อ๋องฉยงสามารถกลับเมืองหลวงจากจวนฉยงโจวได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถอยู่ที่นี่ได้นานอีกด้วย จะต้องเงื่อนไขอะไรที่ทำให้จักรพรรดิสนใจแน่ๆจุดสำคัญอยู่บนตัวฮูหยินเฉินคนนี้เพราะอ๋องฉยงช่วงนี้ถึงแม้จะอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ แต่อันที่จริงก็ส่งคนมาตามหาคนในเมืองหลวงตลอดจนตอนที่เขาตรวจสอบความสัมพันธ์ของฮูหยินเฉินกับอ๋องฉยงได้ชัดเจน เขาจึงรู้คนที่อ๋องฉยงตามหาก็คือฮูหยินเฉินนี่เอง"ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รอหรือ? รอให้พวกเขาพบกัน?"สายตาฟู่จาวหนิงเปล่งประกายขึ้นทันที นางรู้ว่าเซียวหลันยวนจะต้องอยากรอให้อ๋องฉยงได้เจอกับฮูหยินเฉินแน่ ขอแค่พวกเขาเจอหน้ากันก็จะพูดคุยกัน ถึงตอนนั้นพวกเขาแค่ซ่อนตัวแล้วแอบฟัง ก็จะรู้ความลับบนตัวพวกเขาแล้วว่าคืออะไร"น่าจะใกล้แล้ว ถึงอย่างไรต่งฮ่วนจือก็ไม่ช่คนที่ไม่มีชื่อเสียง ข่าวที่ข้างกายเขาปรากฏแม่ลูกสาวงามขึ้นมาไม่นานก็คงถูกคนส่งออกไปแล้ว""ถ้าอย่างนั้นข้าต้องไปบอกท่านอาจารย์เสียหน่อยไหม? ให้เขาจัดการศิษย์พี่ให้ดี" ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกไม่ค่อยชอบการกระทำของต่งฮ่วนจืออยู่หน่อยๆถือแม้การจัดการงานในพันธมิตรโอสถ ต่งฮ่วนจือนั้นทำได้ไม่มีปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นความรู้เกี่ย
ฟู่จาวหนิงออกมาคนเดียวเซียวหลันยวนอันที่จริงก็บอกกับนางแล้วว่าจะให้คนออกไปเตรียมรถม้าให้ แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธมา เพราะนางคืนนี้คิดจะปฏิบัติการเงียบๆ ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ในจวนอ๋องมาตั้งหลายวัน นางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะพิการ ถือโอกาสใช้ปฏิบัติการคืนนี้ ออกไปยืดเส้นยืดสายเสียหน่อยถ้าหากคนที่คอยจับตาดูจวนอ๋องเจวี้ยนพบนางเข้า จะสู้สักยกก็ได้อยู่น่าเสียดายที่ขยะพวกนั้นดันไม่เจอนาง ปล่อยให้นางเดินออกมาแบบนี้แต่นางเองก็คิดไม่ถึงว่าฟู่จิ้นเชินจะอยู่ที่นี่ในเมื่อเขามาแล้ว ฟู่จาวหนิงก็ไม่ปฏิเสธที่จะนั่งรถม้าเสียหน่อยนางขึ้นรถม้า เฉินซานควบรถม้าให้ค่อยๆ วิ่งไปด้านหน้าตอนนี้อากาศเย็นมาก หลังจากเข้ากลางคืนด้านนอกก็แทบไม่มีคนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นจวนอ๋องเจวี้ยนช่วงหนึ่งจนถึงถนนด้านนอกก็ไม่มีคนอยู่เลยจริงๆฟู่จาวหนิงหลังจากขึ้นรถม้าก็ถามสิ่งที่ตนเองสงสัย"ท่านมารอข้าที่นี่หรือ? ท่านรู้ว่าคืนนี้ข้าจะออกมาหรือ?"วันนี้ที่ออกมาตอนค่ำเป็นการตัดสินใจกะทันหันของนาง ไม่ได้บอกใครก่อน แต่ฟู่จิ้นเชินดันรู้ทำให้นางรู้สึกไม่อยากเชื่อเอามากๆฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายอบอุ่นฟู่จาวหนิงส
ในเมืองหลวง ต่งฮ่วนจือถือว่าแค่มาอาศัยอยู่ชั่วคราว เขาอยู่ที่นี่ไม่มีที่วางเท้าได้มั่นคงอย่างแท้จริง และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่คนมีฐานะอำนาจอยู่รวมกัน ดังนั้น แม่ลูกตระกูลเฉินจึงพูดได้ว่าอ่อนแอไร้ที่พึ่งพิงเวลาเช่นนี้ เฉินฮ่าวจูจะไม่คิดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนบ้างหรือ? ไม่คิดที่จะทำอะไรกับอ๋องเจวี้ยนบ้างหรือ?ถ้านางอ้อนวอนต่งฮ่วนจือ ให้เขาใช้ตัวตนฐานะศิษย์พี่ มาอ้อนวอนฟู่จาวหนิง ให้นางยอมรับเฉินฮ่าวจูเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน สำหรับฟู่จิ้นเชินแล้ว นี่ถือว่าเป็นการทำให้ฟู่จาวหนิงไม่ได้รับความเป็นธรรมเขาเองก็อยากจะดู ว่าต่งฮ่วนจือจะกล้าเอ่ยปากเช่นนี้ไหมเขาไม่ให้ให้ฟู่จาวหนิงต้องเผชิญเรื่องเหล่านี้เพียงลำพังหลายปีก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยได้ปกป้องลูกสาวเลยสักครั้ง ตอนนี้ลูกสาวเติบโตขึ้นแล้ว เขาก็ยังหาโอกาสให้นางรู้ไม่ได้เลย ว่าเขารักนางมากตอนนี้นางเติบโตจนเก่งกาจขนาดนี้ ไม่รู้ว่าต้องผ่านลมฝนความลำบากมาแค่ไหน พอคิดถึงจุดนี้ ฟู่จิ้นเชินก็ปวดใจขึ้นมาเขาอยากจะยื่นมือไปกอดลูกสาว แต่ระหว่างพ่อลูกอย่างพวกเขามีกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่ชั้นหนึ่ง ที่ทำให้เขาไม่กล้าทำลายลงง่ายๆเขาเองก็รู้ว่าเรื่อง
"จาวหนิง นั่งตรงนี้ ในจวนอ๋องไม่มีอะไรใช่ไหม?" เสิ่นเชี่ยวมองนางอย่างตึงเครียดนางไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้ยอมรับพวกเขาแล้วหรือยังแต่หลังจากกลับมา ผู้เฒ่าฟู่กับคนในบ้านก็เล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้พวกเขาฟังไม่น้อย บอกว่าฟู่จาวหนิงตั้งแต่เด็กจนโต ไม่รู้ว่านางแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวมาตั้งกี่ครั้งรู้สึกแค่ว่าติดค้างลูกสาวมากเหลือเกิน ตอนนี้จึงยังไม่รู้ว่าความเป็นห่วงของนาง ฟู่จาวหนิงจะรู้สึกต่อต้านหรือเปล่าตอนที่นางพูดกับฟู่จาวหนิง ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่ ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะตอบหรือไม่"ไม่เป็นไร"ยังดี ฟู่จาวหนิงยังตอบนาง ถึงแม้จะแค่สองคำ แต่เสิ่นเชี่ยวก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเสี่ยวเถาส่งชามตะเกียบเข้ามา เสิ่นเชี่ยวรีบตักน้ำแกงให้นาง"จาวหนิง ทำไมเจ้าถึงกลับมากับพ่อเจ้าล่ะ?" ผู้เฒ่าฟู่แปลกใจมากเขามองฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองฟู่จิ้นเชินฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ "ไปเจอกันข้างนอกน่ะ"เขาไม่ได้พูดตามจริง ไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกต้องมาแบกรับในใจถ้าหากเขาบอกว่าจงใจไปรับฟู่จาวหนิง ผู้เฒ่าฟู่อาจจะรู้สึกยินดีมาก อาจจะพูดว่าพ่อของเจ้าดีกับเจ้ามากขนาดนี้อะไรทำนองนี้สำหรับฟู่จาวหนิง อาจจ
"ผู้อาวุโสจี้ดื่มจนเมาไปแล้ว""ดื่มจนเมา?คงไม่ได้ถูกมอมหรอกใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงเองก็เดาขึ้นมาส่งๆ แต่ว่าไป๋หู่ที่เข้ามาได้ยินคำนี้เข้า สีหน้าก็ผิดปกติไปฟู่จาวหนิงเห็นท่าทาทงของเขาก็ประหลาดใจ "ถูกมอมเหล้าจริงหรือ?"ไป๋หู่หลังจากส่งจดหมายก็ช่วยระคองผู้อาวุโสจี้ไปที่ห้องรับแขก ดังนั้นจึงกลับมาช้าหน่อย"ผู้อาวุโสจี้เมาค่อนข้างหนัก กลิ่นสุราโชยหึ่ง ต่งฮ่วนจือเองก็ดื่มไปไม่น้อย เจตนาของฮูหยินเฉินคือ พระชายาเรียกเขาเข้ามา เขาห้ามปฏิเสธ แต่เพราะดื่มไปหนักมาก ฮูหยินเฉินไม่วางใจ ดังนั้นจึงมาด้วยกันกับเขา ระหว่างทางจะได้คอยดูแล""หรือก็คือ หาข้ออ้างดีดีให้กับนางแล้วสินะ?" ฟู่จาวหนิงดูประชดประชันหน่อยๆนางไม่อยากจะเชื่อเหตุผลนี้เลย?ไป๋หู่อยู่ ให้เขาพาต่งฮ่วนจือมาก็พอแล้ว ยังต้องให้ฮูหยินเฉินมาดูแลทำไมกัน?"ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านางจะดูและ แล้วยังต้องพาเฉินฮ่าวปิงมาอีกหรือ?"ไป๋หู่เอ่ยต่อ "เฉินฮ่าวปิงบอกว่านางอยู่ในบ้านก็ไม่วางใจ ถ้าหากจะประคองต่งฮ่วนจือ ก็ยังต้องใช้คนสองคน"เขาเห็นท่าทีของพวกนางเป็นเช่นนี้จึงไม่ได้ห้ามอะไร ถึงอย่างไรพระชายาเดิมทีก็อยากจะดูอยู่แล้วว่าต่งฮ่วนจือจะจัดแจงที่พัก
เฉินฮ่าวปิงพอเข้ามา กระทั่งคนก็ยังไม่ทักทาย พออ้าปากก็ดันถามออกมาว่าอ๋องเจวี้ยนล่ะ?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตนเองอันที่จริงก็ใจเย็นแล้วนะ แต่พอได้ยินคำนี้ก็ยังอดโมโหไม่ได้แต่นางยังไม่ทันได้พูดอะไร เสิ่นเชี่ยวก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา"แม่นางคนนี้เป็นใครกัน?"ต่งฮ่วนจือรีบตอบ "นี่คือแม่นางเฉินเฉินฮ่าวปิง เด็กคนนี้เคยพบกับอ๋องเจวี้ยนและศิษย์น้องหญิงที่เมืองจี้ ล้วนเป็นเพื่อนกัน พอมาเมืองหลังแล้วได้ยินเรื่องที่จวนอ๋องเจวี้ยน ก็รู้สึกกังวลมาก"เขาเองก็รู้ว่าเฉินฮ่าวปิงจู่ๆ ก็โพล่งประโยคนั้นออกมา มันไม่ค่อยปกติแต่เฉินฮ่าวปิงในสายตาเขาคือเด็กสาวอายุสิบสองสิบสามปีที่โตขึ้นมาถึงตอนนี้ ปกติก็เอาแต่เรียกเขาว่าลุงต่งลุงต่ง ช่วงหลายปีนี้ไม่ว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ก็จะมีเขาที่คอยดูแลทั้งหาหมอต้มยาเพื่อดูแลนางดังนั้น เฉินฮ่าวปิงคนนี้ในสายตาเขาก็เหมือนกับเป็นลูกสาวไปครึ่งหนึ่งแล้วเมื่อหญิงสาวพูดผิด ทำอะไรไม่เหมาะสม เช่นนั้นเขาที่เหมือนเป็นผู้ปกครอง ไม่ใช่ต้องช่วยเสียหน่อยหรือ?ต่งฮ่วนจือคิดง่ายๆ บอกว่าเฉินฮ่าวปิงกับอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน ถึงอย่างไรตอนอยู่ที่เมืองจี้ก็ถื
สองชาติมารวมกัน ฟู่จาวหนิงยังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ มีคนมาคอยปกป้องให้แบบนี้ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นนางที่ชนอยู่ตามลำพัง ดังนั้นนางตอนนี้มองแล้วจึงรู้สึกสดใหม่หน่อยๆ"เมื่อเป็นเช่นนี้ แม่นางเฉินน่าจะเป็นเพื่อนกับจาวหนิงของพวกเรากระมัง?"เสิ่นเชี่ยวยังไม่หยุด ตอนที่นางพูด ดูแล้วยังอบอุ่นใจกว้าง เสียงเองก็อบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ แต่ว่ากัดคำอย่างชัดเจน ฟังแล้วชัดเจนไม่ยืดเยื้อ"แต่นี่ก็ไม่ถูกสิ ถ้าหากแม่นางเฉินเป็นเพื่อนกับจาวหนิงของเราจริง พอเข้าประตูมา เห็นจาวหนิงแล้ว จะอย่างไรก็ต้องทักทายนางก่อน กังวลนางก่อนจึงจะถูก แล้วทำไมจึงไม่เห็นใครในสายตา พอเข้ามาก็เป็นห่วงเป็นใยสามีของเพื่อนขึ้นมาก่อนล่ะ?"อดพูดไม่ได้เลย การย้อนถามนี้ของเสิ่นเชี่ยว เจ็บแสบถึงทรวงเสียเหลือเกินต่งฮ่วนจือพอได้ยินนางพูดเช่นนี้ หน้าก็เปลี่ยนสีเฉินฮ่าวปิงเองก็หน้าซีด ร่างกายสั่นเทาขึ้นมา"ข้า เมื่อครู่ข้าก็แค่ใจด่วนเร็วไปหน่อย ข้า..." น้ำเสียงนางประหม่าขึ้นมาทันที แต่ในใจก็ยังชิงชังอย่างแรงกล้านางก็แค่เป็นห่วงอ๋องเจวี้ยนนี่ หลังจากมาถึงก็ไม่มีคนที่หาข่าวอ๋องเจวี้ยนได้เลย เจอก็ไม่ได้เจอได้ยินก็ไม่ได้ยิน กระทั่งจ
"ศิษย์น้องหญิงต้องการวัตถุดิบยาอะไรหรือ? รายการเขียนเสร็จแล้วหรือยัง? นำมาให้ข้าก็พอ พรุ่งนี้ข้าจะไปจัดเตรียมให้ ไม่ต้องลำบากท่านอาจารย์หรอก"ต่งฮ่วนจือพอตกใจ ไม่ทันหันไปสนใจเฉินฮ่าวปิง รีบขอรายการวัตถุดิบยากับฟู่จาวหนิงขึ้นมาเขาไม่สงสัยเลย!ถ้าแค่ศิษย์น้องหญิงไปหาอาจารย์ ไม่ต้องพูดอะไรมาก ท่านอาจารย์ต้องคิดว่าเขารังแกศิษย์น้องหญิงแน่ๆ!ในสายตาผู้อาวุโสจี้ ตอนนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างพวกเขาเอามารวมกัน ก็ยังไม่ได้แค่นิ้วแม่โป้งของศิษย์น้องหญิงเลย!"ท่านอาจารย์วันนี้ดื่มจนเมาไปแล้ว พรุ่งนี้น่าจะต้องนอนพักอีกวัน เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนคนแก่อย่างเขาหรอก ศิษย์น้องหญิงว่าใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงมองต่งฮ่วนจือ พอเห็นว่าเขาร้อนรนจนเหงื่อตก ฟู่จาวหนิงจึงหัวเราะขึ้นมา"ศิษย์พี่วันนี้มีเรื่องอะไรดีดีหรือ ถึงได้มอมเหล้าท่านอาจารย์แบบนั้น?"นางเองยังไม่ได้บอกว่าใช่หรือไม่ใช่ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปแล้วเฉินฮ่าวปิงเดิมทีก็อดสูแทบแย่ พอได้ยินนางพูดลอยๆ ขึ้นมาแบบนี้ ก็ฟังออกถึงการประชดประชัน จึงโมโหขึ้นทันที พูดออกไปโดยไม่ทันไตร่ตรอง"ข้ากับท่านแม่มาที่เมืองหลวงแล้ว หลังจากนี้ก็จะอยู่ในเมืองหลวงไม่ไ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั