"กลับไปแจ้งพระชายา ว่าไม่ต้องกังวล"ในห้องคุกมืด เซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนกองฟาง หลับตา น้ำเสียงฟังแล้วนิ่งสงบมาก"ท่านอ๋อง พระชายาจะต้องถามสถานการณ์ในคุกแน่นอน ถ้าหากพระชายาต้องการจะรู้ องค์จักรพรรดิถึงกับจับท่านส่งมาในคุกที่มืดอับชื้นเช่นนี้..."แล้วพระชายาจะไม่เป็นห่วงแย่หรือ?องครักษ์ลับพิจารณาคุกใหญ่แห่งนี้พวกเขาเดิมทีคิดว่า องค์จักรพรรดิจะให้คนพาท่านอ๋องส่งไปที่ห้องคุกด้านบนซึ่งสะอาดกว่าแห้งกว่าหน่อย ห้องคุกด้านบนอย่างน้อยก็ยังมีเตียง ยิ่งไปกว่านั้นยังสะอาดกว่านี้ มีหน้าต่างสามารถรับแสงได้ ตอนกลางวันยังสว่างขึ้นหน่อยคิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิจะพาคนมาขังเอาไว้ในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดเสียอย่างนั้นคุกใต้ดินนี้แต่ก่อนมีไว้ขังพวกนักโทษหนักที่สังหารคนเป็นผักปลา ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสง ขุดเอาไว้ใต้ดิน อับชื้นมากๆยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่มีเตียง ที่มุมหนึ่งก็วางไว้แค่กองฟาง มุมกำแพงมีตะไคร่ขึ้นเนื่องจากอับชื้น กลิ่นของที่นี่ก็แย่เอามากๆขังไว้ที่นี่คือไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยทีเดียวถ้าหากท่านอ๋องยังมีสุขภาพแบบก่อนหน้านี้ อยู่ในนี้แค่คืนเดียวก็คงป่วยพับไปแล้วตอนนี้ร่างกายขอ
"ท่านอ๋องของพวกเจ้าเตรียมการไว้นานแล้วสินะ?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ องครักษ์ลับก็ใจเต้นขึ้นมา ทำไมจึงรู้สึกว่าคำพูดนี้ของพระชายาทำเอาใจลนลานไปหมดกันนะ?"ท่านอ๋องหลายวันก่อนจัดคนไปไว้ในคุกใหญ่แล้ว แต่ว่า ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ว่าวันที่เข้าคุกน่าจะเป็นหลายวันหลังจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นห้องคุกก็ยังเป็นอีกที่หนึ่งด้วย..."ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ"วางแผนไว้แล้วจริงๆ? หรือก็คือ เขาตอนนี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องคุกที่เตรียมเอาไว้สินะ?"เซียวหลันยวนผู้ชายคนนี้ มีอย่างที่ไหน คิดเอาไว้นานแล้วว่าองค์จักรพรรดิจะจับเขาขังคุก แล้วตนเองก็จัดเตรียมไว้ดิบดี แต่กลับไม่ยอมบอกให้นางรู้แม้แต่น้อย!เขาเคยคิดไหมว่านางจะเป็นห่วงเขา?จดหมายนางก็ไม่ได้รีบร้อนเอามาอ่าน แต่นางกลับอยากจะถามก่อน!องครักษ์ลับก้มหน้าต่ำ "ขอรับ ท่านอ๋องถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน...""คุกใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็...พอไหวอยู่กระมัง?""เหอะๆ" ฟู่จาวหนิงหัวเราะเย็นชาในใจองครักษ์ลับลนลานกว่าเดิมแล้ว ท่านอ๋องกำชับไว้ ว่าอย่าบอกสถาพในห้องคุก แต่ตอนนี้พระชายาทำท่านเหมือนจะถามให้ละเอียดเสียแล้ว แล้วเขาไม่พูดได้หรือ?"เจ้าจะไม่พูดก็ได้" ฟู่จาวหนิง
ฟู่จาวหนิงมาถึงโถงหน้าสาวงามทั้งสามคนเองก็อยู่ที่นี่ชิวอวิ๋น อวิ๋นจู และยังมีคนนั้นที่ชื่อซือหรูและเป็นไปตามคาด คนที่ชื่อซือหรูก็ยังเป็นแม่นางที่หน้าตาดีชิวอวิ๋นหน้าตาสะสวย ดูมีความหยิ่งยโสที่สง่าผ่าเผยหน่อยๆ ซือหรูกลับเป็นพวกดูอ่อนโยนเรียบร้อยอวิ๋นจูเป็นคนที่โดดเด่นสุดในสามคนนี้ คิ้วตาคมชัดวิจิตร โดยเฉพาะผิวที่ขาวผ่องนั่นยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นจูยังเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดีที่สุดในสามคนนี้ด้วย แม้นางจะเป็นลูกสาวนอกสมรส แต่บิดาก็เป็นถึงอ๋องฉยงนางยืนอยู่คนเดียวห่างจากชิวอวิ๋นกับซือหรูออกมาหน่อย ดูแล้วเหมือนจะรังเกียจที่ต้องยืนอยู่ด้วยักนกับสองคนนั้นตรงหน้าพวกนางยังมีขันทีคนหนึ่งเข้ามาประกาศราชโองการ กำลังยืนรออย่างกระวนกระวายพอเห็นฟู่จาวหนิงเดินมา เขาก็รีบโค้งตัวคารวะ เดินเข้ามาต้อนรับ"เจ้าคนรับใช้" อวิ๋นจูแอบส่งสายตาเหยียดๆ ใส่ขันทีคนนี้นี่เป็นถึงคนข้างกายองค์จักรพรรดิเลยนะ แล้วยังเป็นคนแจ้งราชโองการอีก ทำไมถึงต้องพะเน้าพะนอพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนั้น?นางไม่รู้ ว่าต่อให้ไม่มีอ๋องเจวี้ยน ตอนที่ฟู่จาวหนิงเข้าวังสมัยก่อนก็ไม่ได้ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเท่าไรนัก ยิ่งไ
"องค์จักรพรรดิประกาศว่า...""โอ้ เจ้าพูดมา"คือเป็นพระราชโองการที่ไม่ค่อยจริงจังสินะ ฟู่จาวหนิงเอะใจขึ้นหน่อยๆขันทีกระแอม สายตาของพระชายาอ๋องเจวี้ยนเหมือนแสดงความหมายของนางออกมาอย่างชัดเจน"องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง เห็นแก่อ๋องเจวี้ยนที่ร่างกายอ่อนแอโดดเดี่ยวมาตั้งแต่เล็ก ไม่ค่อยได้รับความรักที่อบอุ่น ดังนั้นจึงเพาะบ่มนิสัยขี้อายและดื้อรั้นออกมา ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนสุขภาพกลังหันไปในทางที่ดี จึงต้องรีบปรับตัวกับชีวิตทั่วไปให้ไว้ที่สุด จวนอ๋องเองก็ควรจะมีคนให้มากขึ้น และในจวนอ๋องเองก็มีแม่นางหลายคนเข้าไปอยู่ใหม่พอดี ล้วนเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนเรียบร้อยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถแบ่งเบาภาระในจวนอ๋องแก่พระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ และสามารถคอยดูแลอ๋องเจวี้ยน ให้จวนอ๋องเต็มไปด้วยความรักที่อบอุ่น"พอฟังถึงจุดนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจความหมายขององค์จักรพรรดิขึ้นมานี่คิดจะใช้พระราชโองการมากดดันนาง ให้นางจำเป็นต้องเก็บแม่นางสามคนนี้เอาไว้เซียวหลันยวนมีความคิดจะเก็บข้าวของของพวกนางแล้วโยนออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปด้วยกัน มันก็ดูเรียบง่ายและหยาบคายอยู่ ทว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิก็จะทำตรงข้ามกับเขาแล้วขันทีเองก
ฟู่จาวหนิงดึงสติกลับมาที่นี่ยังไม่มีความคิดเรื่องที่ว่าเครือญาติแต่งงานกันไม่ได้สินะแล้วเรื่องที่ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันก็มีอยู่มากมายจริงๆเซียวหลันยวนกับอวิ๋นจูเองก็ไม่ถือว่าเป็นญาติใกล้ๆ กันแล้ว จากที่พวกเขาเห็นก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร"ท่านถามข้าว่าทำไมไม่เรียกเขาพี่ชาย ไม่ใช่คิดจะหยามหมิ่นข้าหรอกหรือ?" อวิ๋นจูเข้ามาใกล้นาง กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า "แม่ของข้าเป็นเมียน้อยที่ไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ราชวงศ์ไม่ยอมรับตัวตนฐานะของข้า พ่อของข้าก็ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนข้าแล้วพาข้าไปพบเหล่าพี่น้องในราชวงศ์พวกนั้นอย่างผ่าเผย แล้วอ๋องเจวี้ยน จะมองข้าเป็นน้องสาวได้อย่างไรกัน?""ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะใช้ความสัมพันธ์ในชั้นนี้เข้าใกล้เขาตั้งแต่แรก"อวิ๋นจูดูแล้วเหมือนจะภูมิใจขึ้นมาหน่อย แต่พอฟังน้ำเสียงนางก็ยังมีความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เหมือนกันคนแม่เป็นเมียน้อย เป็นความเจ็บปวดในใจนางมาโดยตลอด"ข้าเชื่อว่า ด้วยตัวของข้า ข้าเองก็สามารารถทำให้อ๋องเจวี้ยนเอียงตามองข้าต่างออกไปได้"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองพิจารณานางผาดหนึ่งท่ามกลางสายตาพิจารณาของนาง อวิ๋นจูก็ยืดอกขึ้นนางมั่นใจกับรูปร่างภายนอกของ
เขาควรจะเขียนจดหมายบอกนายท่านหน่อยดีไหม ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ถูกยัดหญิงสาวเข้ามาถึงสามคน? ถ้ารับสามคนนี้เข้ามา หลังจากนี้ก็คงจะมีคนที่สี่ห้าหกเจ็ดอีกถ้าหากหญิงสาวเหล่านี้วันวันเอาแต่ลอยชายอยู่ข้างกายคุณหนูกับอาเขย ร้อยเล่ห์มารยา จะช้าเร็วคงได้ส่งผลกระทบกับความรักของคุณหนูกับอาเขยแน่ๆผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยก็ได้ข่าวนี้แล้ว ปู่หลานทั้งสองคนก็รีบตรงเข้ามาและได้ยินคำพูดที่อวิ๋นจูกำลังเลือกเรือนกับฟู่จาวหนิงอยู่"พระชายา ข้าได้ยินว่าท่านอยู่ในเรือนเจียนเจีย เรือนนั้นห่างจากเรือนโยวหนิงไปหน่อย ข้าอยู่เรือนไหนถึงจะดีล่ะ? หรือให้ข้าเลือกเรือนที่อยู่ใกล้กับเรือนโยวหนิงหน่อยดี? อีกหน่อยท่านอ๋องถ้าจะไปหาข้าก็ไม่ต้องเดินทางไกลแล้ว"นิ้วมืออวิ๋นจูกำชายเสื้อตนเองไว้ ก้มหน้าต่ำนิดหน่อย ดูอ่อนโยนอ่อนแอ ทำให้คนอยากเข้ามาปกป้อง"ร่างกายของท่านอ๋องไม่ใช่เพิ่งดีขึ้นหรือ? หลังจากนี้หากจะต้องมาหาตอนกลางคืน ถ้าเดินไหกลมากคงไม่ดีกับสุขภาพเขาเท่าไร""หญิงสาวอย่างเจ้าไม่หน้าด้านไร้ยางอายไปหน่อยหรือ?!"ฟู่จาวเฟยพอได้ยินคำพูดนี้ก็ด่าลั่นออกมาอย่างโกรธเคืองยังไม่มีตัวตนฐานะอะไรกันเลย นี่คิดจะมาบีบคั้
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า?" ผู้คุมถลึงตาโต สงสัยว่าหูของตนเองคงจะฝาดไป"ข้าแจ้นมาที่นี่เพื่อมาล้อเล่นอย่างนั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงสีหน้าแข็งขัน "ทำตามราชโองการ พวกเราก็รีบเข้ามาปรนนิบัติอ่องเจวี้ยนนี่อย่างไร อ๋องเจวี้ยนถ้าต้องอยู่ที่นี่สองเดือน พวกเราจะไปกเินดีอยู่ดีในจวนได้อย่างไรกัน? แน่นอนว่าต้องมาร่วมกันลำบากที่นี่ด้วยสิ""แต่ แต่ว่า..."ผู้คุมทั้งหมดล้วนเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร แต่ละคนใบ้กินกันไปหมดอ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกใต้ดินนะ แล้วยังเป็นคุกใต้ดินที่สิ่งแวดล้อมแย่ที่สุดห้องนั้นด้วย"พวกเจ้าไม่เชื่อก็ไปถามองค์จักรพรรดิเอา สายสวยพวกนี้ฝ่าบาทส่งมา บอกให้พวกนางดูแลอ๋องเจวี้ยนให้ดี ข้าจะให้พวกนางขัดราชโองการได้อย่างไรกัน?"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก แสดงออกว่าตนเองเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังต่อราชโองการ"นี่นี่นี่ พวกนางควรจะรออยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนถึงจะถูกสิ...""เช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ท่านอ๋องพวกเราต้องอยู่ในคุกตั้งสองเดือนเชียวนะ นี่เดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้วด้วย พวกเราจะปล่อยให้เขาติดคุกอยู่คนเดียว แต่ตนเองไปเสวยสุขอยู่ในจวนได้อย่างไ
"อ๊า!" อวิ๋นจูถูกทำให้ตกใจจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา หลบไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว จนไปกระแทกกับชิวอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ นางชิวอวิ๋นถูกกระแทกจนไปโดนประตูห้องขังอีกห้อง เสียงดังปึงนางกำลังจะกรีดร้อง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ข้างหูมีลมหายใจคาวๆ พ่นมาที่ต้นคอ ตกใจจนนางสะดุ้งโหยง ขนลุกชูชันไปทั้งตัวนางหันหน้าคอแข็งมองไป ก็เห็นว่าด้านหลังประตูห้องขังมีผู้เฒ่าคนหนึ่งประชิดเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง สูดลมหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม"หญิงสาวนี่ตัวหอมจริง...""อ๊า!"พริบตาเดียว ชิวอวิ๋นก็กรีดร้องแหลมขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดีดตัวออกห่างอย่างรวดเร็วผู้คุมพุ่งเข้ามา กระบองในมือก็ออกแรงฟาดไปที่ประตูห้องขัง"ถอยออกไป!""ทำอะไรน่ะ? ทำอะไร? อยากตายหรือไรกัน?"นักโทษเหล่านั้นล้วนถอยกลับไปในมุมของห้องขัง แต่ก็ยังมีคนที่จับจ้องมายังหญิงสาวเหล่านี้ ในดวงตามีประกายเหมือนหมาป่าชั่วร้ายอย่างไรอย่างนั้นขังอยู่ในนี้นานเกินไปแล้ว พวกเขาไม่เห็นหญิงสาวมาตั้งนาน แล้วยังเป็นหญิงสาวแรกแย้มที่สวยขนาดนี้อีกพวกของอวิ๋นจูถูกสายตาเช่นนี้จับจ้องจนตัวสั่น รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้วพวกนางมองไปทางฟู่จาวหนิง แต่กลับเห็นฟู่จาวหนิงที่ไม่รู้ว่าสวมหน้
เขาไม่ได้พบจักรพรรดิมาสามปีแล้ว ครั้งนี้พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็รู้สึกว่าเหมือนจะแก่ลงไปสิบปี ยิ่งไปกว่านั้นยังอวบอ้วนขึ้นเป็นลูกหมั่นโถวอีก ไม่ปกติเสียเลยแต่ในวังมีหมอหลวงนี่ การกินดื่มขององค์จักรพรรดิต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอนขณะที่กำลังตกตะลึงเขาก็ได้ยินเสียงย้อนถามอย่างขุ่นเคืองขององค์จักรพรรดิ พอสะดุ้งเฮือก ก็รีบตั้งสติกลับมา"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยมีเรื่องการทหารกลับมารายงานพะย่ะค่ะ!""ไม่ใช่ว่าเขียนหนังสือราชการมาตลอดหรอกหรือ" ยังต้องมาด้วยตัวเองอีก?การมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนกับจะบีบให้เขาต้องจัดการ องค์จักรพรรดิค่อนข้างไม่ชอบความรู้สึกนี้เก๋อมู่กวงในใจอดบ่นขึ้นมาไม่ได้เพราะรายงานด่วน ส่งหนังสือราชการมาตลอดนี่ไง อย่างน้อยก็ควรจะมีการตอบกลับบ้างไหม? นี่แต่ละครั้งส่งเข้ามาก็เหมือนวัวดินจมก้นทะเล ไม่มีการตอบกลับอะไรเลย แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร?เพราะแบบนี้ ขุนพลถึงได้ส่งเขามานี่ไง?แต่เก๋อมู่กวงก็ไม่กล้าสงสัยต่อตัวฝ่าบาท เพียงแค่หยิบจดหมายออกมา ประเคนให้ด้วยมือทั้งสอง"รายงานองค์จักรพรรดิ สถานการณ์เมืองหูทางนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่อาจรอได้แ
จูบนี้ทำให้เซียวหลันยวนใจยวบลงมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ให้ตัวเองเกิดเรื่องหรอก"เพื่อให้หลังจากนี้สามารถอยู่กับนางได้นานๆ เขาเองก็จะหวงแหนชีวิตด้วยถ้าเขาตายไป หลังจากนี้นางก็จะมีคนอื่นน่ะสิ แค่เขาคิดว่านางต้องไปอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น ใจเขาก็เหมือนถูกโยนเข้าไปในทอดในกะทะแล้วไม่ได้เด็ดขาด"ข้าเองก็จะระวังด้วย" ฟู่จาวหนิงตอบริมฝีปากเซียวหลันยวนประกบลงมาหลังผ่านไปเนิ่นนาน ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้น"อะแฮ่ม ท่านอ๋อง พระชายา ผู้ตรวจการอันถามว่าจะออกเดินทางได้หรือยัง?"เซียวหลันยวนปล่อยตัวฟู่จาวหนิง หยิบหน้ากากขึ้นมาสวม"ครึ่งเดือนนะ"เขาเน้นมาอีกรอบ"ได้" ฟู่จาวหนิงริมฝีปากแดงระเรื่อ พอได้ยินเขากังวลว่าตนเองจะไม่กลับมาตามเวลา จึงหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าข้าไม่กลับมาท่านก็ไปจับข้าสิ"อืม ถ้าหากนางกลับมาตรงเวลาไม่ได้ เขาคงจะมาจับตัวไปจริงๆจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ก็ต้องแยกกันแล้วเซียวหลันยวนขี่ม้า มองขบวนที่ค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งลับสายตา เขาจึงหันหัวม้ากลับ "กลับเมือง"พอฟู่จาวหนิงไป ความรู้สึกตอนเข้าเมืองหลวงก็เหมือนเมืองว่างเปล่าไปเสียอย่างนั้น"เอาจดหมายนั่นไปแช่น้ำเสย ให้อักษร
"อักษรเฮ่อเหลียนหรือ?"แย่ล่ะ นางอ่านไม่ออกเซียวหลันยวนเองก็มองจดหมายด้วย"ไม่มีชื่อเรียก" เขาพูดขึ้นคำหนึ่ง กวาดตาอ่านจดหมาย จากนั้นจึงยื่นให้กับฟู่จิ้นเชิน"ลองดูว่าอ่านออกไหม"ฟู่จิ้นเชินเรียนภาษาเฮ่อเหลียนมายังไม่นานมากนัก อ่านจดหมายนี้ออกไม่ถึงครึ่ง อ่านไม่ออกทั้งหมดแต่เขาก็ยังอ่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงมองเซียวหลันยวน"ท่านน่าจะอ่านออกไหม?"ฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนสองพ่อลูกมองเขาแบบนี้ สีหน้าเองก็ยังคล้ายกัน"จดหมายนี้ ไม่ได้เขียนให้กับเสี่ยวเฟย" คำพูดของเซียวหลันยวนทำให้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"เช่นนั้นเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเฟยแล้วสิ พวกเขาคิดจะลากเสี่ยวเฟยลงน้ำ ทำเรื่องให้ยุ่งยาก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วมาคลำจับปลาในน้ำขุ่น"เซียวหลันยวนพยักหน้า "บนจดหมายบอกว่า สัญญาที่สามแคว้นลงนามร่วมกันในครั้งนั้น ตอนนี้มีสองฝ่ายทรยศขึ้นแล้ว แคว้นเจาถ้าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหว ก็จะเท่ากับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ชะตากรรมแคว้นเจาเองก็ใกล้จะหมด แต่ถ้าหากสามารถแย่งโอกาสในเรื่องนี้ได้ ก็น่าจะสามารถทำให้โชคชะตาขยายขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แคว้นพันธมิตรทั้งสองนั่นใกล้จะหาของพบแล้ว แ
เซียวหลันยวนโอบไหล่ฟู่จาวหนิงไว้ จับนางหมุนตัว อุ้มนางกลับไปบนรถม้า"เป็นของสกปรกที่เจ้ามองแล้วเสียสายตาน่ะ ไปเถอะ ได้จดหมายมาแล้ว กลับรถม้าไปดูว่ามันคืออะไร"เซียวหลันยวนพานางกลับไปรถม้าด้านหน้าสายตาของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียนเก็บกลับมาจากแผ่นหลังพวกเขา"ใต้เท้าอันที่รวดเร็วดีจริง" ฟู่จิ้นเชินมองๆ อันเหนียน"คุณชายฟู่เองก็ด้วย" อันเหนียนเอ่ยขึ้นฟู่จิ้นเชินอยากบอกว่า ว่านั่นเป็นลูกสาวของข้า ที่ข้าเครียดก็เป็นเรื่องปกติ แต่ใต้เท้าอันท่าน...อันเหนียนมองไปทางชิงอี "นี่ต้องไปหาเสื้อผ้ามาให้เจ้าคนนี้ใส่ด้วยใช่ไหม?"คนผู้นี้ยังตายไม่ได้ แต่คงจะห่อพรมแล้วหิ้วไปแบบนี้ก็ไม่ได้กระมัง?"ข้าจะไปเอามาเดี๋ยวนี้" ชิงอีเอ่ยขึ้นชิงอีไปหาเสื้อผ้ามา สวมเข้าไปบนตัวโป๋จีอย่างหยาบคาย ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาต้องมาแต่งตัวให้กับผู้ชายไม่น่ามองแบบนี้ชิงอีปวดใจ ชิงอีไม่กล้าพูดฟู่จาวหนิงกลับขึ้นไปบนรถม้าตนเองอีกรอบ เห็นเซียวหลันยวนตามขึ้นมาก็เอาม่านรถลงมาบังไว้มิดชิด จากนั้นจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น"ท่านฉีกเสื้อผ้าของโป๋จีนั่นออกหรือ?"เดิมทีเซียวหลันยวนไม่คิดว่าเรื่องนี้ตนเองทำอะไรประหลาด หลังจากที่ฟ
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา