พระชายาอ๋องเจวี้ยนถ้าอยู่กับอ๋องเจวี้ยนตลอดแล้วไม่ติดโรคระบาด ถ้าอย่างนั้นอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ทำไมท่านถึงไม่อยู่ในจวนอ๋องล่ะ?" เขาถามฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว "ข้าออกมาไม่ได้รึ?""อ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกไม่ใช่ว่าติดโรคระบาดมาหรือ? เพราะเขาป่วยจนเป็นลม องค์จักรพรรดิจึงอณุญาตให้เขาออกจากคุกใหญ่ คอยพักฟื้นอยู่ในจวนอ๋อง แต่ถ้าหากเขาไม่เป็นไร เช่นนั้นเขาก็ควรกลับไปทบทวนสำนึกผิดต่อในคุกสิ เวลาสองเดือนยังไม่ผ่านไปเลย""ป่วยก็ป่วยอยู่ แต่อาการป่วยมันก็มีช่วงที่ดีขึ้นนี่ ตอนนี้อาการป่วยเขาหายแล้ว แต่ว่าร่างกายยังอ่อนแออยู่ คุกใหญ่นั่นก็ไม่ต้องไปแล้วล่ะ ส่วนข้าน่ะ ข้าบอกเมื่อไรกันว่าข้าป่วย? องค์จักรพรรดิไม่ได้บอกว่าให้ข้าออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้นี่""ไทเฮาก็พักในจวนอ๋องยังไม่กลับวังชั่วคราว หรือว่าพระชายาท่าน?" คนในที่ว่าการขมวดคิ้ว น้ำเสียงเย็นชาลง "นี่เดิมทีเป็นพระราชโองการของฝ่าบาท ตอนนี้ท่านจู่ๆ ก็ออกจากจวนมา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านแบกรับความผิดชอบนี้ไหวหรือ?""เดี๋ยวนะ ข้าแปลกใจ เกิดเรื่องอะไร? จะเกิดเรื่องอะไรรึ? ไหน เล่าให้ข้าฟังหน่อย""อ๋องเจวี้
"องค์จักรพรรดิบอกว่า ถ้าหากป่วยจริง ก็ต้องปิดประตูไม่ต้อนรับแขก แล้วให้ไทเฮาอยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนก่อนชั่วคราว ยังไม่ต้องกลับวัง ใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามคนในที่ว่าการย้อนคิดอย่างละเอียด องค์จักรพรรดิพูดไว้อย่างนี้จริงๆเขาพยักหน้าฟู่จาวหนิงผายมือออกอย่างไม่สะทกสะท้าน "ก็จบแล้วนี่? ข้าไม่ได้ป่วย ดังนั้นข้าออกมาก็ไม่ถือว่าขัดราชโองการสิ เจ้าลองคิดดู องค์จักรพรรดิถ้าคิดจะบังคับไม่ให้ข้าออกมาจริง จวนอ๋องเจวี้ยนก็ต้องถูกราชองครักษ์ล้อมเอาไว้นานแล้วสิ""ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคิดจะห้ามไม่ให้ออกไปจริง ก็คงจะรับสั่งลงมาตรงๆ ว่าตอนไหนถึงจะออกมาได้ องค์จักรพรรดิไม่ได้บังคับจริงจัง ดังนั้นราชโองการของเขาแต่เดิมน่ะคือเป็นคำแนะนำในครอบครัวมากวก่า แนะนำว่าพวกเราตอนที่ป่วยอย่าออกมานอกบ้าน ใช่ไหม?"คนในที่ว่าการอ้าปากพะงาบ ไม่มีคำจะมาต่อปากด้วยเหมือนว่า ก็มีเหตุผลอยู่แฮะ?ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขาอย่างพิจารณา "เจ้าชื่ออะไร"ถามชื่อไปทำไมคนในที่ว่าการปากไวกว่าสมอง "จ้าวหมิง""สกิลจ้าวหรือ?"ฟู่จาวหนิงงงงัน "สองปีก่อนครอบครัวของตระกูลจ้าว..."จ้าวเฉินตอนนั้นผิดใจนางกับเซียวหลันยวน ทั้งครอบครัวเลยไม
จ้าวหมิงใจสั่นวาบพวกเขาถ้ายังล้อมที่นี่ต่อ แล้วเกิดการปะทะกันขึ้นมา ก็คงจะจัดการได้ยากจริงๆนี่คือถ้าเป็นบ้านคนอื่น คนในที่ว่าการอย่างพวกเขา จะกลัวอะไรกับแค่พวกคนคุ้มครองเรือน? แต่ที่นี่คือบ้านตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงตอนนี้ไม่ใช่แค่พระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้ว นางยังเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วยนะจากที่เขารู้ ถ้าไม่ใช่เพราะองค์จักรพรรดิสร้างความลำบากหลังจากที่ฟู่จาวหนิงกลับมาถึงเมืองหลวงล่ะก็ เอาแค่เรื่องที่นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่จนกลายเป็นหมอเทวดา ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไม่น้อยอยากยื่นเทียบเชิญให้นางแล้ว เชิญนางไปกินเลี้ยงเป็นแขกตอนนี้หมอเทวดาคนไหนก็ตามที่เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ ตัวตนฐานะล้วนสูงส่งอย่างมากอคง์จักรพรรดิเองก็ยังไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรกับนาง"ไป กลับ" จ้าวหมิงทำได้แค่ออกคำสั่ง พาคนกลับไปเขาเองก็รีบไปหาอ๋องอี้ อ๋องอี้อันที่จริงอายุยังน้อยอยู่มาก เพิ่งจะสิบหกเท่านั้น หลายปีมานี้ ตัวตนการคงอยู่ของอ๋องอี่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทุกคนแทบจะลืมเขาไปแล้วอ๋องอี้นั้นไม่เข้าไปร่วมงานอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะสุขภาพไม่ดี หรือเพราะตระกูลทางแม่เป็นอย่างไร แต่เพราะตอนเขายังเด็กเหมือนไปเจอกับเรื่อ
เซียวจืออี้หยุดพู่กันอย่างระมัดระวัง กลัวว่าสีบนพู่กันจะหยดลงมาแล้วทำให้ภาพไม่สมบูรณ์พอเงยหน้าขึ้น ก็สบตาเข้ากับสีหน้าที่มองมาอย่างพรั่นพรึง เขาจึงเม้มปากหัวเราะ"ท่านลุง ท่านลืมแล้วเหรอ ข้าก็แค่ชอบวาดพี่สาวคนสวยแค่นั้น ไม่มีความหมายอื่นหรอก ไม่ต้องกังวล"จ้าวหมิงผ่อนลมโล่งออกมาพูดอีกก็ถูก เซียวจืออี้นั้นชอบวาดรูปสาวงามก่อนนห้านี้เขาก็วาดซ่งอวิ๋นเหยา ปีที่แล้วก็ยังวาดองค์หญิงหนานอี๋ตอนนี้จะมาวาดพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกระมัง?"ถึงแม้เจ้าจะไม่มีความคิดอื่น แต่ภาพวาดเช่นนี้ถ้าถูกคนอื่นมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องเอานะ""ข้าจะเก็บให้ดี" เซียวจืออี้ตอบจ้าวหมิงพยักหน้า "ข้าเพิ่งจะเจอกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนมา นางยังคงกำเริบเสิบสานเหมือนเดิม ขนาดยกจักรพรรดิออกมาก็ยังไม่เห็นว่านางจะกลัวเลย""ท่านลุงรับงานอะไรมา ทำไมต้องไปเจอนางด้วยล่ะ?" เซียวจืออี้เดินเข้ามา รินน้ำชาให้เขาด้วยตนเองจ้าวหมิงเวลาที่รู้สึกไม่มั่นคง ก็มักจะวิ่งมาหาเซียวจืออี้เพื่อคุยกับเขาสองสามคำด้วยความเคยชินหลังจากคุยจบเขาก็จะเงียบไปนาน"พระชายาอ๋องเจวี้ยนเมื่อคืนกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่มา เมื่อ
อย่างน้อย พอถึงเวลาถูกคนอื่นลือออกไป ทุกคนก็จะรู้ว่าเขาอยู่ฝ่ายไหนถ้าหากเขาพูดให้รุนแรงหน่อย แล้วถ้าลือไปถึงหูอ๋องเจวี้ยน ก็จะกลายเป็นเขาไม่สบอารมณ์กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปแล้วอ๋องเจวี้ยนเองก็เป็นพวกใจคับแคบปกป้องพวกพ้องด้วย หลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะมาเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเขาไหม พอสบโอกาสก็จะจัดการเขาเสียแต่ถ้าพูดเบาไป แล้วเผื่อพระชายาเยว่รู้เข้า นั่นก็จะกลายเป็นว่าเขาทำผิดอีกแค่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ จ้าวหมิงกลับรู้สึกว่าจะทางไหนก็ลำบากทั้งนั้นเขาเลยรู้สึกว่าเข้ามาฟังเซียวจืออี้ดีกว่าว่าจะพูดอย่างไรเซียวจืออี้บอกว่า "ท่านกลับไปบอกตามความจริงกับใต้เท้าเกิงก็พอ ไม่ต้องตีไข่ใส่สี แล้วก็ไม่ต้องอารมณ์หรือมุมมองอะไรด้วย ก็แค่พูดคำพูดที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนพูดออกมาเสียรอบหนึ่งก็พอ""แบบนี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นข้ารู้แล้ว" จ้าวหมิงพิจารณามองเขา อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า "อี้เอ๋อร์ อีกไม่กี่วันเจ้าก็จะอายุสิบปกแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่คิดจะฉลองหรือ?"วันเกิดหลายครั้งก่อนหน้านี้ เซียวจืออี้แค่ให้คนใช้ต้มบะหมี่อายุยืนให้ชามหนึ่ง กระทั่งเขายังไม่ให้พวกเขามาอยู่ด้วยอีก ตัวเองกินบะหมี่ไปเงียบๆ คนเดียวแต่ว่า
พระชายาเยว่ไม่สบอารมณ์พระชายาอ๋องเจวี้ยนมาโดยตลอดดังนั้นขอแค่สามารถสร้างความลำบากให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ เรื่องที่ทำให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนเจ็บช้ำเจ็บใจได้ พระชายาเยว่ก็ยินดีที่จะทำแล้วไอ้เรื่องแค่นี้จ้าวหมิงก็ยังทำได้ไม่ดี แล้วมันจะกลายเป็นอะไรไปได้"ใต้เท้าเกิง ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ แค่รู้สึกว่าจะไปหาเรื่องพระชายาอ๋องเจวี้ยนมากเกินไปไม่ได้...""จ้าวหมิง เจ้านี่มันโง่เสียจริง แล้วจะไปหาที่พึ่งให้กับอ๋องอี้ได้อย่างไรกัน?" ใต้เท้าเกิงเอียงตามองประชดประชันเขาอันที่จริงจ้าวหมิงคนนี้ก็ไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรนัก เป็นเขาที่พาจ้าวหมิงพบเพราะอ๋องอี้อายุสิบหกแล้ว หลังจากนี้หากคิดจะมีที่พึ่งพาในวัง ถ้าอยากจะแต่งงานดีดี อยากจะหาภรรยาที่มีพลังอำนาจ อยากจะใช้ชีวิตให้ยาวนานต่อไปในเมืองหลวง เช่นนั้นก้ต้องพยายามหน่อยสิ?ก่อนหน้านี้อ๋องอี้ยังเด็ก จะอยู่อย่างไร้ตัวตนก็ไร้ตัวตนไป แต่นี่เขาเติบโตแล้ว องค์จักรพรรดิเองก็อายุขนาดนี้แล้ว ไอ้ตำแหน่งบนนั้นไม่ใช่ว่าใกล้จะแย่งชิงกันแล้วหรือไร?ตอนที่เริ่มช่วงชิงตำแหน่งนั้น ขอแค่เขาเป็นองค์ชาย ใครจะไปสนว่าก่อนหน้านี้ทำตัวไร้ตัวตนหรือเปล่า ทำตัวเป็น
"เจ้าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนไม่มีประโยชน์หรือ?" เจ้าแท่นบูชาผังเอียงตามองใต้เท้าเกิงผาดหนึ่ง "เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าเขาแสร้งทำตัวสำเร็จสินะ""อ๋า?" ใต้เท้าเกิงตื่นเต้นขึ้นมา เขาเข้าใจความหมายของเจ้าแท่นบูชาผัง จะบอกว่าอ๋องอี้จริงๆ แล้วเป็นพวกคมในฝักหรือ? "แต่ว่าอ๋องอี้ไม่มีที่พึ่งอะไรเลย ต่อให้เขาไม่คิดอะไรจริงๆ แต่เขาก็ไม่มีกำลังจะทำนี่นา"แม่ของอ๋องอี้จนตายก็เป็นได้แค่นางสนมธรรมดา นางสนมจ้าว และตระกูลจ้าว ตอนนี้คนที่ได้ดีสุดก็คือจ้าวหมิง แล้วจ้าวหมิงที่สมองไม่มีรอยหยักแบบนั้น ไปอยู่ในวงล้อมที่คนเขากินกัน คนอื่นแค่ถือโอกาสลงมือเขาก็ตายหยังเขียดแล้วไม่ใช่พวกนี่เก่งกลยุทธ์หรือฉลาดอะไรนักด้วยจ้าวหมิงได้ดีมาถึงตอนนี้ก็เพราะไม่ได้ขวางหูขวางตาใครเท่านั้น แล้วยังไม่เตะตาใคร เป็นคนค่อนข้างซื่อสัตย์ด้วยขยันขันแข็งแบบนี้ไปก็ยังพอได้อยู่"ก็เพราะเขาไม่มีพลังนี่ล่ะ แต่ในฐานะองค์ชายกลับยังรอดมาได้ถึงป่านนี้ ยังรักษาความไร้ตัวตนแบบตอนเด็กๆ เอาไว้ได้ นี่ก็อธิบายได้แล้วว่าเขาฉลาดแค่ไหน"เจ้าแท่นบูชาผังหลังจากที่ครั้งหนึ่งสังเกตเห็นอ๋องอี้โดยไม่ตั้งใจ ก็เริ่มจับจ้องเขามาตลอดยิ่งจับจ้องก็ยิ่งรู้
"ไม่เป็นไรเลย ไทเฮายังหน้าตาเปล่งปลั่งอยู่""ให้พระชายาเยว่ไปดูหน่อย พระชายาเยว่เห็นแล้วข้าถึงจะวางใจ" องค์จักรพรรดิรีบเอ่ยขึ้นพระชายาเยว่พอได้ยินรับสั่งนี้ก็โมโหจนแทบจะหักเล็บทิ้งนางยังคิดว่าตนเองเป็นคนที่องค์จักรพรรดิโปรดปรานจริงๆ ผลลัพธ์คือพอเจอเรื่องแบบนี้ องค์จักรพรรดิกลับให้นางไปรับหน้าเรอะองค์จักรพรรดิไม่กลัวว่านางจะติดโรคหรือไรกัน? ถ้าหากนางไปพบไทเฮา แล้วองค์จักรพรรดิยังจะกล้าเจอนางอีกไหม?พระชายาเยว่ในใจเริ่มหวาดกลัว ก็เลยคิดวิธีขึ้นมา คือส่งพวกสาวใช้และสนมไปกราบทูลแสดงความเคารพกับไทเฮาดูก่อนตอนนี้ให้พวกนางได้แสดงตัวหน่อย ไทเฮาอาจจะคิดว่าพวกนางรีบจะให้นางมาเป็นที่พึ่งของพวกนาง ถึงได้มาเสนอหน้ากันแบบนี้เหล่าคนเล็กคนน้อยพวกนั้นพอได้รับคำสั่งก็ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ไปพบกับไทเฮาด้วยกันเท่านั้นไทเฮาเพิ่งกลับมาในวังก็เจอกับเหล่าบรรดาสาวใช้นางสนม พวกนางเองก็มีมารยาทและรอบคอบมาก พูดจาน่าฟัง ดูเป็นห่วงเป็นใยนางมากแต่ว่าในใจไทเฮาก็เข้าใจเป็นอย่างดี ว่านี่ต้องถูกสั่งให้เข้ามาแน่นอนพวกนางล้วนล้อมหน้าล้อมหลังกันถามสถานการณ์ของอ๋องเจวี้ยน ไทเฮาก็เผยกับพวกนางไปไม่กี่คำด้วยส
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั