ฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าไทเฮามา ก็รู้สึกเกินคาดมากนางมองไปทางเซียวหลันยวน"จะพบไทเฮาไหม?""ไทเฮาพอเข้าเมืองก็ตรงมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนเลย คิดว่าคงมีคนจงใจล่อให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เพราะไทเฮาตอนนี้ไม่ค่อยมีคนใช้งานได้แล้ว เส้นข่าวของนางน่าจะไม่ปรุโปร่งนักแล้วก็ไม่ได้อยู่ในวังเลย เพิ่งกลับมาจากวัดคุ้มครองแคว้นแบบนี้ ทำไมพอเข้าเมืองก็ได้ข่าวเช่นนี้เลยกัน? ต่อให้รู้ ก็ควรกลับวังก่อน ไม่น่าจะรีบร้อนขนาดนี้คิดว่าคงมีคนจงใจเอาสถานการณ์ของเขาพูดให้ดูอันตรายแน่นอน"ที่นางถูกล่อเข้ามาง่ายแบบนี้ อธิบายได้ว่านางเป็นห่วงท่านมาก เป็นห่วงจนสับสน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นคำพูดนี้ เซียวหลันยวนไม่อาจค้านได้เลย"ท่านอ๋อง ผู้ดูแลรั้งไทเฮาไว้ไม่ได้ ตอนนี้นางมาถึงเรือนโยวหนิงแล้ว" องครักษ์เข้ามารายงาน"ให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเพราะไทเฮาเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนแล้ว เกรงว่าออกไปคงจะลำบากหน่อย หลังจากออกไปคงเข้าวังจักรพรรดิไม่ได้แล้วองค์จักรพรรดิจะต้องหาวิธีมาขวางไว้แน่"อายวน"เสียงของไทเฮาสั่นพร่า ประชิดตัวเข้ามาเซียวหลันยวนเดินไปนอนที่เตียง ผ้าห่มดึงสูง หลับตาอยู่ฟู่จาวห
ถ้าเป็นแบบนี้ เขาคงจะเหนื่อยมากเลยในบ้านตัวเองก็ยังต้องมาอดกลั้นขนาดนี้ แล้วตอนไหนจึงจะผ่อนคลายลงได้?เด็กคนนี้ชีวิตขมขื่นเหลือเกินน้ำตาไทเฮาไหลลงมา นางรีบกุมมือฟู่จาวหนิง มองนาง เอ่ยขึ้นเสียงสั่นพร่า "จาวหนิง วิชาแพทย์ของเจ้าดีเสียขนาดนั้น จะรักษาอายวนไม่ได้เลยหรือ?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเซียวหลันยวนบนเตียงทักษะวิชาแพทย์ของนางถูกคนอื่นทำลายชื่อเสียอย่างนั้น เห็นๆ อยู่ว่ารักษาหายแล้ว"ไทเฮา เขาตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย" ฟู่จาวหนิงพูดแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว"นี่เรียกว่าไม่มีปัญหาใหญ่ได้หรือ? ในใจเขาคงระทมมาก" ไทเฮาร้องไห้หนักกว่าเดิมไม่ใช่สิ ก็บอกอยู่ว่าเป็นหวัดนี่นา แล้วปัญหาใหญ่อะไรกัน? นางไม่ใช่บอกว่าดื่มยาจนหลับไปแล้วหรือ? ไทเฮาทำไมจึงทำท่าเหมือนเซียวหลันยวนเป็นคนที่น่าเวทนาอันดับหนึ่งแบบนี้ล่ะ?ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเซียวหลันยวนอีกผาดหนึ่ง พอเห็นหน้ากากบนหน้าเขา นางก็เข็ดฟันขึ้นมาคิดจะเอาหน้ากากของเขาออก"ไทเฮาอย่าได้เสียใจนักเลย สุขภาพสำคัญกว่านะเจ้าคะ" กุ้ยหมัวมัวเตือนขึ้น"ใช่แล้ว ไทเฮาเพิ่งจะกลับเมืองหลวงจากวัดคุ้มครองแคว้นใช่ไหม?""แต่ว่า พอเข้าเมืองมา ก็ได้ยินคนเดิ
ฟู่จาวหนิงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้กับไทเฮาพอได้ยินว่างองค์จักรพรรดิสั่งขังเซียวหลันยวน ให้เขาไปนั่งทบทวนสำนึกในคุกสองเดือน ไทเฮาก็โมโหจนสองมือสั่นระริก"องค์จักรพรรดิทำเกินไปแล้ว เกินไปจริงๆ! ตอนนั้นเขารับปากไท่ซ่างหวงไว้ดิบดี แต่ตอนนี้ดันลืมไปจนหมดสิ้น!"ไทเฮาพอคิดว่าสุขภาพเช่นนี้ของเซียวหลันยวน ต้องไปอยู่ในคุกตั้งหลายวัน ใจก็ปวดจนแทบจะพังอย่าว่าแต่ไทเฮา กระทั่งหมัวมัวก็ยังรู้สึกปวดใจมาก"จาวหนิง เจ้าบอกกับข้าหน่อย ว่าสุขภาพของอายวนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ารักษาเขาไว้แล้วใช่ไหม?"ไทเฮาดึงแขนฟู่จาวหนิง ถามนางตาแดงรื้น"ก่อนหน้านี้สุขภาพเขาย่ำแยมากจริงๆ อย่าว่าแต่ในคุกสองเดือนเลย เอาแค่สองชั่วยาม เขาก็อาจจะล้มป่วยได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพิษที่เขาติดมาก็ไม่ได้ถอนออกมาตลอด ตอนนี้ไม่รู้ว่าดีขึ้นแล้วหรือยัง"ฟู่จาวหนิงเองเหลือบมองไปทางเซียวหลันยวนที่ยังแกล้งหลับผาดหนึ่งให้ไทเฮารู้น่าจะไม่มีปัญหาหรอกกระมัง? นางมองออก ว่าไทเฮาเป็นห่วงเซียวหลันยวนจริง ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางจะไม่ชอบไทเฮา แต่เซียวหลันยวนตอนนี้ก็คิดจะค่อยๆ เผยออกมาว่าสุขภาพของตนเองนั้นไปในทางที่ดีขึ้นจะให้เขาเอาแต่
คงไม่คิดจะให้ไทเฮาตากหิมะออกมาหรอกกระมัง?ไทเฮายังต้องออกมารับรับสั่งด้วยตนเองหรือ? นี่จะประหลาดเกินไปแล้ว"พวกเราไม่เข้าไปหรอก ผู้ดูแลจงบอกกับไทเฮาก็พอ" ขันทีคนนี้ตอนที่พูดก็ยังเว้นระยะห่างระดับหนึ่งกับผู้ดูแลจง ไม่อยากจะเข้าใกล้ผู้ดูแลจงรับมาแบบตึงๆ"องค์จักรพรรดิแจ้งว่า ก่อนหน้านี้อ๋องเจวี้ยนพักฟื้นในยอดเขาโยวชิงมาตลอด ไทเฮาดูท่าจะหวงแหนเวลาที่จะได้อยู่กับอ๋องเจวี้ยน ดังนั้นพอกลับเมืองหลวงจึงรีบตรงมาจวนอ๋องเจวี้ยนก่อน องค์จักรพรรดิเห็นใจไทเฮา ดังนั้นจึงจะให้อ๋องเจวี้ยนทำตัวกตัญญูกับไทเฮาให้ดี ให้ไทเฮาพักที่จวนอ๋องเจวี้ยนชั่วคราว อยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยนเสีย ไม่จำเป็นต้องกลับวังหลวง""หา?" ผู้ดูแลจงยังไม่ทันตั้งสติได้ดีเพราะเรื่องนี้เขาก็เพิ่งจะเคยเจอครั้งแรก นี่หมายความว่าอะไรกัน? ให้ไทเฮาไม่ต้องกลับวัง?"ผู้ดูแลจง รีบเข้าไปแจ้งไทเฮาเร็วเข้า พวกเราจะกลับแล้ว"ขันทีพูดคำนี้จบก็หมุนตัววิ่งออกไปทันทีผู้ดูแลจงรีบเข้าไปรายงานกับไทเฮาไทเฮาเองก็ถลึงตาโตอ้าปากค้าง สงสัยว่าหูตนเองฝาดไปหรือเปล่า"องค์จักรพรรดิไม่ให้ข้ากลับเข้าวังหรือ?"ใช่ไหม หมายความแบบนี้ใช่ไหม?"ดูท่าจะกล
เซียวหลันยวนไม่อยากอยู่ในเมืองหลวงแล้วหลายวันนี้ในคุกเขาคิดมาไม่น้อย หลังจากที่คนป่วยคนนั้นถูกส่งเข้ามาเขาก็มีความคิดใหม่"ข้าไม่มีผืนดินศักดินา" เขาถอนใจ"ไม่มีหรือ?" อ๋องฉยงยังมีจวนฉยงโจวที่เป็นผืนดินศักดินาเลย ไปยังผืนดินศักดินาก็ยังเรียกว่าอ๋องได้ ยังเลี้ยงทหารเลี้ยงม้าได้ แล้วถ้าเซียวหลันยวนไม่มี ออกจากเมืองหลวงแล้วจะไปที่ไหนกัน?ตัวตนฐานะของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ใช่ว่าจะไปลงหลักปักฐานที่ไหนได้ส่งเดช ถึงตอนนั้นถ้ามีเรื่องอะไรขึ้น จะเป็นขุนนางราชการท้องถิ่นใหญ่กว่า หรือว่าเขาใหญ่กว่ากัน? แล้วต้องฟังใครเล่า?นางไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวว่าจะหาเงินไม่ได้ แต่ว่าเขาไม่ใช่ประชาชนทั่วไป หลายเรื่องก็ยังต้องเจอกับขีดจำกัดแล้วก็ องค์จักรพรรดิจะให้เขาออกไปได้ง่ายๆ หรือ?"ข้าถือองครักษ์เงามังกรกับตราประทับแคว้นอยู่ เดิมทีก็ออกจากเมืองหลวงไม่ได้อยู่แล้ว บวกกับก่อนหน้านี้ที่ข้าสุขภาพอ่อนแอ ไท่ซ่างหวงกลัวว่าข้าจะออกจากเมืองหลวงไกลไป ถ้าโรคกำเริบจะไม่มีคนช่วยเหลือ ไม่มีหมอหลวง ไม่มีวัตถุดิบยาอย่างเพียงพอ"ในเมืองหลวง อย่างน้อยพวกทรัพยากรอะไรก็มีมากที่สุดไท่ซ่างหวงตอนนั้นไม่ให้ผืนดินศักดินาก
"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ข้าไม่มีทางทอดทิ้งเจ้าแล้วออกเมืองหลวงไปคนเดียวหรอก""แล้วท่านจะไปที่ไหนล่ะ?"เซียวหลันยวนพานางไปที่ห้องหนังสือ ให้นางดูแผนที่แผ่นดินพื้นที่ของแคว้นเจากว้างขวางมาก เมืองแต่ละแห่งถูกทำสัญลักษณ์ไว้เขาดึงฟู่จาวหนิงมายืนตรงหน้า "พวกเราลองเลือกดูดีไหม?"เหมืองเหล่านั้นล้วนมีขุนนางราชการคอยดูแลอยู่ แล้วยังมีค่ายทหารปักหลักอยู่ด้วยถ้าหากองค์จักรพรรดิยังมีความคิดที่จะเด็ดหัวเขาอยู่ พอพวกเขาเข้าเมือง ก็เท่ากับส่งอ้อยเข้าปากช้าง ทหารทางการของท้องถิ่นคงได้ปิดล้อมพวกเขาแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาถ้าต่อต้าน ก็เท่ากับเป็นกบฏ หรือจะจัดการทหารทางการท้องถิ่นทิ้ง แล้วยืดเมือง?องค์จักรพรรดิคงได้คาดโทษล้อมเมืองสังหารขึ้นมาอีกแน่บนมือเขาไม่มีอำนาจทหาร ต่อให้พาองครักษ์เงามังกรไป ก็ยังไม่เพียงพอจะต้านทานกับกองทหารใหญ่ของแคว้นเจาเซียวหลันยวนมองแผ่นดินผืนนั้นอย่างละเอียด สายตาแฉลบผ่านเมืองไปทีละเมืองๆฟู่จาวหนิงมองอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยข้อมูลที่นางรู้อยู่เล็กน้อยนั่น ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีทางหาสถานที่ที่เหมาะสมได้ดูมีความรู้สึกเหมือน "แผ่นดินตั้งกว้างใหญ่แต่กลับไม่มีที่ให้ซุกหัวนอน
องค์จักรพรรดิเดิมทีวางแผนไว้ดีแล้วสองเดือนนี้เขาได้รับข่าวจากแคว้นหมิ่นมา ว่าแคว้นหมิ่นส่งกลุ่มทูตมากลุ่มหนึ่งอยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจา เจ้าแคว้นมีเรื่องจะปรึกษาองค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าแคว้นหมิ่นที่ไม่เคยเข้ามาโดยตลอด ทำไมจู่ๆ จึงส่งทูตเข้ามา แต่ก็มาให้เขาได้หยิบยืมโอกาสนี้ บีบให้อ๋องเจวี้ยนส่งตราประทับแคว้นเจากับองครักษ์เงามังกรออกมาได้พอดีก่อนหน้านี้อ๋องเจวี้ยนจะเป็นคนถือตราประทับแคว้นเข้ามาในวังเอง ประทับให้ด้วยตนเอง จากนั้นก็นำมันกลับไปแต่ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนออกจากจวนไม่ได้ ก็ทำได้แค่ส่งตราประทับออกมาเท่านั้นแล้วถึงตอนนั้นเขาก็มาใช้โอกาสที่อ๋องเจวี้ยนป่วยหนัก แล้วยังมีโรคติดต่อ มีมีเหตุผลที่จะส่งตราประทับคืนไปให้ แล้วเก็บมันไว้แล้วก็ แคว้นหมิ่นที่แกร่งขนาดนั้น ส่งทูตมาที่แคว้นเจา จะต้องพากำลังทหารชั้นเยี่ยมาด้วยแน่นอน เข้าที่จะพบกับทูต ข้างกายจำเป็นต้องมีองครักษ์เงามังกรคอยคุ้มกันดังนั้นตอนั้นนั้นองครักษ์เงามังกรก็ยังต้องส่งมาที่ข้างกายเขาถ้าส่งมาแล้วก้เอาออกไปมไ่ได้อีก เพราะอ๋องเจวี้ยนป่วยโรคสกปรกนั่น!เหตุผลนี้ใช้ได้เลยจริงๆ !อ๋องเจวี้ยนถ้ายังมัวชักช้า ก็จะเป็นการทำร
"สำรอกออกมาหมดหรือ?" เสียงสาวใช้นอกประตูเปลี่ยนไป "แล้ว แล้วหน้าเขาเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็เป็นอย่างนั้นนั่นล่ะ ไม่ได้ดีขึ้นเลย เหมือนจะเน่ากว่าเดิมด้วย บนตัวยังมีจุดที่เน่าไปบางส่วนอีก เหม็นจะแย่"คนใช้แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว คำพูดก็มีอาการสั่นเทาด้วยสาวใช้เป็นภรรยาของเขา พอได้ยินคำพูดนี้หน้าก็ซีด "แล้วจะทำอย่างไรดี? นี่ไม่ใช่โรคที่ในเมืองหลวงกำลังพูดถึงกันอยู่หรือ? โรคนั้นที่บอกกันว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นน่ะ แล้วทำไมถึงระบาดมาบนตัวท่านอ๋องได้?""ข้าจะไปรู้ได้ยังไง!" ชายหนุ่มร้อนรนขึ้นมาเขาจะรู้ได้ยังไง นี่เป็นเรื่องของนายท่านเขา เขาไปยุ่งได้ที่ไหน?"แล้วตอนนี้ทำอย่างไรดี? ได้ยินว่าโรคนี้ระบาดใส่คนไวมาก แล้วเจ้าดูแลท่านอ๋องมาตั้งหลายวันแล้ว นี่ นี่..." ยังจะรอดอยู่ไหม?สาวใช้ประโยคหลังพูดไม่ออก แต่พวกเขาก็รู้ความหมายนี้คนใช้หน้าซีดขึ้นไปอีกถึงแม้เขาจะระมัดระวังมากแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ดูแลท่านอ๋องมาแล้วหลายวัน จะไม่ติดได้อย่างไรกัน?โดยเฉพาะตอนที่เห็นภรรยาตนเองถอยห่างออกไปตั้งหลายก้าว มีท่าทีเหมือนมองเขาเป็นสัตว์ร้าย เขายิ่งรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้น"ข้าไม่อยากทำแล้ว ท่านอ๋องทำไมไม่อยู่
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง