"ความคิดของอันเหนียนยังค่อนข้างยึดติดอยู่ ข้าเองก็อยากให้เขาได้เห็น ว่าพอทำลายขนบเดิมๆ ไม่ต้องทำงานตามวิธีของคนอื่น ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่ดี"เซียวหลันยวนพูดออกมาอย่างมั่นใจตรงไปตรงมา"อันเหนียนชอบรู้สึกว่า ข้าเองก็เป็นเหมือนกับคนอื่น ทุกย่างก้าว ล้วนต้องคำนวณไว้อย่างดี เหมือนเดินบนน้ำแข็งบางๆ""เหมือนกับที่อ๋องฉยงกับองค์จักรพรรดิส่งอวิ๋นจูเข้ามา ข้าเองก็ต้องวิเคราะห์เป้าหมายพวกเขา พิจารณาการทำการของอวิ๋นจู คาดการณ์ว่าพอทิ้งนางไว้ให้อยู่ต่อแล้วจะได้ผลลัพธ์อะไรจากเรื่องนี้บ้าง"ฟู่จาวหนิงเอายืนมือเงยหน้ามองเขาอืม หรือว่าจะไม่ใช่นะ?อันที่จริงนางก็เข้าใจความหมายของอันเหนียนเมื่อวานนี้อยู่อันเหนียนรู้ถึงความรักของนางกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจึงไม่ได้เตือนให้พวกเขารับอวิ๋นจูเข้าไปเรือนหลัง หรืออาจจะให้เซียวหลันยวนพูด "คำหวาน" อะไรกับนางเพื่อให้ใจของนางสงบลงความหมายของเขาก็แค่จะบอกว่า อย่าเพิ่งส่งคนออกไป เอาคนไว้ที่จวนอ๋องเจวี้ยนแบบนี้ แล้วคอยจับตาดูว่านางทำอะไรก็พอแต่เซียวหลันยวนไม่ได้คิดจะเดินตามความคิดปกติฟู่จาวหนิงเมื่อคืนนี้ได้ยินเขากำชับกับพวกชิงอี ว่ารอให้งานมงคลร่วมหอล
แต่ฟู่จาวหนิงจะตามเขาไปไหม?ออกจากเมืองหลวง ออกจากแผ่นดินบ้านเกิด เหมือนคนไร้หลักแหล่งยิ่งไปกว่านั้น นางก็ยังมีคนในครอบครัว ดังนั้น เรื่องเหล่านี้จึงต้องค่อยๆ วางแผนไปฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะซักไซร้ นอนพังพาบหลับไปบนอ้อมกอดเขาองค์จักรพรรดิพอรู้เรื่องที่อันเหนียนกับองค์หญิงหนานฉือแต่งงานกันแบบฟันก่อนแล้วค่อยไต่สวนทีหลัง ก็เดือดดาลขึ้นมาตามคาดจริงๆตอนช่วงประชุมเช้า เขาโมโหจนแทบจะเรียกคนลากอันเหนียนออกไปประหาร"เจ้าบังอาจมากนักนะ!!"องค์จักรพรรดิชี้นิ้วอย่างกราดเกรี้ยวไปยังอันเหนียนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า น้ำเสียงสั่นระริก"อันเหนียนเจ้ามันเป็นใครกัน? องค์หญิงที่แคว้นหนานฉือส่งเข้ามาอภิเษกเพื่อสันติ เป็นคนที่เจ้าคู่ควรไหม? เจ้าก็แค่ผู้ตรวจการเล็กๆ คนหนึ่ง เจ้ากล้าแต่งกับองค์หญิงแห่งแคว้นด้วยหรือ?""ตระกูลอันของเจ้าก็เป็นแค่ขุนนางฝ่ายบุ๋น ก็แค่อ่านหนังสือมามากกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย จึงคิดว่าตนเองเป็นขุนนางใหญ่หรือไรกัน? พวกเจ้ายังกล้ารับองค์หญิงหนานฉือเข้าไปในจวนด้วยหรือ?""งานมงคลขององค์หญิงหนานฉือ กำหนดกันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ได้ด้วยหรือ? พวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้ว?""แต่เจ้
คำพูดเหล่านั้นของเซียวหลันยวน ฟังแล้วก็ดูมีน้ำเสียงที่กังวลจริงๆองค์จักรพรรดิถึงกับหายใจไม่ออกเขายังไม่ทันได้อ้าปาก เซียวหลันยวนก็ต่อเข้ามาอีก"ส่วนผู้ตรวจการอันซึ่งกลัวองค์หญิงหนานฉือที่ภาษายังไม่คล่องนักจึงอยู่ด้วยกันกับนางพอดี ข้าเห็นว่าเขาเองก็หน้าตาหล่อเหลา ความคิดก็ผุดขึ้นมา และคิดออกถึงเรื่องนี้ทันที จึงจัดแจงให้องค์หญิงหนานฉือแต่งงานกับเขาเสียเลย!"ความคิดกับผีน่ะสิงานมงคลขององค์หญิงหนานฉือกับผู้ตรวจการอัน นี่มันเรียกว่าความคิดผุดขึ้นมาได้ด้วยหรือ?ทุกคนถลึงตาอ้าปากค้างอันเหนียนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่เงยหน้าขึ้น แต่มุมปากสั่นระริกกระทั่งเขาเองก็ยังไม่รู้ ว่าเรื่องนี้อ๋องเจวี้ยนจะจัดการอย่างไร แต่ว่าตอนนี้เขารู้แล้วเขาแค่คุกเข่าไว้ก็พอ! ชัดเจนว่าเรื่องหลังจากนี้ส่งให้อ๋องเจวี้ยนจัดการได้เลย!อันเหนียนมักรู้สึกว่า หลังจากที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้วก็เปลี่ยนไปมาก ท่าทางการพูดจาไร้สาระตอนนี้ก็ดูคล้ายกับพระชายาเป็นอย่างมาก"ผู้ตรวจการอันไม่กล้าตอบรับ แต่ข้าก็ใช้ยากับเขา ถ้าเขาไม่รับปากก็จะเลือดไหลจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย ดังนั้นจึงต้องทำตามสิ่งที่ข้าวางไว้"
"นั่นก็เพราะหนานฉือนางป่วยต่างหาก!" ป่วยจนลุกไม่ไหวเลย วันวันราวกับจะตายเสียให้ได้ นางตอนนั้นจะออกไปแต่งงานได้อย่างไร? นางทำได้ที่ไหน?!"โอ้ เรื่องนั้นข้าไม่รู้นี่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "เช่นนั้นก็เป็นข้าที่เข้าใจผิดไปแล้ว ยังคิดว่าองค์จักรพรรดิกำลังรอข้ากลับมาเสียอีก"องค์จักรพรรดิกัดหลังเหงือกจนแทบจะป่นอยู่แล้วเซียวหลันยวนแบกเรื่องมาไว้บนตัวแบบนี้ แล้วเขาจะประหารอันเหนียนได้อย่างไรกัน?นั่นเป็นราชบุตรเขยขององค์หญิงหนานฉือเลยนะ!ถ้าหากเขาประหารอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือเป็นม่ายขึ้นทันที เพิ่งแต่งงานได้วันเดียวก็เป็นม่าย ถ้าลือกันออกไป คงจะบอกว่าแคว้นเจารังแกลบหลู่องค์หญิงหนานฉือส่งเดชแน่นอนถ้าหากองค์หญิงหนานฉือตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้ขึ้นมา เช่นนั้นแคว้นเจาก็จะมีความผิดฐานบีบบังคับองค์หญิงที่ส่งมาอภิเษกจนตัวตายน่ะสิหนานฉือถึงแม้ตอนนี้จะได้รับภัยพิบัติ แต่หลังจากอภิเษกเพื่อสันติแล้วเครื่องราชบรรณาการที่พวกเขาจะส่งมาให้ก็มีไม่น้อยเลย!ตอนนี้คลังหลวงก็ว่างไปแล้วด้วย ทรัพย์สินของแคว้นหนานฉือกู่ ก็เป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิต้องตาอย่างมากเขาจะแตกหักกับแคว้นหนานฉือไม
องค์จักรพรรดิตะคอกขึ้นมาคำหนึ่งเซียวหลันยวนเงยหน้าสตาเขาในสายตาองค์จักรพรรดิมีไฟโกรธแผดเผา มองแล้วน่าจะใกล้ถึงจุดระเบิดแล้วเฮอะ ตอนนี้มาเรียกเขาว่าอายวนอย่างสงบ เสแสร้งเป็นพี่ชายที่แสนดีไม่ได้แล้วสินะ?อย่างนี้ก็ยิ่งดี สภาพก่อนหน้านี้ มันทำให้เขารู้สึกปวดลูกตา"โทษฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ เจ้าคิดจะอธิบายอย่างไร? เจ้าบอกกับข้าว่าจะติดตามไทเฮาไปวัดคุ้มครองแคว้นเพื่อกินมังสวิรัติท่องบทสวด แล้วผลลัพธืเจ้าไปที่ไหนมา?"องค์จักรพรรดิเดิมทีกำลังคิด ว่ารอให้เขาจัดคนให้เสร็จก่อน รอให้อวิ๋นจูหญิงสาวพวกนั้นอาละวาดขึ้นมาในจวนอ๋องเจวี้ยนเสียก่อน ทำให้เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงทะเลาะกันขึ้นมา พอใจห่างกัน แล้วค่อยไปไล่บี้เรื่องนี้ต่อแต่ว่าเซียวหลันยวนตรงมาที่ประชุมเช้าเองแบบนี้ เขาก็ทนต่อไม่ไหวแล้ว"ไปต้าชื่อมา" เซียวหลันยวนตอบเหล่าขุนนางใจเต้นผางกันขึ้นมาเดิมทีคิดว่าเขาจะไม่ยอมรับเสียอีก ยังคิดว่าเขาจะเล่นลิ้นอย่างไร ใครจะไปคิดถึง ว่าอ๋องเจวี้ยนกลับยอมรับออกมาอย่างหน้าชื่นตาบานเสียแล้ว!เขายอมรับแล้ว!"เจ้าบังอาจนัก! เจ้ากล้าออกจากแคว้นเจาโดยพละกาล เจ้าๆๆ..."คำพูดขององค์จักรพรรดิยัง
"เดิมทีน่ะใช่ แต่ใครจะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่คนนั้นของต้าชื่อจะกลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิพอดี จึงได้เจอกัน แต่ว่าข้าก็ไม่ได้เข้าไปพบกับจักรพรรดิของต้าชื่อนะ และไม่ได้เข้าวังด้วย ไปที่นั่นด้วยตนตัวนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว"ตัวตนนักท่องเที่ยวบ้าบออะไร...องค์จักรพรรดิขมับจู่ๆ ก็ตึงเซียวหลันยวนเดิมทีเขาไม่ใช่คนเช่นนี้เขายืนอยู่ตรงนั้นพูดคำพูดเล่านี้ ทำไมถึงเหมือนเห็นเงาของฟู่จาวหนิงขึ้นมากัน? องค์จักรพรรดิมองจนปวดตาเลยทีเดียว"ข้าได้ยินว่า ตอนนั้นเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงเคยพูดไว้ ว่าเจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแห่งต้าชื่อมีดวงชะตาต้องกันอยู่ เมื่อมังกรพญาหงส์มาพบกันก็เปรียบเสมือนลมพายุพัดเมฆทะยานขึ้น..."องค์จักรพรรดิพูดคำนี้ ดวงตาก็หรี่ลง เผยจิตสังหารออกมา และยังพยายามจะเก็บงำลงไปเขาจะลองฟังว่าเซียวหลันยวนจะพูดอย่างไร!แต่คำพูดของเขายังไม่ทันจบ ก็เห็นเซียวหลันยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งเหมือนตกตะลึง"องค์จักรพรรดิอย่ามาใส่ร้ายข้าสิ"เล่นอะไรน่ะ?"ข้ากับพระชายารักใคร่สนิทสนม ใจประทับใจเช่นนี้จะเปลี่ย่นใจได้อย่างไร? ที่ต้าชื่อ พระชายาก็ได้ยินเรื่องไร้สาระนี่ถึงกับทะเลาะกับข้าใหญ่โต จนความร
เมื่อวานตอนกลางคืน องค์จักรพรรดิพักอยู่ในวังบรรทมของพระชายาเยว่ช่วงนี้พระชายาเยว่ได้รับความโปรดปรานจากเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นดังนั้น ตอนประชุมเช้าพระชายาเยว่จึงตื่นนอนขึ้นมาพร้อมองค์จักรพรรดิ ก็ให้คนมาคอยสังเกตเรื่องบนตำหนักใหญ่ดังนั้น พออ๋องเจวี้ยนบอกว่าจะโยนสาวงามพวกนั้นไปที่ประตูจวนอ๋องเจวี้ยน พระชายาเยว่เพียงไม่นานก็ได้รับข่าว"อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเลยหรือ?" พระชายาเยว่ไม่อยากเชื่ออยู่ในชุดวังหรูหรา พระชายาเยว่ที่ปักพู่ระย้าทองไว้สี่เส้นอายุแค่สิบห้าสิบหกปีเท่านั้น ดวงตาหงส์ที่เอียงกระดกหน่อยๆ รูปลักษณ์เย้ายวนชวนมอง แต่เพราะอายุยังน้อยจึงยังมีความเขินอายอยู่บ้างหญิงสาวที่ทั้งเย้ายวนและบริสุทธิ์เช่นนี้ ผู้ชายมากมายพอได้เห็นก็ยากจะอดใจไหวทั้งนั้นองค์จักรพรรดิที่เข้าวัยกลางคนไปแล้วชอบแบบนี้พอบวกกับข้อมูลที่ตระกูลเยว่นำมาให้ ผลประโยชน์ที่มอบให้ องค์จักรพรรดิจึงยิ่งโปรดปรานนางขึ้นทุกวัน ตอนนี้โยนฮองเฮาไปไว้หลังสมองแล้วพระชายาเยว่เข้าวังได้ไม่กี่เดือน ก็ขึ้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง พวกขุนนางคนอื่นล้วนต้องถอยให้นางกันทั้งสิ้นนางเองก็อายุยังน้อย พอจู่ๆ ถูกโปรดปรานขน
"ตอนนี้ถูกเจ้าเข้ามาปั่นป่วน แล้วข้าจะเผชิญหน้ากับองค์หญิงหนานฉือได้อย่างไร? แล้วก็ คำพูดที่คุยกันเล่นๆ สมัยยังเด็กของเจ้ากับข้า เจ้าก็ยังยึดเป็นพระราชโองการ มันใช่เรื่องเสียที่ไหน มันเหมือนกับคำพูดตอนนี้ของข้าหรือ? เจ้าตอนนี้ก็ไม่ใช่อายุสิบสองแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าอะไรที่ควรทำอะไรไม่ควรทำ?""ถ้าข้ายังปล่อยปละละเลยเจ้าต่อไปเช่นนี้ หลังจากนี้จะกลายเป็นทำร้ายตัวเจ้าไป! ดังนั้นอ๋องเจวี้ยน ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยผ่านฝ่ายๆ แล้ว ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงน้ำหนักของเรื่องราวเสียบ้าง!"เขาโกรธจนพูดออกมาชุดใหญ่ ตบลงไปยังที่รองแขนหัวมังกร ตะคอกขึ้นมาว่า "อ๋องเจวี้ยนจ้ดการงานอภิเษกเพื่อสันติขององค์หญิงแคว้นเพื่อนบ้านตามอำเภอใจ ลบหลู่ต่อองค์หญิง บงการขุนนางใหญ่ ความความกำเริบเสิบสาน ส่งตัวไปขังในคุกใหญ่เป็นเวลาสองเดือน! หวังว่าอ๋องเจวี้ยนจะไปสำนึกตัวดีดีในคุก หลังจากนี้จะได้รู้สึกถึงน้ำหนักเรื่องราว รู้จักเคารพต่อพิธีการ!""ทหาร!"ขุนนางนับร้อยตกตะลึงอันเหนียนเองก็มองขวับไปทางอ๋องเจวี้ยนสุขภาพของอ๋องเจวี้ยน จะยังอยู่ในคุกได้ถึงสองเดือนหรือ? ออกมาจะยังเป็นผู้เป็นคนอยู่ไหม?ก่อนหน้านี้องค์จักรพร
เขาไม่ได้พบจักรพรรดิมาสามปีแล้ว ครั้งนี้พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็รู้สึกว่าเหมือนจะแก่ลงไปสิบปี ยิ่งไปกว่านั้นยังอวบอ้วนขึ้นเป็นลูกหมั่นโถวอีก ไม่ปกติเสียเลยแต่ในวังมีหมอหลวงนี่ การกินดื่มขององค์จักรพรรดิต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอนขณะที่กำลังตกตะลึงเขาก็ได้ยินเสียงย้อนถามอย่างขุ่นเคืองขององค์จักรพรรดิ พอสะดุ้งเฮือก ก็รีบตั้งสติกลับมา"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยมีเรื่องการทหารกลับมารายงานพะย่ะค่ะ!""ไม่ใช่ว่าเขียนหนังสือราชการมาตลอดหรอกหรือ" ยังต้องมาด้วยตัวเองอีก?การมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนกับจะบีบให้เขาต้องจัดการ องค์จักรพรรดิค่อนข้างไม่ชอบความรู้สึกนี้เก๋อมู่กวงในใจอดบ่นขึ้นมาไม่ได้เพราะรายงานด่วน ส่งหนังสือราชการมาตลอดนี่ไง อย่างน้อยก็ควรจะมีการตอบกลับบ้างไหม? นี่แต่ละครั้งส่งเข้ามาก็เหมือนวัวดินจมก้นทะเล ไม่มีการตอบกลับอะไรเลย แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร?เพราะแบบนี้ ขุนพลถึงได้ส่งเขามานี่ไง?แต่เก๋อมู่กวงก็ไม่กล้าสงสัยต่อตัวฝ่าบาท เพียงแค่หยิบจดหมายออกมา ประเคนให้ด้วยมือทั้งสอง"รายงานองค์จักรพรรดิ สถานการณ์เมืองหูทางนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่อาจรอได้แ
จูบนี้ทำให้เซียวหลันยวนใจยวบลงมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ให้ตัวเองเกิดเรื่องหรอก"เพื่อให้หลังจากนี้สามารถอยู่กับนางได้นานๆ เขาเองก็จะหวงแหนชีวิตด้วยถ้าเขาตายไป หลังจากนี้นางก็จะมีคนอื่นน่ะสิ แค่เขาคิดว่านางต้องไปอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น ใจเขาก็เหมือนถูกโยนเข้าไปในทอดในกะทะแล้วไม่ได้เด็ดขาด"ข้าเองก็จะระวังด้วย" ฟู่จาวหนิงตอบริมฝีปากเซียวหลันยวนประกบลงมาหลังผ่านไปเนิ่นนาน ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้น"อะแฮ่ม ท่านอ๋อง พระชายา ผู้ตรวจการอันถามว่าจะออกเดินทางได้หรือยัง?"เซียวหลันยวนปล่อยตัวฟู่จาวหนิง หยิบหน้ากากขึ้นมาสวม"ครึ่งเดือนนะ"เขาเน้นมาอีกรอบ"ได้" ฟู่จาวหนิงริมฝีปากแดงระเรื่อ พอได้ยินเขากังวลว่าตนเองจะไม่กลับมาตามเวลา จึงหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าข้าไม่กลับมาท่านก็ไปจับข้าสิ"อืม ถ้าหากนางกลับมาตรงเวลาไม่ได้ เขาคงจะมาจับตัวไปจริงๆจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ก็ต้องแยกกันแล้วเซียวหลันยวนขี่ม้า มองขบวนที่ค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งลับสายตา เขาจึงหันหัวม้ากลับ "กลับเมือง"พอฟู่จาวหนิงไป ความรู้สึกตอนเข้าเมืองหลวงก็เหมือนเมืองว่างเปล่าไปเสียอย่างนั้น"เอาจดหมายนั่นไปแช่น้ำเสย ให้อักษร
"อักษรเฮ่อเหลียนหรือ?"แย่ล่ะ นางอ่านไม่ออกเซียวหลันยวนเองก็มองจดหมายด้วย"ไม่มีชื่อเรียก" เขาพูดขึ้นคำหนึ่ง กวาดตาอ่านจดหมาย จากนั้นจึงยื่นให้กับฟู่จิ้นเชิน"ลองดูว่าอ่านออกไหม"ฟู่จิ้นเชินเรียนภาษาเฮ่อเหลียนมายังไม่นานมากนัก อ่านจดหมายนี้ออกไม่ถึงครึ่ง อ่านไม่ออกทั้งหมดแต่เขาก็ยังอ่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงมองเซียวหลันยวน"ท่านน่าจะอ่านออกไหม?"ฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนสองพ่อลูกมองเขาแบบนี้ สีหน้าเองก็ยังคล้ายกัน"จดหมายนี้ ไม่ได้เขียนให้กับเสี่ยวเฟย" คำพูดของเซียวหลันยวนทำให้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"เช่นนั้นเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเฟยแล้วสิ พวกเขาคิดจะลากเสี่ยวเฟยลงน้ำ ทำเรื่องให้ยุ่งยาก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วมาคลำจับปลาในน้ำขุ่น"เซียวหลันยวนพยักหน้า "บนจดหมายบอกว่า สัญญาที่สามแคว้นลงนามร่วมกันในครั้งนั้น ตอนนี้มีสองฝ่ายทรยศขึ้นแล้ว แคว้นเจาถ้าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหว ก็จะเท่ากับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ชะตากรรมแคว้นเจาเองก็ใกล้จะหมด แต่ถ้าหากสามารถแย่งโอกาสในเรื่องนี้ได้ ก็น่าจะสามารถทำให้โชคชะตาขยายขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แคว้นพันธมิตรทั้งสองนั่นใกล้จะหาของพบแล้ว แ
เซียวหลันยวนโอบไหล่ฟู่จาวหนิงไว้ จับนางหมุนตัว อุ้มนางกลับไปบนรถม้า"เป็นของสกปรกที่เจ้ามองแล้วเสียสายตาน่ะ ไปเถอะ ได้จดหมายมาแล้ว กลับรถม้าไปดูว่ามันคืออะไร"เซียวหลันยวนพานางกลับไปรถม้าด้านหน้าสายตาของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียนเก็บกลับมาจากแผ่นหลังพวกเขา"ใต้เท้าอันที่รวดเร็วดีจริง" ฟู่จิ้นเชินมองๆ อันเหนียน"คุณชายฟู่เองก็ด้วย" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินอยากบอกว่า ว่านั่นเป็นลูกสาวของข้า ที่ข้าเครียดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ใต้เท้าอันท่าน...อันเหนียนมองไปทางชิงอี "นี่ต้องไปหาเสื้อผ้ามาให้เจ้าคนนี้ใส่ด้วยใช่ไหม?"คนผู้นี้ยังตายไม่ได้ แต่คงจะห่อพรมแล้วหิ้วไปแบบนี้ก็ไม่ได้กระมัง?"ข้าจะไปเอามาเดี๋ยวนี้" ชิงอีเอ่ยขึ้นชิงอีไปหาเสื้อผ้ามา สวมเข้าไปบนตัวโป๋จีอย่างหยาบคาย ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องมาแต่งตัวให้กับผู้ชายไม่น่ามองแบบนี้ชิงอีปวดใจ ชิงอีไม่กล้าพูดฟู่จาวหนิงกลับขึ้นไปบนรถม้าตนเองอีกรอบ เห็นเซียวหลันยวนตามขึ้นมาก็เอาม่านรถลงมาบังไว้มิดชิด จากนั้นจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น"ท่านฉีกเสื้อผ้าของโป๋จีนั่นออกหรือ?"เดิมทีเซียวหลันยวนไม่คิดว่าเรื่องนี้ตนเองทำอะไรประหลาด หลังจากที่ฟ
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา