พอได้ยินว่าคุกใต้ดินน้ำรั่ว หัวหน้าคุกก็ปวดหัวขึ้นมาเลยทีเดียวทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงน้ำรั่วเข้ามากัน?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สาวงามเหล่านี้เป็นคนจากที่ไหน เขาเองก็รู้อยู่ถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ถูกยัดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ไม่มีทางที่จะมีใจปฏิพัทธ์กับอ๋องเจวี้ยนแต่ถ้าตอนนี้ให้พวกนางต้องมาเห็นว่าคุกอ๋องที่ขังอ๋องเจวี้ยนไว้เป็นเช่นไร คงจะยากที่พวกนางจะไม่พูดกันออกไปองค์จักรพรรดิแค่บอกว่าจะขังอ๋องเจวี้ยนสองเดือนให้เขาได้ไปนั่งทบทวนตนเอง แต่ไม่ได้บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะต้องถูกทรมานอยู่ในคุกเช่นนั้นองค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหน้าอยู่เป็นแน่แท้"คุกใต้ดิน?"ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ "พวกเราเมื่อครู่ดูห้องขังพวกนี้แล้วแต่ไม่เจอท่านอ๋องของข้าเลย เจ้าคงไม่ได้ขังเขาไว้ในคุกใต้ดินกระมัง? คุกใต้ดินที่น้ำรั่ว?"ยังไม่ทันที่หัวหน้าคุกจะพูดอะไร นางก็อุทานตกใจขึ้นมา "ให้ตายเถอะ! สุขภาพท่านอ๋องของพวกเรายังไม่หายดีนะ ห้องขังปกติตรงนี้ไม่มีใครอยู่ แล้วทำไมถึงเอาเขาไปขังไว้คุกใต้ดินกัน? สวรรค์โปรดพระโพธิสัตว์กวนอินเอ๋ย หรือความหมายขององค์จักรพรรดิ จะไม่ใช่ให้ท่านอ๋องไปคิดทบทวน แต่จะทรมานเขาอยู
ห้องขังด้านบนก็ถือว่าเย็นมากแล้ว ในคุกใต้ดินด้านล่างคงจะยิ่งหนาวแทงเข้าไปถึงกระดูกถ้าบวกความชื้นเข้าไปอีก ตอนกลางคืนที่นี่จะต้องเย็นจนคนอยู่ไม่ได้แน่คนที่อยู่เบื้องหลังคิดเอาไว้เช่นนี้ แค่ให้อ๋องเจวี้ยนขังอยู่ในคุกใต้ดินสักสองสามวัน เขาก็น่าจะป่วยหนักแล้วใครจะคิดว่านี่ยังไม่ทันถึงวันเลยเซียวหลันยวนยืนอยู่ในห้องขัง หลับตา ราวกับเสาต้นหนึ่งหัวหน้าคุกเห็นสภาพเช่นนี้ของเขา ก็อดมองไปยังกองฟางที่มุมนั่นไม่ได้ ฟางกองนั้นก็ชื้นไปหน่อยๆ แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังดูสกปรกมาก ดูท่าอ๋องเจวี้ยนแค่จะนั่งก็คงยังไม่กล้านั่งด้วยซ้ำถ้าจะขังเขาไว้ในคุกใต้ดินจริง เขาไม่ต้องยืนอยู่ตลอดแบบนี้หรือ?"เปิดประตู"เซียวหลันยวนพอได้ยินเสียง ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพอเห็นหัวหน้าคุกเข้ามา เขากลับรู้สึกเกินคาดหลังจากถูกขังเข้ามาก็มีผู้คุมสองคนมาคุยแค่คำสองคำ ความหมายคือตอนนี้ในคุกเหลืออยู่แค่ห้องขังนี้ที่ว่าง ด้านบนมีพวกนักโทษคดีอุกฉกรรจ์เข้ามาอีกบางส่วน อ๋องเจวี้ยนถ้าจะอยู่กับพวกเขา เกรงว่าจะมีอันตรายบอกว่าที่ขังเขาไว้ในคุกใต้ดินเป็นเรื่องจนใจเขาเองก็ลองบอกให้เรียกหัวหน้าคุกมาแล้ว แต่ผู้คุมก็บอกว่าหัวหน้า
ฟู่จาวหนิงมองซือหรูผาดหนึ่งซือหรูดูเหมือนอายุจะมากกว่าหลายปีมองแล้วดูเป็นคนอ่อนโยนมาก นางเหมือนจะเข้าสู่บทบาทอนุภรรยาของอ๋องเจวี้ยนแล้ว เหมือนกำลังคิดแทนอ๋องเจวี้ยนกับนางแล้วอย่างไรอย่างนั้น"ในเมื่อพวกเราต้องอยู่ที่นี่กับท่านอ๋อง ที่นี่ทั้งมืดและเย็น พวกเราก็ต้องกลับไปเตรียมผ้าห่มหนาๆ หน่อยใช่ไหม แล้วก็นำเตาถ่านมาด้วย ไหนจะกาน้ำอีก ถึงเวลาท่านอ๋องจะได้ดื่มน้ำร้อนได้ตลอดเวลา"ซือหรูเลิกคิ้วเล็กน้อย ดูกังวลหน่อยๆ "พระชายา ท่านอ๋องจำเป็นต้องดื่มยาไหม? พวกเราจำเป็นต้องบอกกับผู้คุมให้เตรียมกรอกยาเข้ามาไหม?"ชิวอวิ๋นมองนางอย่างไม่อยากเชื่อ สะกิดนางเบาๆ"เจ้าคิดจะอยู่ในคุกนี่จริงๆ หรือ?"นี่พูดบ้าอะไรกัน!"ไม่อย่างนั้นจะทำอย่างไรได้?" ซือหรูผายสองมือออกชิวอวิ๋นชะงักไป ไม่รู้ควรจะพูดอะไรดี นางพูดไม่ได้ว่าลองไปขอร้องพระชายาเยว่ดูไหม?พระชายาเยว่เองก็น่าจะคิดรับมือกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ ภารกิจของนางคือติดตามพระชายาอ๋องเจวี้ยน เรียนรู้วิชาแพทย์ทฤษฏียาจากนาง นางเดิมทีไม่จำเป็นต้องมาอยู่ในคุกใหญ่เพื่อลำบากไปด้วยกัน"ข้าจะไปขอให้ท่านพ่อช่วย!" อวิ๋นจูเห็นอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา ก็ยกเสียงขึ้น
พวกของอวิ๋นจูตะลึงงันไปก่อนหน้านี้ยังสั่งคนมาไล่พวกนางออกจากจวนอ๋องแท้ๆ ตอนนี้กลับลืมไปแล้วว่าพวกนางเป็นใคร?เซียวหลันยวนไม่สนใจพวกนาง เขามองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมา"องค์จักรพรรดิประกาศราชโองการลงมา บอกจะให้พวกนางอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยน หลังจากนี้ให้คอยปรนนิบัติท่านให้ดี พยายามมีทายาทสืบสกุลให้กับจวนอ๋องเจวี้ยน"เซียวหลันยวนสันหลังวาบ เขากุมมือนางแน่นทันที และพานางถอยห่างออกมาอีกหลายก้าวเจ้าจักรพรรดิสุนัขนี่ ถ้าหนิงหนิงโกรธเขาขึ้นมาเพราเรื่องนี้ เขาจะไม่ทนแล้วนะ"เมื่อครู่หลังจากวพกนางรับราชโองการแล้ว ก็เริ่มเลือกเรือนในจวนอ๋องเจวี้ยนกันแล้วนะ อย่างคนนี้ แม่นางอวิ๋นจู นางบอกจะเลือกเรือนที่อยู่ใกล้กับเรือนโยวหนิงหน่อย หลังจากนี้ทุกคืนถ้าท่านจะไปหานาง จะได้ไม่ต้องตากลมหนาวเยอะ"ฟู่จาวหนิงเอาคำพูดก่อนหน้านี้พูดออกมาจนหมดนางเอียงตามองเซียวหลันยวน น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมา "ท่านอ๋อง ดีใจมากเลยใช่ไหม?""ไร้สาระ ข้าจะเอาเจ้าพวกนี้มาทำไมกัน" เซียวหลันยวนไม่มองพวกนางด้วยซ้ำเจ้าพวกนี้: ..."ข้าคิดแบบนี้นะ ในเมื่อองค์จักรพรรดิออกราชโองการให้พวกนางมาปรนนิบัติท่านแล้ว เช่นน
พวกของอวิ๋นจูถูกทำร้ายจิตใจอีกครั้งหนึ่งหมายความว่าอย่างไร? รับพวกนางไว้คือทำให้ตนเองสกปรกหรือ? พวกนางเป็นสิ่งสกปรกหรือไรกัน?ฟู่จาวหนิงกระแอมออกมาสองที "ขัดราชโองการมันก็ไม่ดีจริงๆ นั่นล่ะ ให้พวกนางอยู่ปรนนิบัติท่านอ๋องที่นี่แล้วกัน ไหนๆ ก็มากันแล้ว"เซียวหลันยวนหรี่ตาลง บีบมือฟู่จาวหนิงทำไมจึงเป็นเช่นนี้?เขาแสดงท่าทีเด็ดขาดไปแล้ว ว่าจะไม่รับหญิงสาวเหล่านี้เด็ดขาด จาวหนิงกลับไม่เชื่อเขาหรือ?ฟู่จาวหนิงตั้งใจจะจัดการคนพวกนี้อยู่แล้ว จะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรก่อนหน้านี้ไม่ใช่มาเชิดหน้าชูตาเลือกเรือนต่อหน้าข้าหรือ? ตอนนี้นางจะให้พวกนางเลือกให้พอเลยนางไม่สนใจเซียวหลันยวน แต่มองไปทางหัวหน้าคุก"พวกเรามาอยู่ด้วยกันกับท่านอ๋อง ห้องนี้ข้ากับท่านอ๋องอยู่ ให้พวกนางไปอยู่ห้องตรงข้ามกับข้างๆ ก็แล้วกัน พวกนางอยากจะอยู่ใกล้ๆ ท่านอ๋องข้าหน่อยน่ะ"นางดึงเซียวหลันยวนเดินตรงไปห้งอขังที่สะอาดที่สุดตรงหน้า เปลี่ยนจากแขกเป็นเจ้าบ้าน "เปิดประตูห้องขังสิ ยืนงงอะไรอยู่? ท่านอ๋องข้าตอนนี้กำลังติดคุกอยู่นะ พวกเจ้ายังไม่รีบให้เขาเข้าไปอีก"ผุ้คนคุมหนึ่งฟังคำสั่งนางอย่างงงๆ เดินเข้ามาเปิดประตูฟ
พรวดหัวหน้าคุกกับเหล่าผู้คุมแทบจะสำลักพรวดออกมาในคุกใหญ่เช่นนี้ ท่าทีของบ้านใหญ่ก็วางออกมาสุดลิ่มทิ่มประตู! แต่พวกเขาก็พูดอะไรไม่ได้ เหมือนจะดูมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน!พวกของอวิ๋นจูแทบจะโมโหจนเป็นลม"พูดจาดีดีหน่อย อนุภรรยาอะไรกัน?" เซียวหลันยวนกดมือข้างหนึ่งบนบ่าฟู่จาวหนิง "ข้าไม่ยอมรับหรอก ขัดราชโองการไปเลยดีกว่า""ท่านพูดได้ถูกต้อง"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "ยังไม่ได้เข้าประตูจวนอ๋อง จะเรียกเป็นอนุก็ยังไม่ได้ พวกนางตอนนี้เป็นแค่สิ่งของที่มาแปะติดอยู่ สลัดเท่าไรก็ไม่หลุด""อืม พวกเรามาคิดหาวิธีสลัดพวกนางออกไปก็พอนี่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"ก่อนที่จะหาทางแก้ได้ พวกนางก็อยู่ห้องข้างๆ ไปก่อนแล้วกัน ถึงอย่างไรก็เป็นราชโองการ พวกเราจะบีบให้พวกเจ้าขัดราชโองการก็ไม่ได้ถูกไหม?"ถึงอย่างไร ฟู่จาวหนิงก็จะดึงพวกนางมาในคุกใหญ่นี้"ก็จริง ไม่ใช่ว่าใครจะกล้าหายมาขัดราชโองการกับข้าเสียหน่อย เช่นน้้นก็ให้พวกนางอยู่กันก่อน พอข้าสบัดพวกนางออกไปแล้วค่อยว่ากัน" เซียวหลันยวนพยักหน้าพวกของอวิ๋นจูอับอายโกรธแค้นจนอยากตายกระทั่งชื่ออนุภรรยาก็ยังไม่คิดจะให้พวกนางได้แตะต้อง!แล้วยังเปรียบพวกนางเป็นเหมื
ฟู่จาวหนิงติดของมาไม่น้อยเลยจริงๆ ยังมีกล่องไม้ไผ่ใบเล็กอีกใบด้วย พอเปิดออก ก็หยิบหนังสือออกมาสองเล่ม และยังมีหมอนใบเล็ก แถมด้วยแจกันดอกไม้ใบเล็กปักกิ่งไผ่ไว้สองกิ่งนางเก็บของที่เหลืออื่นๆ ในกล่องเก็บเข้ามา กล่องไม้ไผ่ใบนี้วางไว้ที่มุมเตียง วางแจกันกิ่งไผ่ไว้ด้านบนชิวอวิ๋นกับซือหรูที่อยู่ห้องตรงข้ามเยื้องกันก็มองท่าทางเหล่านี้ของนางด้วยอาการถลึงตาอ้าปากค้าง รู้สึกเหมือนตาพร่าไปหมด"นี่ไม่ใช่ติดคุกหรือไรกัน? นางคิดว่ามาทำอะไรน่ะ?"ซือหรูเองก็เอ่ยขึ้นอย่างงงงัน "นางทำไมจึงดูไม่ลนลานเลยกันนะ?"คนที่พวกนางพึ่งพาไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน ถึงอย่างไรก็ถูกคนอื่นยัดเข้ามาในจวนอ๋อง พวกนางขอแค่ทำภารกิจของนายท่านให้สำเร็จก็พอเดิมทีอ๋องเจวี้ยนถูกขังเข้าคุกใหญ่ พวกนางแค่อยู่แต่ในจวนอ๋องก็พอแล้วไม่แน่ อาจจะสืบค้นอะไรพบแต่ใครจะรู้ว่าฟู่จาวหนิงจะยัดพวกนางเข้ามาในคุกใหญ่ พวกนางไม่มีความผิดอะไร แต่กลับต้องมาติดอยู่ในคุก! ประสบการณ์เช่นนี้พวกนางไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการทั้งนั้นเดิมทีคิดว่าฟู่จาวหนิงเข้ามาดูอ๋องเจวี้ยน เลยคิดจะเล่นละครเข้ามาเป็นเพื่อนเสียหน่อย ใครจะรู้ว่านางจะย้ายของมามากขนาดนี้!ของพว
"พวกเราไม่มีผ้าห่ม!" เสียงของอวิ๋นจูถึงกับสั่นระริกขึ้นมาตอนนี้นางก็ไม่แน่ใจว่าตนเองกลัวหรือว่าโมโห"เรื่องนี้ก็ต้องยัดเงินกันหน่อยแหละ ให้ผู้คุมเขาเตรียมให้สิ?" ฟู่จาวหนิงนั่งอยู่บนเตียง มองเซียวหลันยวนกินของว่าง พูดกับพวกนางอย่างสงบเยือกเย็น ฟังแล้วดูเหมือนกำลังคุยเล่นๆ กับพวกนางอย่างไรอย่างนั้น"มีผ้าห่มไหม?"ตอนนี้ผู้คุมเองก็จะไม่ตอบก็ไม่ได้แล้ว "มี มีอยู่""เช่นนั้นก็ไปเอามาหน่อยสิ เดี๋ยวพอฟ้ามืดคงจะหนาวมากแน่ๆ ใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองหน้าต่างเล็กของห้องขังห้องนี้ ตอนนี้ยังมีแสงตะวันส่องอยู่ ส่องมาบนเตียงเล็กพอดีอย่าดูถูกแสงตะวันเล็กๆ ผืนนี้ ส่องในช่วงกลางวันไว้ทั้งวัน เตียงนี้จนถึงค่ำอย่างน้อยก็จะไม่หนาวมากแต่ว่าห้องขังอื่นที่ไม่เห็นท้องฟ้าดวงตะวันก็แตกต่างออกไปยิ่งผ่านไปนานเข้า ที่นอนนั่นจะต้องมีความชื้นอยู่ พอฟ้าเย็นลงแล้วนอนหลับอยู่บนนั้นจะต้องหนาวจนตัวสั่นแน่ๆดังนั้นห้องขังห้องนี้จะต้องเป็นเซียวหลันยวนให้คนเตรียมไว้แน่นอนเซียวหลันยวนกินของว่างอย่างไม่รีบไม่ร้อน และเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ในดวงตามีรอยยิ้มเขาจัดการที่นี่ไม่ได้บอกกับฟู่จาวหนิง แต่นางกลับเลือก
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้