอเมตตาก็ต้องยกมือยอมแพ้ให้กับอาการป่วยของอ๋องเจวี้ยนมาหลายปี""อื๋อ?""รวมถึงพวกหมอหลวงในวังพวกนั้นด้วย ครั้งนั้นอ๋องเจวี้ยนสุขภาพแย่มาก ประเดี๋ญวก็ปวดหัววิงเวียน และทั้งตัวก็ยังเย็นเฉียบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ผลลัพธ์คือโรงหมอเมตตาก็รวบรวมพวกหมอที่ถึงป้ายแดงป้ายม่วงมาร่วมกันตรวจรักษา ไม่มีสักคนที่มองออกถึงปัญหาเลย"ผู้อาวุโสจี้ถอนหายใจ ราวกับรู้สึกว่าที่อ๋องเจวี้ยนมีชีวิตมาได้ถึงปัจจุบันนี้ไม่ง่ายเลย"ตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนที่อายุยังน้อยพูดกับพวกเขาว่า ในเมื่อพวกเจ้ารักษาข้าไม่ได้ เช่นนั้นถ้าต่อมาปรากฎหมอคนหนึ่งที่ทำ
ฟู่จาวหนิงกลับบ้าน ในบ้านกลับมีแขกมาหาเสี่ยวเถาเข้ามารับ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วกับนางว่า "คุณหนู ฮูหยินจากตระกูลหลินแวะเข้ามา""ใครหรือ?"ฟู่จาวหนิงผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีนึกออกว่าฮูหยินจากตระกูลหลินคือใคร พี่สะใภ้รองของฟู่หลินซื่อ น้าสะใภ้รองของนาง"ญาติที่สิบกว่าปีไม่เคยจะแวะเวียน ตอนนี้กลับโผล่ออกมาแล้ว"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขันเหลือเกิน"แต่ว่า ท่านผู้เฒ่าดีใจมาก" เสี่ยวเถารู้สึกลำบากใจ กลัวว่านางจะเข้าไปแล้วด่ากราดไล่แขกฟู่จาวหนิงชะงักไปครู่หนึ่ง "ข้าเข้าไปดูหน่อย"ผู้เฒ่าฟู่ยังลุกออกไปไหนไม่ได้ จึงทำได้เพียงถูกประคองลงจากเตียง นั่งอยู่บนแคร่อ่อนด้านนอกข้างโต๊ะแปดเซียนตรงข้ามเขามีหญิงสาวอายุราวสี่สิบปีคนหนึ่งนั่งอยู่ นี่คือน้าสะใภ้รองหลิน เซี่ยซื่อฟู่จาวหนิงลืมไปแล้วว่าน้าสะใภ้รองหน้าตาเป็นอย่างไร เดิมทีคิดว่านางจะหน้าตาชอบเหน็บแนม คิดไม่ถึงว่าจะเกินคาดเช่นนี้ เซี่ยซื่อมีหน้าตาที่อบอุ่นและอิ่มเอิบดีงามเสียด้วยซ้ำเซี่ยซื่อแต่งกายก็ดูธรรมดาๆ เหมาะสมดี มองแล้วไม่ฉูดฉาดหรูหรานางนั่งอยู่ที่นั่นพูดคุยเสียงแผ่วเบากับผู้เฒ่าฟู่ บนโต๊ะยังวางกล่องขนมที่ผูกไว้ด้วยเชือกสีแดงใบหนึ่งด้ว
"อันห่าว!"เซี่ยซื่อตกใจอย่างมาก ร้องตะโกนวิ่งไปหานาง จังหวะที่ผ่านธรณีประตูขาก็อ่อนจนสะดุด เกือบจะพุ่งตัวล้มลงไปถ้าล้มลงที่นี่ หน้าจะฟาดเข้ากับกระดานหินด้านนอก ไม่แน่อาจจะล้มตกบันไดลงไปอีก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย"ฮูหยิน!" สาวใช้ของนางตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีฟู่จาวหนิงพุ่งออกไปราวลูกธนู โอบประคองนางไว้อย่างฉับไวรวดเร็วเซี่ยซื่อรู้สึกแค่มือที่ประคองนางไว้มีแรงเยอะมาก พยุงนางไว้จนมั่นคง แต่ตอนนี้เองในใจนางก็คิดถึงลูกสาวขึ้น ประโยคต่อมาจึงรีบวิ่งลงไป"อันห่าว อันห่าวเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"ฟู่จาวหนิงมองผู้เฒ่าฟู่ และเห็นว่าเขาก็ร้อนรนเช่นกัน "ท่านปู่ ท่านไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าไปดูเอง""รีบไปรีบไป"ผู้เฒ่าฟู่อยากจะรีบออกไปดูด้วยตนเองเสียจริงเซี่ยซื่อไม่ได้มาบ้านตระกูลฟู่เสียหลายปี นี่พอมาแล้วกลับเกิดเรื่องขึ้น เซี่ยซื่อมองลูกสาวสำคัญยิ่งกว่าดวงตาของตนเอง ถ้าหากหลินอันห่าวเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ เขาเองก็รู้สึกแย่มากๆเซี่ยซื่อพาหลินอันห่าวประคองขึ้นมาแล้วหลินอันห่าวกลับชักเกร็งไปทั้งตัว หูตาจมูกปากบิดเบี้ยว ดูแล้วเหมือนควบคุมไม่ได้"อันห่าว!"เซี่ยซื่อเองก็ร้อนรนจนสั่นระริก ล้วงเอาขว
อันห่าวถลึงตามอง นอนอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย มองดูเซี่ยซื่อ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง นิ้วของนางเกี่ยวนิ้วของฟู่จาวหนิงเอาไว้"จาวหนิง" เสียงของเซี่ยซื่อสั่นเล็กน้อย ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก "อันห่าวนางไม่กลัวเจ้า นางชอบเจ้า"อันห่าวใสซื่อบริสุทธิ์ ความชอบก็ตรงไปตรงมา น้อยมากที่จะมีคนเข้าใกล้นางได้เช่นนี้ตั้งแต่พบกันครั้งแรก และยอมเข้าหาตัวตนเอง ดังนั้นพอเห็นท่าทางของอันห่าว เซี่ยซื่อจึงดีใจมาก"พี่สาวเป็นหมอ สามารถไล่โรคร้ายบนตัวอันห่าวออกไปได้" ฟู่จาวหนิงยิ้มให้หลินอันห่าวดวงตาสุกใสของหลินอันห่าวเต็มไปด้วยความเชื่อใจ นางพยักหน้าฟู่จาวหนิงปักลงไปอีกหลายเข็ม หลินอันห่าวหนังตาค่อยๆ ปิดลง หลับไหลไปแล้ว"จาวหนิง อันห่าวหลับไปแล้วหรือ?" เซี่ยซื่อถามขึ้นเสียงแผ่ว"ถูกต้อง ข้าแทงจุดชีพจรช่วยให้หลับนอนแก่นาง นางต้องพักผ่อนสักครู่ แล้วข้าจะตรวจนางให้อย่างละเอียด" ฟู่จาวหนิงเก็บเข็มลงมา จับชีพจรให้กับหลินอันห่าว แลพบว่าร่างกายของนางไม่เลวนัก แต่มีเลือดลมหลายแห่งไหลเวียนไม่ดีนางยืนขึ้นมา เดินออกประตูไป ตรงไปด้านหน้าคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ ยกเท้าขึ้นถีบหน้าอกเขาคนรับใช้นั่นถูกนางพัดจนหน้าหงาย
"ท่านอ๋อง บนเขานั่น ซือถูไป๋เคยช่วยชีวิตพระชายาเอาไว้ แล้วยังเอาอกเอาใจพระยาชาอย่างดีอีกด้วย" จงเจี้ยนเอ่ยขึ้น "ซือถูไป๋ ท่านอ๋องรู้จักกระมัง"อ๋องเจวี้ยนเหลือบมองเขาผาดหนึ่งเขาเองก็เคยเห็นซือถูไป๋ครั้งสองครั้ง และเคยได้ยินชื่อเสียงของซือถูไป๋ด้วย ที่คนพูดกันว่าคุณชายประดุจหยกล้ำค่า จันทร์ขาวกระจ่างแสง ก็คือพูดถึงซือถูไป๋คนนี้แต่ว่า ซือถูไป๋ไปรู้จักกับฟู่จาวหนิงตอนไหนกัน"กลับไปบ้านตระกูลฟู่เสีย"อ๋องเจวี้ยนไล่เขาเสียงเย็นจงเจี้ยนติดตามฟู่จาวหนิงไม่กี่วัน ทำไมตอนนี้เปลี่ยนเป็นปากเปราะเสียแล้ว?พอมาถึงบ้านตระกูลฟู่ หลินอันห่าวก็ตื่นขึ้นมาแล้วเซี่ยซื่อพานางออกมานอกประตู บนรถม้าล้วนเตรียมชุดสำรองเอาไว้หนึ่งชุด เสี่ยวเถากับคนใช้ของเซี่ยซื่อพานางไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เซี่ยซื่อเดินมาอยู่เบื้องหน้าฟู่จาวหนิง คารวะให้กับนางอีกครั้งหนึ่ง"จาวหนิง ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้เจ้า ครั้งนี้อันห่าวก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดี"ดวงตาเซี่ยซื่อแดงก่ำ กระทั่งยังอยู่ในอาการตระหนกไม่มั่นคงฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกว่าเซี่ยซื่อคนนี้คารวะตนเองอย่างผิดสังเกต ว่าตามหลักการแล้วนางเป็นผู้อาวุโสกว่านะ"ท่านเอาแต่คา
"เจ้าเองก็ไม่ง่ายนักเลย" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ "หลังจากคลอดอันห่าวมาก็ทำร้ายร่างกายจนมีบุตรไม่ได้อีก หลายปีมานี้หลินไห่เซิงก็เอาแต่หลงพวกภรรยาผู้น้อยกับอนุภรรยา เจ้ากับอันห่าวก็ผ่านคืนวันในบ้านตระกูลหลินอย่างลำบากเช่นกัน"ฟู่จาวหนิงเพิ่งรู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วยดูท่าเซี่ยซื่อที่เป็นบ้านหลักตอนนี้จะใช้ชีวิตได้ไม่ค่อยดีในบ้านตระกูลหลินกระมังเซี่ยซื่อดวงตาก็รื้นขึ้นมา"ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว จาวหนิงช่วยชีวิตอันห่าวไว้อีกครั้ง ข้าเองก็เห็นนางเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิต ไหนจะตอนนี้ที่นางเป็นถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้วอีก จะขาดมารยาทไปได้อย่างไร""น้าสะใภ้รองของจาวหนิงมาแล้วหรือ?" ด้านนอกมีเสียงของฮูหยินรองดังลอดเข้ามาฮูหยินรองหลายวันนี้ไม่กล้าเข้ามาอยู่ต่อหน้าฟู่จาวหนิงเลย แต่ตอนนี้กลับเข้ามาแล้วเซี่ยซื่อยืนขึ้นมา ฮูหยินรองยื่นหน้าอยู่ที่ประตูไม่กล้าเข้ามา มองฟู่จาวหนิงด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ "จาวหนิง ข้ามาหาน้าสะใภ้รองของเจ้า เจ้าอย่าถือไม้กวาดมาไล่ตี้ข้านะ มีรุ่นหลังทำกับผู้อาวุโสเช่นนี้อย่างเจ้าเสียที่ไหนกัน"ฟู่จาวหนิงไม่พูดอะไรคนเหล่านี้กำลังวางแผนต่อบ้านตระกูลฟู่ นางยังตรวจสอบออกมาไม่ไ
"เพราะปากของท่านมันเหม็น ไสหัวไป" ฟู่จาวหนิงสายตาเย็นชาลงมาแล้วฮูหยินรองฟู่มองท่าทีนางเช่นนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก หันตัวออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียด ตอนกำลังจะออกไปก็ถลึงตามองใส่หลินอันห่าวอีกทีหลินอันห่าวถูกเซี่ยซื่อปลอบไว้แล้ว มองฟู่จาวหนิงอย่างหวาดๆฟู่จาวหนิงเดินมาข้างหน้านาง กดมือทั้งสองยื่นไปหานาง "มา อันห่าว ข้าจะเลี้ยงลูกกวาดเจ้า แต่ว่า เจ้าต้องลองเดาดูนะว่าลูกกวาดอยู่ในมือข้างไหน?"หลินอันห่าวมองมือฟู่จาวหนิงอย่างอยากรู้อยากเห็น ชี้อย่างระมัดระวังไปที่มือขวา "ในนี้?"เสียงของนางแผ่วเบา"จ่างจางจ๊าง !" ฟู่จาวหนิงยิ้มออกมา แบมือขวาออกเหมือนเปิดจับรางวัล ในมือมีลูกกวาดที่ห่อกระดาษสีสันเอาไว้สองเม็ด "อันห่าวเก่งจังเลย ครั้งเดียวก็ทายถูกแล้ว มา นี่เป็นรางวัลของเจ้า"ลูกกวาดสองเม็ดวางไว้บนมืออันห่าว นางดีใจจนยิ้มออกมาเซี่ยซื่ออเห็นนางกล้าพูดคุยกับฟู่จาวหนิง แล้วยังถูกแหย่จนหัวเราะออกมาอีก น้ำตาแห่งความปีติก็ไหลรินออกมา"พวกเขาล้วนอยากจะเอาอันห่าวไปเป็นกรณีศึกษาอาการป่วยกันหมด จะเอานางไปร่วมพิธีเดิมพันโอสถ" ฟู่จาวหนิงพูดกับเซี่ยซื่อว่า "ท่านปฏิเสธไปคือถูกต้องแล้ว อันห่าวไม่เหม
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้
ต่อมาหมอเทวดาหลี่ก็ทำหน้าขรึมคุกคามสาวใช้สองคนนั้น ถ้ายังไม่รับใช้ปรนนิบัติดีดี ก็จะขายพวกนางทั้งสองคนไปที่ซ่องโสเภณีเสียสาวใช้สองคนจึงร้องไห้ฟูมฟายเข้ามารับใช้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิเองก้ได้ยินเรื่องเลห่านี้ของจวนชินอ๋องเซียวแล้ว"บอกไปแล้วว่าจวนชินอ๋องเซียวต้องคอยระวังไม่ให้เข้าออก หมอเทวดาหลี่กับชินอ๋องเซียวนี่มัน..."เขาทำหน้าขรึม รู้สึกว่าตนเองไม่มีบารมีเอาเสียเลย จวนอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เชื่อฟัง ตอนนี้จวนชินอ๋องเซียวเองก็ด้วยหรือ? ใครให้หน้าพวกเขากันถ้าไม่ใช่เพราะเขาอันที่จริงก็กลัวเจ้าโรคนั้น ตอนนี้คงเรียกเซียวเหยียนจิ่งมาด่ากราดให้เลือดซิบไปแล้ว"ตอนนี้หลี่จื่อเหยาในเมื่อถูกหมอเทวดาหลี่รับไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาไปรักษาให้ดี ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าเขาจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้หรือเปล่า!""องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนทางนั้นต้มยาน้ำออกมา ตอนนี้สามารถป้องกันล่วงหน้าได้แล้ว หาซื้อได้ในพันธมิตรโอสถ หนึ่งชามสิบเหวิน" มีคนเข้ามารายงานกับองค์จักรพรรดิ"หนึ่งชามสิบเหวิน?" องค์จักรพรรดิใจสั่นกึก "แล้วได้ผลจริงไหม?""นี่ก็ยังไม่รู้ แต่คนที่ไปซื้อยานั้นไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่เคยสัมผัสกั
จวนชินอ๋องเซียวกลายเป็นขี้ปากคนทั้งเมืองไปแล้วเซียวเหยียนจิ่งอยากจะปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ยิ่งปิดกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกระทั่งเพราะเขาไปพยายามปิดข่าวลือ เลยมีคนบอกว่าเขาถูกพ่อสวมเขาให้เสียแล้ว หน้าตาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี และเพราะกลัวคนจะมาล้อเลียนว่าบ้า ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนักที่จะหยุดข่าวลือนี้ข่าวลือคาวๆ แบบนี้ ลือกันได้ไวที่สุด และลือกกันไปอย่างพิลึกพิลั่นที่สุดด้วยหลี่จื่อเหยาตอนนั้นมาพัวพันเซียวเหยียนจิ่ง ทำทุกทางเพื่อทำลายพิธีแต่งงานของเซียวเหยียนจิ่งกับฟู่จาวหนิง นางตอนนั้นเอาแต่เรียกเขาว่า "พี่เซียว" ปาวๆ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปี ทำไมจึงปีนไปถึงเตียงของพ่อพี่เซียวแล้วกัน?"ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลี่จื่อเหยาเป็นโรคระบาดนั่น รัฐทายาทเซียวก็คงจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว""เมื่อเป็นแบบนี้ จวนชินอ๋องเซียวคงจะวุ่นวายขึ้นจริงๆ แล้ว""แล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนั้นไม่ได้แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียว นี่ถือว่าแคล้วคลาดเลยสินะ?"ในเมืองหลวงทุกที่มีแต่คนกระซิบกระซาบกันเช่นนี้ แต่คนที่พูดถึงฟู่จาวหนิงก็มีแค่ส่วนน้อยถึงอย่างไรตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจว
เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าให้คนนอกรู้เรื่องที่หลี่จื่อเหยาเป็นโรคนี้เข้า คงจะน่าอับอายมากโดยเฉพาะหลี่จื่อเหยาที่ติดโรคระบาดนั้นดังนั้นเรื่องนี้จะต้องเก็บให้สนิท ห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาดแต่คนอื่นกลับไม่คิดแบบเขาอย่างเช่นเซียวหลันยวนจังหวะที่หมอเทวดาหลี่กลับมาถึงเมืองหลวง เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่เซียวเหยียนจิ่งไปรับหมอเทวดาหลี่เลยถึงแม้จะผ่านไปสามปีแล้ว แต่เรื่องที่หลี่จื่อเหยากับเซียวเหยียนจิ่งทำกับฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนไม่เคยปล่อยผ่านโดยเฉพาะที่ช่วงนี้เซียวเหยียนจิ่งเริ่มหันมาสนใจฟู่จาวหนิงอีกครั้งหลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับมา เซียวเหยียนจิ่งก็ยังแอบคิดจะทำอะไรอีก สิ่งนี้เซียวหลันยวนจะทนได้อย่างไร?ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาหลี่รับลูกสาวออกไปจากจวนชินอ๋องเซียว เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว"ท่าน อ๋อง จากที่หญิงรับใช้ร่างใหญ่ในเรือนหลี่จื่อเหยาบอก หลี่จื่อเหยาไปรื้อเตียงของชินอ๋องเซียวเข้า..."องครักษ์ลับมารายงานข่าวที่ได้รับมากับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ พอได้ยินเช่นนี้นางก็หัวเราะพรวดออกมานี่มันช่าง...นางยังอยากจะพ
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา