พวกเขาก็ได้ยินข่าวลือเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนติดโรคระบาดแล้ว ในใจก็ไม่ค่อยสงบเอาเสียเลย"องค์จักรพรรดิทำเพื่ออ๋องเจวี้ยนหรือเปล่า?" หมอหลวงคนหนึ่งคาดเดาพอได้ยินคำพูดเขา ทุกคนก็มองหน้ากัน ในใจแม้จะรู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เหมือนนอกจากเหตผลนี้แล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก"โรคนี้ยังรักษาไม่ได้ ถ้ารักษาจนหายในระยะแรกๆ หน้าก็ยังเป็นหลุมเป็นบ่อเลย...""ก่อนหน้านี้บอกกันว่าหน้าของอ๋องเจวี้ยนยับเยินหมดแล้ว ถ้าบวกเจ้านี่ไปด้วย ก็เหมือนจะไม่แตกต่างอะไรกันแล้วนะ" มีคนถอนหายใจขึ้นหนักๆเฮ้อ ถึงอย่างไรก็พังไปแล้ว ความสง่างามของอ๋องเจวี้ยน กำลังจะกลายเป็นอดีตที่ไม่อายย้อนกลับไปได้เสียแล้ว"องค์จักรพรรดิในเมื่อรับสั่งแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ต้องรีบไปค้นคว้าเสียที""ใช่เลยใช่เลย ทำเท่าที่ทำได้ สุดแล้วแต่โชคชะตา"แต่ถึงอย่างไรในใจพวกเขาก็ยังไม่สงบองค์จักรพรรดิบอกว่าให้ค้นคว้าสกัดยาก็ไปค้นคว้า แต่พวกเขาอันที่จริงก็ไม่ได้มีความมั่นใจเอาเสียเลย"ถ้าหากพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาค้นคว้ากับพวกเราได้ก็คงดี นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว นางจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้ไหม?" มีหมอหลวงที่หนุ่มหน่อยคนหนึ่งจู่ๆ ก็คิดถึงฟู่จ
ผู้อาวุโสจี้พอได้ยินเสียงใสของนาง จึงนึกออกขึ้นมาซิ่วหงคนนี้คือลูกสาวของคนที่อยู่ในซอยด้านหลังเรือนเล็กของเขาเพียงแต่ในเมืองหลวงเขาไม่ค่อยได้อยู่เท่าไรนัก สามปีก่อนแม่นางคนนี้ก็เข้าวังไปแล้ว ต่อมาตอนที่ได้ออกมาครั้งหนึ่ง ปู่ของนางก็ป่วยพอดีจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบยา จึงมาขอให้เขาช่วยซื้อให้หน่อย"รีบลุกขึ้นมาสิ นั่งบนหิมะไม่เย็นหรือ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?"ซิ่วหงลุกขึ้นยืน ตบๆ หิมะบนตัวออก กระโปรงเลอะไปบ้าง แต่นางก็ไม่สนใจหยิบของที่หล่นลงไปบนพื้นขึ้นมา นางก็หันไปตอบผู้อาวุโสจี้ "ข้าไม่เป็นไร""นี่จะกลับบ้านหรือ? ขึ้นมาสิ ไปส่งเจ้าได้พอดี"ซิ่วหงขึ้นรถม้า ขอบคุณกับผู้อาวุโสจี้ยกใหญ่วัตถุดิบยาที่ขาดไปของปู่นางตอนนั้น มีแค่ผู้อาวุโสจี้ที่มี ดังนั้นผู้อาวุโสจี้จึงถือเป็นผู้มีพระคุณของบ้านพวกนางซิ่วหงมองผู้อาวุโสจี้ ในใจว้าวุ่นมากนี่คือผู้มีพระคุณ แล้วสิ่งที่นางได้ยินมาเหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเขาไหม"มีอะไรจะพูดหรือ?" ผู้อาวุโสจี้เห็นท่าทางของนางเหมือนจะอดรนทนไม่ไหว แม่นงคนนี้มีสีหน้าว้าวุ่นอยู่ตลอด เขามองจนรู้สึกแย่เลยมีอะไรก็พูดมาสิ อดกลั้นแบบนั้นมันไม่ดี นางไม่เป็นไรแต
ซิ่วหงพยักหน้า จู่ๆ ก็นึกอะไรออก ตกตะลึงไปทันที "ผู้อาวุโสจี้ นั่นคืออาข้ากับลูกชายของนาง แต่ครอบครัวพวกเขาเป็นชาวนาที่เช่าที่ดินอยู่ในอุทยานนอกเมือง แล้วที่ดินที่พวกเขาเช่าอยู่คือที่ดินของชินอ๋องเซียว"ชาวนาเช่าที่ของบ้านชินอ๋องเซียว?ผู้อาวุโสจี้ขมวดคิ้ว ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าจวนชินอ๋องเซียวเกิดอะไรขึ้น จะเกี่ยวข้องอะไรกับอ๋องเจวี้ยนหรือไม่ แต่เมื่อครู่ฟู่จิ้นเชินก็บอกเขาแล้ว ว่าเรื่องที่จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูไม่รับแขกนั้นเกี่ยวข้องกับจวนชินอ๋องเซียวฟู่จิ้นเชินหาข่าวมาแล้ว วันนี้จวนชินอ๋องเซียวก็ปิดบ้านไม่รับแขกเช่นกันทั่วเมืองกำลังลือเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนติดโรคสกปรกนั่น แล้วชินอ๋องเซียวที่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าวังล่ะ? จะเป็นไปด้วยไหม?ชินอ๋องเซียวหลังจากสิ้นปีก็ไม่ปรากฏตัวเลย ไปที่ไหนกัน? บวกกับข่าวในวังที่ซิ่วหงนำมาบอก เขารู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เหมือนจะเกี่ยวข้องกันสมองผู้อาวุโสจี้หมุน รู้สึกผิดปกติขึ้นมาทันที"เจ้าอย่าเพิ่งลงจากรถ รอให้แม่ลูกพวกเขาไปก่อนแล้วค่อยลงไป"ซิ่วหงเองก็ลนลาน ไม่กล้าลงจากรถม้าแล้ว รออยู่บนรถม้าอาของนางทุบประตูอยู่พักหนึ่ง พอประตูไม่เปิด นางก็โมโหแล้
ฟู่จาวหนิงอ่านเนื้อหาจดหมาย แล้วสบตากับเซียวหลันยวน"ชินอ๋องเซียวติดโรคเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้ เจ้าโรคนี้รุนแรงจริงๆ"ชินอ๋องเซียวคิดจะให้เซียวหลันยวนติดโรคนั่น นางจึงใช้วิธีนี้เล่นงานคืน แต่เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องสักสิบวันครึ่งเดือนถึงจะติด นี่เพิ่งจะหกเจ็ดวันเท่านั้น"ข้าจะส่งคนไปสำรวจอาการของเขาหน่อย" เซียวหลันยวนเรียกสืออีเข้ามา กำชับไปสองสามคำฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะไปดูแผนที่แล้ว "ให้คนจับตาดูอุทยานนั่นไว้ อย่าให้คนในอุทยานนั่นเข้าเมืองแต่ว่าคนของอุทยานคนนั้น...""ข้าจัดการเอง"เซียวหลันยวนรู้ว่านางพูดถึงอะไร กลัว่าจะลำบากไปถึงคนของอุทยานคนอื่นสินะฟู่จาวหนิงยังเชื่อใจเขา พยักหน้าให้"ข้าจะไปสกัดยาต่อ ถ้าโรคนี้ระบาดออกมาจริง ก็ต้องมียาเอาไว้รักษา""การสัมผัสปกติ น่าจะไม่ระบาดใช่ไหม?" เซียวหลันยวนถามนี่อันที่จริงก็เป็นสาเหตุที่ฟู่จาวหนิงใช้โรคนี้ในการเอาคืนชินอ๋องเซียว"ใช่ การสัมผัสทั่วไปจะไม่ระบาด ดังนั้นน่าจะไม่ถึงกับกินบริเวณกว้างนัก ขอแค่ควบคุมขอบเขตเอาไว้ก็จะไม่เกิดปัญหาใหญ่""กลัวแค่ว่าชินอ๋องเซียวกับเซียวเหยียนจิ่งจะใช้วิธีหยาบช้าน่ะสิ" เซียวหลันยวนรู้สึกว่า
ฟู่จาวหนิงเองก็ป้องกันไว้ก่อน ระวังเอาไว้หน่อยไทเฮาตอนที่กลับมา ชินอ๋องเซียวน่าจะยังไม่ได้ล้มป่วยจนถูกส่งไปที่อุทยานนั่น แต่เขาเองก็ส่งคนไปหาคนป่วยนั่นจนทั่ว น่าจะมีบางส่วนที่ใช้คนในอุทยานด้วย เพราะคนที่ยากจนเหล่านั้น น่าจะรู้มากกว่าว่าจะไปหาคนป่วยหนักแล้วไม่มีเงินรักษาได้จากไหนส่วนไทเฮาจะยอมดื่มหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่นางพิจารณา ยาก็ส่งไปแล้ว นางจะดื่มก็ดื่ม ไม่ดื่มก็ตามนั้นกุ้ยหมัวมัวมองออกถึงท่าทีของนาง แต่ก็ยังตัดสินใจเตือนให้ไทเฮาดื่มยาตัวนางเองก็เห็นแล้ว ว่าคนอื่นๆ ในจวนชินอ๋องเซียวล้วนดื่มกันหมด"เอาเถอะ ในเมื่อเป็นยาของจาวหนิง ข้าก็จะไม่ถามมากแล้วกัน" ไทเฮารับยาไป ยกขึ้นดื่มอย่างไม่ลังเลสาวใช้เข้ามารับชาม บอกกับผู้ดูแลผู้ดูแลจงตอนที่ไปพบฟู่จาวหนิงก็บอกเรื่องนี้กับนางบอกว่าไทเฮาดื่มยาจนหมดโดยไม่ลังเลฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำนี้ ก็หันไปคุยกับเซียวหลันยวนสองสามคำ"ถ้าหากพวกเราไปจริงๆ แล้วไทเฮาล่ะ?" ตอนนี้ดูท่าไทเฮาเองก็ยืนอยู่ฝั่งเซียวหลันยวนด้วย รับสั่งองค์จักรพรรดิครั้งนี้ที่ให้ไทเฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยน เห็นได้ชัดว่ามีความคิดจะทำร้ายนาง ถ้าพวกเขาจากไปแล้ว ไทเฮา
ฟู่จาวหนิงตอนที่หาเซียวหลันยวนเจอ เขากำลังเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง แล้วให้องครักษ์ส่งไปหาหลานหรงหลานหรงยังไม่ได้เข้าเมืองหลวง งานที่เขารับผิดชอบมาตลอดเกี่ยวกับเรื่องของตงฉิง เรื่องเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงไม่เคยถามแต่ว่า หลายวันนี้ที่นางอยู่แต่ในจวนอ๋อง งุดหัวอยู่กับการสกัดยา ก็รู้สึกเบื่ออยู่บ้าง พอได้ยินว่าเขาให้คนส่งจดหมายหาหลานหรง ฟู่จาวหนิงเลยถามไปคำหนึ่ง"หลานหรงยังตรวจสอบเรื่องของตงฉิงอยู่ไหม?"เซียวหลันยวนพยักหน้า "ยังตรวจอยู่""แล้วมีความคืบหน้าบ้างไหม?""คุณชายฟู่ทางนั้นให้เบาะแสมาไม่น้อย หลานหรงนำคนไปเจอกับสถานที่ที่พวกเขาค้นพบเมื่อครั้งนั้นแล้ว ที่นั่นปีที่แล้วเกิดปรากฏการณ์มังกรพลิกตัวขึ้นครั้งหนึ่ง"เซียวหลันยวนเข้ามา โอบฟู่จาวหนิงไว้เขาออกไปวุ่นอยู่สามวัน เมื่อคืนเพิ่งกลับมาจวนอ๋อง พูดได้ว่าสามวันแล้วที่ไม่เห็นหน้าฟู่จาวหนิง ตอนนี้กอดนางไว้ในอ้อมกอด รู้สึกเหมือนตัวเองดูดซับพลังมาจากนางเลยฟู่จาวหนิงอยู่ในอ้อมกอดเขา พอได้ยินเขาพูดถึงมังกรพลิกตัว ก็อดตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้"แผ่นดินไหว?""อื๋อ? แผ่นดินไหว? พูดแบบนี้ก็ถูกต้องนะ" เขาเพิ่งจะได้ยินคำว่าแผ่นดินไหวเป็นครั้งแรก แ
ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน จู่ๆ ในสมองก็แวบขึ้นมา ถามขึ้นอย่างแปลกใจ "ท่านคงไม่ได้คิดจะไปตงฉิงหรอกใช่ไหม?"นางเองก็ไม่รู้ว่าว่าทำไมตนเองจู่ๆ จึงมีความคิดเช่นนี้เป็นเพราะแผนที่แผ่นดินในห้องหนังสือของเซียวหลันยวนช่วงนี้ เปลี่ยนไปแล้วหรือ? เปลี่ยนไปที่ชายแดนเขตแคว้น และตงฉิงเองก็อยู่ด้านบนนั้นเดิมทีเขาอยากจะหาสถานที่ที่เหมาะสมของพวกเขาในเขตแดนแคว้นเจาสักแห่งแต่ตอนนี้ เปลี่ยนเป็นตงฉิงแล้วหรือ?"หนิงหนิง ทำไมเจ้าถึงได้ฉลาดขนาดนี้?" เซียวหลันยวนอดเขี่ยที่คางนางไม่ได้ ก้มหน้าลงมาจูบนางไปทีหนึ่งนางฉลาดขนาดนี้ ยิ่งทำให้เขาชอบมากขึ้นไปอีก"ที่นั่นปลอดภัยไหม?"ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้สนับสนุนหรือคัดค้าน แค่ถามคำถามนี้ขึ้นมาก่อนถึงอย่างไร บนจดหมายของหลานหรงก็เขียวไว้ว่า ที่นั่นลาดเอียงลงไปจนเป็นเหวลึก ยิ่งไปกว่านั้นการล่มสลายของตงฉิงก่อนหน้านี้ คือภูเขาทั้งลูกเทลาดลงมา แล้วครั้งนี้ยังเกิดแผ่นดินไหวที่น่ากลัวขึ้นอีก พื้นที่ผืนนั้นของตงฉิงมันปลอดภัยแน่หรือ?"เจ้ารู้ไหมว่าพ่อของเจ้าคารวะใครเป็นอาจารย์?" เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาคุณชายฟู่ที่เขาพูดถึงก่อนหน้านี้ ก็หมายถึงฟู่จิ้นเช
ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินมากฟู่จิ้นเชินเชิญผู้อาวุโสโม่ไปตรวจสอบตงฉิงทางนั้นว่ามีอันตรายหรือไม่ ถ้าหากมีผลลัพธ์อะไร เซียวหลันยวนก็สามารถพิจารณาได้ว่าไปที่ตงฉิงได้จริงไหม"แล้วเมืองหลวงทางนั้นที่ตรวจสอบชินอ๋องเซียว ตรวจสอบพบคนเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับอ๋องฉยงคนหนึ่ง คนนั้นเป็นใครกันแน่?"เป้าหมายที่นางเข้ามาเมื่อครู่ ก็เพื่อจะถามเรื่องนี้เซียวหลันยวนตอบ "เจ้าเองก็เคยพบนะ"นางเองก็เคยพบ?นางไม่ได้รู้จักอ๋องฉยงเสียหน่อย ต่อให้ปีที่แล้วจะได้รู้จักกันบ้างจากลูกนอกสมรสของอ๋องฉยงคนนั้น แต่ช่วงนี้อ๋องฉยงก็พักอยู่เงียบๆ ในวังราชนิเวศน์มาตลอด ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลย นางเองก้ไม่ถือว่ารู้จักด้วยคนเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องกับอ๋องฉยงและชินอ๋องเซียว เป็นใครกันแน่?พอเห็นเซียวหลันยวนมองนาง ท่าทางเหมือนตั้งใจทดสอบนาง ฟู่จาวหนิงจึงหยิกออกไปทีหนึ่ง"ผู้หญิงหรือ?"เซียวหลันยวนหัวเราะ "หนิงหนิงของข้านี่ฉลาดจริงๆ"นี่ไม่ใช่แค่เดาหรือไรกัน? เป็นผู้หญิงคนหนึ่งสินะฟู่จาวหนิงคิดถึงหน้าตาอวิ๋นจูลูกนอกสมรสของอ๋องฉยง ในสมองจู่ๆ ก็มีใบหน้าหนึ่งแล่นเข้ามา นางจู่ๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาของอวิ๋นจูคล
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร
"ข้าเกรงว่าถ้าออกไปจากจวนอ๋อง คนอื่นก็จะจับจ้องไปที่ท่านพ่อตา"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าหมอเทวดาหลี่สมองจะง่ายไปหน่อย เขาไม่คิดจะไปที่อื่นเลยเขาสะกดความหงุดหงิดไว้ พูดออกมาอย่างละเอียด"โดยเฉพาะพระชายาอ๋องเจวี้ยน นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้เองก็เป็นคนของสมาคมหมอใหญ่แล้วด้วย พอท่านกลับมา คนทั้งเมืองก็น่าจะอยากเห็นการตัดสินเด็ดขาดของพวกท่านทั้งสองกระมัง? ถึงตอนนั้นความสนใจทั้งหมดก็จะอยู่บนตัวท่าน ท่านซื้อยาอะไรไป คงถูกขุดคุ้ยออกมาแน่"ดวงตาหมอเทวดาหลี่หรี่ลงแม้จะรู้มานานแล้วว่าคนในดวงใจเซียวเหยียนจิ่งไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่ตอนนี้ดูท่านเขาอยากจะสะบัดหลี่จื่อเหยาทิ้งเสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเย็นเยียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังโมโหมาก"หลี่จื่อเหยาอยู่ในสภาพหนี้แล้ว ในจวนอ๋องไม่ใช่ว่าเหมาะสมที่สุดแล้วหรือ? ถึงอย่างไรจวนชินอ๋องเซียวของพวกเจ้า จะเอายาเอาคนก็ยังดีกว่าข้าตัวคนเดียวตั้งเยอะ? เจ้าอยากสลัดนางทิ้งขนาดนี้เชียว?""ท่านพ่อตา นี่ข้าทำเพื่อหลี่จื่อเหยานะ ตอนนี้องค์จักรพรรดิจับตามาที่จวนชินอ๋องเซียว พ่อของข้าทางนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างเลย ถ้าหากในจวนอ๋องวุ่นวายขึ้นมา ถึงตอนนั้
หลี่จื่อเหยาขนาดมือก็ยังยกไม่ขึ้น จึงเปิดหนังตาจ้องมองนางเจ้าคนชั้นต่ำ! เห็นสภาพนางแบบนี้ยังมีแรงดื่มน้ำเองอีกหรือ? ยังไม่รีบประคองนางขึ้นมาป้อนอีก!"เจ้าต้องป้อนนาง!" หมอเทวดาหลี่ร้องขึ้นมาสาวใช้แทบจะร้องไห้แล้ว ไม่ นางร้องออกมาแล้วจริงๆ นางน้ำตาร่วงพลางปรคองตัวหลี่จื่อเหยาขึ้นมา เอาแก้วจ่อไปที่มุมปากหลี่จื่อเหยาระยะใกล้ค่แนี้ สาวใช้ได้กลิ่นบนหน้าของหลี่จื่อเหยาแล้วจริงๆ เหม็นเอามากๆเซียวเหยียนจิ่งมองฉากนี้ อดถอยออกมาอีกก้าวหนึ่งไม่ได้เขามองไปทางพวกสาวใช้หญิงรับใช้อีกเหลือเหล่านั้น ถามขึ้นเสียงต่ำ "นางป่วยมานานแค่ไหนแล้ว?"ดันไม่ยอมมาบอกเขา!สาวใช้กับหญิงรับใช้ร่างกำยำไม่กล้าเงยหน้ากัน"ท…ท่านรัฐทายาท พวกเราเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายารัฐทยาทก็เอาแต่นอนหลับอยู่ในห้อง ไม่ได้ลุขึ้นมาสางผมมแต่งหน้า ตอนที่กินข้าวก็ให้พวกเราเอาข้าวส่งเข้าป นางกินเสร็จพวกเราก็จะเข้ามาเก็บ""ใช่เลย ตอนที่พวกเราเข้าไปเก็บ พระชายารัฐทายาทพอกิเสร็จ นางก็จะกลับไปนอนต่อบนเตียง พวกเราจึงไม่ได้มองนางอย่างละเอียด"เมื่อคืนนี้พวกนางไม่ได้เห็นหลี่จื่อเหยาเลยเอาจริงๆ เป็นเพราะชินอ๋องเซียวกับ
หมอเทวดาหลี่อยากจะตะคอกถามหญิงสาว: เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?มีภรรยาคนไหนบ้าง ที่แอบขโมยรื้อทองของพ่อสามี?ต่อให้ชินอ๋องเซียวจะซ่อนกล่องทองแทงไว้ที่หัวเตียงจริง แต่เจ้าไปค้นหาได้หรือไรกัน?เขาถลึงตาโต อยากจะตบฉาดลูกสาวเสียทีหนึ่ง ให้นางได้รู้สึกตัว แต่พอเห็นใบหน้าเน่าเปื่อยของนาง มองใบหน้าที่บวมจนผิดปกติของนาง หมอเทวดาหลี่ก็ยังถอยออกมาอีกหลายก้าวเขาแทบจะไม่ต้องเข้าไปตรวจแล้ว สภาพนี้ของหลี่จื่อเหยาคงเลี่ยงไม่พ้นแล้ว จะต้องเป็นโรคสกปรกโรคนั้นแน่นอนแต่ว่า เพราะอะไรกัน? แค่ไปพลิกค้นเตียงของชินอ๋องเซียวหรือ?เหตุผลนี้พูดออกไป จะมีคนเชื่อไหม?อาจจะมีคนเชื่อ แต่จะต้องมีคนคิดมากแน่ ภรรยาคนหนึ่ง ไปรื้อเตียงของพ่อสามี! เรื่องนี้ถ้าลือออกไป ชื่อเสียงย่อยยับป่นปี้แน่!ถึงแม้ตัวหมอเทวดาหลี่เองจะไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ยังคิดเรื่องที่โง่เง่าขนาดนี้ไม่ออก!"เจ้าขาดเงินเท่าไรกันแน่? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องไม่ได้กินไม่ได้ดื่มหรือไรกัน?" ยากจนขนาดต้องเข้าไปรื้อเตียงพ่อสามีเลยหรือ?เซียวเหยียนจิ่งพอได้ยินคำพูดหลี่จื่อเหยาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อพอได้ยินหมอเทวดาหลี่ถามมาเช่นนี้ เขาก็หน้าดำร้องขึ้นมา "จวนอ๋อ
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง