เฉินฮ่าวปิงถลึงตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ น้ำตาเอ่อออกมา หมุนตัววิ่งออกไป"ฮ่าวปิง!"ต่งฮ่วนจือกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง ร้อนรนขึ้นมา รีบไล่ตามออกไปขนาดร่ำลาสักคำก็ไม่มี"ศิษย์พี่ของเจ้านี่มันยังไงกัน..." ฟู่จิ้นเชินส่ายหัวจุ๊ปาก"เวลาที่อยู่ข้างกายท่านอาจารย์สั้นไปหน่อย" ฟู่จาวหนิงบอกฟู่จิ้นเชินรู้สึกเห็นด้วย จากนั้นจึงถามขึ้นมาคำหนึ่ง "แม่นางคนนี้แอบชอบอ๋องเจวี้ยนใช่ไหม?"ไม่อย่างนั้นทำไมพอเข้ามาก็ถามถึงอ๋องเจวี้ยนก่อน? พอเห็นท่าทางความเป็นห่วงตึงเครียดของนาง ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นอะไรกับนางไปด้วยซ้ำ"เซียวหลันยวนนี่มีสาวงามมาสนใจเยอะจริงๆ" ฟู่จาวหนิงร้องเหอะๆ ออกมาเสิ่นเชี่ยวกลับดูจะกังวลหน่อยๆ"ในเมืองจี้พวกเขาเคยเจอกันไหม? แล้วก็สาวงามสามคนที่ถูกไล่ออกไปจากจวนอ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้ เป็นความคิดของเจ้าหรือความคิดของอ๋องเจวี้ยนล่ะ?"นางกังวลและเป็นห่วงฟู่จาวหนิงขึ้นเสียแล้ว "ถ้าหากเจ้าต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ตลอด ตอนนี้เจ้ากับอ๋องเจวี้ยนยังอายุน้อย ความรักลึกซึ้งกันก็ยังดีหน่อย แต่เดี๋ยวพออยู่กันไปนานๆ แล้วเริ่มเบื่อ ความรักไม่ได้เข้มข้นเหมือนตอนนี้ แล้วเจ้าต้องมาคอยไล่หญิงสา
เฉินฮ่าวปิงรู้สึกว่าคืนนี้ที่ไปบ้านตระกูลฟู่ นางเสียหน้ามาก"พูดแล้วมีประโยชน์อะไร? พูดอะไรนางก็ไม่รับปากทังนั้น!" เฉินฮ่าวปิงตาแดงก่ำขึ้นมา "นางไม่ชอบข้า แล้วจะมาช่วยข้าได้อย่างไร?"ฮูหยินเฉินถูกนางแผดเสียงแหลมใส่แบบนี้จนหูรับไม่ค่อยไหวนางเองก็ไม่พอใจ แต่พอเห็นสายตาของเฉินฮ่าวปิงจึงนิ่งไว้ก่อน"ปิงเอ๋อร์ เจ้าโทษนางไม่ได้ที่นางไม่ชอบเจ้า เพราะตอนนั้นในเมืองจี้เจ้าดันยั้งตัวเองไม่อยู่ คิดจะเข้าไปอยู่ข้างกายอ๋องเจวี้ยนให้ได้ แม่เคยบอกเจ้าไปแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะชอบคนที่มาแอบชอบสามีของตนเอง ดังนั้นเรื่องนี้โทษนางไม่ได้"นี่ยังอยู่ต่อหน้าต่งฮ่วนจือ แม่ก็ยังพูดแบบนี้กับนาง!ยิ่งไปกว่านั้นยังเอาเรื่องที่นางชอบอ๋องเจวี้ยนพูดออกมาอีก นางไม่ต้องมีหน้ามีตากันแล้วใช่ไหม?น้ำตาเฉินฮ่าวปิงไหลเป็นเขื่อนแตกลงมา"นั่นข้าผิดอะไร? ข้าเพิ่งเคยเจอผู้ชายแบบนั้นเป็นครั้งแรก เดิมทีใต้หล้านี้ก็หาคนแบบอ๋องเจวี้ยนได้ยากอยู่แล้ว ข้าไปชอบเขาแล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าท่านแม่อายุน้อยกว่านี้สักสิบปี แล้วท่านไปเจอเขา ท่านไม่ชอบเขาได้หรือ?""เจ้า..." ฮูหยินเฉินถูกนางฟาดมาแบบนี้ ก็สะอึกจนพูดอะไรไม่ออกต่งฮ่ว
"เอาล่ะ ค่อยคิดหาวิธีแล้วกัน ศิษย์น้องหญิงทางนั้นไม่เห็นด้วย ข้าจะไปหาคนอื่นให้ใหม่ ศิษย์น้องหญิงอาจจะเพราะอ๋องเจวี้ยนช่วงนี้ป่วยจนไม่มีความคิดจะช่วยนั่นล่ะ ต่อให้ฮ่าวปิงไปกับนาง นางก็ไม่แน่ว่าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไร"อันที่จริงพวกเขาก็ยังไม่ได้หาข่าวให้ชัดเจนด้วยถ้าหากหาข่าวจนชัดเจน ฮูหยินเฉินก็ไม่แน่ว่าจะให้ฟู่จาวหนิงมาช่วยงานนี้ด้วยนิสัยแบบนั้นของฟู่จาวหนิง ที่อหังการไปทั้งเมืองหลวงในช่วงสองปีนี้ ใช่คนที่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรแบบนั้นเสียที่ไหน?นางแค่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงวังไปไม่กี่ครั้งเท่านั้น แล้วก็แทบจะฉีกหน้าคนทิ้งทั้งหมดอีกส่วนเหล่าคุณหนูฮูหยินคนอื่นในเมืองหลวงเวลาจัดงานชมดอกไม้อะไรพวกนี้ นางเคยไปเข้าร่วมเสียที่ไหนกันจะว่าไป เซียวหลันยวนเองก็ด้วย ตัวตนฐานะของเขาเองก็ค่อยข้างพิเศษ คนอื่นพอมาถึงหนึ่งคือเข้าหากยาก สองคือเหยียบย่ำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ คิดจะคบค้าสมาคมกับเขาต้องระแวงระวังตัว รักษาระยะห่างเอาไว้ให้ดี ดังนั้นจึงไม่ไปร่วมงานเลี้ยงอะไรอยู่แล้วดังนั้น เฉินฮ่าวปิงไปหาพวกเขาคือเรื่องที่ผิดแน่นอน ถ้าหากเป้าหมายที่เฉินฮ่าวปิงคิดจะพิชิตคือเซียวหลันยวน เช่นนั้นน
เฉินฮ่าวปิงพอได้ยินคำพูดของแม่ ก็นิ่งงันไปแล้วก่อนหน้านี้นางเองก็รู้อยู่ ว่าถ้าถูกฮูหยินหลักมาไล่สังหารล่ะก็ นางจะเป็นลูกของฮูหยินหลักได้อย่างไร?แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แม่บอกนางออกมาอย่างชัดเจน: ว่านางเป็นลูกภรรยารอง"แต่ แต่ว่า ถ้าหากข้าเป็นลูกภรรยารองล่ะก็ ทำไมท่านถึงบอกข้ามาตลอดว่าข้ามีตัวตนไม่ธรรมดา?" เฉินฮ่าวปิงรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนางเองก็โตแล้ว ทำไมถึงไม่พูดกับนางตรงๆ ล่ะ?ถ้าหากนางเป็นแค่ลูกภรรยารองล่ะก็ มันเรียกว่าตัวตนไม่ธรรมดาได้ไหม? เรียกเป็นพวกคุณหนูได้ไหม?ฮูหยินเฉินถูกนางถามจนงงงันไปแล้วคำถามนี้นางต้องตอบอย่างไร?"ท่านแม่ ท่านรีบบอกข้าเถอะ พ่อของข้าเป็ฯใครกันแน่?""ปิงเอ๋อร์ ฟ้ามืดแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ให้ข้าคิดอีกหน่อย อีกสองสามวันแล้วจะเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียด ตอนนี้พูดออกไปมันไม่มีประโยชน์กับเจ้า""ท่านแม่!"ไม่ว่านางจะถามอย่างไร ฮูหยินเฉินก็ไม่ยอมบอกนางพ่อของเฉินฮ่าวปิงคือใคร ฟู่จาวหนิงนั้นรู้อยู่แต่สิ่งที่นางไม่รู้ตอนนี้ก็คือ อ๋องฉยงเอาเงื่อนไขอะไรมาต่อรองกับองค์จักรพรรดิเรื่องนี้ ฟู่จิ้นเชินกลับเหมือนจะเข้าใจอยู่บ้างแล้ว"แคว้นเจาช่วงหลายปีนี้มีภั
นางพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย และเห็นว่าเหมือนน่าสุดท้ายยังมีอีก แต่ถูกฉีกออกไป"ด้านหลังน่าจะมีอีกหน้าหนึ่ง" ฟู่จิ้นเชินบอก "นี่เป็นหนังสือไม่สมบูรณ์ที่ได้มาโดยบังเอิญ แต่ตอนที่ข้าได้มาก็มองออกแล้วว่าถูกคนพลิกอ่านไปนานมาก น่าจะมีคนไม่น้อยที่เคยเห็น ข้ารู้สึกว่า องค์จักรพรรดิหรือไท่ซ่างหวงก็น่าจะเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ กระทั่งว่า ไท่ซ่างหวงของต้าชื่อก็น่าจะเคยได้อ่าน"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป "ทำไมจึงพูดเช่นนี้ล่ะ?""ข้ากับแม่เจ้าหลายปีมานี้หนีตายไปทั่ว หลบตะวันออกบ้างตะวันตกบ้าง เจอกับคนมาก็ไม่น้อย ได้ยินเรื่องราวมาก็เยอะ หลายวันนี้พวกเราก็นึกย้อนกลับไปทีละนิดๆ เอาคนกับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์จดลงมา ดังนั้นจึงเชื่อมโยงเรื่องที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกัน"ฟู่จาวหนิงได้ยินเขาพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเกินคาดขึ้นมาดูท่า แม้พวกเขาจะยังกลับมาได้ไม่นาน แต่ก็ทำเรื่องต่างๆ ไปไม่น้อยเลยนี่เป็นสิ่งที่ข้าพบมาจากใต้คานห้องรับรองแห่งหนึ่งหลังจากที่นึกเรื่องบางอย่างออก ก่อนหน้านี้พออ่านไปรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ดังนั้นจึงเก็บซ่อนมันเอาไว้ฟู่จิ้นเชินยิ้มขืน "ยังดีที่ตอนนั้นซ่อนเอาไว้สินะ? ไม่อย่างนั้นตอ
ฟู่จาวหนิงคุยกับฟู่จิ้นเชินไปอีกครึ่งคืนเดิมทีก็ไม่คิดจะคุยเยอะขนาดนี้ แต่เรื่องเหล่านี้พอคุยขึ้นมาแล้ว มันจะลากดึงออกไปทีละเรื่องๆ ยิ่งคุยก็ยิ่งมีชีวิตชีวาตอนท้ายคือเสิ่นเชี่ยวเข้ามาหยุดพวกเขาไว้"ถึงท่านจะเป็นคนนอนน้อย แต่ก็ต้องดูแลจาวหนิงด้วยสิ ดึกขนาดนี้แล้วนะ" เสิ่นเชี่ยวดูจำใจนางยกบะหมี่น้ำเข้ามาสองชาม ด้านบนโป๊ะไข่ดาวไว้ฟองหนึ่ง โรยต้นหอม น้ำแกงใสหอมหวาน ร้อนกรุ่นๆฟู่จาวหนิงเองก็หิวแล้ว กินจนหมดเกลี้ยงมองดูนางกิน เสิ่นเชี่ยวในใจก็เบิกบานนักนี่ถือเป็นครั้งที่พวกเขาเข้ากันได้ดีที่สุดครั้งหนึ่ง ถ้าหากเป็นแบบนี้ตลอดไปได้ก็คงดีแต่ว่านางเองก็รู้ ทั้งหมดเป็นเพราะฟู่จาวหนิงเป็นคนใจเย็นเวลาเจอกับเรื่องอะไร ถ้านางต้องการจะคุยอะไรจริงๆ นางก็จะปล่อยวางเรื่องบาดหมางเก่าๆ ก่อนหน้าไปก่อน จากนั้นก็คุยเรื่องสำคัญให้เข้าใจแต่ถ้าจะบอกว่ายอมรับพวกเขาแล้วอย่างสมบูรณ์สนิทสนม มันก็ยังไม่ใช่แต่ว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ก้าวไปทีละก้าวๆ ได้ก็ดีมากแล้ว"รีบไปนอนเถอะ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า หยิบหนังสือไม่สมบูรณ์เล่มนั้น "หนังสือเล่มนี้ข้าขอเอาไปให้เซียวหลันยวนดูหน
พระชายาอ๋องเจวี้ยนถ้าอยู่กับอ๋องเจวี้ยนตลอดแล้วไม่ติดโรคระบาด ถ้าอย่างนั้นอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ทำไมท่านถึงไม่อยู่ในจวนอ๋องล่ะ?" เขาถามฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว "ข้าออกมาไม่ได้รึ?""อ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกไม่ใช่ว่าติดโรคระบาดมาหรือ? เพราะเขาป่วยจนเป็นลม องค์จักรพรรดิจึงอณุญาตให้เขาออกจากคุกใหญ่ คอยพักฟื้นอยู่ในจวนอ๋อง แต่ถ้าหากเขาไม่เป็นไร เช่นนั้นเขาก็ควรกลับไปทบทวนสำนึกผิดต่อในคุกสิ เวลาสองเดือนยังไม่ผ่านไปเลย""ป่วยก็ป่วยอยู่ แต่อาการป่วยมันก็มีช่วงที่ดีขึ้นนี่ ตอนนี้อาการป่วยเขาหายแล้ว แต่ว่าร่างกายยังอ่อนแออยู่ คุกใหญ่นั่นก็ไม่ต้องไปแล้วล่ะ ส่วนข้าน่ะ ข้าบอกเมื่อไรกันว่าข้าป่วย? องค์จักรพรรดิไม่ได้บอกว่าให้ข้าออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้นี่""ไทเฮาก็พักในจวนอ๋องยังไม่กลับวังชั่วคราว หรือว่าพระชายาท่าน?" คนในที่ว่าการขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชาลง "นี่เดิมทีเป็นพระราชโองการของฝ่าบาท ตอนนี้ท่านจู่ๆ ก็ออกจากจวนมา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านแบกรับความผิดชอบนี้ไหวหรือ?""เดี๋ยวนะ ข้าแปลกใจ เกิดเรื่องอะไร? จะเกิดเรื่องอะไรรึ? ไหน เล่าให้ข้าฟังหน่อย""อ๋องเจวี้
"องค์จักรพรรดิบอกว่า ถ้าหากป่วยจริง ก็ต้องปิดประตูไม่ต้อนรับแขก แล้วให้ไทเฮาอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนก่อนชั่วคราว ยังไม่ต้องกลับวัง ใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามคนในที่ว่าการย้อนคิดอย่างละเอียด องค์จักรพรรดิพูดไว้อย่างนี้จริงๆเขาพยักหน้าฟู่จาวหนิงผายมือออกอย่างไม่สะทกสะท้าน "ก็จบแล้วนี่? ข้าไม่ได้ป่วย ดังนั้นข้าออกมาก็ไม่ถือว่าขัดราชโองการสิ เจ้าลองคิดดู องค์จักรพรรดิถ้าคิดจะบังคับไม่ให้ข้าออกมาจริง จวนอ๋องเจวี้ยนก็ต้องถูกราชองครักษ์ล้อมเอาไว้นานแล้วสิ""ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคิดจะห้ามไม่ให้ออกไปจริง ก็คงจะรับสั่งลงมาตรงๆ ว่าตอนไหนถึงจะออกมาได้ องค์จักรพรรดิไม่ได้บังคับจริงจัง ดังนั้นราชโองการของเขาแต่เดิมน่ะคือเป็นคำแนะนำในครอบครัวมากวก่า แนะนำว่าพวกเราตอนที่ป่วยอย่าออกมานอกบ้าน ใช่ไหม?"คนในที่ว่าการอ้าปากพะงาบ ไม่มีคำจะมาต่อปากด้วยเหมือนว่า ก็มีเหตุผลอยู่แฮะ?ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขาอย่างพิจารณา "เจ้าชื่ออะไร"ถามชื่อไปทำไมคนในที่ว่าการปากไวกว่าสมอง "จ้าวหมิง""สกิลจ้าวหรือ?"ฟู่จาวหนิงงงงัน "สองปีก่อนครอบครัวของตระกูลจ้าว..."จ้าวเฉินตอนนั้นผิดใจนางกับเซียวหลันยวน ทั้งครอบครัวเลยไม
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั