ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน จู่ๆ ในสมองก็แวบขึ้นมา ถามขึ้นอย่างแปลกใจ "ท่านคงไม่ได้คิดจะไปตงฉิงหรอกใช่ไหม?"นางเองก็ไม่รู้ว่าว่าทำไมตนเองจู่ๆ จึงมีความคิดเช่นนี้เป็นเพราะแผนที่แผ่นดินในห้องหนังสือของเซียวหลันยวนช่วงนี้ เปลี่ยนไปแล้วหรือ? เปลี่ยนไปที่ชายแดนเขตแคว้น และตงฉิงเองก็อยู่ด้านบนนั้นเดิมทีเขาอยากจะหาสถานที่ที่เหมาะสมของพวกเขาในเขตแดนแคว้นเจาสักแห่งแต่ตอนนี้ เปลี่ยนเป็นตงฉิงแล้วหรือ?"หนิงหนิง ทำไมเจ้าถึงได้ฉลาดขนาดนี้?" เซียวหลันยวนอดเขี่ยที่คางนางไม่ได้ ก้มหน้าลงมาจูบนางไปทีหนึ่งนางฉลาดขนาดนี้ ยิ่งทำให้เขาชอบมากขึ้นไปอีก"ที่นั่นปลอดภัยไหม?"ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้สนับสนุนหรือคัดค้าน แค่ถามคำถามนี้ขึ้นมาก่อนถึงอย่างไร บนจดหมายของหลานหรงก็เขียวไว้ว่า ที่นั่นลาดเอียงลงไปจนเป็นเหวลึก ยิ่งไปกว่านั้นการล่มสลายของตงฉิงก่อนหน้านี้ คือภูเขาทั้งลูกเทลาดลงมา แล้วครั้งนี้ยังเกิดแผ่นดินไหวที่น่ากลัวขึ้นอีก พื้นที่ผืนนั้นของตงฉิงมันปลอดภัยแน่หรือ?"เจ้ารู้ไหมว่าพ่อของเจ้าคารวะใครเป็นอาจารย์?" เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาคุณชายฟู่ที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้ ก็หมายถึงฟู่จิ้นเช
ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินมากฟู่จิ้นเชินเชิญผู้อาวุโสโม่ไปตรวจสอบตงฉิงทางนั้นว่ามีอันตรายหรือไม่ ถ้าหากมีผลลัพธ์อะไร เซียวหลันยวนก็สามารถพิจารณาได้ว่าไปที่ตงฉิงได้จริงไหม"แล้วเมืองหลวงทางนั้นที่ตรวจสอบชินอ๋องเซียว ตรวจสอบพบคนเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับอ๋องฉยงคนหนึ่ง คนนั้นเป็นใครกันแน่?"เป้าหมายที่นางเข้ามาเมื่อครู่ ก็เพื่อจะถามเรื่องนี้เซียวหลันยวนตอบ "เจ้าเองก็เคยพบนะ"นางเองก็เคยพบ?นางไม่ได้รู้จักอ๋องฉยงเสียหน่อย ต่อให้ปีที่แล้วจะได้รู้จักกันบ้างจากลูกนอกสมรสของอ๋องฉยงคนนั้น แต่ช่วงนี้อ๋องฉยงก็พักอยู่เงียบๆ ในวังราชนิเวศน์มาตลอด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลย นางเองก้ไม่ถือว่ารู้จักด้วยคนเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับอ๋องฉยงและชินอ๋องเซียว เป็นใครกันแน่?พอเห็นเซียวหลันยวนมองนาง ท่าทางเหมือนตั้งใจทดสอบนาง ฟู่จาวหนิงจึงหยิกออกไปทีหนึ่ง"ผู้หญิงหรือ?"เซียวหลันยวนหัวเราะ "หนิงหนิงของข้านี่ฉลาดจริงๆ"นี่ไม่ใช่แค่เดาหรือไรกัน? เป็นผู้หญิงคนหนึ่งสินะฟู่จาวหนิงคิดถึงหน้าตาอวิ๋นจูลูกนอกสมรสของอ๋องฉยง ในสมองจู่ๆ ก็มีใบหน้าหนึ่งแล่นเข้ามา นางจู่ๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาของอวิ๋นจูคล
เซียวหลันยวนเองก็คิดไม่ถึง ว่าแม่ลูกฮูหยินเฉินหลังจากมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจา ต่งฮ่วนจือก็จะพาพวกนางเข้าไปอยู่ที่บ้านของเขาต่งฮ่วนจือไม่ใช่คนที่ไร้ชื่อเสียง เขาตอนนี้ดูแลพันธมิตรโอสถของเมืองหลวงอยู่ ดังนั้นถือเป็นบุคคลสาธารณะที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คนเช่นกัน การเคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวก็ล้วนมีคนที่พบเห็นบ้านที่เขาเช่าไว้ก็มีคนเข้ามาแวะเวียนอยู่ตลอดดังนั้น พอเขาพาแม่ลูกคู่นี้เข้ามาอยู่ จะปิดบังคนอื่นไว้ได้อย่างไร?ไม่แน่ อ๋องฉยงตอนนี้อาจจะรู้แล้วก้ได้ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าต่งฮ่วนจือพาแม่ลูกฮูหยินเฉินมาแบบนี้ ไม่ใช่พฤติกรรมที่ฉลาดเลยถ้าหากฮูหยินเฉินมีความคิดจะอยู่ด้วยกันกับเขานั่นก็เรื่องนึง แต่จากที่นางสังเกต ฮูหยินเฉินอันที่จริงก็มีความคิดของนางเองอยู่ ไม่ได้คิดที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสุขสันต์กับต่งฮ่วนจือเลยแล้วต่งฮ่วนจือพาคนมาแบบนี้คิดอะไรอยู่?ตอนนั้นที่ช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ ก็เก็บพวกเขามาไว้ตั้งหลายปี ฮูหยินเฉินเองจะมีชีวิตที่ดีในเมืองจี้ก็ทำได้ หาลูกเขยสักคนให้กับเฉินฮ่าวปิง ใช้ชีวิตไปทั้งแบบนั้นแต่พวกนางยังมีสายตาที่สูงกว่า เมืองจี้ที่ใหญ่เสียขนาดนั้น แต่ก็ยังหาชายหนุ่มท
อ๋องฉยงสามารถกลับเมืองหลวงจากจวนฉยงโจวได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถอยู่ที่นี่ได้นานอีกด้วย จะต้องเงื่อนไขอะไรที่ทำให้จักรพรรดิสนใจแน่ๆจุดสำคัญอยู่บนตัวฮูหยินเฉินคนนี้เพราะอ๋องฉยงช่วงนี้ถึงแม้จะอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ แต่อันที่จริงก็ส่งคนมาตามหาคนในเมืองหลวงตลอดจนตอนที่เขาตรวจสอบความสัมพันธ์ของฮูหยินเฉินกับอ๋องฉยงได้ชัดเจน เขาจึงรู้คนที่อ๋องฉยงตามหาก็คือฮูหยินเฉินนี่เอง"ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รอหรือ? รอให้พวกเขาพบกัน?"สายตาฟู่จาวหนิงเปล่งประกายขึ้นทันที นางรู้ว่าเซียวหลันยวนจะต้องอยากรอให้อ๋องฉยงได้เจอกับฮูหยินเฉินแน่ ขอแค่พวกเขาเจอหน้ากันก็จะพูดคุยกัน ถึงตอนนั้นพวกเขาแค่ซ่อนตัวแล้วแอบฟัง ก็จะรู้ความลับบนตัวพวกเขาแล้วว่าคืออะไร"น่าจะใกล้แล้ว ถึงอย่างไรต่งฮ่วนจือก็ไม่ช่คนที่ไม่มีชื่อเสียง ข่าวที่ข้างกายเขาปรากฏแม่ลูกสาวงามขึ้นมาไม่นานก็คงถูกคนส่งออกไปแล้ว""ถ้าอย่างนั้นข้าต้องไปบอกท่านอาจารย์เสียหน่อยไหม? ให้เขาจัดการศิษย์พี่ให้ดี" ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกไม่ค่อยชอบการกระทำของต่งฮ่วนจืออยู่หน่อยๆถือแม้การจัดการงานในพันธมิตรโอสถ ต่งฮ่วนจือนั้นทำได้ไม่มีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นความรู้เกี่ย
ฟู่จาวหนิงออกมาคนเดียวเซียวหลันยวนอันที่จริงก็บอกกับนางแล้วว่าจะให้คนออกไปเตรียมรถม้าให้ แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธมา เพราะนางคืนนี้คิดจะปฏิบัติการเงียบๆ ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ในจวนอ๋องมาตั้งหลายวัน นางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะพิการ ถือโอกาสใช้ปฏิบัติการคืนนี้ ออกไปยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยถ้าหากคนที่คอยจับตาดูจวนอ๋องเจวี้ยนพบนางเข้า จะสู้สักยกก็ได้อยู่น่าเสียดายที่ขยะพวกนั้นดันไม่เจอนาง ปล่อยให้นางเดินออกมาแบบนี้แต่นางเองก็คิดไม่ถึงว่าฟู่จิ้นเชินจะอยู่ที่นี่ในเมื่อเขามาแล้ว ฟู่จาวหนิงก็ไม่ปฏิเสธที่จะนั่งรถม้าเสียหน่อยนางขึ้นรถม้า เฉินซานควบรถม้าให้ค่อยๆ วิ่งไปด้านหน้าตอนนี้อากาศเย็นมาก หลังจากเข้ากลางคืนด้านนอกก็แทบไม่มีคนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นจวนอ๋องเจวี้ยนช่วงหนึ่งจนถึงถนนด้านนอกก็ไม่มีคนอยู่เลยจริงๆฟู่จาวหนิงหลังจากขึ้นรถม้าก็ถามสิ่งที่ตนเองสงสัย"ท่านมารอข้าที่นี่หรือ? ท่านรู้ว่าคืนนี้ข้าจะออกมาหรือ?"วันนี้ที่ออกมาตอนค่ำเป็นการตัดสินใจกะทันหันของนาง ไม่ได้บอกใครก่อน แต่ฟู่จิ้นเชินดันรู้ทำให้นางรู้สึกไม่อยากเชื่อเอามากๆฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายอบอุ่นฟู่จาวหนิงส
ในเมืองหลวง ต่งฮ่วนจือถือว่าแค่มาอาศัยอยู่ชั่วคราว เขาอยู่ที่นี่ไม่มีที่วางเท้าได้มั่นคงอย่างแท้จริง และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่คนมีฐานะอำนาจอยู่รวมกัน ดังนั้น แม่ลูกตระกูลเฉินจึงพูดได้ว่าอ่อนแอไร้ที่พึ่งพิงเวลาเช่นนี้ เฉินฮ่าวจูจะไม่คิดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนบ้างหรือ? ไม่คิดที่จะทำอะไรกับอ๋องเจวี้ยนบ้างหรือ?ถ้านางอ้อนวอนต่งฮ่วนจือ ให้เขาใช้ตัวตนฐานะศิษย์พี่ มาอ้อนวอนฟู่จาวหนิง ให้นางยอมรับเฉินฮ่าวจูเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน สำหรับฟู่จิ้นเชินแล้ว นี่ถือว่าเป็นการทำให้ฟู่จาวหนิงไม่ได้รับความเป็นธรรมเขาเองก็อยากจะดู ว่าต่งฮ่วนจือจะกล้าเอ่ยปากเช่นนี้ไหมเขาไม่ให้ให้ฟู่จาวหนิงต้องเผชิญเรื่องเหล่านี้เพียงลำพังหลายปีก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยได้ปกป้องลูกสาวเลยสักครั้ง ตอนนี้ลูกสาวเติบโตขึ้นแล้ว เขาก็ยังหาโอกาสให้นางรู้ไม่ได้เลย ว่าเขารักนางมากตอนนี้นางเติบโตจนเก่งกาจขนาดนี้ ไม่รู้ว่าต้องผ่านลมฝนความลำบากมาแค่ไหน พอคิดถึงจุดนี้ ฟู่จิ้นเชินก็ปวดใจขึ้นมาเขาอยากจะยื่นมือไปกอดลูกสาว แต่ระหว่างพ่อลูกอย่างพวกเขามีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ชั้นหนึ่ง ที่ทำให้เขาไม่กล้าทำลายลงง่ายๆเขาเองก็รู้ว่าเรื่อง
"จาวหนิง นั่งตรงนี้ ในจวนอ๋องไม่มีอะไรใช่ไหม?" เสิ่นเชี่ยวมองนางอย่างตึงเครียดนางไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้ยอมรับพวกเขาแล้วหรือยังแต่หลังจากกลับมา ผู้เฒ่าฟู่กับคนในบ้านก็เล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้พวกเขาฟังไม่น้อย บอกว่าฟู่จาวหนิงตั้งแต่เด็กจนโต ไม่รู้ว่านางแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวมาตั้งกี่ครั้งรู้สึกแค่ว่าติดค้างลูกสาวมากเหลือเกิน ตอนนี้จึงยังไม่รู้ว่าความเป็นห่วงของนาง ฟู่จาวหนิงจะรู้สึกต่อต้านหรือเปล่าตอนที่นางพูดกับฟู่จาวหนิง ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่ ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะตอบหรือไม่"ไม่เป็นไร"ยังดี ฟู่จาวหนิงยังตอบนาง ถึงแม้จะแค่สองคำ แต่เสิ่นเชี่ยวก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเสี่ยวเถาส่งชามตะเกียบเข้ามา เสิ่นเชี่ยวรีบตักน้ำแกงให้นาง"จาวหนิง ทำไมเจ้าถึงกลับมากับพ่อเจ้าล่ะ?" ผู้เฒ่าฟู่แปลกใจมากเขามองฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองฟู่จิ้นเชินฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ "ไปเจอกันข้างนอกน่ะ"เขาไม่ได้พูดตามจริง ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกต้องมาแบกรับในใจถ้าหากเขาบอกว่าจงใจไปรับฟู่จาวหนิง ผู้เฒ่าฟู่อาจจะรู้สึกยินดีมาก อาจจะพูดว่าพ่อของเจ้าดีกับเจ้ามากขนาดนี้อะไรทำนองนี้สำหรับฟู่จาวหนิง อาจจ
"ผู้อาวุโสจี้ดื่มจนเมาไปแล้ว""ดื่มจนเมา?คงไม่ได้ถูกมอมหรอกใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงเองก็เดาขึ้นมาส่งๆ แต่ว่าไป๋หู่ที่เข้ามาได้ยินคำนี้เข้า สีหน้าก็ผิดปกติไปฟู่จาวหนิงเห็นท่าทาทงของเขาก็ประหลาดใจ "ถูกมอมเหล้าจริงหรือ?"ไป๋หู่หลังจากส่งจดหมายก็ช่วยระคองผู้อาวุโสจี้ไปที่ห้องรับแขก ดังนั้นจึงกลับมาช้าหน่อย"ผู้อาวุโสจี้เมาค่อนข้างหนัก กลิ่นสุราโชยหึ่ง ต่งฮ่วนจือเองก็ดื่มไปไม่น้อย เจตนาของฮูหยินเฉินคือ พระชายาเรียกเขาเข้ามา เขาห้ามปฏิเสธ แต่เพราะดื่มไปหนักมาก ฮูหยินเฉินไม่วางใจ ดังนั้นจึงมาด้วยกันกับเขา ระหว่างทางจะได้คอยดูแล""หรือก็คือ หาข้ออ้างดีดีให้กับนางแล้วสินะ?" ฟู่จาวหนิงดูประชดประชันหน่อยๆนางไม่อยากจะเชื่อเหตุผลนี้เลย?ไป๋หู่อยู่ ให้เขาพาต่งฮ่วนจือมาก็พอแล้ว ยังต้องให้ฮูหยินเฉินมาดูแลทำไมกัน?"ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านางจะดูและ แล้วยังต้องพาเฉินฮ่าวปิงมาอีกหรือ?"ไป๋หู่เอ่ยต่อ "เฉินฮ่าวปิงบอกว่านางอยู่ในบ้านก็ไม่วางใจ ถ้าหากจะประคองต่งฮ่วนจือ ก็ยังต้องใช้คนสองคน"เขาเห็นท่าทีของพวกนางเป็นเช่นนี้จึงไม่ได้ห้ามอะไร ถึงอย่างไรพระชายาเดิมทีก็อยากจะดูอยู่แล้วว่าต่งฮ่วนจือจะจัดแจงที่พัก
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้