"จาวหนิง นั่งตรงนี้ ในจวนอ๋องไม่มีอะไรใช่ไหม?" เสิ่นเชี่ยวมองนางอย่างตึงเครียดนางไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้ยอมรับพวกเขาแล้วหรือยังแต่หลังจากกลับมา ผู้เฒ่าฟู่กับคนในบ้านก็เล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้พวกเขาฟังไม่น้อย บอกว่าฟู่จาวหนิงตั้งแต่เด็กจนโต ไม่รู้ว่านางแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวมาตั้งกี่ครั้งรู้สึกแค่ว่าติดค้างลูกสาวมากเหลือเกิน ตอนนี้จึงยังไม่รู้ว่าความเป็นห่วงของนาง ฟู่จาวหนิงจะรู้สึกต่อต้านหรือเปล่าตอนที่นางพูดกับฟู่จาวหนิง ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่ ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะตอบหรือไม่"ไม่เป็นไร"ยังดี ฟู่จาวหนิงยังตอบนาง ถึงแม้จะแค่สองคำ แต่เสิ่นเชี่ยวก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเสี่ยวเถาส่งชามตะเกียบเข้ามา เสิ่นเชี่ยวรีบตักน้ำแกงให้นาง"จาวหนิง ทำไมเจ้าถึงกลับมากับพ่อเจ้าล่ะ?" ผู้เฒ่าฟู่แปลกใจมากเขามองฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองฟู่จิ้นเชินฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ "ไปเจอกันข้างนอกน่ะ"เขาไม่ได้พูดตามจริง ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกต้องมาแบกรับในใจถ้าหากเขาบอกว่าจงใจไปรับฟู่จาวหนิง ผู้เฒ่าฟู่อาจจะรู้สึกยินดีมาก อาจจะพูดว่าพ่อของเจ้าดีกับเจ้ามากขนาดนี้อะไรทำนองนี้สำหรับฟู่จาวหนิง อาจจ
"ผู้อาวุโสจี้ดื่มจนเมาไปแล้ว""ดื่มจนเมา?คงไม่ได้ถูกมอมหรอกใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงเองก็เดาขึ้นมาส่งๆ แต่ว่าไป๋หู่ที่เข้ามาได้ยินคำนี้เข้า สีหน้าก็ผิดปกติไปฟู่จาวหนิงเห็นท่าทาทงของเขาก็ประหลาดใจ "ถูกมอมเหล้าจริงหรือ?"ไป๋หู่หลังจากส่งจดหมายก็ช่วยระคองผู้อาวุโสจี้ไปที่ห้องรับแขก ดังนั้นจึงกลับมาช้าหน่อย"ผู้อาวุโสจี้เมาค่อนข้างหนัก กลิ่นสุราโชยหึ่ง ต่งฮ่วนจือเองก็ดื่มไปไม่น้อย เจตนาของฮูหยินเฉินคือ พระชายาเรียกเขาเข้ามา เขาห้ามปฏิเสธ แต่เพราะดื่มไปหนักมาก ฮูหยินเฉินไม่วางใจ ดังนั้นจึงมาด้วยกันกับเขา ระหว่างทางจะได้คอยดูแล""หรือก็คือ หาข้ออ้างดีดีให้กับนางแล้วสินะ?" ฟู่จาวหนิงดูประชดประชันหน่อยๆนางไม่อยากจะเชื่อเหตุผลนี้เลย?ไป๋หู่อยู่ ให้เขาพาต่งฮ่วนจือมาก็พอแล้ว ยังต้องให้ฮูหยินเฉินมาดูแลทำไมกัน?"ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านางจะดูและ แล้วยังต้องพาเฉินฮ่าวปิงมาอีกหรือ?"ไป๋หู่เอ่ยต่อ "เฉินฮ่าวปิงบอกว่านางอยู่ในบ้านก็ไม่วางใจ ถ้าหากจะประคองต่งฮ่วนจือ ก็ยังต้องใช้คนสองคน"เขาเห็นท่าทีของพวกนางเป็นเช่นนี้จึงไม่ได้ห้ามอะไร ถึงอย่างไรพระชายาเดิมทีก็อยากจะดูอยู่แล้วว่าต่งฮ่วนจือจะจัดแจงที่พัก
เฉินฮ่าวปิงพอเข้ามา กระทั่งคนก็ยังไม่ทักทาย พออ้าปากก็ดันถามออกมาว่าอ๋องเจวี้ยนล่ะ?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตนเองอันที่จริงก็ใจเย็นแล้วนะ แต่พอได้ยินคำนี้ก็ยังอดโมโหไม่ได้แต่นางยังไม่ทันได้พูดอะไร เสิ่นเชี่ยวก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"แม่นางคนนี้เป็นใครกัน?"ต่งฮ่วนจือรีบตอบ "นี่คือแม่นางเฉินเฉินฮ่าวปิง เด็กคนนี้เคยพบกับอ๋องเจวี้ยนและศิษย์น้องหญิงที่เมืองจี้ ล้วนเป็นเพื่อนกัน พอมาเมืองหลังแล้วได้ยินเรื่องที่จวนอ๋องเจวี้ยน ก็รู้สึกกังวลมาก"เขาเองก็รู้ว่าเฉินฮ่าวปิงจู่ๆ ก็โพล่งประโยคนั้นออกมา มันไม่ค่อยปกติแต่เฉินฮ่าวปิงในสายตาเขาคือเด็กสาวอายุสิบสองสิบสามปีที่โตขึ้นมาถึงตอนนี้ ปกติก็เอาแต่เรียกเขาว่าลุงต่งลุงต่ง ช่วงหลายปีนี้ไม่ว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ก็จะมีเขาที่คอยดูแลทั้งหาหมอต้มยาเพื่อดูแลนางดังนั้น เฉินฮ่าวปิงคนนี้ในสายตาเขาก็เหมือนกับเป็นลูกสาวไปครึ่งหนึ่งแล้วเมื่อหญิงสาวพูดผิด ทำอะไรไม่เหมาะสม เช่นนั้นเขาที่เหมือนเป็นผู้ปกครอง ไม่ใช่ต้องช่วยเสียหน่อยหรือ?ต่งฮ่วนจือคิดง่ายๆ บอกว่าเฉินฮ่าวปิงกับอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน ถึงอย่างไรตอนอยู่ที่เมืองจี้ก็ถื
สองชาติมารวมกัน ฟู่จาวหนิงยังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ มีคนมาคอยปกป้องให้แบบนี้ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นนางที่ชนอยู่ตามลำพัง ดังนั้นนางตอนนี้มองแล้วจึงรู้สึกสดใหม่หน่อยๆ"เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่นางเฉินน่าจะเป็นเพื่อนกับจาวหนิงของพวกเรากระมัง?"เสิ่นเชี่ยวยังไม่หยุด ตอนที่นางพูด ดูแล้วยังอบอุ่นใจกว้าง เสียงเองก็อบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ แต่ว่ากัดคำอย่างชัดเจน ฟังแล้วชัดเจนไม่ยืดเยื้อ"แต่นี่ก็ไม่ถูกสิ ถ้าหากแม่นางเฉินเป็นเพื่อนกับจาวหนิงของเราจริง พอเข้าประตูมา เห็นจาวหนิงแล้ว จะอย่างไรก็ต้องทักทายนางก่อน กังวลนางก่อนจึงจะถูก แล้วทำไมจึงไม่เห็นใครในสายตา พอเข้ามาก็เป็นห่วงเป็นใยสามีของเพื่อนขึ้นมาก่อนล่ะ?"อดพูดไม่ได้เลย การย้อนถามนี้ของเสิ่นเชี่ยว เจ็บแสบถึงทรวงเสียเหลือเกินต่งฮ่วนจือพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ หน้าก็เปลี่ยนสีเฉินฮ่าวปิงเองก็หน้าซีด ร่างกายสั่นเทาขึ้นมา"ข้า เมื่อครู่ข้าก็แค่ใจด่วนเร็วไปหน่อย ข้า..." น้ำเสียงนางประหม่าขึ้นมาทันที แต่ในใจก็ยังชิงชังอย่างแรงกล้านางก็แค่เป็นห่วงอ๋องเจวี้ยนนี่ หลังจากมาถึงก็ไม่มีคนที่หาข่าวอ๋องเจวี้ยนได้เลย เจอก็ไม่ได้เจอได้ยินก็ไม่ได้ยิน กระทั่งจ
"ศิษย์น้องหญิงต้องการวัตถุดิบยาอะไรหรือ? รายการเขียนเสร็จแล้วหรือยัง? นำมาให้ข้าก็พอ พรุ่งนี้ข้าจะไปจัดเตรียมให้ ไม่ต้องลำบากท่านอาจารย์หรอก"ต่งฮ่วนจือพอตกใจ ไม่ทันหันไปสนใจเฉินฮ่าวปิง รีบขอรายการวัตถุดิบยากับฟู่จาวหนิงขึ้นมาเขาไม่สงสัยเลย!ถ้าแค่ศิษย์น้องหญิงไปหาอาจารย์ ไม่ต้องพูดอะไรมาก ท่านอาจารย์ต้องคิดว่าเขารังแกศิษย์น้องหญิงแน่ๆ!ในสายตาผู้อาวุโสจี้ ตอนนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างพวกเขาเอามารวมกัน ก็ยังไม่ได้แค่นิ้วแม่โป้งของศิษย์น้องหญิงเลย!"ท่านอาจารย์วันนี้ดื่มจนเมาไปแล้ว พรุ่งนี้น่าจะต้องนอนพักอีกวัน เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนคนแก่อย่างเขาหรอก ศิษย์น้องหญิงว่าใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงมองต่งฮ่วนจือ พอเห็นว่าเขาร้อนรนจนเหงื่อตก ฟู่จาวหนิงจึงหัวเราะขึ้นมา"ศิษย์พี่วันนี้มีเรื่องอะไรดีดีหรือ ถึงได้มอมเหล้าท่านอาจารย์แบบนั้น?"นางเองยังไม่ได้บอกว่าใช่หรือไม่ใช่ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปแล้วเฉินฮ่าวปิงเดิมทีก็อดสูแทบแย่ พอได้ยินนางพูดลอยๆ ขึ้นมาแบบนี้ ก็ฟังออกถึงการประชดประชัน จึงโมโหขึ้นทันที พูดออกไปโดยไม่ทันไตร่ตรอง"ข้ากับท่านแม่มาที่เมืองหลวงแล้ว หลังจากนี้ก็จะอยู่ในเมืองหลวงไม่ไ
ถึงอย่างไรศิษย์น้องหญิงก็เป็นหญิงสาว นางรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญแค่ไหนกับหญิงสาว"ศิษย์พี่รองลองว่ามาก่อนว่าเรื่องอะไร ข้าเองจะตอบรับไปโดยไม่รู้อะไรก็ไม่ได้"ฟู่จาวหนิงถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่นางก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับต่งฮ่วนจือตอนนี้เลย ดังนั้นจึงคิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องดีอะไร"คุณชายฟู่กับฮูหยิน..." ต่งฮ่วนจือมองฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยว ตอนนี้เขารู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้เข้าหายาก เรื่องนี้ก็ไม่อยากจะพูดต่อหน้าพวกเขาเดิมทีเขาอยากให้พวกเขาถอยออกไปหน่อย แต่ดูท่าทางแล้ว ฟู่จิ้นเชินก็รู้แล้วว่าที่เขาจะพูดไม่น่าเป็นเรื่องดีอะไร จึงไม่ยอมออกไป"ทำไม เป็นเรื่องที่พูดออกมาแล้วลำบากใจหรือ? ขนาดแค่พูดออกมายังลำบากใจ ถ้าอย่างนั้นจาวหนิงก็น่าจะช่วยไม่ได้แล้วกระมัง"ฟู่จิ้นเชินไม่อยากไว้หน้าต่งฮ่วนจืออีกแล้วขนาดอยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ยังไม่กล้า แล้วจะเป็นเรื่องง่ายๆ ได้อย่างไร?ต่งฮ่วนจือคิดๆ ถอนหายใจออกมาอย่างจำใจ"อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะช่วงนี้ในบ้านศิษย์น้องหญิงค่อนข้างวุ่นวาย เช่นนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร""ศิษย์พี่ว่ามา"ฟุ่จาวหนิงเองก็เห็นแก่ว่าพ
ฟู่จาวหนิงถามคำถามนี้ออกไป เฉินฮ่าวปิงจึงเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยขึ้นว่า"ข้ารู้ว่าพวกท่านไม่เป็นอะไรกัน ดังนั้นที่ลือกันข้างนอก ข้างจึงไม่เชื่อ""โอ๋?"ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่าน่าจะดึงพวกนางให้ใกล้กันได้บ้าง ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น จึงยิ้มๆ เอ่ยชมฟู่จาวหนิงขึ้นมาสองสามคำ"เป็ฯแบบนี้ ฮ่าวปิงมั่นใจกับวิชาแพทย์ของเจ้ามาก เรื่องตอนที่เจ้าอยู่เมืองจี้นางเองก็รู้ เจ้าเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว พวกประธานนั่นก็ชมวิชาแพทย์ของเจ้าไม่หยุดปาก ดังนั้นพวกของฮ่าวปิงพอมาถึงเมืองหลวง หลังจากได้ยินเรื่องในจวนอ๋องเจวี้ยน ก็เชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนจะไม่เป็นอะไร เพราะมีเจ้าอยู่ด้วย""หรือก็คือ ข้าต้องขอบคุณความเชื่อมั่นของแม่นางเฉินหรือ?""ศิษย์น้องหญิง เดิมทีข้าเองก็กังวลหน่อยๆ แต่วันนี้ตอนกินข้าวเย็น อาจารย์เองก็บอกว่าไม่ต้องกังวลเกินไปนัก ข้าเห็นว่าเขายังกินได้ดื่มได้ จึงรู้สึกว่าพวกเจ้าไม่น่าจะเป็นอะไรกัน ไม่อย่างนั้นด้วยความเป็นห่วงต่อตัวเจ้าของอาจารย์ เขาจะกินอะไรลงเสียที่ไหน"ต่งฮ่วนจือทอดถอนออกมาคำหนึ่ง "ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ศิษย์น้องหญิงก็ยังอยู่ดีที่นี่นี่นา? เจ้าไม่เป็นไร อ่องเจวี้ยนก็ต้องไม่เป็นไรแน่"
เฉินฮ่าวปิงถลึงตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ น้ำตาเอ่อออกมา หมุนตัววิ่งออกไป"ฮ่าวปิง!"ต่งฮ่วนจือกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง ร้อนรนขึ้นมา รีบไล่ตามออกไปขนาดร่ำลาสักคำก็ไม่มี"ศิษย์พี่ของเจ้านี่มันยังไงกัน..." ฟู่จิ้นเชินส่ายหัวจุ๊ปาก"เวลาที่อยู่ข้างกายท่านอาจารย์สั้นไปหน่อย" ฟู่จาวหนิงบอกฟู่จิ้นเชินรู้สึกเห็นด้วย จากนั้นจึงถามขึ้นมาคำหนึ่ง "แม่นางคนนี้แอบชอบอ๋องเจวี้ยนใช่ไหม?"ไม่อย่างนั้นทำไมพอเข้ามาก็ถามถึงอ๋องเจวี้ยนก่อน? พอเห็นท่าทางความเป็นห่วงตึงเครียดของนาง ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นอะไรกับนางไปด้วยซ้ำ"เซียวหลันยวนนี่มีสาวงามมาสนใจเยอะจริงๆ" ฟู่จาวหนิงร้องเหอะๆ ออกมาเสิ่นเชี่ยวกลับดูจะกังวลหน่อยๆ"ในเมืองจี้พวกเขาเคยเจอกันไหม? แล้วก็สาวงามสามคนที่ถูกไล่ออกไปจากจวนอ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้ เป็นความคิดของเจ้าหรือความคิดของอ๋องเจวี้ยนล่ะ?"นางกังวลและเป็นห่วงฟู่จาวหนิงขึ้นเสียแล้ว "ถ้าหากเจ้าต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ตลอด ตอนนี้เจ้ากับอ๋องเจวี้ยนยังอายุน้อย ความรักลึกซึ้งกันก็ยังดีหน่อย แต่เดี๋ยวพออยู่กันไปนานๆ แล้วเริ่มเบื่อ ความรักไม่ได้เข้มข้นเหมือนตอนนี้ แล้วเจ้าต้องมาคอยไล่หญิงสา
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่