เมื่อวานตอนกลางคืน องค์จักรพรรดิพักอยู่ในวังบรรทมของพระชายาเยว่ช่วงนี้พระชายาเยว่ได้รับความโปรดปรานจากเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นดังนั้น ตอนประชุมเช้าพระชายาเยว่จึงตื่นนอนขึ้นมาพร้อมองค์จักรพรรดิ ก็ให้คนมาคอยสังเกตเรื่องบนตำหนักใหญ่ดังนั้น พออ๋องเจวี้ยนบอกว่าจะโยนสาวงามพวกนั้นไปที่ประตูจวนอ๋องเจวี้ยน พระชายาเยว่เพียงไม่นานก็ได้รับข่าว"อ๋องเจวี้ยนไม่ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเลยหรือ?" พระชายาเยว่ไม่อยากเชื่ออยู่ในชุดวังหรูหรา พระชายาเยว่ที่ปักพู่ระย้าทองไว้สี่เส้นอายุแค่สิบห้าสิบหกปีเท่านั้น ดวงตาหงส์ที่เอียงกระดกหน่อยๆ รูปลักษณ์เย้ายวนชวนมอง แต่เพราะอายุยังน้อยจึงยังมีความเขินอายอยู่บ้างหญิงสาวที่ทั้งเย้ายวนและบริสุทธิ์เช่นนี้ ผู้ชายมากมายพอได้เห็นก็ยากจะอดใจไหวทั้งนั้นองค์จักรพรรดิที่เข้าวัยกลางคนไปแล้วชอบแบบนี้พอบวกกับข้อมูลที่ตระกูลเยว่นำมาให้ ผลประโยชน์ที่มอบให้ องค์จักรพรรดิจึงยิ่งโปรดปรานนางขึ้นทุกวัน ตอนนี้โยนฮองเฮาไปไว้หลังสมองแล้วพระชายาเยว่เข้าวังได้ไม่กี่เดือน ก็ขึ้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง พวกขุนนางคนอื่นล้วนต้องถอยให้นางกันทั้งสิ้นนางเองก็อายุยังน้อย พอจู่ๆ ถูกโปรดปรานขน
"ตอนนี้ถูกเจ้าเข้ามาปั่นป่วน แล้วข้าจะเผชิญหน้ากับองค์หญิงหนานฉือได้อย่างไร? แล้วก็ คำพูดที่คุยกันเล่นๆ สมัยยังเด็กของเจ้ากับข้า เจ้าก็ยังยึดเป็นพระราชโองการ มันใช่เรื่องเสียที่ไหน มันเหมือนกับคำพูดตอนนี้ของข้าหรือ? เจ้าตอนนี้ก็ไม่ใช่อายุสิบสองแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าอะไรที่ควรทำอะไรไม่ควรทำ?""ถ้าข้ายังปล่อยปละละเลยเจ้าต่อไปเช่นนี้ หลังจากนี้จะกลายเป็นทำร้ายตัวเจ้าไป! ดังนั้นอ๋องเจวี้ยน ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยผ่านฝ่ายๆ แล้ว ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงน้ำหนักของเรื่องราวเสียบ้าง!"เขาโกรธจนพูดออกมาชุดใหญ่ ตบลงไปยังที่รองแขนหัวมังกร ตะคอกขึ้นมาว่า "อ๋องเจวี้ยนจ้ดการงานอภิเษกเพื่อสันติขององค์หญิงแคว้นเพื่อนบ้านตามอำเภอใจ ลบหลู่ต่อองค์หญิง บงการขุนนางใหญ่ ความความกำเริบเสิบสาน ส่งตัวไปขังในคุกใหญ่เป็นเวลาสองเดือน! หวังว่าอ๋องเจวี้ยนจะไปสำนึกตัวดีดีในคุก หลังจากนี้จะได้รู้สึกถึงน้ำหนักเรื่องราว รู้จักเคารพต่อพิธีการ!""ทหาร!"ขุนนางนับร้อยตกตะลึงอันเหนียนเองก็มองขวับไปทางอ๋องเจวี้ยนสุขภาพของอ๋องเจวี้ยน จะยังอยู่ในคุกได้ถึงสองเดือนหรือ? ออกมาจะยังเป็นผู้เป็นคนอยู่ไหม?ก่อนหน้านี้องค์จักรพร
ขุนนางที่ปรึกษาเงยหน้ามององค์จักรพรรดิอย่างตกตะลึง สีหน้าพังทลายไปแล้ว"เจ้า ข้าไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อนนะ" องค์จักรพรรดิพอเจอเข้ากับสายตาของเขา ก็รีบอธิบายขึ้นมาคำหนึ่งแต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร ขุนนางที่ปรึกษาซึ่งอายุไม่น้อยแล้ว ประโยคนี้ก็ราวกับเป็นเสียงปีศาจร้ายลอดผ่านหู ดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในสมองของขุนนางที่ปรึกษาอยู่ตลอดเหมือนว่ามีอยู่วันหนึ่ง ที่องค์จักรพรรดิพูดปลอบเขามาคำหนึ่งว่า เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว คงต้องไปดูแลสุขภาพเสียหน่อยดีไหม?และเหมือนจะมีครั้งหนึ่งที่เขาป่วย องค์จักรพรรดิให้คนไปตรวจไข้ที่จวนขุนนางใหญ่ แล้วให้คนเอาคำมาบอกกับเขาว่า ขุนนางที่ปรึกษาไม่ได้เหมือนกับพวกหนุ่มๆ จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับพวกนั้นทำไม?ถึงอย่างไร พอย้อนคิดทบทวนดู องค์จักรพรรดิก็เหมือนจะเคยพูดมาแล้วหลายครั้งว่าเขาไม่ใช่คนหนุ่มแล้วเช่นนั้นการจะพูดว่าเขาที่มีอายุปูนนี้แล้วคงรับผิดชอบหน้าที่สำคัญอีกไม่ไหว ก็เหมือนจะไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นี่นาหรือว่าองค์จักรพรรดิจะเห็นว่าเขาแก่แล้วจริงๆ เลยคิดอยากจะยกพวกขุนนางใหญ่ที่หนุ่มหน่อยขึ้นมาเป็นขุนนางที่ปรึกษากัน?ขุนนางที่ปรึกษาคิดมากแทบจะในทันที"เลิกประชุม เล
"หลังจากนี้ก็ค่อยๆ เรียนวิชาแพทย์ไป แล้วก็ พวกเขาเองก็รู้แล้ว ว่าฟู่จาวหนิงสามารถสกัดยาบำรุงหัวใจได้ ประสิทธิภาพของยาบำรุงหัวใจนางดีมาก ล้ำค่าสุดๆ สิ่งนี้ถ้าสามารถเรียนรู้มาได้ หรือได้รับตำรับยามา พระชายาเยว่ก็สามารถยืนในวังหลังได้อย่างมั่นคงเสียที"โดยเฉพาะองค์จักรพรรดิที่ตอนนี้อายุก็มากแล้ว ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากนางพูดว่าทำเพื่อองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิเองก็ชอบความคิดเช่นนี้ของนางมาก จึงรับปากขึ้นมาตอนนี้พอได้ยินพระชายาเยว่เอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาจึงคิดถึงเรื่องที่เซียวหลันยวนพูดมาเมื่อครู่"อ๋องเจวี้ยนคนนี้! มีเหตุผลแบบนี้เสียที่ไหน นี่คิดจะโยนพวกแม่นางชิวอวิ๋นออกจากจวนอ๋องเจวี้ยน! แล้วยังจะไปรับที่ประตูจวนอ๋องด้วย!"องค์จักรพรรดิคิดถึงจุดนี้ แล้วจึงมองไปยังสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจของพระชายาเยว่ จึงตบฉาดขึ้นที่ขา "ข้าจะไม่ให้เขากำเริบเสิบสานแบบนี้อีก!"ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็ถูกเขาสั่งจำคุกไปแล้ว วิธีการรับมือกับเขาพอเริ่มขึ้นมา ก็ไม่จำเป็นต้องมาทำลับๆ ล่อๆ อีกเขาจะให้คนทั้งหมดได้เห็น ว่าจักรพรรดิแคว้นเจาจริงๆ แล้วเป็นใครกันแน่!"เขาก็แค่คิดจะเอาใจฟู่จาวหนิงไม่ใช่หรือ? ฟู่จา
"กลับไปแจ้งพระชายา ว่าไม่ต้องกังวล"ในห้องคุกมืด เซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนกองฟาง หลับตา น้ำเสียงฟังแล้วนิ่งสงบมาก"ท่านอ๋อง พระชายาจะต้องถามสถานการณ์ในคุกแน่นอน ถ้าหากพระชายาต้องการจะรู้ องค์จักรพรรดิถึงกับจับท่านส่งมาในคุกที่มืดอับชื้นเช่นนี้..."แล้วพระชายาจะไม่เป็นห่วงแย่หรือ?องครักษ์ลับพิจารณาคุกใหญ่แห่งนี้พวกเขาเดิมทีคิดว่า องค์จักรพรรดิจะให้คนพาท่านอ๋องส่งไปที่ห้องคุกด้านบนซึ่งสะอาดกว่าแห้งกว่าหน่อย ห้องคุกด้านบนอย่างน้อยก็ยังมีเตียง ยิ่งไปกว่านั้นยังสะอาดกว่านี้ มีหน้าต่างสามารถรับแสงได้ ตอนกลางวันยังสว่างขึ้นหน่อยคิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิจะพาคนมาขังเอาไว้ในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดเสียอย่างนั้นคุกใต้ดินนี้แต่ก่อนมีไว้ขังพวกนักโทษหนักที่สังหารคนเป็นผักปลา ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสง ขุดเอาไว้ใต้ดิน อับชื้นมากๆยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่มีเตียง ที่มุมหนึ่งก็วางไว้แค่กองฟาง มุมกำแพงมีตะไคร่ขึ้นเนื่องจากอับชื้น กลิ่นของที่นี่ก็แย่เอามากๆขังไว้ที่นี่คือไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยทีเดียวถ้าหากท่านอ๋องยังมีสุขภาพแบบก่อนหน้านี้ อยู่ในนี้แค่คืนเดียวก็คงป่วยพับไปแล้วตอนนี้ร่างกายขอ
"ท่านอ๋องของพวกเจ้าเตรียมการไว้นานแล้วสินะ?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ องครักษ์ลับก็ใจเต้นขึ้นมา ทำไมจึงรู้สึกว่าคำพูดนี้ของพระชายาทำเอาใจลนลานไปหมดกันนะ?"ท่านอ๋องหลายวันก่อนจัดคนไปไว้ในคุกใหญ่แล้ว แต่ว่า ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ว่าวันที่เข้าคุกน่าจะเป็นหลายวันหลังจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นห้องคุกก็ยังเป็นอีกที่หนึ่งด้วย..."ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ"วางแผนไว้แล้วจริงๆ? หรือก็คือ เขาตอนนี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องคุกที่เตรียมเอาไว้สินะ?"เซียวหลันยวนผู้ชายคนนี้ มีอย่างที่ไหน คิดเอาไว้นานแล้วว่าองค์จักรพรรดิจะจับเขาขังคุก แล้วตนเองก็จัดเตรียมไว้ดิบดี แต่กลับไม่ยอมบอกให้นางรู้แม้แต่น้อย!เขาเคยคิดไหมว่านางจะเป็นห่วงเขา?จดหมายนางก็ไม่ได้รีบร้อนเอามาอ่าน แต่นางกลับอยากจะถามก่อน!องครักษ์ลับก้มหน้าต่ำ "ขอรับ ท่านอ๋องถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน...""คุกใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็...พอไหวอยู่กระมัง?""เหอะๆ" ฟู่จาวหนิงหัวเราะเย็นชาในใจองครักษ์ลับลนลานกว่าเดิมแล้ว ท่านอ๋องกำชับไว้ ว่าอย่าบอกสถาพในห้องคุก แต่ตอนนี้พระชายาทำท่านเหมือนจะถามให้ละเอียดเสียแล้ว แล้วเขาไม่พูดได้หรือ?"เจ้าจะไม่พูดก็ได้" ฟู่จาวหนิง
ฟู่จาวหนิงมาถึงโถงหน้าสาวงามทั้งสามคนเองก็อยู่ที่นี่ชิวอวิ๋น อวิ๋นจู และยังมีคนนั้นที่ชื่อซือหรูและเป็นไปตามคาด คนที่ชื่อซือหรูก็ยังเป็นแม่นางที่หน้าตาดีชิวอวิ๋นหน้าตาสะสวย ดูมีความหยิ่งยโสที่สง่าผ่าเผยหน่อยๆ ซือหรูกลับเป็นพวกดูอ่อนโยนเรียบร้อยอวิ๋นจูเป็นคนที่โดดเด่นสุดในสามคนนี้ คิ้วตาคมชัดวิจิตร โดยเฉพาะผิวที่ขาวผ่องนั่นยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นจูยังเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดีที่สุดในสามคนนี้ด้วย แม้นางจะเป็นลูกสาวนอกสมรส แต่บิดาก็เป็นถึงอ๋องฉยงนางยืนอยู่คนเดียวห่างจากชิวอวิ๋นกับซือหรูออกมาหน่อย ดูแล้วเหมือนจะรังเกียจที่ต้องยืนอยู่ด้วยักนกับสองคนนั้นตรงหน้าพวกนางยังมีขันทีคนหนึ่งเข้ามาประกาศราชโองการ กำลังยืนรออย่างกระวนกระวายพอเห็นฟู่จาวหนิงเดินมา เขาก็รีบโค้งตัวคารวะ เดินเข้ามาต้อนรับ"เจ้าคนรับใช้" อวิ๋นจูแอบส่งสายตาเหยียดๆ ใส่ขันทีคนนี้นี่เป็นถึงคนข้างกายองค์จักรพรรดิเลยนะ แล้วยังเป็นคนแจ้งราชโองการอีก ทำไมถึงต้องพะเน้าพะนอพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนั้น?นางไม่รู้ ว่าต่อให้ไม่มีอ๋องเจวี้ยน ตอนที่ฟู่จาวหนิงเข้าวังสมัยก่อนก็ไม่ได้ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเท่าไรนัก ยิ่งไ
"องค์จักรพรรดิประกาศว่า...""โอ้ เจ้าพูดมา"คือเป็นพระราชโองการที่ไม่ค่อยจริงจังสินะ ฟู่จาวหนิงเอะใจขึ้นหน่อยๆขันทีกระแอม สายตาของพระชายาอ๋องเจวี้ยนเหมือนแสดงความหมายของนางออกมาอย่างชัดเจน"องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง เห็นแก่อ๋องเจวี้ยนที่ร่างกายอ่อนแอโดดเดี่ยวมาตั้งแต่เล็ก ไม่ค่อยได้รับความรักที่อบอุ่น ดังนั้นจึงเพาะบ่มนิสัยขี้อายและดื้อรั้นออกมา ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนสุขภาพกลังหันไปในทางที่ดี จึงต้องรีบปรับตัวกับชีวิตทั่วไปให้ไว้ที่สุด จวนอ๋องเองก็ควรจะมีคนให้มากขึ้น และในจวนอ๋องเองก็มีแม่นางหลายคนเข้าไปอยู่ใหม่พอดี ล้วนเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนเรียบร้อยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถแบ่งเบาภาระในจวนอ๋องแก่พระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ และสามารถคอยดูแลอ๋องเจวี้ยน ให้จวนอ๋องเต็มไปด้วยความรักที่อบอุ่น"พอฟังถึงจุดนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจความหมายขององค์จักรพรรดิขึ้นมานี่คิดจะใช้พระราชโองการมากดดันนาง ให้นางจำเป็นต้องเก็บแม่นางสามคนนี้เอาไว้เซียวหลันยวนมีความคิดจะเก็บข้าวของของพวกนางแล้วโยนออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปด้วยกัน มันก็ดูเรียบง่ายและหยาบคายอยู่ ทว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิก็จะทำตรงข้ามกับเขาแล้วขันทีเองก
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่
"กล่องใบนี้ เป็นงานฝีมือของตระกูลปัน"แตกต่างกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ได้กล่องมาแล้วศึกษาอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เซียวหลันยวนหมุนๆ ดูก็สรุปออกมา"ตระกูลปัน?""อืม" เซียวหลันยวนพูดไปด้วย มือเองก็คลำๆ ไปด้วย "หลานหรงไม่ใช่ว่าค้นข้อมูลเกี่ยวกับตงฉิงมาหรือ? ตอนนั้นลุงเสิ่นเองก็มอบหนังสือมาให้ ด้านบนมีการแนะนำตระกูลบางส่วนของตงฉิงไว้ ตระกูลปันก็อยู่ในนั้นด้วย""พูดเช่นนี้ ตระกูลปันก็เป็นช่างอย่างนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดคิดถึงหลู่ปัน(นักประดิษฐ์เลื่องชื่อในประวัติศาสตร์จีน)ขึ้นมาไม่ได้ที่นี่ก็มีตระกูลปันด้วย ดูแล้วก็ลึกลับเอาการ"อืม เข้าใจแบบนี้ได้"เซียวหลันยวนตอนเพิ่งเริ่มยังดูช้าๆ อยู่ ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่นานนักก็ดูรวดเร็วขึ้นมา กล่องไม้ที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นไม่รู้เขาทำอีท่าไหน ตรงนี้กลับดึงได้ตรงนั้นกลับกดได้ขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเขาเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ถามอะไร นั่งมองเขาเปิดกล่องใบนั้นอยู่ข้างๆนิ้วของเขามีข้อต่อชัดเจน เรียวสวย เล็บสะอาดเรียบร้อยราวกับเป็นงานศิลปะสองมือนี้ ไม่เอาไปเล่นเปียโนคือน่าเสียดายมากตอนที่ความคิดฟู่จาวหนิงเริ่มเตลิด ก็ได้ยินเสียงดังแกร๊ก กล่องเปิดออกแ
"ขโมยมาจากไหนกัน?" ฟู่จาวหนิงมองเขา"ห้องข้างฝั่งตะวันตก"พอเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที สมองนางร้อยเรียงเรื่องราวออกมาอย่างรวดเร็วนางถามขึ้นอย่างตกตะลึง "องค์หญิงใหญ่ออกไปข้างนอกมาหรือ? ่นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้วหรือ?"เซียวหลันยวนนับถือสมองของนางจริงๆ ที่คิดได้เร็วขนาดนี้"ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้อง ข้าประเมินนางต่ำไป คิดไม่ถึงว่านางจะฝันเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ"เซียวหลันยวนเองก็รู้สึกเกินคาดถึงแม้เขาจะให้คนจับตาดูองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ แต่ก็เป็นแค่ความเคยชินที่ชอบให้เรื่องอยู่ในการควบคุมเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเห็นฝันของนางเป็นจริงนางมีความสามารถเช่นนี้ ไม่แปลกที่หลายปีมานี้ก็ยังรักษาชื่อเสียงในเรื่องโชคไว้ได้ แล้วยังทำให้ฝ่าบาทต้าชื่อดึงนางไว้แน่นโดยไม่ยอมปล่อยมืออีกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะฝันเห็นถึงอะไรบ้างด้วย"ท่านหมายความว่า นางหาชายชราคนนั้นเจอแล้ว?"ฟู่จาวหนิงพอคิดๆ ก็รู้สึกไม่ถูก "แล้วนางไปกล่อมชายชราให้ส่งของให้นางไม่ได้ ก็เลยเลือกขโมยมาอย่างนั้นหรือ?!"ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของนางก็คงต้องล้างใหม่เสียแล้วเรื่องแบบนี้ก็
คืนนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่าจะเพราะออกไปด้านนอกตากลมหนาวมา กลางดึกจึงจับไข้จนมึนงง แล้วก็ไอจนนอนไม่ได้แต่นางไม่รู้ ว่าตอนที่นางไอจนสลึมสลือ มีเงาดำร่างหนึ่งเข้ามาในห้องนางอย่างไร้ซุ่มเสียงเฉินเซียงที่นอนอยู่บนแคร่นิ่มข้างๆ พลิกตัวมา ในปากพึมพำอะไรคำสองคำ จากนั้นก็หลับไปอีกเงาดำชะงักไป รื้อค้นในห้องขึ้นมาน่าจะเพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีชั้นเก็บของอะไรไว้ซ่อนของได้มาก เพียงไม่นาน เขาก็หาของเจอวางอยู่ในลังที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำมาด้วยถึงแม้ลังจะใส่กลอนไว้ แต่พอเห็นกลอนนั่น เงาดำก็รู้ว่ากุญแจอยู่ที่ไหน จึงเด็ดปิ่นปักผมเล่มหนึ่งออกมาจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น พอบิดออกก็กลายเป็นกุญแจจริงๆคนในวังส่วนมากล้วนใช้วิธีการนี้กลอนถูกปลดออกทันที พอได้ของที่ห่อผ้าไว้ เงาดำก็จัดการลงกลอนลังอีกครั้ง นำปิ่นปักผมคืนกลับไป จากนั้นก็ออกประตูมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเพียงไม่นาน ของชิ้นนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวให้พระชายาดูดีไหม ของนี่อยู่ในมือลุงหวังคนนั้นแล้วยังย้ายไปอยู่ในมือองค์หญิงใหญ่อีก พวกเขาติดโรคมากันหมดแล้ว ทางที่ดีท่านอย่า
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ