นางพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย และเห็นว่าเหมือนน่าสุดท้ายยังมีอีก แต่ถูกฉีกออกไป"ด้านหลังน่าจะมีอีกหน้าหนึ่ง" ฟู่จิ้นเชินบอก "นี่เป็นหนังสือไม่สมบูรณ์ที่ได้มาโดยบังเอิญ แต่ตอนที่ข้าได้มาก็มองออกแล้วว่าถูกคนพลิกอ่านไปนานมาก น่าจะมีคนไม่น้อยที่เคยเห็น ข้ารู้สึกว่า องค์จักรพรรดิหรือไท่ซ่างหวงก็น่าจะเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ กระทั่งว่า ไท่ซ่างหวงของต้าชื่อก็น่าจะเคยได้อ่าน"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป "ทำไมจึงพูดเช่นนี้ล่ะ?""ข้ากับแม่เจ้าหลายปีมานี้หนีตายไปทั่ว หลบตะวันออกบ้างตะวันตกบ้าง เจอกับคนมาก็ไม่น้อย ได้ยินเรื่องราวมาก็เยอะ หลายวันนี้พวกเราก็นึกย้อนกลับไปทีละนิดๆ เอาคนกับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์จดลงมา ดังนั้นจึงเชื่อมโยงเรื่องที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกัน"ฟู่จาวหนิงได้ยินเขาพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเกินคาดขึ้นมาดูท่า แม้พวกเขาจะยังกลับมาได้ไม่นาน แต่ก็ทำเรื่องต่างๆ ไปไม่น้อยเลยนี่เป็นสิ่งที่ข้าพบมาจากใต้คานห้องรับรองแห่งหนึ่งหลังจากที่นึกเรื่องบางอย่างออก ก่อนหน้านี้พออ่านไปรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ดังนั้นจึงเก็บซ่อนมันเอาไว้ฟู่จิ้นเชินยิ้มขืน "ยังดีที่ตอนนั้นซ่อนเอาไว้สินะ? ไม่อย่างนั้นตอ
ฟู่จาวหนิงคุยกับฟู่จิ้นเชินไปอีกครึ่งคืนเดิมทีก็ไม่คิดจะคุยเยอะขนาดนี้ แต่เรื่องเหล่านี้พอคุยขึ้นมาแล้ว มันจะลากดึงออกไปทีละเรื่องๆ ยิ่งคุยก็ยิ่งมีชีวิตชีวาตอนท้ายคือเสิ่นเชี่ยวเข้ามาหยุดพวกเขาไว้"ถึงท่านจะเป็นคนนอนน้อย แต่ก็ต้องดูแลจาวหนิงด้วยสิ ดึกขนาดนี้แล้วนะ" เสิ่นเชี่ยวดูจำใจนางยกบะหมี่น้ำเข้ามาสองชาม ด้านบนโป๊ะไข่ดาวไว้ฟองหนึ่ง โรยต้นหอม น้ำแกงใสหอมหวาน ร้อนกรุ่นๆฟู่จาวหนิงเองก็หิวแล้ว กินจนหมดเกลี้ยงมองดูนางกิน เสิ่นเชี่ยวในใจก็เบิกบานนักนี่ถือเป็นครั้งที่พวกเขาเข้ากันได้ดีที่สุดครั้งหนึ่ง ถ้าหากเป็นแบบนี้ตลอดไปได้ก็คงดีแต่ว่านางเองก็รู้ ทั้งหมดเป็นเพราะฟู่จาวหนิงเป็นคนใจเย็นเวลาเจอกับเรื่องอะไร ถ้านางต้องการจะคุยอะไรจริงๆ นางก็จะปล่อยวางเรื่องบาดหมางเก่าๆ ก่อนหน้าไปก่อน จากนั้นก็คุยเรื่องสำคัญให้เข้าใจแต่ถ้าจะบอกว่ายอมรับพวกเขาแล้วอย่างสมบูรณ์สนิทสนม มันก็ยังไม่ใช่แต่ว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้ว ก้าวไปทีละก้าวๆ ได้ก็ดีมากแล้ว"รีบไปนอนเถอะ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า หยิบหนังสือไม่สมบูรณ์เล่มนั้น "หนังสือเล่มนี้ข้าขอเอาไปให้เซียวหลันยวนดูหน
พระชายาอ๋องเจวี้ยนถ้าอยู่กับอ๋องเจวี้ยนตลอดแล้วไม่ติดโรคระบาด ถ้าอย่างนั้นอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ทำไมท่านถึงไม่อยู่ในจวนอ๋องล่ะ?" เขาถามฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว "ข้าออกมาไม่ได้รึ?""อ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกไม่ใช่ว่าติดโรคระบาดมาหรือ? เพราะเขาป่วยจนเป็นลม องค์จักรพรรดิจึงอณุญาตให้เขาออกจากคุกใหญ่ คอยพักฟื้นอยู่ในจวนอ๋อง แต่ถ้าหากเขาไม่เป็นไร เช่นนั้นเขาก็ควรกลับไปทบทวนสำนึกผิดต่อในคุกสิ เวลาสองเดือนยังไม่ผ่านไปเลย""ป่วยก็ป่วยอยู่ แต่อาการป่วยมันก็มีช่วงที่ดีขึ้นนี่ ตอนนี้อาการป่วยเขาหายแล้ว แต่ว่าร่างกายยังอ่อนแออยู่ คุกใหญ่นั่นก็ไม่ต้องไปแล้วล่ะ ส่วนข้าน่ะ ข้าบอกเมื่อไรกันว่าข้าป่วย? องค์จักรพรรดิไม่ได้บอกว่าให้ข้าออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้นี่""ไทเฮาก็พักในจวนอ๋องยังไม่กลับวังชั่วคราว หรือว่าพระชายาท่าน?" คนในที่ว่าการขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชาลง "นี่เดิมทีเป็นพระราชโองการของฝ่าบาท ตอนนี้ท่านจู่ๆ ก็ออกจากจวนมา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านแบกรับความผิดชอบนี้ไหวหรือ?""เดี๋ยวนะ ข้าแปลกใจ เกิดเรื่องอะไร? จะเกิดเรื่องอะไรรึ? ไหน เล่าให้ข้าฟังหน่อย""อ๋องเจวี้
"องค์จักรพรรดิบอกว่า ถ้าหากป่วยจริง ก็ต้องปิดประตูไม่ต้อนรับแขก แล้วให้ไทเฮาอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนก่อนชั่วคราว ยังไม่ต้องกลับวัง ใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามคนในที่ว่าการย้อนคิดอย่างละเอียด องค์จักรพรรดิพูดไว้อย่างนี้จริงๆเขาพยักหน้าฟู่จาวหนิงผายมือออกอย่างไม่สะทกสะท้าน "ก็จบแล้วนี่? ข้าไม่ได้ป่วย ดังนั้นข้าออกมาก็ไม่ถือว่าขัดราชโองการสิ เจ้าลองคิดดู องค์จักรพรรดิถ้าคิดจะบังคับไม่ให้ข้าออกมาจริง จวนอ๋องเจวี้ยนก็ต้องถูกราชองครักษ์ล้อมเอาไว้นานแล้วสิ""ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคิดจะห้ามไม่ให้ออกไปจริง ก็คงจะรับสั่งลงมาตรงๆ ว่าตอนไหนถึงจะออกมาได้ องค์จักรพรรดิไม่ได้บังคับจริงจัง ดังนั้นราชโองการของเขาแต่เดิมน่ะคือเป็นคำแนะนำในครอบครัวมากวก่า แนะนำว่าพวกเราตอนที่ป่วยอย่าออกมานอกบ้าน ใช่ไหม?"คนในที่ว่าการอ้าปากพะงาบ ไม่มีคำจะมาต่อปากด้วยเหมือนว่า ก็มีเหตุผลอยู่แฮะ?ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขาอย่างพิจารณา "เจ้าชื่ออะไร"ถามชื่อไปทำไมคนในที่ว่าการปากไวกว่าสมอง "จ้าวหมิง""สกิลจ้าวหรือ?"ฟู่จาวหนิงงงงัน "สองปีก่อนครอบครัวของตระกูลจ้าว..."จ้าวเฉินตอนนั้นผิดใจนางกับเซียวหลันยวน ทั้งครอบครัวเลยไม
จ้าวหมิงใจสั่นวาบพวกเขาถ้ายังล้อมที่นี่ต่อ แล้วเกิดการปะทะกันขึ้นมา ก็คงจะจัดการได้ยากจริงๆนี่คือถ้าเป็นบ้านคนอื่น คนในที่ว่าการอย่างพวกเขา จะกลัวอะไรกับแค่พวกคนคุ้มครองเรือน? แต่ที่นี่คือบ้านตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ใช่แค่พระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้ว นางยังเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วยนะจากที่เขารู้ ถ้าไม่ใช่เพราะองค์จักรพรรดิสร้างความลำบากหลังจากที่ฟู่จาวหนิงกลับมาถึงเมืองหลวงล่ะก็ เอาแค่เรื่องที่นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่จนกลายเป็นหมอเทวดา ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไม่น้อยอยากยื่นเทียบเชิญให้นางแล้ว เชิญนางไปกินเลี้ยงเป็นแขกตอนนี้หมอเทวดาคนไหนก็ตามที่เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ ตัวตนฐานะล้วนสูงส่งอย่างมากอคง์จักรพรรดิเองก็ยังไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรกับนาง"ไป กลับ" จ้าวหมิงทำได้แค่ออกคำสั่ง พาคนกลับไปเขาเองก็รีบไปหาอ๋องอี้ อ๋องอี้อันที่จริงอายุยังน้อยอยู่มาก เพิ่งจะสิบหกเท่านั้น หลายปีมานี้ ตัวตนการคงอยู่ของอ๋องอี่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทุกคนแทบจะลืมเขาไปแล้วอ๋องอี้นั้นไม่เข้าไปร่วมงานอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะสุขภาพไม่ดี หรือเพราะตระกูลทางแม่เป็นอย่างไร แต่เพราะตอนเขายังเด็กเหมือนไปเจอกับเรื่อ
เซียวจืออี้หยุดพู่กันอย่างระมัดระวัง กลัวว่าสีบนพู่กันจะหยดลงมาแล้วทำให้ภาพไม่สมบูรณ์พอเงยหน้าขึ้น ก็สบตาเข้ากับสีหน้าที่มองมาอย่างพรั่นพรึง เขาจึงเม้มปากหัวเราะ"ท่านลุง ท่านลืมแล้วเหรอ ข้าก็แค่ชอบวาดพี่สาวคนสวยแค่นั้น ไม่มีความหมายอื่นหรอก ไม่ต้องกังวล"จ้าวหมิงผ่อนลมโล่งออกมาพูดอีกก็ถูก เซียวจืออี้นั้นชอบวาดรูปสาวงามก่อนนห้านี้เขาก็วาดซ่งอวิ๋นเหยา ปีที่แล้วก็ยังวาดองค์หญิงหนานอี๋ตอนนี้จะมาวาดพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกระมัง?"ถึงแม้เจ้าจะไม่มีความคิดอื่น แต่ภาพวาดเช่นนี้ถ้าถูกคนอื่นมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องเอานะ""ข้าจะเก็บให้ดี" เซียวจืออี้ตอบจ้าวหมิงพยักหน้า "ข้าเพิ่งจะเจอกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนมา นางยังคงกำเริบเสิบสานเหมือนเดิม ขนาดยกจักรพรรดิออกมาก็ยังไม่เห็นว่านางจะกลัวเลย""ท่านลุงรับงานอะไรมา ทำไมต้องไปเจอนางด้วยล่ะ?" เซียวจืออี้เดินเข้ามา รินน้ำชาให้เขาด้วยตนเองจ้าวหมิงเวลาที่รู้สึกไม่มั่นคง ก็มักจะวิ่งมาหาเซียวจืออี้เพื่อคุยกับเขาสองสามคำด้วยความเคยชินหลังจากคุยจบเขาก็จะเงียบไปนาน"พระชายาอ๋องเจวี้ยนเมื่อคืนกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่มา เมื่อ
อย่างน้อย พอถึงเวลาถูกคนอื่นลือออกไป ทุกคนก็จะรู้ว่าเขาอยู่ฝ่ายไหนถ้าหากเขาพูดให้รุนแรงหน่อย แล้วถ้าลือไปถึงหูอ๋องเจวี้ยน ก็จะกลายเป็นเขาไม่สบอารมณ์กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วอ๋องเจวี้ยนเองก็เป็นพวกใจคับแคบปกป้องพวกพ้องด้วย หลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมาเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเขาไหม พอสบโอกาสก็จะจัดการเขาเสียแต่ถ้าพูดเบาไป แล้วเผื่อพระชายาเยว่รู้เข้า นั่นก็จะกลายเป็นว่าเขาทำผิดอีกแค่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ จ้าวหมิงกลับรู้สึกว่าจะทางไหนก็ลำบากทั้งนั้นเขาเลยรู้สึกว่าเข้ามาฟังเซียวจืออี้ดีกว่าว่าจะพูดอย่างไรเซียวจืออี้บอกว่า "ท่านกลับไปบอกตามความจริงกับใต้เท้าเกิงก็พอ ไม่ต้องตีไข่ใส่สี แล้วก็ไม่ต้องอารมณ์หรือมุมมองอะไรด้วย ก็แค่พูดคำพูดที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนพูดออกมาเสียรอบหนึ่งก็พอ""แบบนี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นข้ารู้แล้ว" จ้าวหมิงพิจารณามองเขา อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า "อี้เอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะอายุสิบปกแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่คิดจะฉลองหรือ?"วันเกิดหลายครั้งก่อนหน้านี้ เซียวจืออี้แค่ให้คนใช้ต้มบะหมี่อายุยืนให้ชามหนึ่ง กระทั่งเขายังไม่ให้พวกเขามาอยู่ด้วยอีก ตัวเองกินบะหมี่ไปเงียบๆ คนเดียวแต่ว่า
พระชายาเยว่ไม่สบอารมณ์พระชายาอ๋องเจวี้ยนมาโดยตลอดดังนั้นขอแค่สามารถสร้างความลำบากให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ เรื่องที่ทำให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนเจ็บช้ำเจ็บใจได้ พระชายาเยว่ก็ยินดีที่จะทำแล้วไอ้เรื่องแค่นี้จ้าวหมิงก็ยังทำได้ไม่ดี แล้วมันจะกลายเป็นอะไรไปได้"ใต้เท้าเกิง ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ แค่รู้สึกว่าจะไปหาเรื่องพระชายาอ๋องเจวี้ยนมากเกินไปไม่ได้...""จ้าวหมิง เจ้านี่มันโง่เสียจริง แล้วจะไปหาที่พึ่งให้กับอ๋องอี้ได้อย่างไรกัน?" ใต้เท้าเกิงเอียงตามองประชดประชันเขาอันที่จริงจ้าวหมิงคนนี้ก็ไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรนัก เป็นเขาที่พาจ้าวหมิงพบเพราะอ๋องอี้อายุสิบหกแล้ว หลังจากนี้หากคิดจะมีที่พึ่งพาในวัง ถ้าอยากจะแต่งงานดีดี อยากจะหาภรรยาที่มีพลังอำนาจ อยากจะใช้ชีวิตให้ยาวนานต่อไปในเมืองหลวง เช่นนั้นก้ต้องพยายามหน่อยสิ?ก่อนหน้านี้อ๋องอี้ยังเด็ก จะอยู่อย่างไร้ตัวตนก็ไร้ตัวตนไป แต่นี่เขาเติบโตแล้ว องค์จักรพรรดิเองก็อายุขนาดนี้แล้ว ไอ้ตำแหน่งบนนั้นไม่ใช่ว่าใกล้จะแย่งชิงกันแล้วหรือไร?ตอนที่เริ่มช่วงชิงตำแหน่งนั้น ขอแค่เขาเป็นองค์ชาย ใครจะไปสนว่าก่อนหน้านี้ทำตัวไร้ตัวตนหรือเปล่า ทำตัวเป็น
หยวนอี้ตอนที่เข้ามาก็เห็นกับภาพที่ 'สับสนอลหม่าน' นี้เขาประกายตาแล่นวาบ กำลังจะเข้าไปในประตูวงกลม ไป๋หู่ก็หมุนตัวมามองเขา "ช้าก่อน"หยวนอี้โบกไม้โบกมือ "สหายไป๋หู่""อย่าเข้าใกล้นัก เหมือนข้าเคยบอกท่านไว้แล้ว ที่นี่ท่านห้ามเข้าไป" ไป๋หู่เอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินออกมาจัดการความวุ่นวายนี้ ให้ป้าหนิวป้าหลี่มาช่วยประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าไปในห้องเฉินเซียงกลับไม่มีใครสนใจ"พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว..."เฉินเซียงดิ้นรนอยู่พักหนึ่งถึงลุกขึ้นมาได้ นางรู้สึกว่าอวัยวะภายในตนเองปวดร้าวไปหมดเท้าของฟู่จาวหนิงแรงหนักขนาดนี้เชียว!นางไม่เป็นวรยุทธ์เลยจริงหรือ?แต่ว่าฟู่จาวหนิงทำไมถึงกล้า กล้าเตะนางขนาดนี้!สายตาของหยวนอี้เก็บกลับมาจากตัวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ถูกประคองเข้าห้อง หันไปตกอยู่บนตัวเฉินเซ๊ยงแทน ใต้ตาเกิดความสนใจขึ้นมา"แม่นางไปยั่วหมอฟู่อย่างไรกันเนี่ย?"ฟู่จาวหนิงมองเขา ถามไป๋หู่ว่า "นี่ใครหรือ?""บอกว่าชื่อหยวนอี้ ติดตามหมอหลวงคนหนึ่งเข้ามา อยากจะมาช่วยเหลือที่เมืองเจ้อขอรับ" ไป๋หู่บอกกับฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินเดินมาอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง กดเสียงลงต่ำ "รู้สึกเหมือนเขาน่าสงสัย
เซียวหลันยวนหมุนตัวจากไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองแผ่นเหลังเขา จะอย่างไรก็ตั้งสติกลับมาไม่ได้เฉินเซียงเห็นว่าการสนทนาขององค์หญิงใหญ่พังทลายลงแล้ว สีหน้าก็ลนลานขึ้นมา รีบลุกขึ้นมาไล่ตามเซียวหลันยวนไป"อ๋องเจวี้ยน! ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!" หมอเทวดาฟู่วางยาอะไรใส่ท่านใช่ไหม ท่านทำไมถึงได้ใจดำขนาดนี้?นางยังไม่ทันพุ่งออกจากประตูวงกลม ก็ถูกไป๋หู่ฟาดกลับมาไป๋หู่ยังใช้แค่กำลังภายในด้วย แต่ห้ามไม่ให้นางออกไป ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายนางแต่เฉินเซียงก็ทรุดตัวลงบนพื้น แค่รู้สึกว่าเจ็บเข่าเจ็บก้น มือก็เจ็บ หัวก็ปวดไปหมดนางร้องไห้ออกมา "พวกเจ้าจะมารังแกองค์หญิงใหญ่ของพวกเราแบบนี้ไม่ได้ นางเป็นองค์หญิงใหญ่ที่มีโชคมากที่สุดในต้าชื่อนะ"เซียวหลันยวนเดินไปไกลแล้ว ไม่หันหลังกลับมาไป๋หู่ยืนอยู่ที่ประตูวงกลม มององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ "องค์หญิงใหญ่กลับห้องไปเถิด"จะว่าไปเขาเองก็เป็นคนต้าชื่อเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเรื่ององค์หญิงใหญ่มามากตอนนี้พอเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกต่ำจนน้ำตานองหน้า เขาก็รู้สึกซับซ้อนขึ้นมาหน่อยๆแต่ว่า องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ
หญิงสาวที่น่าสงสาร ตอนเด็กๆ เขาเห็นในวังหลังมาแล้วไม่น้อย มีภูมิคุ้มกันไปนานแล้ว"ข้าไม่ได้จะแย่งชิงอะไรกับหมอเทวดาฟู่ ถ้าเราแต่งกันหลอกๆ ได้ไหม? ข้าแค่ต้องการหาที่ไปเท่านั้น แค่อยากให้ท่านคอยปกป้องข้าไม่กี่ปี ถ้าห้าปีไม่ได้ล่ะก็ สามปีก็พอ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นเซียวหลันยวนไม่พูดจา จึงหดเวลาลงมาอีก"สามปีนี้ ข้าแค่แบกชื่อพระชายารองไว้ในนามเท่านั้น พออยู่ภายนอกก็ขอให้ท่านอ๋องเล่นละครกับข้าหน่อย แสร้งเป็นสามีภรรยา สามารถปกป้องข้าได้ ในจวนอ๋อง ข้ารับรองว่าจะทำตามหน้าที่ตนเอง เลี่ยงท่านอ๋องให้ห่าง ไม่คิดอะไรเกินเลย""เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ต้าชื่อ แต่คิดจะเอาตัวเองไปไว้ในจุดต่ำตมหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"อ๋องเจวี้ยนโปรดเมตตา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน้ำตาไหลพราก "ข้าไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าเอาของให้ท่านได้ ยิ่งไปกว่านั้น โชคของข้าก็ดีมาโดยตลอด ถ้าเป็นพระชายารองอ๋องเจวี้ยนในนาม จะต้องช่วยเหลือท่านอ๋องได้แน่ ไม่ว่าท่านอ๋องจะทำอะไร ก็จะยิ่งราบรื่น ผลลัพธ์สมปรารถนา""องค์หญิงใหญ่มั่นใจกับโชคของตนเองขนาดนี้เชียว?" เซียวหลันยวนได้ยินคำนี้ก็อดนึกขันขึ้นมาไม่ได้"โชคจุดนี้ข้ามีอยู่ ท่านเองก็เชื่อข้าได
เซียวหลันยวนมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นและไม่รู้ว่านางทำไมถึงพูดว่า 'เขาเอามาเองไม่ได้' ออกมา"แล้วของนั่นมันคืออะไรกัน?" เขาถามขึ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลนลานขึ้นมานางรู้ที่ไหนว่าสิ่งนั้นคืออะไร? มันคือกล่องที่เปิดไม่ได้ แล้วก็มองไม่เห็นว่าด้านในมีอะไรนี่นา?"ตอนนี้ข้ายังบอกท่านไม่ได้ แต่สำคัญกับท่านมากแน่นอน""เจ้าไม่บอกว่าคืออะไร แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจริงหรือไม่จริง? จะว่าไป เจ้าบอกว่าเจ้าฝันเห็นอนาคตได้ นี่มันก็ดูเหลวไหลเกินไปนะ ข้าควรจะเชื่อเรื่องนี้ด้วยไหม?""เรื่องจริงนะ เพราะข้าฝันเห็นแบบนั้น ตอนเด็กๆ ได้พบกับเจ้าอารามยอดเขาโยวชิง เขาบอกว่า ข้าเป็นตัวเลือกที่เหมาะจะเป็นพระชายาของท่านมาก! แล้วยังชี้แนะข้า ให้ข้าเติบโตอย่างดีในสุสานจักรพรรดิ ถ้ายังไม่ถึงเวลาสำคัญอย่าเพิ่งกลับเมืองหลวง"เซียวหลันยวนก็เชื่อคำพูดของนางอยู่ เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอาจจะพูดเหล่านี้กับนางก็ได้ยิ่งไปกว่านั้น ท่านหูที่คุยถ่ายทอดคำพูดเจ้าอารามมาตลอดก็พูดอะไรทำนองนี้แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องไปผูกอยู่บนตัวหญิงสาวคนหนึ่งเลยบางทีอาจจะได้ แต่คนคนนั้นก็อาจจะไม่ใช่คนที่เขากำหนด อย่างจาวหนิง
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ