"เพราะปากของท่านมันเหม็น ไสหัวไป" ฟู่จาวหนิงสายตาเย็นชาลงมาแล้วฮูหยินรองฟู่มองท่าทีนางเช่นนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก หันตัวออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียด ตอนกำลังจะออกไปก็ถลึงตามองใส่หลินอันห่าวอีกทีหลินอันห่าวถูกเซี่ยซื่อปลอบไว้แล้ว มองฟู่จาวหนิงอย่างหวาดๆฟู่จาวหนิงเดินมาข้างหน้านาง กดมือทั้งสองยื่นไปหานาง "มา อันห่าว ข้าจะเลี้ยงลูกกวาดเจ้า แต่ว่า เจ้าต้องลองเดาดูนะว่าลูกกวาดอยู่ในมือข้างไหน?"หลินอันห่าวมองมือฟู่จาวหนิงอย่างอยากรู้อยากเห็น ชี้อย่างระมัดระวังไปที่มือขวา "ในนี้?"เสียงของนางแผ่วเบา"จ่างจางจ๊าง !" ฟู่จาวหนิงยิ้มออกมา แบมือขวาออกเหมือนเปิดจับรางวัล ในมือมีลูกกวาดที่ห่อกระดาษสีสันเอาไว้สองเม็ด "อันห่าวเก่งจังเลย ครั้งเดียวก็ทายถูกแล้ว มา นี่เป็นรางวัลของเจ้า"ลูกกวาดสองเม็ดวางไว้บนมืออันห่าว นางดีใจจนยิ้มออกมาเซี่ยซื่ออเห็นนางกล้าพูดคุยกับฟู่จาวหนิง แล้วยังถูกแหย่จนหัวเราะออกมาอีก น้ำตาแห่งความปีติก็ไหลรินออกมา"พวกเขาล้วนอยากจะเอาอันห่าวไปเป็นกรณีศึกษาอาการป่วยกันหมด จะเอานางไปร่วมพิธีเดิมพันโอสถ" ฟู่จาวหนิงพูดกับเซี่ยซื่อว่า "ท่านปฏิเสธไปคือถูกต้องแล้ว อันห่าวไม่เหม
เขาไม่น่าพบขนาดนั้นเลยหรือ ยกมาพูดไม่ได้เลยหรือ?"ท่านอ๋อง ไปไหม?" ชิงอีถามขึ้นพระชายาเดินไปจนไม่เห็นเงาแล้วเซียวหลันยวนร้องเชอะขึ้นมา เดินตามไปพอถึงในเรือนฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงก็สั่งให้เสี่ยวเถาไปชงชา ส่วนตนเองก็ไปล้างไม้ล้างมือหลังจากเซียวหลันยวนเข้ามาในห้องนางก็สนใจอยู่แต่กับเรื่องของตนเอง จึงโมโหขึ้นมา"ข้ายังคิดว่าอย่างน้อยเจ้าก็ควรจะอธิบายอะไรบ้าง""ท่านก็น่าจะเข้าใจดีไม่ใช่หรือ ท่านปู่ข้าไม่เชื่อใจท่าน รู้สึกที่ท่านมาแต่งงานกับข้ามีลับลมคมนัย ไม่ได้มาด้วยเจตนาดี ดังนั้นถ้าข้าบอกเขาไปว่าท่านเป็นคนหาป้ายตราสีม่วงนี้มาให้ เขาจะต้องคิดมากเป็นแน่" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเรื่องนี้ตัวเขาเองก็รู้อยู่เต็มอก"ดังนั้นเจ้าจึงพูดโกหกหรือ?""ท่านมาทำอะไร?" ฟู่จาวหนิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเซียวหลันยวนเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามาทำอะไรเพราะจงเจี้ยนบอกว่านางโมโหอยู่ ดังนั้นเขาเลยมาดูหรือ?นางโมโหแล้วเกี่ยวอะไรกับเขากัน?"เจ้าให้จงเจี้ยนมาบอกข้า บอกว่าจะให้ข้าทำเรื่องที่สอง มันคืออะไร?""ท่านรีบขนาดนี้เชียว?" ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างประหลาดใจ อยากรีบช่วยนางทำเรื่องที่สองขนาดนี้เลยหรือ?
อุทยานท่าโม่ เป็นอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งใต้ชื่อของโรงหมอเมตตาอยู่ในสถานที่ที่รวมตัวของครอบครัวร่ำรวยในเมืองหลวงเพราะว่าที่นี่จะจัดพิธีเดิมพันโอสถแล้ว ดังนั้นถนนเส้นหนึ่งด้านนอกอุทยานท่าโม่จึงมีร้านรวงมากมาย และยังมีเด็กน้อยหิ้วตะกร้าออกมาเดินเร่ขายของหวานผลหมากรากไม้อีกด้วย คึกคักอย่างมากด้านนอกอุทยานมีลานเรียบๆ ที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง เวลานี้มีรถม้ามาจอดอยู่เต็มไปหมดคนขับรถเหล่านั้นไม่เข้าไปในอุทยาน ตอนที่กำลังเฝ้ารถม้าก็ยังสามารถไปเดินตามแผงร้านซื้อของได้ และยังมีบางส่วนก็ยังจับกลุ่มกันคุยโม้ คึกคักกันใหญ่ด้านนอกอุทยานท่าโม่มีโต๊ะยาวตัวหนึ่งวางไว้ มีชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวคอยตรวจเก็บป้ายเข้าประตูอยู่ว่ากันว่า ขอแค่ให้เงินพวกเขาสักส่วนหนึ่ง ก็ยังสามารถเอาของกินเล่นเข้าไปขายได้ด้วยฟู่จาวหนิงวันนี้พาเสี่ยวเถามาด้วย นางไม่รู้ว่าที่นี่เป็นอย่างไร เผื่อต้องมีคนมาเป็นม้าเร็วอะไรแบบนี้ เสี่ยวเถาถือว่าได้ใช้งานอยู่แต่ว่า จงเจี้ยนไม่วางใจ จึงติดตามมาด้วยป้ายเข้าประตูหนึ่งชิ้นสามารถพาผู้ติดตามเข้าไปได้สองคน จึงพาพวกเขาทั้งสองเข้าไปได้พอดีฟู่จาวหนิงหยิบป้ายตราส่งให้กับชายหนุ่
คำพูดนี้เหมือนแทงเข้าไปในใจซุนหลานอินเลยทีเดียวนางแม้จะออกเรือนกับตระกูลซ่ง ตระกูลซ่งมีท่านหญิงอยู่สองคน ท่านหยิงอวิ๋นเหยากับท่านหญิงหยวนหลิน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นหลานสาวขององค์หญิงใหญ่อีกด้วย แต่มีแต่นางที่ไม่มีตัวตนฐานะอะไรเลยไม่ใช่องค์หญิง ไม่ใช่ท่านหญิง ไม่ใช่พระชายา คุณชายใหญ่ซ่งก็ยังพยายามศึกษาอยู่ในสำนักบัณฑิตจะเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ในปีหน้าอยู่"นี่คือฮูหยินคุณชายใหญ่ตระกูลซ่ง องค์หญิงใหญ่คือน้าของฮูหยินน้อยของพวกเรา ตัวตนฐานะสูงส่งกว่าพวกเจ้ามากนัก!"ซุนหลานอินหน้าเปลี่ยนสี สาวใช้ข้างกายของนางรีบแจงตัวตนฐานะของนางออกมาทันที"องค์หญิงใหญ่คือน้าของนาง แล้วแม่ของนางก็เป็นองค์หญิงด้วยไหม?"ฟู่จาวหนิงคำนี้หันไปถามจงเจี้ยนนางรู้สึกแปลกจริงๆ ทำไมต้องแนะนำเช่นนี้ด้วย? บอกมาเลยว่านางเป็นลูกสาวขององค์หญิงอะไรมาก็พอแล้วนี่?จงเจี้ยนกระแอมทีหนึ่งถ้าไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงไม่รู้จักซุนหลานอินจริงๆ เขาคงคิดว่านางจงใจไปแล้วจงใจเหยียบจิตใจของซุนหลานอิน"มารดาของนางเพื่อจะออกเรือนกับตระกูลซุน ตอนนั้นจึงยอมสละตำแหน่งองค์หญิง ครั้งนั้นไท่ซ่างหวงโกรธมาก และยอมรับไป""ดังนั้น นางจึงท
ซ่งหยวนหลินเดิมทีอยากจะพูดตัวตนฐานะของฟู่จาวหนิงออกมาแล้ว แต่พอเห็นว่าวันนี้นางแต่งตัวธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ได้มาด้วยกัน ลูกตาจึงกลอกกลับ เข้าไปคล้องแขนของซุนหลานอิน "ข้าไม่รู้จักหรอก"นางถ้าบอกว่าไม่รู้จักฟู่จาวหนิงก็ถือว่าพูดได้อยู่อ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงแต่งงานกันวันนั้น ฟู่จาวหนิงก็คลุมหัวเอาไว้ตลอด นางไม่เห็นหน้าตาของนางเลยขอแค่นางไม่พูด ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นนางแอบไปที่เขาจันทร์ลับฟ้ามา?"นังสารเลวคนนี้ก็ไม่รู้ว่าใครปล่อยเข้ามา พิธีเดิมพันโอสถในอุทยานท่าโม่ครั้งนี้ ธรณีประตูคงจะต่ำเกินไปแล้ว หมาแมวอะไรก็ปล่อยเข้ามาหมด""ฮูหยิน ท่านอย่าไปยุ่งกับคนเช่นนี้เลย" ซ่งหยวนหลินเห็นว่าที่นี่มีคนมากมาย รู้สึกว่าไม่ใช่โอกาสลงมือที่ดีนัก "พวกเรารีบไปที่สวนหลักกันเถอะ ได้ยินว่าทางนั้นมีคนนำดอกไม้ประหลาดช่อหนึ่งออกมาด้วย รีบไปดูกัน""จริงหรือ?"ซุนหลานอินเองก็สนใจขึ้นมา ถลึงตามองฟู่จาวหนิง "เห็นแก่หน้าเจ้าแล้วกัน จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนชั้นต่ำแบบนี้""ใช่ ฮูหยิน ไปกันๆ ส่วนพวกนี้คือเหล่าผองเพื่อนจากสำนักบัณฑิตชิงหวาของพวกเรา ข้าพาพวกเขามาดู""สำนักบัณฑิตชิงหวา ต้อ
สวนหลักแห่งนี้ใหญ่มาก ในพื้นที่ว่างวางโตีะเอาไว้หลายตัว ใช้แถบผ้ากั้นเว้นระยะห่างปลอดภัยกับผู้ชมไว้ ไม่ยอมให้เข้าใกล้โต๊ะมากเกินไปตอนนี้โต๊ะตัวหนึ่งในนี้วางกระถางดอกไม้ไว้ใบหนึ่ง ด้านข้างมีชายชรากำลังก้มตัวลงสังเกตุกระถางดอกไม้ใบนั้นอย่างละเอียด ด้านนอกแถบผ้ากั้นก็มีคนมุงล้อมอยู่ไม่น้อย ล้วนกำลังสืบมองไปทางนั้นซ่งหยวนหลินกับซุนหลานอินพวกนางอยู่ข้างๆจงเจี้ยนพอมาถึงก็เข้าไปแย่งที่เหมาะๆ แล้วให้ฟู่จาวหนิงเข้าไปฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเถาเดินเข้าไป และมองไปทางกระถางต้นไม้นั้นอย่างอยากรู้อยากเห็นพอมองไป นั่นก็เหมือนกับดอกกล้วยไม้กระถางหนึ่ง ใบไม้รูปกระบี่ยืดออก กิ่งดอกระย้าสามกิ่ง หน่อดอกบานเป็นพวกดอกไม้ กลีบดอกไม้สีทอง เกษรสีแดงหม่นรูปร่างดอกไม้ดูสูงสง่ามาก ราวกับเป็นหญิงสาวตระกูลขุนนางที่สูงส่ง งามจับตามากเพราะสีทองเจิดจ้า ดังนั้นดูแล้วจึงดูร้อนแรงและทรงเกียรติด้านหลังโต๊ะมีชายกลางคนหน้าเหลี่ยมพุงอ้วนกลมคนหนึ่งยืนอยู่ เครื่องประดับบนร่างกายดูอู้ฟู่มาก สีหน้าเขากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างเห็นได้ชัดฟู่จาวหนิงเดาว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าของดอกไม้ช่อนี้และตามคาด ชายคนนี้เอ่ยปากขึ้นมา"ดอก
หมอหม่านั่นไม่ใช่ที่หาคนยิงเข็มพิษใส่หลินอันห่าวเพื่อกระตุ้นอาการโรคหรอกหรือ?พอเห็นผู้เฒ่าน้อยคนนี้ สายตาฟู่จาวหนิงก็เย็นชาลงมาแล้วคนเช่นนี้เป็นความล้มเหลวทางการแพทย์จริงๆ"ดูไปก่อน" ฟู่จาวหนิงยังให้เซียวหลันยวนขังคนใช้คนนั้นไว้อยู่ หมอหม่าคนนี้พอไม่เห็นคนใช้กลับไปรายงาน แต่ก็ยังกล้ามาร่วมพิธีเดิมพันโอสถอีกหรือ"หมอหม่ามาๆๆ บอกไว้ก่อนนะ ดอกไม้นี้ทำได้แค่มองกับดม แต่ว่าที่นี่มีดอกที่ร่วงอยู่สามดอกก่อนหน้า หยิบขึ้นมาดูได้"เจี่ยหยวนไว่หยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาผืนหนึ่ง กางออกวางไว้บนโต๊ะ ด้านนั้นห่อดอกไม้ไว้สามดอกตามที่ว่าไว้"ไม่เคยเห็นคนงกขนาดนี้มาก่อนเลย"คนที่ล้อมดูอยู่ล้วนหัวเราะร่าขึ้นมา"แต่ว่า ดอกไม้นี้ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วจะไปเดาคุณสมบัติทางยาได้อย่างไรกัน?" ยังมีคนรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่"ดังนั้นนี่ก็ไม่เรียกว่าเดิมพันแล้วสิ?""เจี่ยหยวนไว่" มีคนร้องเรียกขึ้นมา "ถ้ามีคนเดาถูกแต่เจ้าไม่ยอมรับล่ะจะว่าอย่างไร?""นั่นเป็นไปไม่ได้เลย" เจี่ยหยวนไว่หัวเราะร่าขึ้นมา "มีหมอหลายคนจากโรงหมอเมตตาคอยคุมอยู่นะ พวกเขาพอหยิบเอาดอกไม้ไปศึกษา ไม่นานก็ค้นคว้าถึงคุณค่าทา
ฟู่จาวหนิงมองเห็นซ่งหยวนหลินกระซิบกระซาบอะไรกับสาวใช้ข้างๆ สาวใช้คนนั้นพยักหน้า จากนั้นก็มุดออกไปจากกลุ่มคน"จงเจี้ยน เจ้าตามไปดูหน่อย" ฟู่จาวหนิงเองก็กดเสียงต่ำส่งสัญญาณให้จงเจี้ยนตอนที่นางไปขุดยาที่เขาจันทร์ลับฟ้า ซ่งหยวนหลินส่งคนออกไป นางก็จับคนได้แล้วเค้นถามออกมาซ่งหยวนหลินกับเซียวหลันยวนจะมีความคิดอะไรกันนางไม่สนใจ แต่ว่าซ่งหยวนหลินในเมื่อลงมือกับนางแล้ว มีแค้นแต่ไม่ชำระนี่ก็ไม่ใช่นิสัยของนางจงเจี้ยนสั่งการออกไปหมอหม่างุ่นง่านอยู่พักหนึ่งจึงเขียนคำตอบของเขาออกมา ตอนที่เขียนก็ดูระมัดระวังอย่างมากพอหยิบคำตอบไปหาผู้ดูแลเจียง เขาก็กลั้นลมหายใจ เฝ้ารออย่างเคร่งเครียดผู้ดูแลเจียงมองผาดหนึ่ง จึงส่ายหัว"ไม่ถูก"หมอหม่าถอนหายใจออกมาหนักๆ หน้านิ่วคอตกนั่นมันร้อยตำลึงนะ ร้อยตำลึงเลยนะ ขาดทุนหนักเลย!เจี่ยหยวนไว่กลับยิ้มแย้มแจ่มใส"ข้ามาลองหน่อย" เพียงไม่นานก็มีคนออกไปอีก"คุณหนู ท่านจะลองดูหน่อยไหม?" เสี่ยวเถาถามเสียงแถ่วกับฟู่จาวหนิง ถึงอย่างไรนางก็รู้สึกว่าวิชาแพทย์ของคุณหนูจะต้องดีกว่าหมอหลายคนในนี้แน่นอนท่านผู้เฒ่ากับหลินอันห่าวเองก็พิสูจน์จุดนี้ไปแล้ว"ดูอีกหน่อย
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้
ต่อมาหมอเทวดาหลี่ก็ทำหน้าขรึมคุกคามสาวใช้สองคนนั้น ถ้ายังไม่รับใช้ปรนนิบัติดีดี ก็จะขายพวกนางทั้งสองคนไปที่ซ่องโสเภณีเสียสาวใช้สองคนจึงร้องไห้ฟูมฟายเข้ามารับใช้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิเองก้ได้ยินเรื่องเลห่านี้ของจวนชินอ๋องเซียวแล้ว"บอกไปแล้วว่าจวนชินอ๋องเซียวต้องคอยระวังไม่ให้เข้าออก หมอเทวดาหลี่กับชินอ๋องเซียวนี่มัน..."เขาทำหน้าขรึม รู้สึกว่าตนเองไม่มีบารมีเอาเสียเลย จวนอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เชื่อฟัง ตอนนี้จวนชินอ๋องเซียวเองก็ด้วยหรือ? ใครให้หน้าพวกเขากันถ้าไม่ใช่เพราะเขาอันที่จริงก็กลัวเจ้าโรคนั้น ตอนนี้คงเรียกเซียวเหยียนจิ่งมาด่ากราดให้เลือดซิบไปแล้ว"ตอนนี้หลี่จื่อเหยาในเมื่อถูกหมอเทวดาหลี่รับไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาไปรักษาให้ดี ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าเขาจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้หรือเปล่า!""องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนทางนั้นต้มยาน้ำออกมา ตอนนี้สามารถป้องกันล่วงหน้าได้แล้ว หาซื้อได้ในพันธมิตรโอสถ หนึ่งชามสิบเหวิน" มีคนเข้ามารายงานกับองค์จักรพรรดิ"หนึ่งชามสิบเหวิน?" องค์จักรพรรดิใจสั่นกึก "แล้วได้ผลจริงไหม?""นี่ก็ยังไม่รู้ แต่คนที่ไปซื้อยานั้นไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่เคยสัมผัสกั
จวนชินอ๋องเซียวกลายเป็นขี้ปากคนทั้งเมืองไปแล้วเซียวเหยียนจิ่งอยากจะปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ยิ่งปิดกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกระทั่งเพราะเขาไปพยายามปิดข่าวลือ เลยมีคนบอกว่าเขาถูกพ่อสวมเขาให้เสียแล้ว หน้าตาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี และเพราะกลัวคนจะมาล้อเลียนว่าบ้า ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนักที่จะหยุดข่าวลือนี้ข่าวลือคาวๆ แบบนี้ ลือกันได้ไวที่สุด และลือกกันไปอย่างพิลึกพิลั่นที่สุดด้วยหลี่จื่อเหยาตอนนั้นมาพัวพันเซียวเหยียนจิ่ง ทำทุกทางเพื่อทำลายพิธีแต่งงานของเซียวเหยียนจิ่งกับฟู่จาวหนิง นางตอนนั้นเอาแต่เรียกเขาว่า "พี่เซียว" ปาวๆ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปี ทำไมจึงปีนไปถึงเตียงของพ่อพี่เซียวแล้วกัน?"ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลี่จื่อเหยาเป็นโรคระบาดนั่น รัฐทายาทเซียวก็คงจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว""เมื่อเป็นแบบนี้ จวนชินอ๋องเซียวคงจะวุ่นวายขึ้นจริงๆ แล้ว""แล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนั้นไม่ได้แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียว นี่ถือว่าแคล้วคลาดเลยสินะ?"ในเมืองหลวงทุกที่มีแต่คนกระซิบกระซาบกันเช่นนี้ แต่คนที่พูดถึงฟู่จาวหนิงก็มีแค่ส่วนน้อยถึงอย่างไรตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจว
เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าให้คนนอกรู้เรื่องที่หลี่จื่อเหยาเป็นโรคนี้เข้า คงจะน่าอับอายมากโดยเฉพาะหลี่จื่อเหยาที่ติดโรคระบาดนั้นดังนั้นเรื่องนี้จะต้องเก็บให้สนิท ห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาดแต่คนอื่นกลับไม่คิดแบบเขาอย่างเช่นเซียวหลันยวนจังหวะที่หมอเทวดาหลี่กลับมาถึงเมืองหลวง เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่เซียวเหยียนจิ่งไปรับหมอเทวดาหลี่เลยถึงแม้จะผ่านไปสามปีแล้ว แต่เรื่องที่หลี่จื่อเหยากับเซียวเหยียนจิ่งทำกับฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนไม่เคยปล่อยผ่านโดยเฉพาะที่ช่วงนี้เซียวเหยียนจิ่งเริ่มหันมาสนใจฟู่จาวหนิงอีกครั้งหลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับมา เซียวเหยียนจิ่งก็ยังแอบคิดจะทำอะไรอีก สิ่งนี้เซียวหลันยวนจะทนได้อย่างไร?ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาหลี่รับลูกสาวออกไปจากจวนชินอ๋องเซียว เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว"ท่าน อ๋อง จากที่หญิงรับใช้ร่างใหญ่ในเรือนหลี่จื่อเหยาบอก หลี่จื่อเหยาไปรื้อเตียงของชินอ๋องเซียวเข้า..."องครักษ์ลับมารายงานข่าวที่ได้รับมากับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ พอได้ยินเช่นนี้นางก็หัวเราะพรวดออกมานี่มันช่าง...นางยังอยากจะพ
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา