"หนิงหนิง"เซียวหลันยวนเข้ามาพอดี"คารวะท่านอ๋อง"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงรีบทำความเคารพ"ไปเตรียมข้าวเช้าเถอะ จะไปกินกันที่เรือนหนิงโยว" เซียวหลันยวนโบกมือให้พวกนาง"่เจ้าค่ะ"สองสาวใช้รีบถอยออกไปฟู่จาวหนิงหมุนตัวเข้ามา มองไปทางเซียวหลันยวนเขายังคงสวมหน้ากากอยู่ดูเหมือนก่อนหน้าที่จะรู้แผนการขององค์จักรพรรดิเขายังไม่คิดจะเปิดเผยใบหน้าแท้จริงออกมาตอนนี้เขาสวมหน้ากากครึ่งหน้าไว้ จะดื่มน้ำหรือกินข้าวก็ไม่เป็นอุปสรรค เหมือนกับเขาสมัยก่อนเขาอยู่ในชุดคลุมผ้าไหมสีม่วงเข้มเหมือนเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ฟู่จาวหนิงจึงถามขึ้น "ไปพบอวิ๋นจูที่เรือนแขกมาหรือ?"ไม่เช่นนั้นจะไปลงโทษคนเขาไม่ทำตามกฎเกณฑ์ได้อย่างไรกัน?เซียวหลันยวนงงงันเขาสังเกตเห็นในพริบตาว่าอารมณ์ของฟู่จาวหนิงนั้นไม่ดีนัก"ข้ากับมาจากด้านนอก ทำไมต้องไปพบน้องอวิ๋นด้วยล่ะ?""ข้าได้ยินว่า ท่านอ๋องลงโทษห้ามนางกินข้าวหนึ่งวัน สาเหตุคือนางไม่ทำตามกฎระเบียบ เข้าไปในเรือนโยวหนิงโดยพลการ" ฟู่จาวหนิงเดินมาตรงหน้าเขา มือข้างหนึ่งทาบไปเบาๆ ที่หน้าอกเขา เงยหน้ามองเขา น้ำเสียงอ่อนนุ่ม "ข้าอยากจะถาม ว่ากฎระเบียบของจวนอ๋องนี้คืออะไรกัน? บอ
นางใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าอกเขา "อวิ๋นจูคนนั้นท่านไปพบมาแล้วหรือยัง? ทั้งขาวทั้งสวยแล้วก็น่าเอ็นดูด้วยนะ เมื่อคืนนี้ข้าเจอนางครั้งหนึ่งก็ทำเอานางโมโหจนสลบไปเลย ท่านคิดว่าข้าใจดำไปหน่อยไหม?""แล้วเจ้าถูกยั่วโมโหหรือเปล่า? ถ้าเจ้าถูกยั่วโมโหล่ะก็ ก็ไปอัดนางระบายโกรธเสียหน่อย" เซียวหลันยวนกุมมือนาง ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดตน ก้มหน้าลงจูบบนริมฝีปากนางครู่หนึ่ง "ใครให้เจ้าหน้าตาแบบนี้ล่ะ? ในใจข้า ไม่มีใครเทียบหนิงหนิงได้อยู่แล้ว"พูดจบ เขาก็จูบอย่างดูดดื่มยิ่งขึ้นฟู่จาวหนิงถูกเขาจูบจนตัวเริ่มอ่อนยวบ"ท่านอ๋อง..."หงจั๋วจะเข้ามาเชิญพวกเขาไปกินข้าวเช้าด้านนอก ผลคือพอเข้ามาก็เห็นทั้งสองคนกอดกันกลม จึงรีบถอยออกไปทันที ใบหน้าแดงก่ำท่านอ๋องกับพระชายานี่รักกันดีจริงๆก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ใช่แบบนี้นี่นา ดูท่าหลังจากนี้นางคงจะเดินเข้าไปก่อนอย่างเคยชินไม่ได้แล้ว ต้องส่งเสียงก่อนด้วยฟู่จาวหนิงยื่นมือไปจิ้มเอวเซียวหลันยวนนางเองก็ไม่ใช่ว่าด้วยกำลังภายในของเขาจะไม่ได้ยินว่าหงจั๋วเดินเข้ามา แต่นี่ดันไม่ยอมปล่อยนางก่อนเสียอย่างนั้นเซียวหลันยวนจูบนางเสร็จ จึงปล่อยนางออกอย่างอาลัยอาวรณ์ ใช้ปลายนิ้
เซียวหลันยวนเหมือนไม่เคยเรียกองค์จักรพรรดิฮองเฮาไทเฮาอย่างจริงจังเลยฟู่จาวหนิงถูกเขาพูดมาเช่นนี้จึงไม่มีคำจะต่อแล้ว"ไม่ใช่ว่าใครก็จะมาเรียกข้าว่าพี่ชายได้" เซียวหลันยวนถึงอย่างไรก็เป็นคนที่นิสัยโดดเดี่ยวมากตอนเขายังเล็กมากก็ถูกวางยาพิษจนเกือบตาย คนข้างกายเขาเหล่านั้นก็ไม่จริงใจกับเขา ต่อให้พวกคนในวังที่มารับใช้ข้างกายเขาตอนที่ยังเล็กส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ขั้วอำนาจต่างๆ ส่งเข้ามาคอยจับจ้องเขาทั้งนั้น คิดหาวิธีเล่นงานเขาให้ตาย ทรมานเขา คนแบบไหนก็มีทั้งนั้นพวกพี่น้องหรือเหล่าองค์หญิงก็ล้วนเอาแต่แย่งชิงความโปรดปรานกันหมดตอนเขายังเล็กถูกพากลับเข้าวัง หลังจากที่ไท่ซ่างหวงปฏิบัติกับเขาเป็นพิเศษ พวกพี่น้องเหล่านั้นก็เข้าหาเขาด้วยเป้าหมายต่างๆ นานาเคยมีองค์หญิงเล็กคนหนึ่งทำดีกับเขา แต่ต่อมาเขาก็รู้ว่า นั่นเป็นเพราะน้องสาวคนนั้นรู้สึกว่าไท่ซ่างหวงเอ็นดูเขา ถ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับเขาหน่อย ไท่ซ่างหวงก็อาจจะเอ็นดูตามไปด้วยแม่นางคนนั้นแต่ก่อนก็เรียกเขาว่าพี่ชายพี่ชาย แต่หลังจากที่รู้เป้าหมายของนางที่ยังเล็กแล้ว เซียวหลันยวนก็ตีตัวออกห่าง และไม่ยอมให้ใครเรียกตนเองว่าพี่ชายอีกเลยถึงอย่า
ลากเวลามาได้นานขนาดนี้ องค์หญิงหนานฉือก็ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วยังอยู่ในเมืองหลวงมาได้ตลอดรอดฝั่งอีกคนที่แคว้นหนานฉือกู่ก็ไม่ได้เร่งรัดนาง องค์จักรพรรดิเลยปล่อยให้นางกินข้าวสบายอยู่ที่นี่หรือ?ยิ่งไปกว่านั้นเพราะอะไรองค์หญิงหนานฉือจึงมากับอันเหนียนล่ะ?เซียวหลันยวนให้ผู้ดูแลไปเชิญคนเข้ามาที่โถงหน้าเขากับฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าเสร็จจึงค่อยเดินออกไปพอเห็นคนที่นั่งอยู่ที่โถงหน้า สายตาของฟู่จาวหนิงืก็ย้ายจากตัวอันเหนียนไปที่ตัวองค์หญิงหนานฉือ จากนั้นก็หันมามองหน้าอันเหนียนอีก"สองคนนี้มีอะไรกันหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมถึงอยู่ด้วยกันบ่อยจัง?"ฟู่จาวหนิงถามเซียวหลันยวนเสียงแผ่วแต่ว่า เซียวหลันยวนก็ไม่ตอบ นางมองออกถึงความผิดปกติขององค์หญิงหนานฉือ "ไม่ถูกสิ องค์หญิงหนานฉือทำไมถึงผอมลงไปขนาดนี้?"ใบหน้าก็เล็กลง เดิมทีเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ตอนนี้พอหน้าเล็กลง ดวงตาจึงดูใหญ่ขึ้น สีหน้าขาวซีด ดูแล้วเหมือนอ่อนแอลงไปอย่างไรอย่างนั้นพอเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามา องค์หญิงหนานฉือก็ลุกขึ้นยืนทันที"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านกลับมาได้เสียที!"นางพูดคำนี้ออกมา แล้วรีบพุ่งโถมไปหาฟู่จาวหนิงนี่ราวกับเป็นเพื่อนเก่
"ข้าแต่งกับนางไม่ได้" อันเหนียนนิ่งงันไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นมา"มีอะไรไม่ได้กัน? ช่วงนี้องค์หญิงอย่างข้าเห็นชายหนุ่มในเมืองหลวงมาตั้งเยอะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้าตาเลย ข้าเองก็กลับไปไม่ได้อีก มีแต่ท่านที่พอไปวัดไปวาได้ เช่นนั้นข้าก็จะแต่งกับท่านี่ล่ะ ไม่ได้ตรงไหนกัน?"องค์หญิงหนานฉือจ้องอันเหนียน ดูโมโหหน่อยๆ"องค์หญิง ข้าบอกกับท่านชัดเจนไปแล้ว สาเหตุท่านเองก็รู้อยู่""เหตุผลพวกนั้นข้าไม่ยอมรับ""นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะยอมรับหรือไม่ ข้าไม่แต่ง ข้าแต่งด้วยไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเหลือบสบตากันสองคนนี้มันสถานการณ์อะไร?มาทะเลาะกันต่อหน้าพวกเขาตั้งแต่ไก่โห่?"ถึงอย่างไรข้าก็ไม่สน อย่างมากสุดในสามวัน องค์จักรพรรดิจะต้องให้ข้าแต่งให้ได้ ข้าก็แต่งได้กับท่านเท่านั้น ถ้าท่านไม่แต่งด้วย พรุ่งนี้ตอนค่ำๆ ข้าจะสั่งคนยกเกี้ยวเจ้าสาวพาขาส่งไปที่ประตูใหญ่จวนตระกูลอันของท่านเลย" องค์หญิงหนานฉือหัวเราะเย็นชาขึ้นมา จากนั้นก็พูดต่อว่า "แล้วข้าก็จะแก้ผ้ามุดประตูเข้าห้องนอนท่านด้วย""องค์หญิง..." อันเหนียนมุมปากกระตุก หน้าดำทมึนขึ้นมาแล้วฟู่จาวหนิงถลึงตาโตองค์หญิงหนานฉือบ้าดีเดือดขนาดนี้เ
องค์หญิงหนานฉือเองก็ตกตะลึงไปเช่นกันเซียวหลันยวนมองอันเหนียนนิ่งๆอันเหนียนหยิบม้วนหนังแกะที่ดูมีอายุม้วนหนึ่งออกมาจากในอก ม้วนหนังแกะนี้ออกเหลืองไปแล้ว และยังมีคราบดำๆ อยู่อีกด้วยชิงอีขึ้นมารับไป ส่งให้กับมือเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนค่อยๆ กางม้วนหนังแกะออกดูอันเหนียนเองก็เอ่ยต่อว่า "ท่านอ๋อง องค์จักรพรรดิก่อนหน้านี้มอบหมายงานให้กับข้า""ก็ไม่ใช่เพราะท่านไปยั่วโมโหองค์จักรพรรดิเขาจนไม่ได้รับการให้ความสำคัญ องค์จักรพรรดิจึงแอบลงโทษท่านเพื่อลดทอนความเฉียบขาดของท่านลงหรอกหรือ จึงสั่งงานเก็บกวาดของพวกข้าทาสมาให้ท่าน" องค์หญิงหนานฉือจุ๊ปากขึ้นมาอันเหนียนมุมปากกระตุกอีกครั้ง อธิบายขึ้นมาคำหนึ่ง"ห้องเอกสารเก่าในวังไม่มีคนไปจัดการทำความสะอาดมานานแล้ว มีแต่พวกเอกสารทางการหนังสือเก่าๆ องค์จักรพรรดิจึงให้ข้าไปจัดการเสียหน่อย"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาในห้องเอกสารเก่านั้นน่าจะมีพวกหนังสือบันทึกนับพันเล่มกองสุมกันอยู่ ก่อนหน้านี้มีคนในวังตายอย่างประหลาดอยู่ในนั้น ต่อมาก็มีคนได้ยินเสียงแปลกๆ ช่วงกลางดึก ดังนั้นในวังจึงลือกันว่าวิญญาณของคนในวังคนนั้นไม่ได้จากไปไหนเรื่องนี้เขาเคยได้ยิ
องค์หญิงหนานฉือกัดฟัน "ข้าขอดูหน่อยได้ไหม?"เซียวหลันยวนพยักหน้าองค์หญิงหนานฉือเดินขึ้นมา ก้มหน้าลงมองม้วนหนังแกะนางเองก็มองออกถึงตราประทับแคว้นหนานฉือเป็นหนานฉือของพวกนางจริงๆและเกาะซีอวิ๋นก็ถูกแบ่งอยู่ในตงฉิงจริงๆนางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรขึ้นมาทันทีทำไมจึงเป็นเช่นนี้?คนของหนานฉือเข้าใจว่าเกาะซีอวิ๋นเป็นส่วนหนึ่งของหนานฉือมาโดยตลอด"แล้วตอนนี้เกาะซีอวิ๋นใครเป็นคนดูแล" เซียวหลันยวนถามองค์หญิงหนานฉือเอ่ยขึ้นมาอย่างลำบากพอควร "เกาะซีอวิ๋นมีกรมขนส่งทางทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ เชียนเจาอวิ๋นผู้ดูแลอันดับหนึ่งของกรมขนส่งทางทะเล เขา..."องค์หญิงหนานฉือพูดถึงจุดนี้ก็ชะงักไปอันเหนียนเห็นนางไม่พูดต่อ จึงเสริมคำพูดนางมาว่า "นายท่านเชียนจากกรมขนส่งคนนี้ เป็นบุคคลพิเศษในหนานฉือของพวกท่านกระมัง? เพราะนางเป็นหญิงสาว ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเชียนก็มีหญิงสาวเป็นผู้นำมาตลอด ผู้ชายจะนับว่าแต่งเข้าไปในบ้านภรรยา คลอดเด็กออกมาก็ล้วนใช้สกุลเชียนทั้งหมด จะไม่ใช้นามสกุลของพ่อ บรรพบุรุษของตระกูลเชียนไม่ใช่คนหนานฉือ ที่มาของนางลึกลับ ความสามารถทางน้ำน่าทึ่ง แล้วยังถนัดการเดินเรืออีกด้วย..."หรือก็คือ ค
ฟู่จาวหนิงสังเกตเห็นท่าทางของเขา จนเกือบจะหัวเราะพรวดออกมานี่มันเกิดอะไรขึ้น นางออกไปครึ่งปีกว่า อันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือทำไมจึงเปลี่ยนไปแปลกๆ แบบนี้? น่าตลกจริงๆ"ถึงอย่างไร เรื่องที่ข้าไม่อยากแต่งงานทำไมต้องซับซ้อนเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้" องค์หญิงหนานฉือผายมือออกอย่างจนใจ "สามเดือนก่อนข้าก็ใช้เรื่องบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวมาเป็นข้ออ้างเลื่อนแต่งงานไปแล้ว...""นั่นองค์หญิงไม่ได้วางแผนขึ้นมาเสียหน่อย ท่านบาดเจ็บจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาการบาดเจ็บที่องค์หญิงทำขึ้นเองด้วย" อันเหนียนเอ่ยต่อมาเกือบจะพูดออกมาแล้วว่าเป็นเพราะนางโง่องค์หญิงหนานฉือกัดฟันถลึงตาใส่เขาฟู่จาวหนิงดื่มชามองพวกเขา อยากจะสาระแนเข้าไปจริงๆสองคนนี้พออยู่ด้วยกันแล้วก็ดูแปลกหน่อยๆ อันเหนียนไม่มีเกรงใจกับองค์หญิงหนานฉือเลยแม้แต่น้อยองค์หญิงหนานฉือเองพออยู่ต่อหน้าเขาก็ดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเปิดเผย เป็นตัวของตัวเอง"องค์หญิงบาดเจ็บหรือ?" นางถามขึ้นมาคำหนึ่ง"อืม องค์หญิงคิดจะปฏิเสธการแต่งงาน ตอนนั้นหาวิธีดีดีไม่ได้ จึงออกไปล่าสัตว์ด้วยตนเอง คิดจะแกล้งหลงอยู่ในภูเขา หลอกให้ข้าออก