"ท่านอ๋องโปรดระงับความโกรธ ช่วงนี้มีคนบางส่วนก่อความวุ่นวาย จงใจยัดคนหลายคนเข้ามาในจวนอ๋อง" โม่เหอเอ่ยรายงานเสียงต่ำกับเซียวหลันยวน "สาวใช้เมื่อครู่ชื่อว่าชิวอวิ๋น เป็นหนึ่งในนั้น พระชายาเยว่ส่งเข้ามา""พระชายาเยว่?""ลูกสาวคนเล็กจากตระกูลเยว่ เข้าวังสามเดือนก็ได้รับความโปรดปราน ช่วงนี้กำลังเป็นที่จับตามอง กระทั่งฮองเฮาเองก็ยังเสียเปรียบให้กับนางเลย"ตระกูลเยว่ เดิมทีเป็นตระกูลขุนพลรบ เพียงแต่ก่อนหน้านี้พ่อลูกของตระกูลเยว่สามคนตายในการรบ เหลือเพียงนายท่านสามเยว่คอยดูแลตระกูล เดิมทีทุกคนคิดว่าจะตกอับไปแล้ว ไม่มีใครสนใจเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้สนใจตระกูลเยว่แต่ก็คิดไม่ถึงว่าตระกูลเยว่จะสร้างความสำเร็จออกมาได้ด้วยตัวคุณหนูเยว่เพียงคนเดียวสามเดือน ก็เป็นพระชายาแล้ว?เดิมทีเขาไม่อยู่ในเมืองหลวง ก่อนหน้าที่จะไปก็กำชับพวกเขาไว้แล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่มาเกินไปก็ปล่อยผ่านได้ รอเขากลับมาแล้วค่อยจัดการคิดแล้วการถูกยัดสาวใช้หลายคนเข้ามานี่ก็คือเรื่องเล่านั้นสินะสาวใช้ที่ชื่อชิวอวิ๋นคนนี้ก็ดูไม่นิ่งสักเท่าไร เขาเพิ่งจะกลับมาวันแรกก็คิดจะลงมือทำอะไรเสียแล้วในดวงตาเซียวหลันยวนมี
"แค่รู้สึกว่าพออยู่ในมือเจ้าแล้วมันน่าจะหวานเป็นพิเศษ" เสียงของเซียวหลันยวนขรึมต่ำน่าดึงดูด ฟังแล้วหูคันยุบยิบฟู่จาวหนิงกำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกหน่วงๆ ที่ท้องน้อยนางตัวแข็งทื่อ ค่อยๆ เงยหน้ามองเซียวหลันยวน ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีนางมองไม่ออกเสียที่ไหน เซียวหลันยวนกำลังเฝ้ารอคืนนี้อย่างเห็นได้ชัด กระทั่งรอมาตลอดทางด้วยซ้ำแต่นางเดิมทีอยากจะหารือกับเขาดีดีก่อน กลับมาหลังเผชิญความยากลำบากมาตลอดทาง ยังไม่รู้ว่าเมืองหลวงตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ องค์จักรพรรดิถ้าเผื่อเตรียมแผนมากมายไว้รับมือพวกเขาล่ะ เช่นนั้นหลังจากที่กลับมาพวกเขาคงจะอยู่กันไม่สงบสุขนักภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เดิมทีก็ยังไม่เหมาะที่จะมีลูกแต่ว่ายุคสมัยนี้มาตรการการคุมกำเนิดยังไม่ดีพอ นางเองก็ยังไม่ได้คิดว่าจะใช้ยาอะไรจากในคลังสกัดยา ดังนั้น ทางที่ดีจึงอย่าเพิ่งหลับนอนกันจะอย่างไรก็ต้องรอสักเดือนนั่นล่ะ?แต่เมื่อครู่พอเห็นท่าทีร้อนรุ่มของเซียวหลันยวน คืนนี้นางคงเลี่ยงไม่พ้นแน่ส่วนถ้าตอนนี้..."มีอะไรหรือ?"เซียวหลันยวนพอเห็นสีหน้าของนางใจก็สั่นกึก ดูแล้วเหมือนจะเกิดอะไรขึ้น"อายวน ข้า
สองปีนี้ถึงแม้นางจะบำรุงขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นอย่างเต็มที่ ดังนั้นช่วงมีประจำเดือนจึงหนักหน่อยเซียวหลันยวนยังให้เฝิ่นซิงเข้ามาประคองตัวฟู่จาวหนิงจนฟู่จาวหนิงออกไป เขาก็เดินไปข้างเตียง บีบๆ ความหนาของผ้าห่ม จากนั้นก็กอดขึ้นมาชั่งน้ำหนักดูผ้าห่มจะบางไปหรือหนาไปก็ไม่ได้ กลัวว่าถ้าหนักเกินไปจะกดจนฟู่จาวหนิงรู้สึกไม่สบายดูแล้วพวกของหงจั๋วเองก็เอาใจใส่อยู่ ผ้าห่มนี้ไม่หนาไม่บาง แล้วยังพองฟู่ น่าจะไม่ค่อยหนักด้วยแต่พอมองสีแดงทั้งห้องนี้แล้ว เซียวหลันยวนก็ยังยกมือขึ้นกุมหน้าผากแล้วถอนหายใจดูท่ายังต้องรอไปก่อนจวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้คึกคักเช่นนี้มานานแล้วผู้ดูแลจงวุ่นนั่นวุ่นนี่ ในห้องอาหารสุรากับสำรับก็จัดเตรียมเรียบร้อย จึงส่งคนมาเชิญผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยเซียวหลันยวนจูงฟู่จาวหนิงเข้ามาด้วยเช่นกันพอเห็นมือที่จูงกันมา ผู้ดูแลจงก็ยิ้มจนตาหยีเป็นร่อง"ท่านอ๋องกับพระชายาดูแล้วรักใคร่กันดีเหลือเกิน"ฟู่จาวหนิงพอเห็นผู้เฒ่าฟู่กับเสี่ยวเฟยเข้ามา ก็เตรียมจะดึงมือออก แต่เซียวหลันยวนกลับจับมือนั้นไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยนางมองเขา ให้คนเห็นแล้วไม่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองหรอกหรือ
พอเห็นหน้ากากของเซียวหลันยวน ใจของผู้เฒ่าฟู่ก็หนักอึ้งขึ้นมาเขาไม่สนใจเนื้อปลาชิ้นนั้นแล้ว ยกถ้วยสุราขึ้นมาดื่มพอเห็นเขาเป็นเช่นนี้ เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงจึงสบตากันผาดหนึ่ง"ท่านปู่?"ผู้เฒ่าฟู่ยังมีเรื่องค้างคาในใจหรือ?อารมณ์กระดี๊กระด๊าของฟู่จาวเฟยก็กดลงมาด้วยเช่นกัน เขามองฟู่จาวหนิง จากนั้นก็มองเซียวหลันยวนอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้พี่เขยตอนนี้ดูแล้วดีมากเลย เพียงแต่...เซียวหลันยวนเองก็นั่งลงมา มองไปยังผู้เฒ่าฟู่"ท่านปู่ มีเรื่องอะไรก็เชิญพูดมาเถิด"ผู้เฒ่าฟู่ปากขยับ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปทางพวกเขา"ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยเรียกข้าแบบนี้" เขาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนชะงักไปก็จริงเพราะก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเขามีเรื่องวางยาพิษของฟู่หลินซื่อมาคั่นกลางไว้ตอนนั้น เขาคิดถึงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก็คือตนเองไม่ต้องไปเอาผิดกับพวกเขา ไม่ล้างแค้น ไม่กดดันพวกเขา ให้พวกเขาใช้ชีวิตกันไปเช่นนี้ไม่ต้องติดต่อกันเลยจะดีที่สุดแต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองจะพ่ายแพ้ใจทั้งดวงให้กับฟู่จาวหนิง?ตลอดทางที่กลับมาแคว้นเจานี้ เขาคิดไปมากมายท้ายสุดก็รู้สึกว่า ต่อให้ครั้งนั้นฟู่หลินซื่อจะเป็นคน
เรื่องของบ้านตระกูลเสิ่น พวกเขาก็ยังไม่ได้พูดถึงเลยพอฟังเรื่องนี้ ความสนใจของผู้เฒ่าฟู่ก็เบนไปแล้วจริงๆ"บ้านตา?""ท่านพี่กำลังพูดถึงท่านเสิ่นใช่ไหม?" ฟู่จาวเฟยดวงตาเป็นประกาย "ท่านพี่ก่อนหน้านี้เรียกเขาว่าท่านลุง บอกว่าเขาเป็นพี่ชายของท่านแม่ ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่ของท่านลุงก็รับเป็นญาติแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไรก็ยืนยันออกมาจริงๆ ไม่ได้ ผู้เฒ่าฟู่เองก็ยังกังวลอยู่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าตระกูลเสิ่นนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ ตอนนี้พอได้ยินฟู่จาวหนิงยืนยันว่าเป็นท่านตาแล้ว เขาก็ยินดีออกมาด้วยเช่นกัน"ใช่ ครั้งนี้ข้าไปรักษาอาการป่วยให้ท่านยายมา และพักอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นพักหนึ่ง ตอนที่ข้ากลับ ท่านตากับท่านยายยังไม่ทันได้เห็นท่านพ่อท่านแม่เลย..."แม้ระหว่างทางจะได้รับจดหมายจากเสิ่นเสวียน บอกว่าพวกเขารู้จักกันแล้ว แต่สถานการณ์หลักๆ ยังไม่ทราบ"ดี ดีดีดี ตระกูลหลินเดิมทีก็ไม่ได้ดีกับนางนัก ตอนนี้พอยืนยันว่าตระกูลเสิ่นเป็นบ้านที่แท้จริงของนาง เช่นนั้นพวกเจ้าพี่น้องนับจากนี้ก็มีญาติเพิ่มมาอีกฝ่ายแล้วสินะ..."ที่ผู้เฒ่าฟู่ดีใจที่สุดก็คือจุดนี้"ก่อนห้านี้ข้าก็กังวล ว่าห
ฟู่จาวหนิงยังคิดจะพูดต่อ ทว่าฝ่ามือก็ถูกกำไว้แน่นนางตะลึงงันไป มองไปทางเซียวหลันยวนตอนนี้ยังมองไม่เห็นสีหน้าเซียวหลันยวน แต่นางสังเกตได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขาเดิมที เขาคิดจะปลดหน้ากากลง ให้พวกผู้เฒ่าฟู่เห็นหน้าตาของเขาชัดๆแต่ก็ไม่ทันแล้ว ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนตอนนี้ปลดหน้ากากลง อันที่จริงจะใช้การได้กว่าคำพูด ใบหน้าของเขากลับมาหายดีแล้วแต่ว่า มันก็เหมือนเป็นเข็มที่ทิ่มแทงบนใจเซียวหลันยวนถ้าหากหน้าของเขายังไม่หายดีล่ะ?นั่นก็จะหมายความว่าเขาคนนี้ หัวใจดวงนี้ สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดมันไม่มีความหมาย และต้องถอยห่างออกมาจากข้างกายฟู่จาวหนิงเพราะใบหน้านี้น่ะหรือ?เขาไม่สามารถรั้งนางไว้ได้กระทั่ง เขาจะเป็นท่านอ๋องก็ไม่ได้ สมควรต้องตายเพราะใบหน้านี้ความหมายการคงอยู่ของตัวเขา ก็แค่ใบหน้านี้เท่านั้นหรือ?ความรู้สึกนี้ ไม่อาจบอกกับทุกคนให้เข้าใจได้ แต่ในใจเซียวหลันยวนตอนนี้ก็เย็นชาลงแล้วจริงๆจู่ๆ เขาก็ไม่อยากจะปลดหน้ากากลงให้คนอื่นคิดว่าเขายังมีใบหน้าเหมือนผีไปเสีย แล้วโลกนี้จะว่าอย่างไร? จะให้เขาทำอย่างไร?"คนของเมืองหลวง พูดถึงข้าอย่างไรกัน?" เซียวหลันย
"และยังบอกอีกว่า ตอนเจ้ายังเล็กมากก็ติดพิษอีก เป็นไปได้ว่าคนที่รู้ความจริงคิดจะชิงลงมือกับโชคชะตาแคว้นเจาก่อน สะกดมังกรร้ายเอาไว้ เพื่อปกป้องโชคชะตาของมังกรแท้จริงแห่งแคว้นเจา ปกป้องโชคชะตาแคว้น"ฟู่จาวหนิงถลึงตาโตทำไมยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่แล้ว?เรื่องวางยาพิษตอนนั้น ถูกตีความเอาไว้เช่นนี้หรือ?ในใจนางรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น"ท่านปู่...""จาวหนิง เจ้าให้ข้าพูดให้จบก่อน""อืม พูดให้หมดเลย ข้าเองก็อยากจะฟังเหมือนกัน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงสงบ"ถึงอย่างไร ตอนนี้ในเมืองหลวงก็มีคนไม่น้อยที่พูดว่าเจ้านั้นเป็นมังกรร้าย เจ้เาองก็รู้ ว่าเรื่องนี้มันพูดให้ชัดเจนไม่ได้ แต่ปกติคนเราก็ยอมที่จะเชื่อว่ามันมีอยู่จริงใช่ไหม?"ผู้เฒ่าฟู่มองเซียวหลันยวนเขาเองก็รู้ ว่าเรื่องที่ลือกันนี้มันเหลวไหล ถึงอย่างไรเขาเองก็ไม่เชื่อแต่ว่าเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเชื่อหรือไม่เชื่อเมื่อมีคำพูดเช่นนี้ลือออกมา องค์จักรพรรดิจะไม่ยอมปล่อยไป"ถูกต้อง" เซียวหลันยวนพยักหน้า"ดังนั้นเรื่องนี้จึงยุ่งยากมาก" ผู้เฒ่าฟู่ถอนหายใจ "ข้ารู้ว่าน่าจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ยอมรับเ
เซียวหลันยวนหลังจากฟังผู้เฒ่าฟู่พูดมายืดยาวจนจบ ก็เอ่ยถามเขาขึ้นเสียงเรียบคำหนึ่ง"จากที่ท่านปู่เห็น พวกเราควรทำเช่นไร?"ประโยคนี้พอย้อนถามออกมา กระทั่งผู้เฒ่าฟู่เองก็ยังคิดไม่ถึงอั นที่จริงตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเซียวหลันยวนเองก็กระวนกระวายตึงเครียดอยู่เหมือนกัน ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นอ๋องนะ ตระกุลฟู่ของพวกเขาตอนที่รุ่งเรืองที่สุด ก็เป็นแค่ตอนที่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินถูกเชิญเข้าไปร่วมงานเลี้ยงวังเท่านั้นพวกเขาเป็นประชาชนปกติสำหรับอำนาจจักรพรรดิ ยังถือว่ารู้สึกกดดันอยู่มาก ต่อให้เซียวหลันยวนตอนนี้จะเป็นเขยของหลานสาวเขาก็ตามยิ่งไปกว่านั้นเขาพูดไปตั้งเยอะขนาดนี้ ก็ล้วนแทบจะแทงลงไปบนใจของเซียวหลันยวนทั้งหมด ผู้เฒ่าฟู่เองเดิมทีก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเขา เซียวหลันยวนน่าจะระเบิดอารมณ์พลิกโต๊ะเป็นแน่และอาจจะถูกเหล่าองครักษ์ไล่พวกเขาออกไป ไม่ให้พวกเขาเข้ามาเหยียบในจวนอ๋องเจวี้ยนอีกแต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเพื่อจาวหนิงแล้ว เขาก็ยังต้องพูดให้ชัดเจนตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพอได้ยินคำพูดเหล่านี้ ปฏิกิริยาของเขาจึงจะเป็นความจริงที่สุด เขาก็อยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะจัดการอย่า