ฟู่จาวหนิงกลับบ้าน ในบ้านกลับมีแขกมาหาเสี่ยวเถาเข้ามารับ เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วกับนางว่า "คุณหนู ฮูหยินจากตระกูลหลินแวะเข้ามา""ใครหรือ?"ฟู่จาวหนิงผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีนึกออกว่าฮูหยินจากตระกูลหลินคือใคร พี่สะใภ้รองของฟู่หลินซื่อ น้าสะใภ้รองของนาง"ญาติที่สิบกว่าปีไม่เคยจะแวะเวียน ตอนนี้กลับโผล่ออกมาแล้ว"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขันเหลือเกิน"แต่ว่า ท่านผู้เฒ่าดีใจมาก" เสี่ยวเถารู้สึกลำบากใจ กลัวว่านางจะเข้าไปแล้วด่ากราดไล่แขกฟู่จาวหนิงชะงักไปครู่หนึ่ง "ข้าเข้าไปดูหน่อย"ผู้เฒ่าฟู่ยังลุกออกไปไหนไม่ได้ จึงทำได้เพียงถูกประคองลงจากเตียง นั่งอยู่บนแคร่อ่อนด้านนอกข้างโต๊ะแปดเซียนตรงข้ามเขามีหญิงสาวอายุราวสี่สิบปีคนหนึ่งนั่งอยู่ นี่คือน้าสะใภ้รองหลิน เซี่ยซื่อฟู่จาวหนิงลืมไปแล้วว่าน้าสะใภ้รองหน้าตาเป็นอย่างไร เดิมทีคิดว่านางจะหน้าตาชอบเหน็บแนม คิดไม่ถึงว่าจะเกินคาดเช่นนี้ เซี่ยซื่อมีหน้าตาที่อบอุ่นและอิ่มเอิบดีงามเสียด้วยซ้ำเซี่ยซื่อแต่งกายก็ดูธรรมดาๆ เหมาะสมดี มองแล้วไม่ฉูดฉาดหรูหรานางนั่งอยู่ที่นั่นพูดคุยเสียงแผ่วเบากับผู้เฒ่าฟู่ บนโต๊ะยังวางกล่องขนมที่ผูกไว้ด้วยเชือกสีแดงใบหนึ่งด้ว
"อันห่าว!"เซี่ยซื่อตกใจอย่างมาก ร้องตะโกนวิ่งไปหานาง จังหวะที่ผ่านธรณีประตูขาก็อ่อนจนสะดุด เกือบจะพุ่งตัวล้มลงไปถ้าล้มลงที่นี่ หน้าจะฟาดเข้ากับกระดานหินด้านนอก ไม่แน่อาจจะล้มตกบันไดลงไปอีก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย"ฮูหยิน!" สาวใช้ของนางตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีฟู่จาวหนิงพุ่งออกไปราวลูกธนู โอบประคองนางไว้อย่างฉับไวรวดเร็วเซี่ยซื่อรู้สึกแค่มือที่ประคองนางไว้มีแรงเยอะมาก พยุงนางไว้จนมั่นคง แต่ตอนนี้เองในใจนางก็คิดถึงลูกสาวขึ้น ประโยคต่อมาจึงรีบวิ่งลงไป"อันห่าว อันห่าวเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"ฟู่จาวหนิงมองผู้เฒ่าฟู่ และเห็นว่าเขาก็ร้อนรนเช่นกัน "ท่านปู่ ท่านไม่ต้องกังวล เดี๋ยวข้าไปดูเอง""รีบไปรีบไป"ผู้เฒ่าฟู่อยากจะรีบออกไปดูด้วยตนเองเสียจริงเซี่ยซื่อไม่ได้มาบ้านตระกูลฟู่เสียหลายปี นี่พอมาแล้วกลับเกิดเรื่องขึ้น เซี่ยซื่อมองลูกสาวสำคัญยิ่งกว่าดวงตาของตนเอง ถ้าหากหลินอันห่าวเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ เขาเองก็รู้สึกแย่มากๆเซี่ยซื่อพาหลินอันห่าวประคองขึ้นมาแล้วหลินอันห่าวกลับชักเกร็งไปทั้งตัว หูตาจมูกปากบิดเบี้ยว ดูแล้วเหมือนควบคุมไม่ได้"อันห่าว!"เซี่ยซื่อเองก็ร้อนรนจนสั่นระริก ล้วงเอาขว
อันห่าวถลึงตามอง นอนอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย มองดูเซี่ยซื่อ จากนั้นก็มองฟู่จาวหนิง นิ้วของนางเกี่ยวนิ้วของฟู่จาวหนิงเอาไว้"จาวหนิง" เสียงของเซี่ยซื่อสั่นเล็กน้อย ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก "อันห่าวนางไม่กลัวเจ้า นางชอบเจ้า"อันห่าวใสซื่อบริสุทธิ์ ความชอบก็ตรงไปตรงมา น้อยมากที่จะมีคนเข้าใกล้นางได้เช่นนี้ตั้งแต่พบกันครั้งแรก และยอมเข้าหาตัวตนเอง ดังนั้นพอเห็นท่าทางของอันห่าว เซี่ยซื่อจึงดีใจมาก"พี่สาวเป็นหมอ สามารถไล่โรคร้ายบนตัวอันห่าวออกไปได้" ฟู่จาวหนิงยิ้มให้หลินอันห่าวดวงตาสุกใสของหลินอันห่าวเต็มไปด้วยความเชื่อใจ นางพยักหน้าฟู่จาวหนิงปักลงไปอีกหลายเข็ม หลินอันห่าวหนังตาค่อยๆ ปิดลง หลับไหลไปแล้ว"จาวหนิง อันห่าวหลับไปแล้วหรือ?" เซี่ยซื่อถามขึ้นเสียงแผ่ว"ถูกต้อง ข้าแทงจุดชีพจรช่วยให้หลับนอนแก่นาง นางต้องพักผ่อนสักครู่ แล้วข้าจะตรวจนางให้อย่างละเอียด" ฟู่จาวหนิงเก็บเข็มลงมา จับชีพจรให้กับหลินอันห่าว แลพบว่าร่างกายของนางไม่เลวนัก แต่มีเลือดลมหลายแห่งไหลเวียนไม่ดีนางยืนขึ้นมา เดินออกประตูไป ตรงไปด้านหน้าคนรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ ยกเท้าขึ้นถีบหน้าอกเขาคนรับใช้นั่นถูกนางพัดจนหน้าหงาย
"ท่านอ๋อง บนเขานั่น ซือถูไป๋เคยช่วยชีวิตพระชายาเอาไว้ แล้วยังเอาอกเอาใจพระยาชาอย่างดีอีกด้วย" จงเจี้ยนเอ่ยขึ้น "ซือถูไป๋ ท่านอ๋องรู้จักกระมัง"อ๋องเจวี้ยนเหลือบมองเขาผาดหนึ่งเขาเองก็เคยเห็นซือถูไป๋ครั้งสองครั้ง และเคยได้ยินชื่อเสียงของซือถูไป๋ด้วย ที่คนพูดกันว่าคุณชายประดุจหยกล้ำค่า จันทร์ขาวกระจ่างแสง ก็คือพูดถึงซือถูไป๋คนนี้แต่ว่า ซือถูไป๋ไปรู้จักกับฟู่จาวหนิงตอนไหนกัน"กลับไปบ้านตระกูลฟู่เสีย"อ๋องเจวี้ยนไล่เขาเสียงเย็นจงเจี้ยนติดตามฟู่จาวหนิงไม่กี่วัน ทำไมตอนนี้เปลี่ยนเป็นปากเปราะเสียแล้ว?พอมาถึงบ้านตระกูลฟู่ หลินอันห่าวก็ตื่นขึ้นมาแล้วเซี่ยซื่อพานางออกมานอกประตู บนรถม้าล้วนเตรียมชุดสำรองเอาไว้หนึ่งชุด เสี่ยวเถากับคนใช้ของเซี่ยซื่อพานางไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เซี่ยซื่อเดินมาอยู่เบื้องหน้าฟู่จาวหนิง คารวะให้กับนางอีกครั้งหนึ่ง"จาวหนิง ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้เจ้า ครั้งนี้อันห่าวก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดี"ดวงตาเซี่ยซื่อแดงก่ำ กระทั่งยังอยู่ในอาการตระหนกไม่มั่นคงฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกว่าเซี่ยซื่อคนนี้คารวะตนเองอย่างผิดสังเกต ว่าตามหลักการแล้วนางเป็นผู้อาวุโสกว่านะ"ท่านเอาแต่คา
"เจ้าเองก็ไม่ง่ายนักเลย" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ "หลังจากคลอดอันห่าวมาก็ทำร้ายร่างกายจนมีบุตรไม่ได้อีก หลายปีมานี้หลินไห่เซิงก็เอาแต่หลงพวกภรรยาผู้น้อยกับอนุภรรยา เจ้ากับอันห่าวก็ผ่านคืนวันในบ้านตระกูลหลินอย่างลำบากเช่นกัน"ฟู่จาวหนิงเพิ่งรู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วยดูท่าเซี่ยซื่อที่เป็นบ้านหลักตอนนี้จะใช้ชีวิตได้ไม่ค่อยดีในบ้านตระกูลหลินกระมังเซี่ยซื่อดวงตาก็รื้นขึ้นมา"ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว จาวหนิงช่วยชีวิตอันห่าวไว้อีกครั้ง ข้าเองก็เห็นนางเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิต ไหนจะตอนนี้ที่นางเป็นถึงพระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้วอีก จะขาดมารยาทไปได้อย่างไร""น้าสะใภ้รองของจาวหนิงมาแล้วหรือ?" ด้านนอกมีเสียงของฮูหยินรองดังลอดเข้ามาฮูหยินรองหลายวันนี้ไม่กล้าเข้ามาอยู่ต่อหน้าฟู่จาวหนิงเลย แต่ตอนนี้กลับเข้ามาแล้วเซี่ยซื่อยืนขึ้นมา ฮูหยินรองยื่นหน้าอยู่ที่ประตูไม่กล้าเข้ามา มองฟู่จาวหนิงด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ "จาวหนิง ข้ามาหาน้าสะใภ้รองของเจ้า เจ้าอย่าถือไม้กวาดมาไล่ตี้ข้านะ มีรุ่นหลังทำกับผู้อาวุโสเช่นนี้อย่างเจ้าเสียที่ไหนกัน"ฟู่จาวหนิงไม่พูดอะไรคนเหล่านี้กำลังวางแผนต่อบ้านตระกูลฟู่ นางยังตรวจสอบออกมาไม่ไ
"เพราะปากของท่านมันเหม็น ไสหัวไป" ฟู่จาวหนิงสายตาเย็นชาลงมาแล้วฮูหยินรองฟู่มองท่าทีนางเช่นนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก หันตัวออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียด ตอนกำลังจะออกไปก็ถลึงตามองใส่หลินอันห่าวอีกทีหลินอันห่าวถูกเซี่ยซื่อปลอบไว้แล้ว มองฟู่จาวหนิงอย่างหวาดๆฟู่จาวหนิงเดินมาข้างหน้านาง กดมือทั้งสองยื่นไปหานาง "มา อันห่าว ข้าจะเลี้ยงลูกกวาดเจ้า แต่ว่า เจ้าต้องลองเดาดูนะว่าลูกกวาดอยู่ในมือข้างไหน?"หลินอันห่าวมองมือฟู่จาวหนิงอย่างอยากรู้อยากเห็น ชี้อย่างระมัดระวังไปที่มือขวา "ในนี้?"เสียงของนางแผ่วเบา"จ่างจางจ๊าง !" ฟู่จาวหนิงยิ้มออกมา แบมือขวาออกเหมือนเปิดจับรางวัล ในมือมีลูกกวาดที่ห่อกระดาษสีสันเอาไว้สองเม็ด "อันห่าวเก่งจังเลย ครั้งเดียวก็ทายถูกแล้ว มา นี่เป็นรางวัลของเจ้า"ลูกกวาดสองเม็ดวางไว้บนมืออันห่าว นางดีใจจนยิ้มออกมาเซี่ยซื่ออเห็นนางกล้าพูดคุยกับฟู่จาวหนิง แล้วยังถูกแหย่จนหัวเราะออกมาอีก น้ำตาแห่งความปีติก็ไหลรินออกมา"พวกเขาล้วนอยากจะเอาอันห่าวไปเป็นกรณีศึกษาอาการป่วยกันหมด จะเอานางไปร่วมพิธีเดิมพันโอสถ" ฟู่จาวหนิงพูดกับเซี่ยซื่อว่า "ท่านปฏิเสธไปคือถูกต้องแล้ว อันห่าวไม่เหม
เขาไม่น่าพบขนาดนั้นเลยหรือ ยกมาพูดไม่ได้เลยหรือ?"ท่านอ๋อง ไปไหม?" ชิงอีถามขึ้นพระชายาเดินไปจนไม่เห็นเงาแล้วเซียวหลันยวนร้องเชอะขึ้นมา เดินตามไปพอถึงในเรือนฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงก็สั่งให้เสี่ยวเถาไปชงชา ส่วนตนเองก็ไปล้างไม้ล้างมือหลังจากเซียวหลันยวนเข้ามาในห้องนางก็สนใจอยู่แต่กับเรื่องของตนเอง จึงโมโหขึ้นมา"ข้ายังคิดว่าอย่างน้อยเจ้าก็ควรจะอธิบายอะไรบ้าง""ท่านก็น่าจะเข้าใจดีไม่ใช่หรือ ท่านปู่ข้าไม่เชื่อใจท่าน รู้สึกที่ท่านมาแต่งงานกับข้ามีลับลมคมนัย ไม่ได้มาด้วยเจตนาดี ดังนั้นถ้าข้าบอกเขาไปว่าท่านเป็นคนหาป้ายตราสีม่วงนี้มาให้ เขาจะต้องคิดมากเป็นแน่" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเรื่องนี้ตัวเขาเองก็รู้อยู่เต็มอก"ดังนั้นเจ้าจึงพูดโกหกหรือ?""ท่านมาทำอะไร?" ฟู่จาวหนิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเซียวหลันยวนเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามาทำอะไรเพราะจงเจี้ยนบอกว่านางโมโหอยู่ ดังนั้นเขาเลยมาดูหรือ?นางโมโหแล้วเกี่ยวอะไรกับเขากัน?"เจ้าให้จงเจี้ยนมาบอกข้า บอกว่าจะให้ข้าทำเรื่องที่สอง มันคืออะไร?""ท่านรีบขนาดนี้เชียว?" ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างประหลาดใจ อยากรีบช่วยนางทำเรื่องที่สองขนาดนี้เลยหรือ?
อุทยานท่าโม่ เป็นอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งใต้ชื่อของโรงหมอเมตตาอยู่ในสถานที่ที่รวมตัวของครอบครัวร่ำรวยในเมืองหลวงเพราะว่าที่นี่จะจัดพิธีเดิมพันโอสถแล้ว ดังนั้นถนนเส้นหนึ่งด้านนอกอุทยานท่าโม่จึงมีร้านรวงมากมาย และยังมีเด็กน้อยหิ้วตะกร้าออกมาเดินเร่ขายของหวานผลหมากรากไม้อีกด้วย คึกคักอย่างมากด้านนอกอุทยานมีลานเรียบๆ ที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง เวลานี้มีรถม้ามาจอดอยู่เต็มไปหมดคนขับรถเหล่านั้นไม่เข้าไปในอุทยาน ตอนที่กำลังเฝ้ารถม้าก็ยังสามารถไปเดินตามแผงร้านซื้อของได้ และยังมีบางส่วนก็ยังจับกลุ่มกันคุยโม้ คึกคักกันใหญ่ด้านนอกอุทยานท่าโม่มีโต๊ะยาวตัวหนึ่งวางไว้ มีชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวคอยตรวจเก็บป้ายเข้าประตูอยู่ว่ากันว่า ขอแค่ให้เงินพวกเขาสักส่วนหนึ่ง ก็ยังสามารถเอาของกินเล่นเข้าไปขายได้ด้วยฟู่จาวหนิงวันนี้พาเสี่ยวเถามาด้วย นางไม่รู้ว่าที่นี่เป็นอย่างไร เผื่อต้องมีคนมาเป็นม้าเร็วอะไรแบบนี้ เสี่ยวเถาถือว่าได้ใช้งานอยู่แต่ว่า จงเจี้ยนไม่วางใจ จึงติดตามมาด้วยป้ายเข้าประตูหนึ่งชิ้นสามารถพาผู้ติดตามเข้าไปได้สองคน จึงพาพวกเขาทั้งสองเข้าไปได้พอดีฟู่จาวหนิงหยิบป้ายตราส่งให้กับชายหนุ่