คำพูดนี้เหมือนแทงเข้าไปในใจซุนหลานอินเลยทีเดียวนางแม้จะออกเรือนกับตระกูลซ่ง ตระกูลซ่งมีท่านหญิงอยู่สองคน ท่านหยิงอวิ๋นเหยากับท่านหญิงหยวนหลิน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็นหลานสาวขององค์หญิงใหญ่อีกด้วย แต่มีแต่นางที่ไม่มีตัวตนฐานะอะไรเลยไม่ใช่องค์หญิง ไม่ใช่ท่านหญิง ไม่ใช่พระชายา คุณชายใหญ่ซ่งก็ยังพยายามศึกษาอยู่ในสำนักบัณฑิตจะเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ในปีหน้าอยู่"นี่คือฮูหยินคุณชายใหญ่ตระกูลซ่ง องค์หญิงใหญ่คือน้าของฮูหยินน้อยของพวกเรา ตัวตนฐานะสูงส่งกว่าพวกเจ้ามากนัก!"ซุนหลานอินหน้าเปลี่ยนสี สาวใช้ข้างกายของนางรีบแจงตัวตนฐานะของนางออกมาทันที"องค์หญิงใหญ่คือน้าของนาง แล้วแม่ของนางก็เป็นองค์หญิงด้วยไหม?"ฟู่จาวหนิงคำนี้หันไปถามจงเจี้ยนนางรู้สึกแปลกจริงๆ ทำไมต้องแนะนำเช่นนี้ด้วย? บอกมาเลยว่านางเป็นลูกสาวขององค์หญิงอะไรมาก็พอแล้วนี่?จงเจี้ยนกระแอมทีหนึ่งถ้าไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงไม่รู้จักซุนหลานอินจริงๆ เขาคงคิดว่านางจงใจไปแล้วจงใจเหยียบจิตใจของซุนหลานอิน"มารดาของนางเพื่อจะออกเรือนกับตระกูลซุน ตอนนั้นจึงยอมสละตำแหน่งองค์หญิง ครั้งนั้นไท่ซ่างหวงโกรธมาก และยอมรับไป""ดังนั้น นางจึงท
ซ่งหยวนหลินเดิมทีอยากจะพูดตัวตนฐานะของฟู่จาวหนิงออกมาแล้ว แต่พอเห็นว่าวันนี้นางแต่งตัวธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่ได้มาด้วยกัน ลูกตาจึงกลอกกลับ เข้าไปคล้องแขนของซุนหลานอิน "ข้าไม่รู้จักหรอก"นางถ้าบอกว่าไม่รู้จักฟู่จาวหนิงก็ถือว่าพูดได้อยู่อ๋องเจวี้ยนกับฟู่จาวหนิงแต่งงานกันวันนั้น ฟู่จาวหนิงก็คลุมหัวเอาไว้ตลอด นางไม่เห็นหน้าตาของนางเลยขอแค่นางไม่พูด ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นนางแอบไปที่เขาจันทร์ลับฟ้ามา?"นังสารเลวคนนี้ก็ไม่รู้ว่าใครปล่อยเข้ามา พิธีเดิมพันโอสถในอุทยานท่าโม่ครั้งนี้ ธรณีประตูคงจะต่ำเกินไปแล้ว หมาแมวอะไรก็ปล่อยเข้ามาหมด""ฮูหยิน ท่านอย่าไปยุ่งกับคนเช่นนี้เลย" ซ่งหยวนหลินเห็นว่าที่นี่มีคนมากมาย รู้สึกว่าไม่ใช่โอกาสลงมือที่ดีนัก "พวกเรารีบไปที่สวนหลักกันเถอะ ได้ยินว่าทางนั้นมีคนนำดอกไม้ประหลาดช่อหนึ่งออกมาด้วย รีบไปดูกัน""จริงหรือ?"ซุนหลานอินเองก็สนใจขึ้นมา ถลึงตามองฟู่จาวหนิง "เห็นแก่หน้าเจ้าแล้วกัน จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนชั้นต่ำแบบนี้""ใช่ ฮูหยิน ไปกันๆ ส่วนพวกนี้คือเหล่าผองเพื่อนจากสำนักบัณฑิตชิงหวาของพวกเรา ข้าพาพวกเขามาดู""สำนักบัณฑิตชิงหวา ต้อ
สวนหลักแห่งนี้ใหญ่มาก ในพื้นที่ว่างวางโตีะเอาไว้หลายตัว ใช้แถบผ้ากั้นเว้นระยะห่างปลอดภัยกับผู้ชมไว้ ไม่ยอมให้เข้าใกล้โต๊ะมากเกินไปตอนนี้โต๊ะตัวหนึ่งในนี้วางกระถางดอกไม้ไว้ใบหนึ่ง ด้านข้างมีชายชรากำลังก้มตัวลงสังเกตุกระถางดอกไม้ใบนั้นอย่างละเอียด ด้านนอกแถบผ้ากั้นก็มีคนมุงล้อมอยู่ไม่น้อย ล้วนกำลังสืบมองไปทางนั้นซ่งหยวนหลินกับซุนหลานอินพวกนางอยู่ข้างๆจงเจี้ยนพอมาถึงก็เข้าไปแย่งที่เหมาะๆ แล้วให้ฟู่จาวหนิงเข้าไปฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเถาเดินเข้าไป และมองไปทางกระถางต้นไม้นั้นอย่างอยากรู้อยากเห็นพอมองไป นั่นก็เหมือนกับดอกกล้วยไม้กระถางหนึ่ง ใบไม้รูปกระบี่ยืดออก กิ่งดอกระย้าสามกิ่ง หน่อดอกบานเป็นพวกดอกไม้ กลีบดอกไม้สีทอง เกษรสีแดงหม่นรูปร่างดอกไม้ดูสูงสง่ามาก ราวกับเป็นหญิงสาวตระกูลขุนนางที่สูงส่ง งามจับตามากเพราะสีทองเจิดจ้า ดังนั้นดูแล้วจึงดูร้อนแรงและทรงเกียรติด้านหลังโต๊ะมีชายกลางคนหน้าเหลี่ยมพุงอ้วนกลมคนหนึ่งยืนอยู่ เครื่องประดับบนร่างกายดูอู้ฟู่มาก สีหน้าเขากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างเห็นได้ชัดฟู่จาวหนิงเดาว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าของดอกไม้ช่อนี้และตามคาด ชายคนนี้เอ่ยปากขึ้นมา"ดอก
หมอหม่านั่นไม่ใช่ที่หาคนยิงเข็มพิษใส่หลินอันห่าวเพื่อกระตุ้นอาการโรคหรอกหรือ?พอเห็นผู้เฒ่าน้อยคนนี้ สายตาฟู่จาวหนิงก็เย็นชาลงมาแล้วคนเช่นนี้เป็นความล้มเหลวทางการแพทย์จริงๆ"ดูไปก่อน" ฟู่จาวหนิงยังให้เซียวหลันยวนขังคนใช้คนนั้นไว้อยู่ หมอหม่าคนนี้พอไม่เห็นคนใช้กลับไปรายงาน แต่ก็ยังกล้ามาร่วมพิธีเดิมพันโอสถอีกหรือ"หมอหม่ามาๆๆ บอกไว้ก่อนนะ ดอกไม้นี้ทำได้แค่มองกับดม แต่ว่าที่นี่มีดอกที่ร่วงอยู่สามดอกก่อนหน้า หยิบขึ้นมาดูได้"เจี่ยหยวนไว่หยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาผืนหนึ่ง กางออกวางไว้บนโต๊ะ ด้านนั้นห่อดอกไม้ไว้สามดอกตามที่ว่าไว้"ไม่เคยเห็นคนงกขนาดนี้มาก่อนเลย"คนที่ล้อมดูอยู่ล้วนหัวเราะร่าขึ้นมา"แต่ว่า ดอกไม้นี้ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วจะไปเดาคุณสมบัติทางยาได้อย่างไรกัน?" ยังมีคนรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่"ดังนั้นนี่ก็ไม่เรียกว่าเดิมพันแล้วสิ?""เจี่ยหยวนไว่" มีคนร้องเรียกขึ้นมา "ถ้ามีคนเดาถูกแต่เจ้าไม่ยอมรับล่ะจะว่าอย่างไร?""นั่นเป็นไปไม่ได้เลย" เจี่ยหยวนไว่หัวเราะร่าขึ้นมา "มีหมอหลายคนจากโรงหมอเมตตาคอยคุมอยู่นะ พวกเขาพอหยิบเอาดอกไม้ไปศึกษา ไม่นานก็ค้นคว้าถึงคุณค่าทา
ฟู่จาวหนิงมองเห็นซ่งหยวนหลินกระซิบกระซาบอะไรกับสาวใช้ข้างๆ สาวใช้คนนั้นพยักหน้า จากนั้นก็มุดออกไปจากกลุ่มคน"จงเจี้ยน เจ้าตามไปดูหน่อย" ฟู่จาวหนิงเองก็กดเสียงต่ำส่งสัญญาณให้จงเจี้ยนตอนที่นางไปขุดยาที่เขาจันทร์ลับฟ้า ซ่งหยวนหลินส่งคนออกไป นางก็จับคนได้แล้วเค้นถามออกมาซ่งหยวนหลินกับเซียวหลันยวนจะมีความคิดอะไรกันนางไม่สนใจ แต่ว่าซ่งหยวนหลินในเมื่อลงมือกับนางแล้ว มีแค้นแต่ไม่ชำระนี่ก็ไม่ใช่นิสัยของนางจงเจี้ยนสั่งการออกไปหมอหม่างุ่นง่านอยู่พักหนึ่งจึงเขียนคำตอบของเขาออกมา ตอนที่เขียนก็ดูระมัดระวังอย่างมากพอหยิบคำตอบไปหาผู้ดูแลเจียง เขาก็กลั้นลมหายใจ เฝ้ารออย่างเคร่งเครียดผู้ดูแลเจียงมองผาดหนึ่ง จึงส่ายหัว"ไม่ถูก"หมอหม่าถอนหายใจออกมาหนักๆ หน้านิ่วคอตกนั่นมันร้อยตำลึงนะ ร้อยตำลึงเลยนะ ขาดทุนหนักเลย!เจี่ยหยวนไว่กลับยิ้มแย้มแจ่มใส"ข้ามาลองหน่อย" เพียงไม่นานก็มีคนออกไปอีก"คุณหนู ท่านจะลองดูหน่อยไหม?" เสี่ยวเถาถามเสียงแถ่วกับฟู่จาวหนิง ถึงอย่างไรนางก็รู้สึกว่าวิชาแพทย์ของคุณหนูจะต้องดีกว่าหมอหลายคนในนี้แน่นอนท่านผู้เฒ่ากับหลินอันห่าวเองก็พิสูจน์จุดนี้ไปแล้ว"ดูอีกหน่อย
"เจ้านี่มันยังไงกัน" เสี่ยวเถาประคองตัวฟู่จาวหนิง เดือดดาลมากฟู่จาวหนิงดึงนางไว้ "ช่างเถอะ เช่นนั้นก็ให้ลุงที่ไม่เกะกะเขาดูหน่อย บางทีเขาอาจจะมองออกเลยก็ได้ว่านี่คือวัตถุดิบยาอะไร"ถูกฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ชายคนนั้นก็เงยหน้ายืดอกทันที "รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือเถ้าแก่รองแห่งโรงยาทงฝู! พวกเราเปิดโรงยานะ วัตถุดิบยาที่รู้จักก็มีมากกว่าขนมของว่างที่พวกเจ้ากินไม่รู้ตั้งเท่าไร แล้วจะไม่รู้จักได้หรือ?""เถ้าแก่รองหู" ข้างๆ มีคนรีบชูหางชายคนนี้ขึ้นมาทันที "เถ้าแก่รองหู ได้ยินว่าโรงยาของพวกท่านจะมาเก็บวัตถุดิบยาหายากในพิธีเดิมพันโอสถทุกครั้งสินะ ราคาเองก็ให้ดีด้วยใช่ไหม?""แน่นอน โรงยาทงฝูไม่ได้ด้อยกว่าพันธมิตรโอสถใต้หล้าเลย โรงยาทงฝูอย่างพวกเราไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง ขอแค่วัตถุดิบยาดี ราคาไม่ใช่ปัญหา"ฟู่จาวหนิงนึกโรงยาทงฝูนี้ออกแล้วผู้นำตระกูลซือถูที่เคยบอกว่าเปิดโรงยาทงฝูก่อนหน้านั้นก็แยกตัวออกมาจากพันธมิตรโอสถใต้หล้า พอมีโรงยาทงฝู พันธมิตรโอสถใต้หล้าก็ถูกแบ่งไปครึ่งหนึ่ง บารมีเองก็ไม่ได้เด่นดังเช่นอดีตอีกแล้วซือถูไป๋ไม่ใช่ว่าเป็นคุณชายจากโรงยาทงฝูหรอกหรือ?"เหล่าซวี ลองบอกมาหน่อยว่
จงเจี้ยนเห็นนางเดินออกไปก็ตกใจเล็กน้อย หมอเทวดาหลี่ส่งกระดาษชิ้นนั้นให้กับสาวใช้ แต่เขาไม่ได้มันมานะ หรือว่าพระชายารู้บทบาทของดอกไม้กระถางนั้นแล้วกัน?ซ่งหยวนหลินมองไปยังทิศประตูเรือนทางนั้นอย่างร้อนรน รอสาวใช้คนนั้นกลับมาตอนนี้เองนางก็เห็นฟู่จาวหนิงเดินไปที่ด้านหน้ากระถางต้นไม้ หยิบหนึ่งร้อยตำลึงออกมา วางลงไปบนโต๊ะซ่งหยวนหลินถลึงตาดต นางทำไมจึงขึ้นไปกัน?ซุนหลานอินพอเห็นฟู่จาวหนิงขึ้นไปก็ไม่อยากเชื่อ นางกระตุกชายเสื้อซ่งหยวนหลิน "หยวนหลิน นั่งสารเลวคนนั้นขึ้นไปทำอะไรกัน?"ที่นางเกลียดฟู่จาวหนิงก็แทบจะไม่มีเหตุผลอะไร ถึงอย่างไรพอเห็นฟู่จาวหนิงสวยหน่อยนางก็ไม่ชอบแล้ว นางแต่งตัวก็ไม่เท่าไร น่าจะมีตัวตนฐานะสู้นางไม่ได้ แต่กลับสวยกว่านางแบบนี้ นางเกลียด"ใคร ใครจะไปรู้กัน?"ซ่งหยวนหลินปากบอกว่าไม่รู้ แต่อันที่จริงในใจกลับลนลานไม่ไหวเพราะนางรู้ว่าฟู่จาวหนิงไปขุดวัตถุดิบยามาได้สิบชนิดที่เขาจันทร์ลับฟ้า! ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโสมม่วงอีกด้วย! หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ยังอยากได้เจ้าโสมม่วงนั่นอยู่เลยดังนั้น ฟู่จาวหนิงจะต้องรู้เรื่องยาแน่ถ้านางมองออกจะทำอย่างไรกัน?"ข้าอยากถามหน่อย" ฟู่จาว
"เรื่องทุกเรื่องมีลำดับก่อนหลังเสมอ" กลุ่มผู้ชมมีคนไม่ชอบใจซ่งหยวนหลิน "ช้าไปหน่อยแล้ว เจ้าก็ดูไปก่อนเถอะ""นั่นสิ เดิมทีก็มากันทีละคนๆ นี่ คนอื่นเขาเขียนคำตอบเสร็จแล้ว ทำไมต้องมารอเจ้าด้วย?"ซ่งหยวนหลินหน้าแดงเถือกเจ้าคนสารเลวพวกนี้มายุ่งอะไรด้วยกัน?ซุนหลานเซียง(ซุนหลานอิน?)พอเห็นท่าทีของซ่งหยวนหลิน พอคิดถึงเรื่องที่นางส่งสาวใช้ออกไปเมื่อครู่ ในใจก็เข้าใจขึ้นมา ดูท่าซ่งหยวนหลินจะรู้คำตอบแล้วดอกไม้นี้ถ้าต้องให้ซ่งหยวนหลินหรือฟู่จาวหนิง นางก็คงหวังจะส่งให้ซ่งหยวนหลินนั่นล่ะดังนั้นพอเห็นคนรอบๆ ล้วนพูดแทนฟู่จาวหนิงขึ้นมา นางก็เดือดเสียแล้วซ่งหยวนหลินยังต้องรักษาบุคลิกภาพการวางตัวสุภาพและความใจกว้างของนางไว้ แต่นางไม่จำเป็น ใครก็รู้ว่าอารมณ์ของฮูหยินคุณชายใหญ่ซ่งไม่ดีเอามากๆซุนหลานเซียง(ซุนหลานอิน?)จึงชี้ด่าพวกเขาขึ้นมา"เดิมทีก็เป็นพวกเราที่คิดออกก่อน ตอนที่พวกเราจะออกไปนางก็แย่งขึ้นไปก่อน""ตอนนี้ทั้งสองคนส่งคำตอบออกไปก็จบแล้ว พวกเจ้าจะมาสอดปากกันทำไม?"พรวดมีคนหัวเราะขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวว"พวกเจ้าคิดได้ก่อนแต่ไม่ยอมขึ้นไป? เมื่อครู่พวกเจ้าทำไมไม่พูด? เห็นๆ อยู่ว่าตอ
และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่
โจวติ้งเจินถูกผลักออกไปจากเมืองเจ้อมาได้ครึ่งทางเขาก็ได้สติขึ้นมา พอรู้ว่าตนเองต้องถอนกำลังแบบนี้ ก็โมโหจนแทบจะเป็นลมไปอีกรอบแต่เขาก็ถ่ายหนักจนตัวโยน ตอนนี้แค่แรงจะด่าก็ยังไม่มีเพราะในป่าในเขา เขากระทั่งไม่มีกระดาษแล้ว ดังนั้นจึงต้องใช้ใบไม้กับกิ่งไม้มาจัดการ ตอนนี้รูทวารเองก็เต็มไปด้วยแผล ขยับทีก็เจ็บเหลือแสน"กลับ กลับไป..."รองขุนพลเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจว่า "ท่านขุนพล ครั้งนี้พวกเราช่างมันเถอะ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนร่วมมือกัน วิธีการก็ชั้นต่ำมาก ไม่รู้ว่ายาพวกนั้นของพวกเขาจัดการมาอย่างไร ถ้าพวกเรายังไปอีก ไม่รู้ว่าต้องติดยากันอีกกี่รอบนะ"ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทางนั้นก็ไม่มีอะไรกินกันแล้ว เดิมทีคิดว่าวันสองวันก็น่าจะจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะไร้เหตุผล ถึงกับใช้วิธีการแบบนี้แล้ววรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนก็ห่างชั้นกับพวกเขา ตราบใดที่ไม่ต้องปะทะกับท่านขุนพล เขาก็แฝงเข้ามาในกลุ่มพวกเขาได้ ถ้าหากเข้ามาก็ไม่มีใครขวางอยู่หรอกพวกเขาถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ยังไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร ต่อให้ไม่ตายชีวิตก็น่าจะหายไปซักครึ่งอยู่"ท่านขุน
โจวติ้งเจินไม่อยากจะออกไปไกลหน่อยเสียที่ไหน?แต่เขาทำไม่ไหวน่ะสิ!ท้องเสียครั้งนี้ ลากยาวไปถึงสามวัน!คืนวันที่สอง พวกทหารที่เรี่ยวแรงหายไปก็ฟื้นกลับมาพอควรแล้ว โจวติ้งเจินกลับล้มลงไปแทนเขาถ่ายออกมาจนทั้งเนื้อตัวซีดไปหมด ไม่มีแรงจะพูดจาเลยทีเดียวตอนที่เขาเตรียมจะรองขุนพลเตรียมเข้าไปตีเมือง รองขุนพลก็เริ่มท้องเสียบ้างแล้ววันที่สาม เขาออกคำสั่งอย่างอ่อนแรงให้ทหารเข้าไปโจมตีเมือง ให้รองขุนพลน้อยหลายคนนำทหารออกไป เหล่าทหารก็ไม่มีแรงกันขึ้นมาอีก!ทหารกว่าครึ่งล้มลงไปนอนระเนระนาดอีกครั้ง ลุกกันไม่ขึ้นแผนการโจมตีเมืองถูกบีบให้หยุดชะงักอีกครั้งโจวติ้งเจินโมโหจนเกือบจะเส้นเลือดในสมองแตกเขาตอนนี้ยังมองไม่ออกที่ไหนว่าเป็นฝีมือเซียวหลันยวน?แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายวางยามาได้อย่างไร! ยาพวกนั้นทำไมถึงไม่มีสีมีกลิ่นเลย"ต้องเป็นฟู่จาวหนิงแน่ๆ ต้องเป็นยาที่นางทำขึ้นมา..."สุดท้ายโจวติ้งเจินคิดออกถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ถ่ายออกมาจนตัวโหวง ลุกไม่ขึ้นที่นี่ไม่มีอะไรที่กินได้แล้ว ต่อให้ล่าสัตว์มา ตอนนี้เขาก็กลืนไม่ลงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป โจวติ้งเจินรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่รองขุนพ
อันเหนียนรู้สึกว่า สามีภรรยาอย่างพวกเขาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย อาจจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอีกก็ได้ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นคู่สวรรค์สร้าง ใครก็แทรกกลางเข้าไปไม่ได้เซียวหลันยวนเดินเข้ามา เห็นอันเหนียนกำลังคุยอยู่กับฟู่จาวหนิงเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง แต่มองไปทางอันเหนียน"คุยอะไรกัน?"คุยกันสนุกเชียวนะ? เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันเหนียนด้วยฟู่จาวหนิงเองก็สีหน้ามีชีวิตชีวาเหมือนกันเอาอีกแล้ว อันเหนียนก่นด่าในใจ เจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน "กำลังคุยกับพระชายา ว่าพวกท่านตอนนี้นิสัยคล้ายคลึงกันเรื่อยๆ แล้ว""อย่างนั้นหรือ? พวกเราเป็นสามีภรรยา จะคล้ายกันมันก็เรื่องปกตินี่" เซียวหลันยวนบีบแขนฟู่จาวหนิง"มือทำไมเย็นนักล่ะ?" ฟู่จาวหนิงโดนความเย็นของมือเขาดึงความสนใจไปทันที นางพลิกกลับมากุมมือเซียวหลันยวน มืออีกข้างก็ปลดหน้ากากของเขาลงมาพอปลดหน้ากากถึงจะเห็นสีหน้าของเขาดูแล้วยังดีอยู่"ฝนตกลงมาครู่หนึ่ง แล้วนอกเมืองก็อากาศเย็นมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด "หนิงหนิงให้ข้ากอดหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นขึ้นแล้ว"แค่กๆอันเหนียน
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย
แต่ว่านางเองก็เห็นว่าฝนเองก็ตกอย่างที่ฟู่จิ้นเชินคำนวณไว้จริงๆตอนนี้พอเห็นสีหน้าของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน ก็รู้ว่าน่าจะเรียบร้อยดี"ให้ใต้เท้าอันเล่าเถอะ เขาเล่านิทานเก่งกว่าข้า" เซียวหลันยวนไม่ค่อยชินที่ต้องพูดอะไรยาวๆ สถานการณ์แบบนี้ให้อันเหนียนพูดดีที่สุดอันเหนียนเองก็ดูจนใจ นี่มองเขาเป็นพวกนักเล่านิทานหรือไรกัน?ปกติเขากับพูดกับพระชายามากหน่อย อ๋องเจวี้ยนก็จะหึงหวงขึ้นมา แล้วมาใช้เขาแบบนี้ ไม่หึงแล้วเรอะ?ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนที่สายตาคาดหวังของฟู่จาวหนิงหันมา อันเหนียนก็เล่าฉากเมื่อครู่ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาฟู่จาวหนิงหลังจากฟังก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"ดูท่าขุนพลโจวคืนนี้คงจะน่าเวทนาเอาเรื่อง ฤทธิ์ของผงยานั่น ก็ทำให้พวกเขากระทั่งแรงจะตั้งค่ายก็ยังไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ"ยิ่งไปกว่นั้นพวกเขายังไม่มีแรงจะเดินไปไหนไกลได้ด้วยถ้าหากฝนตกทั้งคืน เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตากฝนกันทั้งคืนและคืนนี้ โจวติ้งเจินก็ซมซานจนต้องด่าพ่อล่อแม่ออกมาเลยทีเดียวแต่ว่าคนมากมายแค่แรงจะด่าก็ยังไม่มียังดีที่ฝนห่านี้ไม่ได้มีฟ้าผ่า พวกเขาถอยลงไปตีนเขากันอย่างยากลำบาก ที่นั่นมีต้นกล้วยอยู่ผืนใหญ่ แล
เหล่าทหารถ้าให้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน แล้วยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องปวดบิดปวดหัวหรืออยากถ่ายอะไรทำนองนั้นเลยพวกเขาแค่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างเดียวเท่านั้น!"แม่งเอ๊ยจู่ๆ ก็มาอ่อนแรงเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน!" มีคนอดก่นด่าตัวเองขึ้นมาไม่ได้ คิดจะยกมือขึ้นทุบตัวเองก็ยังไม่มีแรงเลยตอนนี้จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอะไรคืออ่อนแอดั่งหลิวต้องลม ปวกเปียกจนดูแลตัวเองไม่ได้มีคนลงไปนอนบนพื้นขนาดแค่จะปีนขึ้นมาก็ยังไม่มีแรง"ลุกขึ้นมา!""บอกให้พวกเจ้าลุกขึ้นมา ไม่ได้ยินรึ? อย่าบีบให้ข้าต้องซัดพวกเจ้านะ!"โจวติ้งเจินโมโหจนมึนงง ตะโกนขึ้นดังลั่น กระโจนลงมาจากม้า สาวเท้าเดินเข้าไปข้างตัวทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ยกเท้าขึ้นเตะคนที่นอนอยู่บนพื้น"ลุกขึ้นมาได้ยินไหม? พวกเจ้าดูซิพวกเหมือนตัวอะไรกันไปแล้ว?"มาตีเมืองกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมานอนบนพื้น! มานอนกันจนทำให้คนบนหอเมืองหัวเราะเยาะ! ดูแล้วยังเป็นเขาด้วยที่กลายเป็นเรื่องตลก!"พวกเจ้าสภาพแบบนี้ ขุนพลอย่างข้าก็เหมือนเข้ามาเป็นตัวตลกให้เขาดูแล้ว!"เข้ามาเป็นตัวตลกให้เซียวหลันยวน!และตอนนี้ บนหอเมืองก็มีเสียงของเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"ข
มีคนตกใจมีคนร้องโหยหวนมีคนมีคนที่กระโดดโลดเต้นและมีคนที่จะกระโดดก็ยังกระโดดไม่ขึ้น หลังจากล้มลงบนพื้นก็ถูกคนข้างๆ ล้มทับกันเข้ามาอีกชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าที่องอาจน่าเกรงขามแต่เดิมของทหาร ก็ดูสับสนโกลาหลเหมือนสุนัขเหมือนไก่ขึ้นมาแม้เอาทหารมากมายไปเทียบกับสุนัขกับไก่จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่สภาพเช่นนี้ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะเดิมทีเหล่าทหารก็เตรียมพร้อมจะโจมตี จัดกระบวนกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงกัน จึงควบคุมไว้ไม่อยู่โจวติ้งเจินพอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธยิ่งร้อนรนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาของคนเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย มีพวกที่อยู่ใกล้หน่อยสูดกันเข้าไปก่อน มีบางส่วนสูดเข้าไปช้าหน่อย บางคนก็สูดเข้าไปมาก บางคนก็สูดเข้าไปน้อยแล้วยังต้องดูกำลังภายในคุณสมบัติร่างกายของแต่ละคนด้วยอย่างโจวติ้งเจิน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด กำลังภายในลึกล้ำ ดังนั้นเขาตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่สบายเท่าไรนักและเพราะเขาที่อยู่ตรงนี้ ตัวเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกาย จึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหล่าทหารเกิดอะไรกันขึ้น"วันนี้กินอะไรกันเข้าไป? โดนพิษอะไรเข้าหร
ฟู่จาวหนิงมั่นใจอย่างมากต่อยาที่ตนเองสกัดขอแค่องครักษ์เหล่านั้นสามารถสาดยาออกไปตามทิศทางลมได้ อย่างน้อยก็ต้องทำลายพลังต่อสู้ของทหารได้ครึ่งหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของยานี้ก็อยู่ได้ถึงเกือบหนึ่งวันเต็มจึงจะอ่อนกำลัง เวลาหนึ่งวัน เพียงพอจะให้โจวติ้งเจินลนลานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทหารจำนวนมากขนาดนี้ล้อมเมืองอยู่ อยู่ดีดีก็ไม่มีเรี่ยวแรง แค่ไปหาสาเหตุก็แทบแย่แล้วโจวติ้งเจินตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นว่าหนึ่งชั่วยามที่กำหนดให้กับโหยวจางเหวิน อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ก็รู้ว่าโหยวจางเหวินต้องคิดจะปกป้องคนป่วยเหล่านั้นแน่นอน"โง่เขลาเสียจริง โหยวจางเหวินคิดว่าตัวเองเป็ฯคนใจบุญมากนักหรือไรกัน? เขาคิดว่าตัวเองจะปกป้องคนมากขนาดนี้ในเมืองเจ้อได้เรอะ? ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมาคอยหนุนเขาได้หรือไรกัน?"โจวติ้งเจินกัดฟัน เรียกรองขุนพลออกมา "เตรียมโจมตีด้วยไฟ แล้วก็เตรียมบุกประตูเมือง"พวกเขาเดิมทียังมีแผนสำรองแบบนี้ไว้ด้วยต่อให้ไม่คิดจะโจมตีเข้าเมืองจริงๆ แต่ก็ยังจะทำท่าทีแบบนั้น ใช้ไม้ซุงทลายประตูโจมตีเข้ามาที่ประตูเมือง ทำให้เกิ