"สำรอกออกมาหมดหรือ?" เสียงสาวใช้นอกประตูเปลี่ยนไป "แล้ว แล้วหน้าเขาเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็เป็นอย่างนั้นนั่นล่ะ ไม่ได้ดีขึ้นเลย เหมือนจะเน่ากว่าเดิมด้วย บนตัวยังมีจุดที่เน่าไปบางส่วนอีก เหม็นจะแย่"คนใช้แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว คำพูดก็มีอาการสั่นเทาด้วยสาวใช้เป็นภรรยาของเขา พอได้ยินคำพูดนี้หน้าก็ซีด "แล้วจะทำอย่างไรดี? นี่ไม่ใช่โรคที่ในเมืองหลวงกำลังพูดถึงกันอยู่หรือ? โรคนั้นที่บอกกันว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นน่ะ แล้วทำไมถึงระบาดมาบนตัวท่านอ๋องได้?""ข้าจะไปรู้ได้ยังไง!" ชายหนุ่มร้อนรนขึ้นมาเขาจะรู้ได้ยังไง นี่เป็นเรื่องของนายท่านเขา เขาไปยุ่งได้ที่ไหน?"แล้วตอนนี้ทำอย่างไรดี? ได้ยินว่าโรคนี้ระบาดใส่คนไวมาก แล้วเจ้าดูแลท่านอ๋องมาตั้งหลายวันแล้ว นี่ นี่..." ยังจะรอดอยู่ไหม?สาวใช้ประโยคหลังพูดไม่ออก แต่พวกเขาก็รู้ความหมายนี้คนใช้หน้าซีดขึ้นไปอีกถึงแม้เขาจะระมัดระวังมากแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ดูแลท่านอ๋องมาแล้วหลายวัน จะไม่ติดได้อย่างไรกัน?โดยเฉพาะตอนที่เห็นภรรยาตนเองถอยห่างออกไปตั้งหลายก้าว มีท่าทีเหมือนมองเขาเป็นสัตว์ร้าย เขายิ่งรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้น"ข้าไม่อยากทำแล้ว ท่านอ๋องทำไมไม่อยู่
พวกเขาก็ได้ยินข่าวลือเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนติดโรคระบาดแล้ว ในใจก็ไม่ค่อยสงบเอาเสียเลย"องค์จักรพรรดิทำเพื่ออ๋องเจวี้ยนหรือเปล่า?" หมอหลวงคนหนึ่งคาดเดาพอได้ยินคำพูดเขา ทุกคนก็มองหน้ากัน ในใจแม้จะรู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เหมือนนอกจากเหตผลนี้แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก"โรคนี้ยังรักษาไม่ได้ ถ้ารักษาจนหายในระยะแรกๆ หน้าก็ยังเป็นหลุมเป็นบ่อเลย...""ก่อนหน้านี้บอกกันว่าหน้าของอ๋องเจวี้ยนยับเยินหมดแล้ว ถ้าบวกเจ้านี่ไปด้วย ก็เหมือนจะไม่แตกต่างอะไรกันแล้วนะ" มีคนถอนหายใจขึ้นหนักๆเฮ้อ ถึงอย่างไรก็พังไปแล้ว ความสง่างามของอ๋องเจวี้ยน กำลังจะกลายเป็นอดีตที่ไม่อายย้อนกลับไปได้เสียแล้ว"องค์จักรพรรดิในเมื่อรับสั่งแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ต้องรีบไปค้นคว้าเสียที""ใช่เลยใช่เลย ทำเท่าที่ทำได้ สุดแล้วแต่โชคชะตา"แต่ถึงอย่างไรในใจพวกเขาก็ยังไม่สงบองค์จักรพรรดิบอกว่าให้ค้นคว้าสกัดยาก็ไปค้นคว้า แต่พวกเขาอันที่จริงก็ไม่ได้มีความมั่นใจเอาเสียเลย"ถ้าหากพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาค้นคว้ากับพวกเราได้ก็คงดี นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว นางจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้ไหม?" มีหมอหลวงที่หนุ่มหน่อยคนหนึ่งจู่ๆ ก็คิดถึงฟู่จ
ผู้อาวุโสจี้พอได้ยินเสียงใสของนาง จึงนึกออกขึ้นมาซิ่วหงคนนี้คือลูกสาวของคนที่อยู่ในซอยด้านหลังเรือนเล็กของเขาเพียงแต่ในเมืองหลวงเขาไม่ค่อยได้อยู่เท่าไรนัก สามปีก่อนแม่นางคนนี้ก็เข้าวังไปแล้ว ต่อมาตอนที่ได้ออกมาครั้งหนึ่ง ปู่ของนางก็ป่วยพอดีจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบยา จึงมาขอให้เขาช่วยซื้อให้หน่อย"รีบลุกขึ้นมาสิ นั่งบนหิมะไม่เย็นหรือ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?"ซิ่วหงลุกขึ้นยืน ตบๆ หิมะบนตัวออก กระโปรงเลอะไปบ้าง แต่นางก็ไม่สนใจหยิบของที่หล่นลงไปบนพื้นขึ้นมา นางก็หันไปตอบผู้อาวุโสจี้ "ข้าไม่เป็นไร""นี่จะกลับบ้านหรือ? ขึ้นมาสิ ไปส่งเจ้าได้พอดี"ซิ่วหงขึ้นรถม้า ขอบคุณกับผู้อาวุโสจี้ยกใหญ่วัตถุดิบยาที่ขาดไปของปู่นางตอนนั้น มีแค่ผู้อาวุโสจี้ที่มี ดังนั้นผู้อาวุโสจี้จึงถือเป็นผู้มีพระคุณของบ้านพวกนางซิ่วหงมองผู้อาวุโสจี้ ในใจว้าวุ่นมากนี่คือผู้มีพระคุณ แล้วสิ่งที่นางได้ยินมาเหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเขาไหม"มีอะไรจะพูดหรือ?" ผู้อาวุโสจี้เห็นท่าทางของนางเหมือนจะอดรนทนไม่ไหว แม่นงคนนี้มีสีหน้าว้าวุ่นอยู่ตลอด เขามองจนรู้สึกแย่เลยมีอะไรก็พูดมาสิ อดกลั้นแบบนั้นมันไม่ดี นางไม่เป็นไรแต
ซิ่วหงพยักหน้า จู่ๆ ก็นึกอะไรออก ตกตะลึงไปทันที "ผู้อาวุโสจี้ นั่นคืออาข้ากับลูกชายของนาง แต่ครอบครัวพวกเขาเป็นชาวนาที่เช่าที่ดินอยู่ในอุทยานนอกเมือง แล้วที่ดินที่พวกเขาเช่าอยู่คือที่ดินของชินอ๋องเซียว"ชาวนาเช่าที่ของบ้านชินอ๋องเซียว?ผู้อาวุโสจี้ขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าจวนชินอ๋องเซียวเกิดอะไรขึ้น จะเกี่ยวข้องอะไรกับอ๋องเจวี้ยนหรือไม่ แต่เมื่อครู่ฟู่จิ้นเชินก็บอกเขาแล้ว ว่าเรื่องที่จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูไม่รับแขกนั้นเกี่ยวข้องกับจวนชินอ๋องเซียวฟู่จิ้นเชินหาข่าวมาแล้ว วันนี้จวนชินอ๋องเซียวก็ปิดบ้านไม่รับแขกเช่นกันทั่วเมืองกำลังลือเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนติดโรคสกปรกนั่น แล้วชินอ๋องเซียวที่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าวังล่ะ? จะเป็นไปด้วยไหม?ชินอ๋องเซียวหลังจากสิ้นปีก็ไม่ปรากฏตัวเลย ไปที่ไหนกัน? บวกกับข่าวในวังที่ซิ่วหงนำมาบอก เขารู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เหมือนจะเกี่ยวข้องกันสมองผู้อาวุโสจี้หมุน รู้สึกผิดปกติขึ้นมาทันที"เจ้าอย่าเพิ่งลงจากรถ รอให้แม่ลูกพวกเขาไปก่อนแล้วค่อยลงไป"ซิ่วหงเองก็ลนลาน ไม่กล้าลงจากรถม้าแล้ว รออยู่บนรถม้าอาของนางทุบประตูอยู่พักหนึ่ง พอประตูไม่เปิด นางก็โมโหแล้
ฟู่จาวหนิงอ่านเนื้อหาจดหมาย แล้วสบตากับเซียวหลันยวน"ชินอ๋องเซียวติดโรคเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้ เจ้าโรคนี้รุนแรงจริงๆ"ชินอ๋องเซียวคิดจะให้เซียวหลันยวนติดโรคนั่น นางจึงใช้วิธีนี้เล่นงานคืน แต่เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องสักสิบวันครึ่งเดือนถึงจะติด นี่เพิ่งจะหกเจ็ดวันเท่านั้น"ข้าจะส่งคนไปสำรวจอาการของเขาหน่อย" เซียวหลันยวนเรียกสืออีเข้ามา กำชับไปสองสามคำฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะไปดูแผนที่แล้ว "ให้คนจับตาดูอุทยานนั่นไว้ อย่าให้คนในอุทยานนั่นเข้าเมืองแต่ว่าคนของอุทยานคนนั้น...""ข้าจัดการเอง"เซียวหลันยวนรู้ว่านางพูดถึงอะไร กลัว่าจะลำบากไปถึงคนของอุทยานคนอื่นสินะฟู่จาวหนิงยังเชื่อใจเขา พยักหน้าให้"ข้าจะไปสกัดยาต่อ ถ้าโรคนี้ระบาดออกมาจริง ก็ต้องมียาเอาไว้รักษา""การสัมผัสปกติ น่าจะไม่ระบาดใช่ไหม?" เซียวหลันยวนถามนี่อันที่จริงก็เป็นสาเหตุที่ฟู่จาวหนิงใช้โรคนี้ในการเอาคืนชินอ๋องเซียว"ใช่ การสัมผัสทั่วไปจะไม่ระบาด ดังนั้นน่าจะไม่ถึงกับกินบริเวณกว้างนัก ขอแค่ควบคุมขอบเขตเอาไว้ก็จะไม่เกิดปัญหาใหญ่""กลัวแค่ว่าชินอ๋องเซียวกับเซียวเหยียนจิ่งจะใช้วิธีหยาบช้าน่ะสิ" เซียวหลันยวนรู้สึกว่า
ฟู่จาวหนิงเองก็ป้องกันไว้ก่อน ระวังเอาไว้หน่อยไทเฮาตอนที่กลับมา ชินอ๋องเซียวน่าจะยังไม่ได้ล้มป่วยจนถูกส่งไปที่อุทยานนั่น แต่เขาเองก็ส่งคนไปหาคนป่วยนั่นจนทั่ว น่าจะมีบางส่วนที่ใช้คนในอุทยานด้วย เพราะคนที่ยากจนเหล่านั้น น่าจะรู้มากกว่าว่าจะไปหาคนป่วยหนักแล้วไม่มีเงินรักษาได้จากไหนส่วนไทเฮาจะยอมดื่มหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่นางพิจารณา ยาก็ส่งไปแล้ว นางจะดื่มก็ดื่ม ไม่ดื่มก็ตามนั้นกุ้ยหมัวมัวมองออกถึงท่าทีของนาง แต่ก็ยังตัดสินใจเตือนให้ไทเฮาดื่มยาตัวนางเองก็เห็นแล้ว ว่าคนอื่นๆ ในจวนชินอ๋องเซียวล้วนดื่มกันหมด"เอาเถอะ ในเมื่อเป็นยาของจาวหนิง ข้าก็จะไม่ถามมากแล้วกัน" ไทเฮารับยาไป ยกขึ้นดื่มอย่างไม่ลังเลสาวใช้เข้ามารับชาม บอกกับผู้ดูแลผู้ดูแลจงตอนที่ไปพบฟู่จาวหนิงก็บอกเรื่องนี้กับนางบอกว่าไทเฮาดื่มยาจนหมดโดยไม่ลังเลฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำนี้ ก็หันไปคุยกับเซียวหลันยวนสองสามคำ"ถ้าหากพวกเราไปจริงๆ แล้วไทเฮาล่ะ?" ตอนนี้ดูท่าไทเฮาเองก็ยืนอยู่ฝั่งเซียวหลันยวนด้วย รับสั่งองค์จักรพรรดิครั้งนี้ที่ให้ไทเฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยน เห็นได้ชัดว่ามีความคิดจะทำร้ายนาง ถ้าพวกเขาจากไปแล้ว ไทเฮา
ฟู่จาวหนิงตอนที่หาเซียวหลันยวนเจอ เขากำลังเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง แล้วให้องครักษ์ส่งไปหาหลานหรงหลานหรงยังไม่ได้เข้าเมืองหลวง งานที่เขารับผิดชอบมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องของตงฉิง เรื่องเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงไม่เคยถามแต่ว่า หลายวันนี้ที่นางอยู่แต่ในจวนอ๋อง งุดหัวอยู่กับการสกัดยา ก็รู้สึกเบื่ออยู่บ้าง พอได้ยินว่าเขาให้คนส่งจดหมายหาหลานหรง ฟู่จาวหนิงเลยถามไปคำหนึ่ง"หลานหรงยังตรวจสอบเรื่องของตงฉิงอยู่ไหม?"เซียวหลันยวนพยักหน้า "ยังตรวจอยู่""แล้วมีความคืบหน้าบ้างไหม?""คุณชายฟู่ทางนั้นให้เบาะแสมาไม่น้อย หลานหรงนำคนไปเจอกับสถานที่ที่พวกเขาค้นพบเมื่อครั้งนั้นแล้ว ที่นั่นปีที่แล้วเกิดปรากฏการณ์มังกรพลิกตัวขึ้นครั้งหนึ่ง"เซียวหลันยวนเข้ามา โอบฟู่จาวหนิงไว้เขาออกไปวุ่นอยู่สามวัน เมื่อคืนเพิ่งกลับมาจวนอ๋อง พูดได้ว่าสามวันแล้วที่ไม่เห็นหน้าฟู่จาวหนิง ตอนนี้กอดนางไว้ในอ้อมกอด รู้สึกเหมือนตัวเองดูดซับพลังมาจากนางเลยฟู่จาวหนิงอยู่ในอ้อมกอดเขา พอได้ยินเขาพูดถึงมังกรพลิกตัว ก็อดตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้"แผ่นดินไหว?""อื๋อ? แผ่นดินไหว? พูดแบบนี้ก็ถูกต้องนะ" เขาเพิ่งจะได้ยินคำว่าแผ่นดินไหวเป็นครั้งแรก แ
ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน จู่ๆ ในสมองก็แวบขึ้นมา ถามขึ้นอย่างแปลกใจ "ท่านคงไม่ได้คิดจะไปตงฉิงหรอกใช่ไหม?"นางเองก็ไม่รู้ว่าว่าทำไมตนเองจู่ๆ จึงมีความคิดเช่นนี้เป็นเพราะแผนที่แผ่นดินในห้องหนังสือของเซียวหลันยวนช่วงนี้ เปลี่ยนไปแล้วหรือ? เปลี่ยนไปที่ชายแดนเขตแคว้น และตงฉิงเองก็อยู่ด้านบนนั้นเดิมทีเขาอยากจะหาสถานที่ที่เหมาะสมของพวกเขาในเขตแดนแคว้นเจาสักแห่งแต่ตอนนี้ เปลี่ยนเป็นตงฉิงแล้วหรือ?"หนิงหนิง ทำไมเจ้าถึงได้ฉลาดขนาดนี้?" เซียวหลันยวนอดเขี่ยที่คางนางไม่ได้ ก้มหน้าลงมาจูบนางไปทีหนึ่งนางฉลาดขนาดนี้ ยิ่งทำให้เขาชอบมากขึ้นไปอีก"ที่นั่นปลอดภัยไหม?"ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้สนับสนุนหรือคัดค้าน แค่ถามคำถามนี้ขึ้นมาก่อนถึงอย่างไร บนจดหมายของหลานหรงก็เขียวไว้ว่า ที่นั่นลาดเอียงลงไปจนเป็นเหวลึก ยิ่งไปกว่านั้นการล่มสลายของตงฉิงก่อนหน้านี้ คือภูเขาทั้งลูกเทลาดลงมา แล้วครั้งนี้ยังเกิดแผ่นดินไหวที่น่ากลัวขึ้นอีก พื้นที่ผืนนั้นของตงฉิงมันปลอดภัยแน่หรือ?"เจ้ารู้ไหมว่าพ่อของเจ้าคารวะใครเป็นอาจารย์?" เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาคุณชายฟู่ที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้ ก็หมายถึงฟู่จิ้นเช
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่