"แค่รู้สึกว่าพออยู่ในมือเจ้าแล้วมันน่าจะหวานเป็นพิเศษ" เสียงของเซียวหลันยวนขรึมต่ำน่าดึงดูด ฟังแล้วหูคันยุบยิบฟู่จาวหนิงกำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกหน่วงๆ ที่ท้องน้อยนางตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ เงยหน้ามองเซียวหลันยวน ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีนางมองไม่ออกเสียที่ไหน เซียวหลันยวนกำลังเฝ้ารอคืนนี้อย่างเห็นได้ชัด กระทั่งรอมาตลอดทางด้วยซ้ำแต่นางเดิมทีอยากจะหารือกับเขาดีดีก่อน กลับมาหลังเผชิญความยากลำบากมาตลอดทาง ยังไม่รู้ว่าเมืองหลวงตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ องค์จักรพรรดิถ้าเผื่อเตรียมแผนมากมายไว้รับมือพวกเขาล่ะ เช่นนั้นหลังจากที่กลับมาพวกเขาคงจะอยู่กันไม่สงบสุขนักภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เดิมทีก็ยังไม่เหมาะที่จะมีลูกแต่ว่ายุคสมัยนี้มาตรการการคุมกำเนิดยังไม่ดีพอ นางเองก็ยังไม่ได้คิดว่าจะใช้ยาอะไรจากในคลังสกัดยา ดังนั้น ทางที่ดีจึงอย่าเพิ่งหลับนอนกันจะอย่างไรก็ต้องรอสักเดือนนั่นล่ะ?แต่เมื่อครู่พอเห็นท่าทีร้อนรุ่มของเซียวหลันยวน คืนนี้นางคงเลี่ยงไม่พ้นแน่ส่วนถ้าตอนนี้..."มีอะไรหรือ?"เซียวหลันยวนพอเห็นสีหน้าของนางใจก็สั่นกึก ดูแล้วเหมือนจะเกิดอะไรขึ้น"อายวน ข้า
สองปีนี้ถึงแม้นางจะบำรุงขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นอย่างเต็มที่ ดังนั้นช่วงมีประจำเดือนจึงหนักหน่อยเซียวหลันยวนยังให้เฝิ่นซิงเข้ามาประคองตัวฟู่จาวหนิงจนฟู่จาวหนิงออกไป เขาก็เดินไปข้างเตียง บีบๆ ความหนาของผ้าห่ม จากนั้นก็กอดขึ้นมาชั่งน้ำหนักดูผ้าห่มจะบางไปหรือหนาไปก็ไม่ได้ กลัวว่าถ้าหนักเกินไปจะกดจนฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่สบายดูแล้วพวกของหงจั๋วเองก็เอาใจใส่อยู่ ผ้าห่มนี้ไม่หนาไม่บาง แล้วยังพองฟู่ น่าจะไม่ค่อยหนักด้วยแต่พอมองสีแดงทั้งห้องนี้แล้ว เซียวหลันยวนก็ยังยกมือขึ้นกุมหน้าผากแล้วถอนหายใจดูท่ายังต้องรอไปก่อนจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้คึกคักเช่นนี้มานานแล้วผู้ดูแลจงวุ่นนั่นวุ่นนี่ ในห้องอาหารสุรากับสำรับก็จัดเตรียมเรียบร้อย จึงส่งคนมาเชิญผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยเซียวหลันยวนจูงฟู่จาวหนิงเข้ามาด้วยเช่นกันพอเห็นมือที่จูงกันมา ผู้ดูแลจงก็ยิ้มจนตาหยีเป็นร่อง"ท่านอ๋องกับพระชายาดูแล้วรักใคร่กันดีเหลือเกิน"ฟู่จาวหนิงพอเห็นผู้เฒ่าฟู่กับเสี่ยวเฟยเข้ามา ก็เตรียมจะดึงมือออก แต่เซียวหลันยวนกลับจับมือนั้นไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยนางมองเขา ให้คนเห็นแล้วไม่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองหรอกหรือ
พอเห็นหน้ากากของเซียวหลันยวน ใจของผู้เฒ่าฟู่ก็หนักอึ้งขึ้นมาเขาไม่สนใจเนื้อปลาชิ้นนั้นแล้ว ยกถ้วยสุราขึ้นมาดื่มพอเห็นเขาเป็นเช่นนี้ เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงจึงสบตากันผาดหนึ่ง"ท่านปู่?"ผู้เฒ่าฟู่ยังมีเรื่องค้างคาในใจหรือ?อารมณ์กระดี๊กระด๊าของฟู่จาวเฟยก็กดลงมาด้วยเช่นกัน เขามองฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองเซียวหลันยวนอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้พี่เขยตอนนี้ดูแล้วดีมากเลย เพียงแต่...เซียวหลันยวนเองก็นั่งลงมา มองไปยังผู้เฒ่าฟู่"ท่านปู่ มีเรื่องอะไรก็เชิญพูดมาเถิด"ผู้เฒ่าฟู่ปากขยับ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปทางพวกเขา"ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยเรียกข้าแบบนี้" เขาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนชะงักไปก็จริงเพราะก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเขามีเรื่องวางยาพิษของฟู่หลินซื่อมาคั่นกลางไว้ตอนนั้น เขาคิดถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก็คือตนเองไม่ต้องไปเอาผิดกับพวกเขา ไม่ล้างแค้น ไม่กดดันพวกเขา ให้พวกเขาใช้ชีวิตกันไปเช่นนี้ไม่ต้องติดต่อกันเลยจะดีที่สุดแต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองจะพ่ายแพ้ใจทั้งดวงให้กับฟู่จาวหนิง?ตลอดทางที่กลับมาแคว้นเจานี้ เขาคิดไปมากมายท้ายสุดก็รู้สึกว่า ต่อให้ครั้งนั้นฟู่หลินซื่อจะเป็นคน
เรื่องของบ้านตระกูลเสิ่น พวกเขาก็ยังไม่ได้พูดถึงเลยพอฟังเรื่องนี้ ความสนใจของผู้เฒ่าฟู่ก็เบนไปแล้วจริงๆ"บ้านตา?""ท่านพี่กำลังพูดถึงท่านเสิ่นใช่ไหม?" ฟู่จาวเฟยดวงตาเป็นประกาย "ท่านพี่ก่อนหน้านี้เรียกเขาว่าท่านลุง บอกว่าเขาเป็นพี่ชายของท่านแม่ ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่ของท่านลุงก็รับเป็นญาติแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไรก็ยืนยันออกมาจริงๆ ไม่ได้ ผู้เฒ่าฟู่เองก็ยังกังวลอยู่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าตระกูลเสิ่นนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ ตอนนี้พอได้ยินฟู่จาวหนิงยืนยันว่าเป็นท่านตาแล้ว เขาก็ยินดีออกมาด้วยเช่นกัน"ใช่ ครั้งนี้ข้าไปรักษาอาการป่วยให้ท่านยายมา และพักอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นพักหนึ่ง ตอนที่ข้ากลับ ท่านตากับท่านยายยังไม่ทันได้เห็นท่านพ่อท่านแม่เลย..."แม้ระหว่างทางจะได้รับจดหมายจากเสิ่นเสวียน บอกว่าพวกเขารู้จักกันแล้ว แต่สถานการณ์หลักๆ ยังไม่ทราบ"ดี ดีดีดี ตระกูลหลินเดิมทีก็ไม่ได้ดีกับนางนัก ตอนนี้พอยืนยันว่าตระกูลเสิ่นเป็นบ้านที่แท้จริงของนาง เช่นนั้นพวกเจ้าพี่น้องนับจากนี้ก็มีญาติเพิ่มมาอีกฝ่ายแล้วสินะ..."ที่ผู้เฒ่าฟู่ดีใจที่สุดก็คือจุดนี้"ก่อนห้านี้ข้าก็กังวล ว่าห
ฟู่จาวหนิงยังคิดจะพูดต่อ ทว่าฝ่ามือก็ถูกกำไว้แน่นนางตะลึงงันไป มองไปทางเซียวหลันยวนตอนนี้ยังมองไม่เห็นสีหน้าเซียวหลันยวน แต่นางสังเกตได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขาเดิมที เขาคิดจะปลดหน้ากากลง ให้พวกผู้เฒ่าฟู่เห็นหน้าตาของเขาชัดๆแต่ก็ไม่ทันแล้ว ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนตอนนี้ปลดหน้ากากลง อันที่จริงจะใช้การได้กว่าคำพูด ใบหน้าของเขากลับมาหายดีแล้วแต่ว่า มันก็เหมือนเป็นเข็มที่ทิ่มแทงบนใจเซียวหลันยวนถ้าหากหน้าของเขายังไม่หายดีล่ะ?นั่นก็จะหมายความว่าเขาคนนี้ หัวใจดวงนี้ สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดมันไม่มีความหมาย และต้องถอยห่างออกมาจากข้างกายฟู่จาวหนิงเพราะใบหน้านี้น่ะหรือ?เขาไม่สามารถรั้งนางไว้ได้กระทั่ง เขาจะเป็นท่านอ๋องก็ไม่ได้ สมควรต้องตายเพราะใบหน้านี้ความหมายการคงอยู่ของตัวเขา ก็แค่ใบหน้านี้เท่านั้นหรือ?ความรู้สึกนี้ ไม่อาจบอกกับทุกคนให้เข้าใจได้ แต่ในใจเซียวหลันยวนตอนนี้ก็เย็นชาลงแล้วจริงๆจู่ๆ เขาก็ไม่อยากจะปลดหน้ากากลงให้คนอื่นคิดว่าเขายังมีใบหน้าเหมือนผีไปเสีย แล้วโลกนี้จะว่าอย่างไร? จะให้เขาทำอย่างไร?"คนของเมืองหลวง พูดถึงข้าอย่างไรกัน?" เซียวหลันย
"และยังบอกอีกว่า ตอนเจ้ายังเล็กมากก็ติดพิษอีก เป็นไปได้ว่าคนที่รู้ความจริงคิดจะชิงลงมือกับโชคชะตาแคว้นเจาก่อน สะกดมังกรร้ายเอาไว้ เพื่อปกป้องโชคชะตาของมังกรแท้จริงแห่งแคว้นเจา ปกป้องโชคชะตาแคว้น"ฟู่จาวหนิงถลึงตาโตทำไมยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่แล้ว?เรื่องวางยาพิษตอนนั้น ถูกตีความเอาไว้เช่นนี้หรือ?ในใจนางรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น"ท่านปู่...""จาวหนิง เจ้าให้ข้าพูดให้จบก่อน""อืม พูดให้หมดเลย ข้าเองก็อยากจะฟังเหมือนกัน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงสงบ"ถึงอย่างไร ตอนนี้ในเมืองหลวงก็มีคนไม่น้อยที่พูดว่าเจ้านั้นเป็นมังกรร้าย เจ้เาองก็รู้ ว่าเรื่องนี้มันพูดให้ชัดเจนไม่ได้ แต่ปกติคนเราก็ยอมที่จะเชื่อว่ามันมีอยู่จริงใช่ไหม?"ผู้เฒ่าฟู่มองเซียวหลันยวนเขาเองก็รู้ ว่าเรื่องที่ลือกันนี้มันเหลวไหล ถึงอย่างไรเขาเองก็ไม่เชื่อแต่ว่าเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเชื่อหรือไม่เชื่อเมื่อมีคำพูดเช่นนี้ลือออกมา องค์จักรพรรดิจะไม่ยอมปล่อยไป"ถูกต้อง" เซียวหลันยวนพยักหน้า"ดังนั้นเรื่องนี้จึงยุ่งยากมาก" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ "ข้ารู้ว่าน่าจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ยอมรับเ
เซียวหลันยวนหลังจากฟังผู้เฒ่าฟู่พูดมายืดยาวจนจบ ก็เอ่ยถามเขาขึ้นเสียงเรียบคำหนึ่ง"จากที่ท่านปู่เห็น พวกเราควรทำเช่นไร?"ประโยคนี้พอย้อนถามออกมา กระทั่งผู้เฒ่าฟู่เองก็ยังคิดไม่ถึงอั นที่จริงตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเซียวหลันยวนเองก็กระวนกระวายตึงเครียดอยู่เหมือนกัน ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นอ๋องนะ ตระกุลฟู่ของพวกเขาตอนที่รุ่งเรืองที่สุด ก็เป็นแค่ตอนที่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินถูกเชิญเข้าไปร่วมงานเลี้ยงวังเท่านั้นพวกเขาเป็นประชาชนปกติสำหรับอำนาจจักรพรรดิ ยังถือว่ารู้สึกกดดันอยู่มาก ต่อให้เซียวหลันยวนตอนนี้จะเป็นเขยของหลานสาวเขาก็ตามยิ่งไปกว่านั้นเขาพูดไปตั้งเยอะขนาดนี้ ก็ล้วนแทบจะแทงลงไปบนใจของเซียวหลันยวนทั้งหมด ผู้เฒ่าฟู่เองเดิมทีก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเขา เซียวหลันยวนน่าจะระเบิดอารมณ์พลิกโต๊ะเป็นแน่และอาจจะถูกเหล่าองครักษ์ไล่พวกเขาออกไป ไม่ให้พวกเขาเข้ามาเหยียบในจวนอ๋องเจวี้ยนอีกแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเพื่อจาวหนิงแล้ว เขาก็ยังต้องพูดให้ชัดเจนตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ปฏิกิริยาของเขาจึงจะเป็นความจริงที่สุด เขาก็อยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะจัดการอย่า
พวกเขาพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขามีความรู้สึกเหมือนใกล้จะถูกพวกเขามองมาทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงกลับมองไปทางเซียวหลันยวนมือข้างหนึ่งของนางกุมมือเขนแน่น สัมผัสได้ถึงไฟโกรธที่เขาระงับไว้นายกมือข้างหนึ่งขึ้นมา เตรียมจะปลดหน้ากากของเขาออกตอนนี้ นางอยากให้ท่านปู่กับฟู่จาวเฟยได้เห็นใบหน้าของเซียวหลันยวนแต่เซียวหลันยวนก็เบี่ยงออกเล็กน้อย เลี่ยงมือของนางออกมา"อายวน" นางเรียกเขาเสียงแผ่วเบา"สวมไว้ก่อนเถอะ" เสียงของเซียวหลันยวนฟังแล้วสงบนิ่งเหมือนไม่มีอารมณ์ใดยิ่งไปกว่านั้น ในเวลาเช่นนี้ มือที่จับนางไว้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ราวกับกำลังปล่อยมือจากตัวนางชั่วพริบตานั้น ฟู่จาวหนิงก็พลิกมาจับเขา นิ้วสอดประสานกันและกันกับนิ้วทั้งสิบของเขานางชูมือของทั้งสองคนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเซียวหลันยวนตะลึงงัน มองนางเดิมทีคิดจะพูดอะไร แต่ก็หยุดอยู่ที่คอหอยสายตาของผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยก็มองไปยังมือที่กุมกันอยู่นั้นฟู่จาวหนิงมองผู้เฒ่าฟู่เสียงของนางดังขึ้นแจ่มชัด เอ่ยขึ้นทีละคำอย่างตั้งใจ"ท่านปู่ ข้ากับอายวนรักกันแล้ว ตัดสินใจว่าจะปกป้องกันไปชั่วชีวิต หลังจากนี้ไม
"ดูการเคลื่อนไหวของทูตแคว้นหมิ่นอีกหน่อย"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตอนนี้ยังออกไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ดูก่อนว่าทูตของแคว้นหมิ่นเจรจากับองค์จักรพรรดิได้หรือไม่ฟู่จาวหนิงดึงเขานั่งลง อ้อมไปอยู่ด้านหลังแล้วนวดหัวให้เขาหลายวันนี้เขาเองก็ยุ่งเหลือเกิน ต้องจัดการเรื่องตั้งมากมาย นางเหนื่อย เขาเองก็ไม่ได้สบายเท่าไรนัก"แคว้นหมิ่นต้องการตงฉิง เรื่องนี้ท่านคิดอย่างไรบ้างล่ะ?"ตงฉิง ถึงอย่างไรก็เป็นของเขาเขาตอนนี้คงผู้สืบทอดหนึ่งเดียวของตงฉิงตงฉิงตอนนี้ต่อให้ยังไม่เห็นท้องฟ้าเห็นตะวัน แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีเจ้าของถ้าหากแคว้นหมิ่นต้องการคลังสมบัติกับเหมืองแร่ของตงฉิง ก็เท่ากับต้องการสิ่งของของเซียวหลันยวน จากความเข้าใจต่อเซียวหลันยวนของฟู่จาวหนิง เขาจะไม่ทนดูของของตนเองถูกแบ่งออกไปแน่เซียวหลันยวนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายและสบายที่นิ้วของนางนำมา"ตงฉิง ข้าไม่ยอมยกให้อยู่แล้ว"ตงฉิง เขามีจุดประสงค์อื่นอยู่แล้วของที่เป็นของเขา เขาไม่มีทางยอมให้เปล่าๆ แบบนี้ไหนจะเรื่องนี้ แม้เขาเป็นคนแคว้นเจา แต่ตอนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตงฉิงครั้งนั้น แคว้นเจารู้แต่ก็ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ในอดีตเคยรับบุ
ฟู่จาวหนิงเห็นเขาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่"รู้สึกว่าเขาไม่ควรโง่ขนาดนี้"เซียวหลันยวนคิดถึงท่วงท่าสง่าผ่าเผยสมัยที่จักรพรรดิยังวัยหนุ่ม คิดถึงตอนที่เขายังเด็ก ตอนที่องค์จักรพรรดิยิ้มแย้มทักทายเขา แต่พอหันกลับก็วางแผนเกือบทำเขาจมบ่อน้ำตายครั้งนั้น เขามองไม่ออกถึงแผนการที่องค์จักรพรรดิสร้างขึ้นมาจริงๆต่อมาให้คนไปตรวจสอบก็ยังตรวจสอบอะไรไม่ได้ หลักฐานทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเชื่อมั่นสัญชาตญาณตนเองเกินไป เขาก็คงถูกหลอกผ่านไปแล้วแต่ว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิกลับโง่แบบนี้ไปแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ที่ข้าจับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ ก็ไม่พบว่าเขาโดนยาพิษอะไร" ฟู่จาวหนิงนึกย้อนกลับไปตอนที่จับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ "แต่ว่า จับชีพจรเองก็ไม่ได้แม่นยำไปเสียทั้งหมด ถ้าหากโดนพิษที่ออกฤทธิ์ช้ามาหลายปีจนทำร้ายสมองเข้า ก็ไม่แน่ว่าจะตรวจหาพบ"ฟู่จาวหนิงมองเขา "ท่านสงสัยเรื่องนี้หรือ?"เขาน่าจะสงสัยว่าองค์จักรพรรดิถูกวางยาพิษ พอสะสมนานวันเข้าจึงกระทบไปถึงสมองจะว่าไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้"เป็นไปได้ แต่ในเมื่อเจ้าตรวจไม่เจอ ก็อธิบายว่าต่อให้ถูกว
เสิ่นเชี่ยวยืนยันว่าไม่ได้ยินเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆพอเซียวหลันยวนกลับมา ฟู่จาวหนิงจึงถามขึ้นเซียวหลันยวนก็มีแหล่งข่าวของตนเองอยู่"นางกับหยวนอี้อยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนบาดเจ็บ หยวนอี้หนักหน่อย ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งตัวเป็นสาวใช้วัง พักฟื้นอยู่ด้วยกันในวังราชนิเวศน์ ทั้งสองคนไม่ออกไปไหนเลย"เซียวหลันยวนหลังจากกลับมาก็พักผ่อนไปหนึ่งวัน จากนั้นก็เริ่มจัดการธุระเรื่องต่างๆองค์จักรพรรดิยังไม่เรียกเขาเข้าวัง ตอนนี้น่าจะยังกลัวอยู่หน่อยๆ กลัวเขาที่เพิ่งกลับมาจากเมืองเจ้อ จะถูกติดโรคระบาดมาหรือเปล่าเรื่องครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกความขี้ขลาดกลัวตายขององค์จักรพรรดิ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองเจ้อ องค์จักรพรรดิขี้เกียจจะไปถาม เพราะถ้าจะถามขึ้นมาจริงๆ เป็นไปได้มากว่าจะถูกเขาพูดไปถึงช่วงหลัง แล้วถามหาความรับผิดชอบเรื่องวัตถุดิบยากับเสบียงเหล่านั้นระดับความขี้เหนียวขนาดนั้นขององค์จักรพรรดิ จะยอมออกมาได้อย่างไร?ดังนั้นเรื่องนี้เกรงว่าคงมีแต่จะยื้อออกไปเรื่อยๆ ลากไปจนกว่าโหยวจางเหวินจะเข้าวังเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ขี้เกียจไปคิดเล็กคิดน้อยกับอง
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมองจูเฉียนเฉี่ยน"คนทั้งหมดล้วนกำลังยุ่งกับเรื่องสำคัญ ยุ่งกันจนหัวหมุน ใครมีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระของเจ้ากัน? อย่าคิดว่าทุกคนเขาจะเอาแต่คิดเรื่องความรักที่ไม่เหมาะสมนี้! หมอฟู่เองก็ไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรเจ้า แค่ไม่อยากให้เจ้าทำเรื่องเสียต่างหาก""ข้าไปทำเรื่องเสียตอนไหนกัน? ข้าก็ช่วยอยู่ที่นั่นตลอด ข้าเองก็ช่วยไปตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?" จูเฉียนเฉี่ยนน้อยใจ"เช่นนั้นเจ้าก็ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้เรอะ? ยังคิดจะตามไปเมืองหลวงอีก?""ท่านลุง หรือข้าจะต้องเป็นยายแก่ที่ไม่ได้แต่งงานไปตลอดชีวิตกัน? พ่อกับแม่ข้าจะไม่วางใจเอานะ!" จูเฉียนเฉี่ยนตาแดงรื้นขึ้นมานางมองไปยังรถม้าที่แล่นห่างออกไป รู้ว่าตอนนี้ตนเองตามไปไม่ทันแล้ว เสียใจจนอยากจะร้องไห้"ใครไม่ให้เจ้าแต่งงานกัน? ข้าจะให้ป้าของเจ้าหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้เาอง""ชีวิตของข้าไม่เหมาะกับคนธรรมดา!" จูเฉียนเฉี่ยนร้องขึ้นมาอีกนางแต่งงานส่งเดชไม่ได้"เช่นนั้นก็หาคนที่เหมาะก็จบแล้วนี่!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตะคอกเสียงขรึมถึงอย่างไรถ้าเขาทำให้จูเฉียนเฉี่ยนไประรานตระกูลฟู่ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีหน้าไปพบหมอฟู่แล้วจูเฉียนเฉ
และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่
โจวติ้งเจินถูกผลักออกไปจากเมืองเจ้อมาได้ครึ่งทางเขาก็ได้สติขึ้นมา พอรู้ว่าตนเองต้องถอนกำลังแบบนี้ ก็โมโหจนแทบจะเป็นลมไปอีกรอบแต่เขาก็ถ่ายหนักจนตัวโยน ตอนนี้แค่แรงจะด่าก็ยังไม่มีเพราะในป่าในเขา เขากระทั่งไม่มีกระดาษแล้ว ดังนั้นจึงต้องใช้ใบไม้กับกิ่งไม้มาจัดการ ตอนนี้รูทวารเองก็เต็มไปด้วยแผล ขยับทีก็เจ็บเหลือแสน"กลับ กลับไป..."รองขุนพลเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจว่า "ท่านขุนพล ครั้งนี้พวกเราช่างมันเถอะ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนร่วมมือกัน วิธีการก็ชั้นต่ำมาก ไม่รู้ว่ายาพวกนั้นของพวกเขาจัดการมาอย่างไร ถ้าพวกเรายังไปอีก ไม่รู้ว่าต้องติดยากันอีกกี่รอบนะ"ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทางนั้นก็ไม่มีอะไรกินกันแล้ว เดิมทีคิดว่าวันสองวันก็น่าจะจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะไร้เหตุผล ถึงกับใช้วิธีการแบบนี้แล้ววรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนก็ห่างชั้นกับพวกเขา ตราบใดที่ไม่ต้องปะทะกับท่านขุนพล เขาก็แฝงเข้ามาในกลุ่มพวกเขาได้ ถ้าหากเข้ามาก็ไม่มีใครขวางอยู่หรอกพวกเขาถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ยังไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร ต่อให้ไม่ตายชีวิตก็น่าจะหายไปซักครึ่งอยู่"ท่านขุน
โจวติ้งเจินไม่อยากจะออกไปไกลหน่อยเสียที่ไหน?แต่เขาทำไม่ไหวน่ะสิ!ท้องเสียครั้งนี้ ลากยาวไปถึงสามวัน!คืนวันที่สอง พวกทหารที่เรี่ยวแรงหายไปก็ฟื้นกลับมาพอควรแล้ว โจวติ้งเจินกลับล้มลงไปแทนเขาถ่ายออกมาจนทั้งเนื้อตัวซีดไปหมด ไม่มีแรงจะพูดจาเลยทีเดียวตอนที่เขาเตรียมจะรองขุนพลเตรียมเข้าไปตีเมือง รองขุนพลก็เริ่มท้องเสียบ้างแล้ววันที่สาม เขาออกคำสั่งอย่างอ่อนแรงให้ทหารเข้าไปโจมตีเมือง ให้รองขุนพลน้อยหลายคนนำทหารออกไป เหล่าทหารก็ไม่มีแรงกันขึ้นมาอีก!ทหารกว่าครึ่งล้มลงไปนอนระเนระนาดอีกครั้ง ลุกกันไม่ขึ้นแผนการโจมตีเมืองถูกบีบให้หยุดชะงักอีกครั้งโจวติ้งเจินโมโหจนเกือบจะเส้นเลือดในสมองแตกเขาตอนนี้ยังมองไม่ออกที่ไหนว่าเป็นฝีมือเซียวหลันยวน?แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายวางยามาได้อย่างไร! ยาพวกนั้นทำไมถึงไม่มีสีมีกลิ่นเลย"ต้องเป็นฟู่จาวหนิงแน่ๆ ต้องเป็นยาที่นางทำขึ้นมา..."สุดท้ายโจวติ้งเจินคิดออกถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ถ่ายออกมาจนตัวโหวง ลุกไม่ขึ้นที่นี่ไม่มีอะไรที่กินได้แล้ว ต่อให้ล่าสัตว์มา ตอนนี้เขาก็กลืนไม่ลงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป โจวติ้งเจินรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่รองขุนพ
อันเหนียนรู้สึกว่า สามีภรรยาอย่างพวกเขาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย อาจจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอีกก็ได้ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นคู่สวรรค์สร้าง ใครก็แทรกกลางเข้าไปไม่ได้เซียวหลันยวนเดินเข้ามา เห็นอันเหนียนกำลังคุยอยู่กับฟู่จาวหนิงเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง แต่มองไปทางอันเหนียน"คุยอะไรกัน?"คุยกันสนุกเชียวนะ? เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันเหนียนด้วยฟู่จาวหนิงเองก็สีหน้ามีชีวิตชีวาเหมือนกันเอาอีกแล้ว อันเหนียนก่นด่าในใจ เจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน "กำลังคุยกับพระชายา ว่าพวกท่านตอนนี้นิสัยคล้ายคลึงกันเรื่อยๆ แล้ว""อย่างนั้นหรือ? พวกเราเป็นสามีภรรยา จะคล้ายกันมันก็เรื่องปกตินี่" เซียวหลันยวนบีบแขนฟู่จาวหนิง"มือทำไมเย็นนักล่ะ?" ฟู่จาวหนิงโดนความเย็นของมือเขาดึงความสนใจไปทันที นางพลิกกลับมากุมมือเซียวหลันยวน มืออีกข้างก็ปลดหน้ากากของเขาลงมาพอปลดหน้ากากถึงจะเห็นสีหน้าของเขาดูแล้วยังดีอยู่"ฝนตกลงมาครู่หนึ่ง แล้วนอกเมืองก็อากาศเย็นมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด "หนิงหนิงให้ข้ากอดหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นขึ้นแล้ว"แค่กๆอันเหนียน
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย