ฟู่จาวหนิงสังเกตเห็นท่าทางของเขา จนเกือบจะหัวเราะพรวดออกมานี่มันเกิดอะไรขึ้น นางออกไปครึ่งปีกว่า อันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือทำไมจึงเปลี่ยนไปแปลกๆ แบบนี้? น่าตลกจริงๆ"ถึงอย่างไร เรื่องที่ข้าไม่อยากแต่งงานทำไมต้องซับซ้อนเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้" องค์หญิงหนานฉือผายมือออกอย่างจนใจ "สามเดือนก่อนข้าก็ใช้เรื่องบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวมาเป็นข้ออ้างเลื่อนแต่งงานไปแล้ว...""นั่นองค์หญิงไม่ได้วางแผนขึ้นมาเสียหน่อย ท่านบาดเจ็บจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอาการบาดเจ็บที่องค์หญิงทำขึ้นเองด้วย" อันเหนียนเอ่ยต่อมาเกือบจะพูดออกมาแล้วว่าเป็นเพราะนางโง่องค์หญิงหนานฉือกัดฟันถลึงตาใส่เขาฟู่จาวหนิงดื่มชามองพวกเขา อยากจะสาระแนเข้าไปจริงๆสองคนนี้พออยู่ด้วยกันแล้วก็ดูแปลกหน่อยๆ อันเหนียนไม่มีเกรงใจกับองค์หญิงหนานฉือเลยแม้แต่น้อยองค์หญิงหนานฉือเองพออยู่ต่อหน้าเขาก็ดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างเปิดเผย เป็นตัวของตัวเอง"องค์หญิงบาดเจ็บหรือ?" นางถามขึ้นมาคำหนึ่ง"อืม องค์หญิงคิดจะปฏิเสธการแต่งงาน ตอนนั้นหาวิธีดีดีไม่ได้ จึงออกไปล่าสัตว์ด้วยตนเอง คิดจะแกล้งหลงอยู่ในภูเขา หลอกให้ข้าออก
เจ้าคิดบ้าอะไรของเจ้าพอคำนี้ของอ๋องเจวี้ยนออกมา คนทั้งหมดในนี้ก็ตะลึงงันกันไปหมดพวกเขาถลึงตามองอ๋องเจวี้ยนอย่างไม่อยากเชื่อนี่นี่นี่ นี่คืออ๋องเจวี้ยนผู้สง่างามที่พวกเขารู้จักใช่ไหม?เป็นอ๋องเจวี้ยนที่เย็นชาไม่ค่อยพูด เก็บตัวอยู่ในยอดเขาโยวชิงคนนั้น?แล้วนี่พูดอะไรออกมากัน?ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผาก มุมปากกระตุกไม่ต้องบอก คำนี้คงจะเรียนมาจากนางแน่ แต่ว่านางเองก็ลืมไปแล้วว่าพูดคำนี้กับเขาไปตั้งแต่เมื่อไรคิดไม่ถึงว่าคำพูดมากมายที่นางพุดไว้ อ๋องเจวี้ยนก็ยังอุตสาห์จำมาได้ประโยคนึงแต่ว่า ประโยคนี้พอใช้ลงมา ฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกสบายใจหน่อยๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?องค์หญิงหนานฉือช่วงนี้ภาษาแคว้นเจารุดหน้าไปมากเลยแต่ต่อให้รุดหน้าไปเท่าไรก็ยังไม่เข้าใจคำพูดของอ๋องเจวี้ยนคำนี้อยู่ดี"อ๋อง อ๋องเจวี้ยน เจ้าเจ้าเจ้า...""ชื่อฐานะพระชายารองของข้า มันน่าใช้ขนาดนั้นเลยหรือ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างเสียงเย็นชาขนาดแค่อวิ๋นจูที่เขายังไม่เคยเห็นหน้าคนนั้น แต่เขาก็เห็นในสายตาหนิงหนิงเหมือนอยากจะถลกหนังหนังเขาออกมาแล้ว แล้วนี่ยังอยากจะได้ตัวตนฐานะอะไรกัน?จะว่าไป เขาจะเอาผู้หญิงไปทำไมตั้งมาก
นางถลึงไปทางเซียวหลันยวน ปากก็อ้าพะเยิบอย่างสุดกำลังอ๋องเจวี้ยน! ท่านมันไร้ยางอายไร้ความสง่างามยิ่งนัก! นี่ถึงกับสะกดจุดใบ้องค์หญิงอย่างข้าเลยหรือ! เกินไปหน่อยไหม!"หนิงหนิง ยังเช้าตรูอยู่เลย อย่ามาฟังอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจดีกว่า" เซียวหลันยวนไม่มองนาง ยื่นมือไปกุมมือฟู่จาวหนิง"พรวด"ฟู่จาวหนิงอดหัวเราะร่าขึ้นมาไม่ได้ เอียงตาเหลือบมองเขา"เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว"องค์หญิงหนานฉือถลึงตามองนาง นี่มันเล่นกันตรงไหน? เขาลงมืออย่างหยาบคายกับหญิงสาว เขามันคนไม่ดี!ฟู่จาวหนิงมองไปทางนาง เหมือนจะมองออกถึงความหมายนาง เอ่ยกับนางด้วยรอยยิ้ม "องค์หญิงหนานฉือ ท่านรู้สึกว่าเขานิสัยไม่ดีใสช่ไหม?"แน่นอน!องค์หญิงหนานฉือออกแรงพยักหน้า"แต่ข้ากลับชอบเขาเช่นนี้ สำหรับคนที่รู้จักมารยาทกาลเทศะมีจิตใจดี เขาจะไม่หยาบคายใส่ง่ายๆ แต่เมื่อครู่ท่านไม่ใช่คนแบบนี้ ท่านเอาแต่จะยื่นเท้าแทรกกลางระหว่างเรา คิดจะทำลายความรักของพวกเรา แล้วจะหยาบคายใส่ท่านบ้างมันเป็นอย่างไรหรือ?""ถ้าไปทนุถนอมเห็นใจห่วงใยผู้หญิงคนอื่น หรือทำตัวอ่อนโยนกับอีกฝ่าย กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจ นี่ต่างหากที่เป็นผู้ชายเลวๆ นี่ต่างหากที่เป็
"แค่เก็บนางไว้ ดึงนางเอาไว้"อันเหนียนอธิบายขึ้นมาคำหนึ่ง เขาเพิ่งมองไปทางฟู่จาวหนิง ก็เห็นมุมปากของนางยกขึ้น ใจกลับเต้นผางขึ้นมาเขาไม่ได้คิดจะให้รั้งอวิ๋นจูไว้เพื่อทำลายความรักของอ๋องเจวี้ยนกับนาง แต่เป็นแค่มาตรการชั่วคราวเท่านั้น"เป็นแค่มาตรการชั่วคราว เก็บนางไว้ในจวนอ๋องเจวี้ยน เกรงว่านางเองก็คงไม่มีโอกาสได้พบกับอ๋องเจวี้ยนหรอก แต่ถ้าเก็บนางไว้ นางก็จะหาวิธีไปให้ถึงเป้าหมาย..."ฟู่จาวหนิงตัดบทคำพูดของเขา "เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย นางอาจจะพยายามคิดหาวิธีเข้าใกล้เซียวหลันยวน อย่างเช่น ต้มน้ำแกงพิษแล้วส่งไปให้เขาในห้องหนังสือกลางดึก? อย่างเช่น แอบล้มไปทางเขาอย่างอ่อนแอตอนที่พบกันในสวนดอกไม้โดยบังเอิญ? มาตรการชั่วคราวแบบนี้หรือ?"อันเหนียนก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาชั่วคราวเขาเป็นขุนนางใหญ่คนหนึ่งว่าตามหลักการแล้ว เขาต้องคิดหาวิธีว่าจะช่วยเหลืออ๋องเจวี้ยนอย่างไร ให้เขายืนได้อย่างมั่นคงท่ามกลางกระแสลมที่ไม่อาจคาดเดานี้ตัวเขาไม่ได้มีความรู้สึกหยามหมิ่นหญิงสาวแต่อย่างใด แต่ว่ากฏเกณฑ์ของโลกนี้ เป็นความจริงที่ว่าคนมากมายล้วนส่งสตรีงามไปที่เรือนหลังของใครสักคนเพื่อบรรลุเป้าหมายต่อให้อง
องค์หญิงหนานฉือพออยู่ต่อหน้าเขายังดูอ่อนประสบการณ์อยู่ คิดว่าหลังจากนี้คงจะหนีไม่พ้นฝ่ามือของอันเหนียนแล้วแต่ว่า กระทั่งฟู่จาวหนิงก็ยังมองไม่ออก ว่าอันเหนียนชอบองค์หญิงหนานฉือหรือเปล่า หรือว่าไม่ชอบกันแน่?"อันเหนียนอยู่ฝ่ายเดียวกับอ๋องเจวี้ยนสินะ?" องค์หญิงหนานฉือมองอันเหนียนอย่างตกตะลึงนางตอนนี้เข้าใจขึนมาแล้ว ว่าอันเหนียนภักดีกับอ๋องเจวี้ยน ไม่ได้ภักดีต่อจักรพรรดิเจา!อันเหนียนมองนางนิ่ง"องค์หญิงพูดอะไรออกมาน่ะ?"เขายังไม่ได้พูดเรื่องว่าจะทำอะไรที่ไม่เป็นผลดีกับองค์จักรพรรดิเสียหน่อย ตอนนี้กำลังบอกให้อ๋องเจวี้ยนเผชิญหน้ากับอ๋องฉยงอยู่องค์หญิงหนานฉือชะงักไป ไม่มีคำอะไรมาต่อปากด้วยนี่ยังบอกว่าเขาทรยศไม่ได้ผิวเผินแล้วเหมือนดูอ๋องเจวี้ยนกับองค์จักรพรรดิจะดูสนิทกัน การจะรับมือกับอ๋องฉยงจึงไม่ผิดอะไรแต่ก็ยังดูแปลกประหลาดอยู่"พวกท่านไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว มาช่วยข้าก่อน! อันเหนียนไม่ยอมแต่งกับข้า จวนอ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่เอาข้า หลังจากนี้สามวันองค์จักรพรรดิคงได้พระราชทานงานอภิเษกให้ข้าแน่ แล้วข้าจะทำอย่างไรกัน!"องค์หญิงหนานฉือกลับลงไปนั่ง ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่นางร
งานมงคลของอันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือเตรียมงานไปแล้วหนึ่งวันวันต่อมา จวนตระกูลอันจัดงานมงคล แม้จะเชิญคนมาไม่มาก แต่ก็แต่งแต้มไปด้วยโคมแดงธงแดงสดใส เต็มไปด้วยบรรยากาศศิริมงคลและอันชิงในชุดใหม่มงคลก็ยังคงงงงวยอยู่ก่อนเมื่อวานนี้พี่ใหญ๋ยังเป็นชายหนุ่มที่ยังไม่ได้หมั้นหมายอยู่เลย วันนี้กลับมากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว!ความเร็วนี้ นางไม่เข้าใจเลยจริงๆได้ยินว่าที่แต่งงานด้วยยังเป็นองค์หญิงหนานฉือที่สูงส่งอีกด้ว ยนางมีองค์หญิงเป็นพี่สะใภ้หรือ?"กราบไหว้ฟ้าดิน..."เสียงท่องดังขึ้น อันเหนียนที่ถือแถบผ้าแพรแดงก็รู้สึกว่าสมองตนเองมึนงงไปหมดเขาถูกจัดตารางมาทั้งวัน ก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลยว่าเพราะอะไรแต่ว่าองค์หญิงหนานฉือก็ใจแข็งจะแต่งกับเขา กระทั่งเขาวันนี้ตอนที่เตรียมจะไปหาอ๋องเจวี้ยน ก็พุ่งเข้ามาในอ้อมกอดเขา กอดเขาเอาไว้แน่น เขย่งเท้าขึ้นกัดริมฝีปากเขา"เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็จูบสัมผัสกันแล้ว อันเหนียน ผู้ตรวจการอัน ท่านจะแต่งก็แต่ง ไม่แต่งก็ยังต้องแต่ง! ข้าจะไม่ให้ท่านผลักไสอีกแล้ว!"องค์หญิงหนานฉือหลังจากได้การหนุนหลังจากอ๋องเจวี้ยนก็ไม่กลัวอะไรแล้วก่อนหน้านี้นางยังเอาแต่ตอแยให้อัน
"ท่านสามี ท่านหนีไม่ได้แล้ว พวกเรากราบไหว้ฟ้าดินกันแล้วนะ นับจากนี้ข้าก็เป็นภรรยาของท่านแล้ว" องค์หญิงหนานฉือมองเขาอย่างใสซื่ออันเหนียนสายตาทอดเข้ามา ตกอยู่บนใบหน้างามของนาง"ข้าไม่หนีหรอก""เมื่อครู่ท่านถอนหายใจนี่""อืม ในใจมันซับซ้อนน่ะ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะหนี""ใจซับซ้อน? ถึงอย่างไรข้าก็ดีใจมาก" องค์หญิงหนานฉือเดินเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ยื่นมือมาโอบเอวเขา เงยหน้าขึ้นมอง "ตอนนี้พวกเราทำอะไรกันดี? ต้องดื่มสุราสักถ้วยก่อนไหม? แคว้นเจาของพวกท่านมีธรรมเนียมนี้หรือเปล่า?"นางแนบเขามาในอ้อมอกแล้ว ใบหน้านั้นก็ยิ่งงดงาม เพราะแต่งหน้าเป็นเจ้าสาว จึงยิ่งดูแดงก่ำกว่าปกติ ใบหน้ามีพลังทำลายอย่างมากองค์หญิงหนานฉืองดงามจริงๆพอไม่เห็นอันเหนียนตอบ องค์หญิงหนานฉือจึงรินสุราลงมาสองถ้วย ถ้วนหนึ่งยัดไปในมือเขา ส่วนตนเองถือไว้ถ้วยหนึ่ง ดึงมือของเขาขึ้นมาแลกถ้วยกันดื่มสุราอย่างเป็นฝ่ายรุก"สุรานี้แรงมาก" องค์หญิงหนานฉือดื่มจนหมดถ้วย วางถ้วยลง จากนั้นก็มองเขา "แล้วต่อไปล่ะ?"นางเพิ่งจะดื่มสุรา ริมฝีปากเป็นประกาย ดูยั่วยวนมากอันเหนียนค่อยๆ วางถ้วยลง ยื่นมือไปโอบข้างเอวนาง เอ่ยขึ้นแผ่วเบา
"ความคิดของอันเหนียนยังค่อนข้างยึดติดอยู่ ข้าเองก็อยากให้เขาได้เห็น ว่าพอทำลายขนบเดิมๆ ไม่ต้องทำงานตามวิธีของคนอื่น ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่ดี"เซียวหลันยวนพูดออกมาอย่างมั่นใจตรงไปตรงมา"อันเหนียนชอบรู้สึกว่า ข้าเองก็เป็นเหมือนกับคนอื่น ทุกย่างก้าว ล้วนต้องคำนวณไว้อย่างดี เหมือนเดินบนน้ำแข็งบางๆ""เหมือนกับที่อ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิส่งอวิ๋นจูเข้ามา ข้าเองก็ต้องวิเคราะห์เป้าหมายพวกเขา พิจารณาการทำการของอวิ๋นจู คาดการณ์ว่าพอทิ้งนางไว้ให้อยู่ต่อแล้วจะได้ผลลัพธ์อะไรจากเรื่องนี้บ้าง"ฟู่จาวหนิงเอายืนมือเงยหน้ามองเขาอืม หรือว่าจะไม่ใช่นะ?อันที่จริงนางก็เข้าใจความหมายของอันเหนียนเมื่อวานนี้อยู่อันเหนียนรู้ถึงความรักของนางกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจึงไม่ได้เตือนให้พวกเขารับอวิ๋นจูเข้าไปเรือนหลัง หรืออาจจะให้เซียวหลันยวนพูด "คำหวาน" อะไรกับนางเพื่อให้ใจของนางสงบลงความหมายของเขาก็แค่จะบอกว่า อย่าเพิ่งส่งคนออกไป เอาคนไว้ที่จวนอ๋องเจวี้ยนแบบนี้ แล้วคอยจับตาดูว่านางทำอะไรก็พอแต่เซียวหลันยวนไม่ได้คิดจะเดินตามความคิดปกติฟู่จาวหนิงเมื่อคืนนี้ได้ยินเขากำชับกับพวกชิงอี ว่ารอให้งานมงคลร่วมหอล