พวกเขาพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขามีความรู้สึกเหมือนใกล้จะถูกพวกเขามองมาทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงกลับมองไปทางเซียวหลันยวนมือข้างหนึ่งของนางกุมมือเขนแน่น สัมผัสได้ถึงไฟโกรธที่เขาระงับไว้นายกมือข้างหนึ่งขึ้นมา เตรียมจะปลดหน้ากากของเขาออกตอนนี้ นางอยากให้ท่านปู่กับฟู่จาวเฟยได้เห็นใบหน้าของเซียวหลันยวนแต่เซียวหลันยวนก็เบี่ยงออกเล็กน้อย เลี่ยงมือของนางออกมา"อายวน" นางเรียกเขาเสียงแผ่วเบา"สวมไว้ก่อนเถอะ" เสียงของเซียวหลันยวนฟังแล้วสงบนิ่งเหมือนไม่มีอารมณ์ใดยิ่งไปกว่านั้น ในเวลาเช่นนี้ มือที่จับนางไว้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ราวกับกำลังปล่อยมือจากตัวนางชั่วพริบตานั้น ฟู่จาวหนิงก็พลิกมาจับเขา นิ้วสอดประสานกันและกันกับนิ้วทั้งสิบของเขานางชูมือของทั้งสองคนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเซียวหลันยวนตะลึงงัน มองนางเดิมทีคิดจะพูดอะไร แต่ก็หยุดอยู่ที่คอหอยสายตาของผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยก็มองไปยังมือที่กุมกันอยู่นั้นฟู่จาวหนิงมองผู้เฒ่าฟู่เสียงของนางดังขึ้นแจ่มชัด เอ่ยขึ้นทีละคำอย่างตั้งใจ"ท่านปู่ ข้ากับอายวนรักกันแล้ว ตัดสินใจว่าจะปกป้องกันไปชั่วชีวิต หลังจากนี้ไม
ใจของเซียวหลันยวนอ่อนลงมาแล้วเขาคือคนที่ฟู่จาวหนิงคิดจะปกป้องไม่มีใครเคยพูดว่าจะปกป้องเขาเขาคิดมาตลอด ว่าต่อให้ร่างกายตนเองแย่ลง ติดพิษ อยู่ได้ไม่ถึงอายุสามสิบ เช่นนั้นก็จะพยายามอยู่ต่อไปทีละวันๆด้านหลังเขายังมีคนเหล่าที่ติดตามเขามาตลอดเหล่านั้นอยู่ แล้วยังมีคนเหล่านี้ของจวนอ๋องเจวี้ยนด้วย ถ้าหากเขาตายไป พวกเขาคงจะลำบากมากพวกของชิงอีหลานหรงเหล่านั้น เดิมทีก็ถูกเขาเก็บมาตอนที่แทบจะเอาตัวไม่รอดยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็ล้วนเคารพศรัทธาเขา เชื่อมั่นในความสามารถของเขา เชื่อมั่นว่าติดตามเขาแล้ว จะช่วงชิงฟ้าดิน จะมีวันคืนที่ดีขึ้นมาพวกเขาล้วนเป็นคนที่ทุ่มเทด้วยชีวิตแต่ฟู่จาวหนิงกลับพูดว่า เขาเป็นคนที่นางจะปกป้อง"ท่านปู่ ข้ารู้ว่าท่านกังวลข้า เป็นห่วงข้า แต่ว่าข้าเองก็กังวลอายวนเป็นห่วงอายวนเหมือนกัน เขาเป็นสามีของข้า ไม่ว่าหลังจากนี้เขาต้องเผชิญกับอะไร ข้าก็จะยืนอยู่ข้างกายเขา ท่านไม่ต้องกังวลไป ข้ากับเขาล้วนไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันง่ายๆ"ฟู่จาวหนิงมองผู้เฒ่าฟู่ น้ำเสียงเองก็อ่อนลงมาแล้วเช่นกัน"องค์จักรพรรดิถ้าหากจะไม่เอาเขาไว้ เช่นนั้นข้าก็จะช่วยเขาสู้กับองค์จักรพรรดิ เขาคิดจ
นี่คือสมบัติล้ำค่าของทั้งชีวิตเขา เขาจะปกป้องมันให้ดี จะไม่ใช้ลมปากอะไรมารับประกันทั้งนั้นผู้เฒ่าฟู่พอได้ยินคำนี้ของเขาก็ถอนใจโล่งออกมา เพราะคำพูดนี้ก็ฟังออกถึงความคิดต่อตัวฟู่จาวหนิงของเซียวหลันยวนแล้ว"ทุกท่าน อาหารเย็นชืดหมดแล้ว ข้าจะให้คนนำไปอุ่นสักครู่"ผู้ดูแลจงก็เดินเข้ามาอย่างพอเหมาะพอเจาะ สั่งการให้สาวใช้นำกับข้าวยกออกไปอุ่นเซียวหลันยวนลุกขึ้นยืน "หนิงหนิง เจ้าอยู่กินกับท่านปู่และเสี่ยวเฟยเถอะ ข้าจะไปห้องหนังสือเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงมองเขาครู่หนึ่ง น่าจะเพราะเข้าใจความคิดเขา จึงพยักหน้าให้ "เดี๋ยวจะให้ชิงอีส่งอาหารไปให้ท่าน""ได้" เซียวหลันยวนเองก็ไม่ปฏิเสธพอเขาออกไป ผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยดูมึนงงหน่อยๆ ในใจก็ดำดิ่ง"จาวหนิง อ๋องเจวี้ยนยังโกรธอยู่หรือ?"กระทั่งข้าวก็ยังไม่อยากมานั่งกินกับพวกเขาแล้วหรือ?ก็จริง คำพูดเหล่านั้นที่เขาพูดเมื่อครู่มันทำร้ายจิตใจเสียเหลือเกิน"ไม่ใช่ ท่านปู่ สำหรับคนของบ้านตนเอง เขาไม่ใช่คนที่จิตใจคับแคบขนาดนั้น ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวอายวนหน่อย เขาจะต้องคิดถึงเรื่องอะไรที่ต้องรีบไปจัดการแน่นๆ ท่านเองก็รู้ว่าสถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ไม่ได้ผ
หงจั๋วไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนไปที่ไหน"ท่านอ๋องไม่ได้บอกไว้เจ้าค่ะ แค่ให้ข้าน้อยมาแจ้งกับพระชายา บอกว่าพักผ่อนไวไว อย่าให้ตัวเย็นนัก"พอมาถึงในห้อง เฝิ่นซิงก็ตรงเข้ามารับ ดวงตาเป็นประกาย"พระชายา ท่านรู้ไหมว่าก่อนที่จะออกไปท่านอ๋องให้ข้าน้อยทำอะไร?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ"ทำอะไรหรือ?""ให้ข้าน้อยเอาหม้อร้อนหลายใบใส่ไว้ในผ้าห่ม ท่านอ๋องบอกว่าเช่นนี้พอพระชายาขึ้นบนเตียงก็จะอบอุ่นขึ้นมา"ท่านอ๋องเอาใจใส่สุดๆ ไปเลยฟู่จาวหนิงใจอุ่นวาบขึ้นมาเซียวหลันยวนจำได้ว่านางมีประจำเดือน กลัวว่านางจะหนาวสินะอันที่จริงตอนแรกเขาก็รู้สึกว่า เซียวหลันยวนคนนี้ ขอแค่เขายอมเท่านั้น เขาจะกลายเป็นคนที่เอาใจใส่อย่างละเอียดคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ก่อนหน้านี้ไม่มีคนให้เขาได้ใส่ใจนั่นเองตอนนี้เขาเอาใจใส่มาไว้บนตัวนาง นางรู้สึกว่าโชคดีสุดๆ"ข้าเพิ่งจะกินยังไม่อยากนอนน่ะ" ฟู่จาวหนิงเดินมานั่งลงที่แคร่นิ่ม "พวกเจ้าอยู่คุยกับข้าก่อน ลองเล่ามาหน่อยว่าครึ่งปีนี้ในเมืองหลวงกับจวนอ๋องมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง""พระชายาจะถามถึงชิวอวิ๋นพวกนั้นใช่ไหม?" หงจั๋วเอ่ยขึ้นทันที"อื๋อ?"ฟู่จาวหนิงเดิมทียังนึกไม่ถึงเรื่องชิวอวิ๋นด้
ฟู่จาวหนิงเองก็อดชมขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้...หญิงงามบานสะพรั่ง ระยิบระยับเจิดจ้าอวิ๋นจูงดงามมาก แต่สิ่งที่ดึงดูดคนยิ่งกว่าใบหน้านางคือผิวของนางถูกต้อง อวิ๋นจูขาวมากขาวจนเหมือนส่องแสงได้อย่างไรอย่างนั้นความขาวบดบังความไม่น่ามองทั้งมวล แล้วนางเองก็สวยอยู่แล้วด้วยฟู่จาวหนิงพอเห็นสาวงามที่ผิวขาวราวหยกคนนี้ก็อดถลึงตาโตไม่ได้ตอนนี้นางจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมหงจั๋วกับเฝิ่นซิงถึงบอกว่าคุณหนูอวิ๋นคนนี้งดงามกว่าคนมากมายในเมืองหลวงยังไม่ต้องพูดเรื่องใบหน้า เอาแค่ความขาวของผิวนางก็ชนะคนอื่นไปส่วนใหญ่แล้วหลังจากอวิ๋ฯจูคารวะให้นาง ก็เห็นนางไม่ตอบกลับ จึงเอ่ยซ้ำขึ้นมาคำหนึ่ง"อวิ๋นจูคารวะพี่หญิงพระชายา"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดนาง เพียงแต่สายตายังคงพิจารณาอยู่อันดับแรก คำเรียกอย่างพี่หญิงพระชายาทำเอานางรู้สึกขบขัน"เจ้าชื่ออวิ๋นจูหรือ?""ถูกต้อง สกุลอวิ๋น ชื่อจูคำเดียว" เสียงของอวิ๋นจูอ่อนช้อยมากนางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน คลุมด้วยผ้าคลุมขนกระต่ายสีขาว บนตัวมีกลิ่นหอมจางๆ ตอนที่เพิ่งเข้าประตูมาด้านนอกก็มีลมพัดเอากลิ่นนี้เข้ามาพอดีกลิ่นหอมนี้พิเศษมาก หอมอ่อนโยนและสง่างาม แตกต่างกับความห
ฟู่จาวหนิงมองไปทางหงจั๋วเฝิ่นซิงอีกครั้งราชวงศ์แคว้นเจาคือสกุลเซียวอ๋องฉยงไม่ใช่เป็นญาติกับองค์จักรพรรดิหรอกหรือ?อวิ๋นจูในเมื่อเป็นลูกสาวของเขา เช่นนั้นทำไมจึงไม่ใช่สกุลเซียว แต่เป็นสกิลอวิ๋น?เฝิ่นซิงกดเสียงต่ำ เข้ามาป้องข้างหูนาง "คุณหนูอวิ๋นใช้นามสกิลตามมารดาเจ้าค่ะ"ดังนั้น อ๋องฉยงจึงสกุลเซียวสินะ"ใช้สกุลอวิ๋นหรือ?"หาได้ยากจริงๆ จะพูดอย่างไรก็ถือว่าเป็นสายเลือดของราชวงศ์นะ แล้วอ๋องฉยงกลับให้ลูกสาวใช้สกุลตามมารดาหรือ?อวิ๋นจูดวงตาแดงรื้นขึ้นมาอีกสามส่วน ดูแล้วน่าสงสารเอามากๆนางกัดริมฝีปากล่าง กำลังเตรียมจะพูดอะไร ฟู่จาวหนิงก็เดินเข้ามาก่อน "ในเมื่อเจ้าเป็นลูกสาวของอ๋องฉยง เช่นนั้นมาพักอยู่ในเรือนอ๋องเจวี้ยนจึงไม่เหมาะสม ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไปวังราชนิเวศน์ก็แล้วกัน"พูดจบนางก็ร้องเรียกขึ้นมา "สืออี"อวิ๋นจูนั่งไม่ติดแล้ว นางลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะล้ม "น้องหญิงพระชายา...""เฮอะ"สีหน้าฟู่จาวหนิงขรึมลงไปอีก สีหน้ามีแววประชดประชันขึ้นมา"ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่ดึกข้ายังไม่อยากนอน จะให้เวลาเจ้าได้สาธยายเสียหน่อย มาๆๆ เจ้าลองอธิบายกับข้าหน่อยสิ ว่าพี่หญิงน้องหญิ
เซียวหลันยวนกลับมาตอนใกล้จะเช้าหนาวเย็นไปทั้งตัว จึงไม่อยากกลับไปทำให้ฟู่จาวหนิงต้องเย็นไปด้วย ดังนั้นจึงไปยังห้องหนังสือผู้ดูแลนำน้ำแกงมาประทังท้องและไล่ความหนาวให้กับเขา พูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้"แค่ไม่กี่คำก็ทำเอาสลบไปเลยหรือ?"เซียวหลันยวนหลังจากได้ยินสีหน้าก็ไม่ค่อยสู้ดีนักชั่วขณะหนึ่ง ผู้ดูแลจงยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าท่านอ๋องโมโหที่พระชายาทำให้อวิ๋นจูโกรธจนเป็นลมหรือว่าเรื่องอะไรเซียวหลันยวนรู้เรื่องที่อวิ๋นจูมาอยู่ในจวนไม่ได้ไวไปกว่าฟู่จาวหนิงหนักตอนที่หงจั๋วกับเฝิ่นซิงพูดถึงเรื่องในจวนกับฟู่จาวหนิงกันสามคนนั้น ผู้ดูแลก็เพิ่งจะบอกเขาเพียงแต่เขาตอนนั้นมีเรื่องที่ต้องออกไปจัดการ จึงไม่ได้สนใจไปชั่วคราวคิดไม่ถึงว่าพอกลับมากลางดึกจะได้ยินเรื่องเช่นนี้"ท่านอ๋อง คุณหนูอวิ๋นหลังจากสลบไปก็ถูกส่งไปที่เรือนแขกแล้ว เพียงไม่นานก็ตื่นขึ้นมา น่าจะไม่ได้เป็นอะไรมาก พระชายาเองก็คงไม่ได้ตั้งใจ นางไม่รู้เรื่องของอ๋องฉยงเลย ดังนั้นพูดจาจึงค่อนข้างตรงไปตรงมา..."ผู้ดูแลจงเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างระมัดระวังเซียวหลันยวนเหล่มองเขาผาดหนึ่ง "เจ้ากำลังพูดแทนพระชายาหรือ?"นี่คิดจะมาขอขม
"ไปเอาน้ำร้อนมาหน่อย ใส่หยาดหิมะลงไปด้วย ข้าจะเอามาประคบ"หยาดหิมะเป็นยาน้ำที่พวกเขาติดมา ปกติผิวของนางเป็นแผลได้ง่ายมาก จึงต้องประคบร้อนอยู่บ่อยๆ"่เจ้าค่ะ"ซิ่งเอ๋อร์รีบไปเตรียมผ้าขนหนูร้อนๆ หอมๆ ประคบอยู่บนดวงตา อวิ๋นจูจึงถอนใจออกมา "ข้าหิวแล้ว เจ้าไปนำข้าวเช้ามาหน่อย"ซิ่งเอ๋อร์พอได้ยิน ก็กัดริมฝีปากล่างขึ้นมา"คุณหนู เมื่อครู่ข้าไปที่ห้องครัวแล้ว ทางนั้นบอกว่าวันนี้ไม่มีอาหารสำหรับพวกเรา""หมายความว่าอย่างไร?" อวิ๋นจูเอาผ้าขนหนูที่ประคบดวงตาอยู่ลงมาทันที มองซิ่งเอ๋อร์อย่างตกตะลึง"พวกเขาบอกว่า นี่เป็นความเห็นจากอ๋องเจวี้ยน บอกว่าคุณหนูทำผิดเอาไว้ จึงลงโทษไม่ให้กินข้าวหนึ่งวัน ถ้าอยากจะกินก็ออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วไปหากินเอาเอง"พอได้ยินคำนี้ อวิ๋นจูก็งงงันไป"นี่เป็นไปไม่ได้ ท่านพี่อ๋องเจวี้ยนทำไมถึงเป็นคนใจร้ายเช่นนี้? พระชายาไปพูดอะไรให้ร้ายข้ากับเขาหรือเปล่า?"ซิ่งเอ๋อร์ออกแรงพยักหน้า "ข้าว่าต้องใช่แน่ๆ นางจะต้องใส่ร้ายคุณหนู""เมื่อคืนข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วข้าเองก็ไม่ได้ทำอะไรนางด้วย แค่คิดว่านางกลับมาแล้ว นางเองก็เป็นนายหญิงของจวนอ๋อง ข้าควรจะเข้าไปคารวะนางเ