เซียวหลันยวนเองก็คิดไม่ถึง ว่าแม่ลูกฮูหยินเฉินหลังจากมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจา ต่งฮ่วนจือก็จะพาพวกนางเข้าไปอยู่ที่บ้านของเขาต่งฮ่วนจือไม่ใช่คนที่ไร้ชื่อเสียง เขาตอนนี้ดูแลพันธมิตรโอสถของเมืองหลวงอยู่ ดังนั้นถือเป็นบุคคลสาธารณะที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้คนเช่นกัน การเคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวก็ล้วนมีคนที่พบเห็นบ้านที่เขาเช่าไว้ก็มีคนเข้ามาแวะเวียนอยู่ตลอดดังนั้น พอเขาพาแม่ลูกคู่นี้เข้ามาอยู่ จะปิดบังคนอื่นไว้ได้อย่างไร?ไม่แน่ อ๋องฉยงตอนนี้อาจจะรู้แล้วก้ได้ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าต่งฮ่วนจือพาแม่ลูกฮูหยินเฉินมาแบบนี้ ไม่ใช่พฤติกรรมที่ฉลาดเลยถ้าหากฮูหยินเฉินมีความคิดจะอยู่ด้วยกันกับเขานั่นก็เรื่องนึง แต่จากที่นางสังเกต ฮูหยินเฉินอันที่จริงก็มีความคิดของนางเองอยู่ ไม่ได้คิดที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสุขสันต์กับต่งฮ่วนจือเลยแล้วต่งฮ่วนจือพาคนมาแบบนี้คิดอะไรอยู่?ตอนนั้นที่ช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ ก็เก็บพวกเขามาไว้ตั้งหลายปี ฮูหยินเฉินเองจะมีชีวิตที่ดีในเมืองจี้ก็ทำได้ หาลูกเขยสักคนให้กับเฉินฮ่าวปิง ใช้ชีวิตไปทั้งแบบนั้นแต่พวกนางยังมีสายตาที่สูงกว่า เมืองจี้ที่ใหญ่เสียขนาดนั้น แต่ก็ยังหาชายหนุ่มท
อ๋องฉยงสามารถกลับเมืองหลวงจากจวนฉยงโจวได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถอยู่ที่นี่ได้นานอีกด้วย จะต้องเงื่อนไขอะไรที่ทำให้จักรพรรดิสนใจแน่ๆจุดสำคัญอยู่บนตัวฮูหยินเฉินคนนี้เพราะอ๋องฉยงช่วงนี้ถึงแม้จะอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ แต่อันที่จริงก็ส่งคนมาตามหาคนในเมืองหลวงตลอดจนตอนที่เขาตรวจสอบความสัมพันธ์ของฮูหยินเฉินกับอ๋องฉยงได้ชัดเจน เขาจึงรู้คนที่อ๋องฉยงตามหาก็คือฮูหยินเฉินนี่เอง"ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รอหรือ? รอให้พวกเขาพบกัน?"สายตาฟู่จาวหนิงเปล่งประกายขึ้นทันที นางรู้ว่าเซียวหลันยวนจะต้องอยากรอให้อ๋องฉยงได้เจอกับฮูหยินเฉินแน่ ขอแค่พวกเขาเจอหน้ากันก็จะพูดคุยกัน ถึงตอนนั้นพวกเขาแค่ซ่อนตัวแล้วแอบฟัง ก็จะรู้ความลับบนตัวพวกเขาแล้วว่าคืออะไร"น่าจะใกล้แล้ว ถึงอย่างไรต่งฮ่วนจือก็ไม่ช่คนที่ไม่มีชื่อเสียง ข่าวที่ข้างกายเขาปรากฏแม่ลูกสาวงามขึ้นมาไม่นานก็คงถูกคนส่งออกไปแล้ว""ถ้าอย่างนั้นข้าต้องไปบอกท่านอาจารย์เสียหน่อยไหม? ให้เขาจัดการศิษย์พี่ให้ดี" ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกไม่ค่อยชอบการกระทำของต่งฮ่วนจืออยู่หน่อยๆถือแม้การจัดการงานในพันธมิตรโอสถ ต่งฮ่วนจือนั้นทำได้ไม่มีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นความรู้เกี่ย
ฟู่จาวหนิงออกมาคนเดียวเซียวหลันยวนอันที่จริงก็บอกกับนางแล้วว่าจะให้คนออกไปเตรียมรถม้าให้ แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธมา เพราะนางคืนนี้คิดจะปฏิบัติการเงียบๆ ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ในจวนอ๋องมาตั้งหลายวัน นางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะพิการ ถือโอกาสใช้ปฏิบัติการคืนนี้ ออกไปยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยถ้าหากคนที่คอยจับตาดูจวนอ๋องเจวี้ยนพบนางเข้า จะสู้สักยกก็ได้อยู่น่าเสียดายที่ขยะพวกนั้นดันไม่เจอนาง ปล่อยให้นางเดินออกมาแบบนี้แต่นางเองก็คิดไม่ถึงว่าฟู่จิ้นเชินจะอยู่ที่นี่ในเมื่อเขามาแล้ว ฟู่จาวหนิงก็ไม่ปฏิเสธที่จะนั่งรถม้าเสียหน่อยนางขึ้นรถม้า เฉินซานควบรถม้าให้ค่อยๆ วิ่งไปด้านหน้าตอนนี้อากาศเย็นมาก หลังจากเข้ากลางคืนด้านนอกก็แทบไม่มีคนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นจวนอ๋องเจวี้ยนช่วงหนึ่งจนถึงถนนด้านนอกก็ไม่มีคนอยู่เลยจริงๆฟู่จาวหนิงหลังจากขึ้นรถม้าก็ถามสิ่งที่ตนเองสงสัย"ท่านมารอข้าที่นี่หรือ? ท่านรู้ว่าคืนนี้ข้าจะออกมาหรือ?"วันนี้ที่ออกมาตอนค่ำเป็นการตัดสินใจกะทันหันของนาง ไม่ได้บอกใครก่อน แต่ฟู่จิ้นเชินดันรู้ทำให้นางรู้สึกไม่อยากเชื่อเอามากๆฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายอบอุ่นฟู่จาวหนิงส
ในเมืองหลวง ต่งฮ่วนจือถือว่าแค่มาอาศัยอยู่ชั่วคราว เขาอยู่ที่นี่ไม่มีที่วางเท้าได้มั่นคงอย่างแท้จริง และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่คนมีฐานะอำนาจอยู่รวมกัน ดังนั้น แม่ลูกตระกูลเฉินจึงพูดได้ว่าอ่อนแอไร้ที่พึ่งพิงเวลาเช่นนี้ เฉินฮ่าวจูจะไม่คิดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนบ้างหรือ? ไม่คิดที่จะทำอะไรกับอ๋องเจวี้ยนบ้างหรือ?ถ้านางอ้อนวอนต่งฮ่วนจือ ให้เขาใช้ตัวตนฐานะศิษย์พี่ มาอ้อนวอนฟู่จาวหนิง ให้นางยอมรับเฉินฮ่าวจูเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน สำหรับฟู่จิ้นเชินแล้ว นี่ถือว่าเป็นการทำให้ฟู่จาวหนิงไม่ได้รับความเป็นธรรมเขาเองก็อยากจะดู ว่าต่งฮ่วนจือจะกล้าเอ่ยปากเช่นนี้ไหมเขาไม่ให้ให้ฟู่จาวหนิงต้องเผชิญเรื่องเหล่านี้เพียงลำพังหลายปีก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยได้ปกป้องลูกสาวเลยสักครั้ง ตอนนี้ลูกสาวเติบโตขึ้นแล้ว เขาก็ยังหาโอกาสให้นางรู้ไม่ได้เลย ว่าเขารักนางมากตอนนี้นางเติบโตจนเก่งกาจขนาดนี้ ไม่รู้ว่าต้องผ่านลมฝนความลำบากมาแค่ไหน พอคิดถึงจุดนี้ ฟู่จิ้นเชินก็ปวดใจขึ้นมาเขาอยากจะยื่นมือไปกอดลูกสาว แต่ระหว่างพ่อลูกอย่างพวกเขามีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ชั้นหนึ่ง ที่ทำให้เขาไม่กล้าทำลายลงง่ายๆเขาเองก็รู้ว่าเรื่อง
"จาวหนิง นั่งตรงนี้ ในจวนอ๋องไม่มีอะไรใช่ไหม?" เสิ่นเชี่ยวมองนางอย่างตึงเครียดนางไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้ยอมรับพวกเขาแล้วหรือยังแต่หลังจากกลับมา ผู้เฒ่าฟู่กับคนในบ้านก็เล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้พวกเขาฟังไม่น้อย บอกว่าฟู่จาวหนิงตั้งแต่เด็กจนโต ไม่รู้ว่านางแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวมาตั้งกี่ครั้งรู้สึกแค่ว่าติดค้างลูกสาวมากเหลือเกิน ตอนนี้จึงยังไม่รู้ว่าความเป็นห่วงของนาง ฟู่จาวหนิงจะรู้สึกต่อต้านหรือเปล่าตอนที่นางพูดกับฟู่จาวหนิง ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่ ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะตอบหรือไม่"ไม่เป็นไร"ยังดี ฟู่จาวหนิงยังตอบนาง ถึงแม้จะแค่สองคำ แต่เสิ่นเชี่ยวก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเสี่ยวเถาส่งชามตะเกียบเข้ามา เสิ่นเชี่ยวรีบตักน้ำแกงให้นาง"จาวหนิง ทำไมเจ้าถึงกลับมากับพ่อเจ้าล่ะ?" ผู้เฒ่าฟู่แปลกใจมากเขามองฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองฟู่จิ้นเชินฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ "ไปเจอกันข้างนอกน่ะ"เขาไม่ได้พูดตามจริง ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกต้องมาแบกรับในใจถ้าหากเขาบอกว่าจงใจไปรับฟู่จาวหนิง ผู้เฒ่าฟู่อาจจะรู้สึกยินดีมาก อาจจะพูดว่าพ่อของเจ้าดีกับเจ้ามากขนาดนี้อะไรทำนองนี้สำหรับฟู่จาวหนิง อาจจ
"ผู้อาวุโสจี้ดื่มจนเมาไปแล้ว""ดื่มจนเมา?คงไม่ได้ถูกมอมหรอกใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงเองก็เดาขึ้นมาส่งๆ แต่ว่าไป๋หู่ที่เข้ามาได้ยินคำนี้เข้า สีหน้าก็ผิดปกติไปฟู่จาวหนิงเห็นท่าทาทงของเขาก็ประหลาดใจ "ถูกมอมเหล้าจริงหรือ?"ไป๋หู่หลังจากส่งจดหมายก็ช่วยระคองผู้อาวุโสจี้ไปที่ห้องรับแขก ดังนั้นจึงกลับมาช้าหน่อย"ผู้อาวุโสจี้เมาค่อนข้างหนัก กลิ่นสุราโชยหึ่ง ต่งฮ่วนจือเองก็ดื่มไปไม่น้อย เจตนาของฮูหยินเฉินคือ พระชายาเรียกเขาเข้ามา เขาห้ามปฏิเสธ แต่เพราะดื่มไปหนักมาก ฮูหยินเฉินไม่วางใจ ดังนั้นจึงมาด้วยกันกับเขา ระหว่างทางจะได้คอยดูแล""หรือก็คือ หาข้ออ้างดีดีให้กับนางแล้วสินะ?" ฟู่จาวหนิงดูประชดประชันหน่อยๆนางไม่อยากจะเชื่อเหตุผลนี้เลย?ไป๋หู่อยู่ ให้เขาพาต่งฮ่วนจือมาก็พอแล้ว ยังต้องให้ฮูหยินเฉินมาดูแลทำไมกัน?"ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านางจะดูและ แล้วยังต้องพาเฉินฮ่าวปิงมาอีกหรือ?"ไป๋หู่เอ่ยต่อ "เฉินฮ่าวปิงบอกว่านางอยู่ในบ้านก็ไม่วางใจ ถ้าหากจะประคองต่งฮ่วนจือ ก็ยังต้องใช้คนสองคน"เขาเห็นท่าทีของพวกนางเป็นเช่นนี้จึงไม่ได้ห้ามอะไร ถึงอย่างไรพระชายาเดิมทีก็อยากจะดูอยู่แล้วว่าต่งฮ่วนจือจะจัดแจงที่พัก
เฉินฮ่าวปิงพอเข้ามา กระทั่งคนก็ยังไม่ทักทาย พออ้าปากก็ดันถามออกมาว่าอ๋องเจวี้ยนล่ะ?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตนเองอันที่จริงก็ใจเย็นแล้วนะ แต่พอได้ยินคำนี้ก็ยังอดโมโหไม่ได้แต่นางยังไม่ทันได้พูดอะไร เสิ่นเชี่ยวก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"แม่นางคนนี้เป็นใครกัน?"ต่งฮ่วนจือรีบตอบ "นี่คือแม่นางเฉินเฉินฮ่าวปิง เด็กคนนี้เคยพบกับอ๋องเจวี้ยนและศิษย์น้องหญิงที่เมืองจี้ ล้วนเป็นเพื่อนกัน พอมาเมืองหลังแล้วได้ยินเรื่องที่จวนอ๋องเจวี้ยน ก็รู้สึกกังวลมาก"เขาเองก็รู้ว่าเฉินฮ่าวปิงจู่ๆ ก็โพล่งประโยคนั้นออกมา มันไม่ค่อยปกติแต่เฉินฮ่าวปิงในสายตาเขาคือเด็กสาวอายุสิบสองสิบสามปีที่โตขึ้นมาถึงตอนนี้ ปกติก็เอาแต่เรียกเขาว่าลุงต่งลุงต่ง ช่วงหลายปีนี้ไม่ว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ก็จะมีเขาที่คอยดูแลทั้งหาหมอต้มยาเพื่อดูแลนางดังนั้น เฉินฮ่าวปิงคนนี้ในสายตาเขาก็เหมือนกับเป็นลูกสาวไปครึ่งหนึ่งแล้วเมื่อหญิงสาวพูดผิด ทำอะไรไม่เหมาะสม เช่นนั้นเขาที่เหมือนเป็นผู้ปกครอง ไม่ใช่ต้องช่วยเสียหน่อยหรือ?ต่งฮ่วนจือคิดง่ายๆ บอกว่าเฉินฮ่าวปิงกับอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน ถึงอย่างไรตอนอยู่ที่เมืองจี้ก็ถื
สองชาติมารวมกัน ฟู่จาวหนิงยังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ มีคนมาคอยปกป้องให้แบบนี้ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นนางที่ชนอยู่ตามลำพัง ดังนั้นนางตอนนี้มองแล้วจึงรู้สึกสดใหม่หน่อยๆ"เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่นางเฉินน่าจะเป็นเพื่อนกับจาวหนิงของพวกเรากระมัง?"เสิ่นเชี่ยวยังไม่หยุด ตอนที่นางพูด ดูแล้วยังอบอุ่นใจกว้าง เสียงเองก็อบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ แต่ว่ากัดคำอย่างชัดเจน ฟังแล้วชัดเจนไม่ยืดเยื้อ"แต่นี่ก็ไม่ถูกสิ ถ้าหากแม่นางเฉินเป็นเพื่อนกับจาวหนิงของเราจริง พอเข้าประตูมา เห็นจาวหนิงแล้ว จะอย่างไรก็ต้องทักทายนางก่อน กังวลนางก่อนจึงจะถูก แล้วทำไมจึงไม่เห็นใครในสายตา พอเข้ามาก็เป็นห่วงเป็นใยสามีของเพื่อนขึ้นมาก่อนล่ะ?"อดพูดไม่ได้เลย การย้อนถามนี้ของเสิ่นเชี่ยว เจ็บแสบถึงทรวงเสียเหลือเกินต่งฮ่วนจือพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ หน้าก็เปลี่ยนสีเฉินฮ่าวปิงเองก็หน้าซีด ร่างกายสั่นเทาขึ้นมา"ข้า เมื่อครู่ข้าก็แค่ใจด่วนเร็วไปหน่อย ข้า..." น้ำเสียงนางประหม่าขึ้นมาทันที แต่ในใจก็ยังชิงชังอย่างแรงกล้านางก็แค่เป็นห่วงอ๋องเจวี้ยนนี่ หลังจากมาถึงก็ไม่มีคนที่หาข่าวอ๋องเจวี้ยนได้เลย เจอก็ไม่ได้เจอได้ยินก็ไม่ได้ยิน กระทั่งจ
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง